289 - ความขัดแย้งกับนิกายชิงเซี่ย
289 - ความขัดแย้งกับนิกายชิงเซี่ย
หัวใจของเย่ฟ่านแทบจะสงบนิ่ง หินต้นกำเนิดมีความลึกลับมากเกินไป ความมหัศจรรย์ของมันนั้นมากกว่าที่เขาคิดไว้หลายเท่า
เขาดีใจที่เขาได้รับคัมภีร์ต้นกำเนิดสวรรค์ ด้วยคัมภีร์แปลกๆในมือของเขา เขาสามารถข้ามโลกได้ในวันหนึ่งและเมื่อถึงเวลานั้นเขาก็จะมีโอกาสได้กลับบ้านเสียที
“สตรีศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกที่มาเมืองผิงเอี๋ยนคือสตรีศักดิ์สิทธิ์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกเพียงคนเดียวใช่หรือไม่?”
“แน่นอนว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ย่อมมีเพียงคนเดียว ดูเหมือนว่าเจตนาในการมาที่เมืองของเราจะมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่”
หลายคนมาที่นี่โดยมีจุดประสงค์เพื่อดูใบหน้าที่แท้จริงของสตรีศักดิ์สิทธิ์ เพราะชื่อเสียงของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกนั้นยิ่งใหญ่มาก
ไม่เพียงแต่ดินแดนรกร้างตะวันออกเท่านั้น แม้แต่อาณาจักรภาคกลางและทะเลทรายตะวันตกก็ถือว่าเป็นดินแดนหาอำนาจที่ใหญ่โตอย่างยิ่ง
ชายหนุ่มผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่หลายคนล้วนต้องการที่จะแต่งงานกับสตรีศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยก แต่พูดกันตามตรงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะมีโอกาสนี้
ศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกแทบไม่ได้รับอนุญาตให้แต่งงาน ไม่ต้องพูดถึงหญิงสตรีศักดิ์สิทธิ์ของนิกาย
ในระยะเวลาอันยาวนานเช่นนี้มีสตรีศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกสองสามคนเท่านั้นที่มีโอกาสได้แต่งงาน
ทันใดนั้นเย่ฟ่านก็รู้ว่ามีคนแอบดูเขาและอดไม่ได้ที่จะมองย้อนกลับไป ในตอนนี้มีชายหนุ่มชุดม่วงคนหนึ่งพร้อมผู้ติดตามอีกหลายคนกำลังเดินเข้ามาหาเขา
ผู้คนที่อยู่ด้านหลังนั้นรวมทั้งหลิวเฉิงเอินที่ติดหนี้เขาก้อนโตก็อยู่ด้วย
"ผู้คนจากนิกายชิงเซี่ย"
เย่ฟ่านขมวดคิ้วแต่ไม่ได้กังวลกับสิ่งใด ด้วยระดับการฝึกฝนปัจจุบันