291 - บุตรศักดิ์สิทธิ์
291 - บุตรศักดิ์สิทธิ์
“เจ้าเป็นโจรตัวเล็กๆที่มาก่อปัญหางั้นหรือ?” เสียงของหญิงวัยกลางคนดังออกมาจากในห้องใต้หลังคา
“ข้าไม่ได้สร้างปัญหา ข้าแค่มาดูเฉยๆ” ตู้เฟยถอยหลังไปสองสามก้าวแล้วพูดว่า “ปู่ของข้าบอกว่าข้าควรแสดงความเคารพต่อท่าน”
“งั้นก็จงประพฤติตนอย่างซื่อสัตย์” หลังจากเสียงดังกล่าวมาจากภายในอาคารก็ไม่มีเสียงใดอีก
หัวใจของเย่ฟ่านสั่นไหว หากเขาสามารถแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้เขาจะมีโอกาสได้เข้าพักในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยก แต่ในขณะเดียวกันช่วงเวลานี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่
หินเก้าก้อนมีสีหม่นหมองและไม่ได้มีลักษณะพิเศษอะไร เย่ฟ่านลูบมือของเขาเบาๆ เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกพิเศษบางอย่าง หินต้นกำเนิดเหล่านี้ดูเหมือนจะมีพลังแปลก ๆ ทำให้เขาเสียสมาธิ
ทันใดนั้นหัวใจของเขาก็เต้นแรง นี่คือรัศมีของเหมืองโบราณในสมัยก่อน อย่างไรก็ตามหินทั้งเก้าที่อยู่ข้างหน้าเขามีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งกว่าหินเหล่าที่อยู่ในบ่อนพนันหรงเซี่ยงมาก
“ข้ารู้สึกได้ หินเหล่านี้ถูกส่งมาจากดินแดนปิดผนึก” ปากใหญ่ตู้เฟยพูดขึ้น "นี่คือคำตอบหรือไม่"
สตรีศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกดูเหมือนจะถูกกระตุ้นความสนใจ นางพยักหน้าและพูดว่า "เจ้ามีความรู้สึกพิเศษอะไรอีกหรือไม่"
"ไม่"
ตู้เฟยก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวและปากใหญ่ของเขาเริ่มทำงานอีกครั้ง
"จริงหรือที่ศิษย์ของทะเลสาบหยกไม่สามารถแต่งงานได้ ทำไมข้าได้ยินมาว่าในอดีตอันไกลโพ้นมีสตรีศักดิ์สิทธิ์หนึ่งหรือสองคนที่ไปเป็นภรรยาของคนอื่น"
นี่เป็นเรื่องต้องห้ามที่ไม่มีผู้ใดสามารถถามออกมาได้ ไม่คิดว่าเจ้าปากกว้างคนนี้จะไม่มีมารยาทแม้แต่น้อย
ศิษย์หญิงของทะเลสาบหยกไม่โกรธนางยิ้มและส่ายหัวโดยไม่พูดอะไร
“ตู้เฟย เจ้าอย่าแกล้งบ้าที่นี่ เจ้าคิดว่าเพียงเพราะเจ้าเป็นลูกหลานของโจรผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสิบสามจะไม่มีผู้ใดกล้าลงโทษเจ้า” มีคนเยาะเย้ย
“สุนัขตัวไหนเห่าหอน?” ตู้เฟยมองไปรอบๆฝูงชน
“เจ้ากล้าดูหมิ่นเทพธิดาจากทะเลสาบหยก จงขอโทษออกมาเดี๋ยวนี้” เสียงนั้นดังมาจากยอดฝีมือรุ่นเยาว์คนหนึ่ง
“ที่แท้ก็ลูกสุนัขแซ่เจียงนี่เอง” ตู้เฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“มารดาเจ้าเถอะ” เด็กหนุ่มคนนั้นโกรธเกรี้ยวจนหน้าดำคล้ำ
“ตู้เฟย! อย่าให้มันมากเกินไป”
“ข้านึกว่าใครที่แท้ก็บุตรศักสิทธิ์แสงโชติช่วงนี่เอง” ตู้เฟยตบหน้าผากของเขาและกล่าวว่า
"บุตรศักสิทธิ์แสงโชติช่วงเคยกล่าวกับข้าไว้ว่าหากเกิดเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์แต่ไม่ได้ครอบครองสตรีศักดิ์สิทธิ์นั่นจึงเป็นเรื่องที่บัดซบที่สุดในโลก"
เมื่อคำกล่าวนี้ถูกเผยแพร่ผู้ชมก็โกลาหล ตู้เฟยคนนี้ก็กล้าหาญเกินไป คำพูดแบบนี้ก็พูดออกจากปากได้ หลายคนที่อยู่รอบๆต่างก็หัวเราะออกมา
ผู้คนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ไอ้สาระเลวคนนี้คิดอยากจะพูดอะไรก็พูดมันทำให้พวกเขาเสียหายมากเกินไป
“เจ้าพูดจาไร้สาระแล้ว!”
ในตอนนี้ถ้าไม่ใช่ว่าอยู่ในโรงพนันของทะเลสาบหยกคงเกิดการต่อสู้นองเลือดอย่างแน่นอน
“ข้าผิดเหรอ?”ตู้เฟยเงยขึ้นและกล่าวว่า "ดูดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แสงโชติช่วงของเจ้า พวกเจ้าค้นหาหญิงสาวที่มีพรสวรรค์ดีที่สุดเพื่อเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์
แต่ในขณะเดียวกันพวกเจ้าก็ยกบุตรชายของปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองให้เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ หลังจากนั้นก็บังคับสตรีศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองให้แต่งงานกับเจ้าตัวบัดซบน้อยนั่น เรื่องที่ข้าพูดมันผิดตรงไหน"
ฝูงชนต่างก็หัวเราะออกมา แม้ว่าทุกคนจะรู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงแต่ก็ไม่เคยมีใครกล้าพูด เจ้าปากใหญ่คนนี้ดูเหมือนจะไม่เกรงกลัวอะไรเลย
“ตู้เฟย เจ้าคิดจะตายจริงๆ!” ชายหนุ่มสองคนคำรามออกมาด้วยความโกรธแค้น
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ของเจ้ายังอยู่ที่นั่น เขาไม่ได้โกรธแค้นอะไรแล้วพวกเจ้าเป็นใครถึงมาโกรธแค้นแทนเขา”
ตู้เฟยชี้ไปที่ชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์ซึ่งยืนอยู่ในกลุ่มของผู้คนจากดินแดนศักสิทธิ์แสงโชติช่วง เขาสั่นศีรษะและถอนหายใจก่อนจะกล่าวต่อไปว่า
"ยังคงเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ของพวกเจ้าที่มีความคิดล้ำเลิศ สิ่งที่เขาพูดนั้นสมเหตุสมผลมากเกินไป ผู้ชายในโลกนี้ผู้ใดบ้างที่ไม่ต้องการครอบครองสตรีศักดิ์สิทธิ์ เขานับเป็นผู้เชี่ยวชาญที่รู้ซึ้งถึงจิตใจของชายหนุ่มเช่นพวกเราจริงๆ”
ผู้คนที่อยู่ในโรงพนันต่างก็หัวเราะออกมา แม้ว่าคำพูดนี้จะไร้ศีลธรรมเป็นอย่างมากแต่ก็โดนใจของทุกคนเช่นกัน
“ตู้เฟยอย่าพูดเหลวไหล มิฉะนั้นเจ้าจะถูกไล่ออกจากโรงพนันทันที” ผู้อาวุโสสูงสุดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกตะคอกด้วยความโกรธ
“ก็ได้ ข้าจะไม่พูดอีก”ตู้เฟยปิดปากของเขาอย่างไม่พอใจ
เย่ฟ่านรู้สึกแปลกๆเล็กน้อย ตู้เฟยคนนี้แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขามีความเคารพต่อดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยก แต่ทัศนคติของเขาต่อผู้คนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงช่วงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ในขณะนี้เอ้อหรงจื่อและหวังซู่ได้สัมผัสหินทั้งเก้าก้อนแล้ว และจากส่วนลึกของดวงตาของพวกเขาเย่ฟ่านมองเห็นได้ว่าวิญญาณของพวกเขาเกิดความไม่มั่นคง ดังนั้นเย่ฟ่านจึงแอบกระซิบให้พวกเขาถอยออกไป
เย่ฟ่านไม่ได้เดินตามออกไปด้วย เขาเฝ้าสังเกตก้อนหินด้วยความระมัดระวัง
ทันใดนั้นฝูงชนก็แยกจากกัน มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามา ชายหนุ่มนั้นองอาจและสูงศักดิ์มีกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดา ในขณะที่หญิงสาวนั้นงดงามไร้ที่ติราวกับไข่มุกจากดวงจันทร์
“บุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงและสตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วง!” มีคนอุทานเสียงดัง
เย่ฟ่านขมวดคิ้ว การพบกับเหยาซีไม่ใช่เรื่องดี เขาไม่ได้เคลื่อนไหวเพื่อให้เกิดปฏิกิริยาจนผู้คนสงสัย เพียงแต่ถอยหลังไปเรื่อยๆพร้อมกับแฝงตัวเข้าไปในฝูงชน
“ตู้เฟย ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าเตรียมจะสร้างความขายหน้าให้กับพวกเรา แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้เจ้าคงต้องผิดหวังแล้ว” บุตรศักสิทธิ์แสงโชติช่วงยิ้มอย่างสดใสราวกับดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า
ชายหนุ่มคนนั้นมีการวางตัวที่สูงส่งและเป็นมิตร แม้ว่าเขาจะเป็นศัตรูกับตู้เฟยแต่เขาก็ไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงหรือทำกิริยาหยาบช้าให้เป็นที่ระคายเคืองสายตาของผู้คน
ในส่วนของเหยาซีนั้นงดงามตระการตา ความงามของนางนั้นทำให้ผู้คนต้องก้มหน้าลงด้วยความละอายใจ นางงดงามราวกับไม่ใช่สิ่งมีชีวิตของโลกมนุษย์แต่เป็นเทพธิดาที่จุติมาจากสวรรค์
ในตอนนี้ตู้เฟยกลับมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความห่วงใยและกล่าวว่า
"บุตรศักสิทธิ์แสงโชติช่วงขอข้าพูดอะไรบางอย่างเถอะ ถึงแม้ว่าเจ้าจะวางตัวฉลาดหลักแหลมแต่เจ้าได้เสียรู้คนอื่นเขาให้แล้ว เรื่องนี้ข้าบอกเจ้าเพราะข้ารู้สึกว่าเจ้าเป็นคนที่น่าสงสาร”
ใบหน้าของผู้คนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและต้องการจะลงมือทันที อย่างไรก็ตามบุตรศักสิทธิ์แสงโชติช่วงยิ้มอย่างไม่แยแสเขามองตู้เฟยเงียบๆโดยไม่พูดอะไร
“แค่กๆ บางทีเจ้าอาจจะยังไม่รู้ว่าข้าพูดอะไรให้ข้าอธิบายให้เจ้าฟังดีกว่า” ตู้เฟยไอและกล่าวว่า
"เจ้าไม่สามารถเป็นบุตรศักสิทธิ์แห่งดินแดนศักสิทธิ์แสงโชติช่วงได้แล้ว เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไม เพราะเจ้าไม่สามารถแต่งงานกับสตรีศักดิ์สิทธิ์แสงช่วงได้ นางกลายเป็นภรรยาของคนอื่นมาตั้งนานแล้ว"
“บังอาจ”
ลูกศิษย์จากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงช่วงคำรามออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว
“ข้าพูดจริงนะ เรื่องนี้ข้ามีหลักฐาน” ตู้เฟยมีสีหน้าจริงจังและพูดว่า "เทพธิดาเหยาซีในไม่ช้าจะออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าและกลายเป็นสะใภ้กลุ่มของเรา"
“เจ้าชอบพูดเล่นจริงๆ” บุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงหัวเราะแล้วส่ายหัวก่อนจะพูดว่า
"ข้ารู้ดีว่าเจ้าต้องการทำอะไร แต่พอแค่นี้ดีกว่า เจ้ากำลังทำให้ตัวเองกำลังขายหน้าข้ารู้สึกสงสารเจ้าเหลือเกิน”
“เจ้ายังไม่เข้าใจที่ข้าพูด”ตู้เฟยหันไปมองรอบข้าง เขาแกล้งทำท่ากระซิบแต่เสียงของเขานั้นดังพอที่จะให้ทุกคนได้ยินอย่างชัดเจน
"เจ้าไม่เคยได้ยินเรื่องที่เทพธิดาเหยาซีมอบเสื้อผ้าที่มีกลิ่นหอมให้กับอัจฉริยะจากสายของเราหรือ"
เหยาซีขมวดคิ้วเล็กน้อย ริมฝีปากบางของนางกล่าวเบาๆว่า
"ตู้เฟยเจ้ากำลังพูดจาเพ้อเจ้ออะไร!"
เมื่อเห็นท่าทางของนางลูกศิษย์จากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงต่างก็ถอยหลังกลับด้วยความกลัว พวกเขารู้ดีปฏิกิริยาเช่นนี้ของเหยาซีแสดงให้เห็นว่านางโกรธเกรี้ยวอย่างถึงที่สุดแล้ว
“มันแปลกจริงๆ เจ้ากับเย่ฟ่านน้องชายอัจฉริยะของเราไม่ได้ 'ยุ่งเหยิง' กันมานานแล้ว แต่ข้ากลับรู้สึกถึงกลิ่นอายของเขาวนเวียนอยู่รอบตัวเจ้า เจ้าว่าเรื่องนี้แปลกหรือไม่?”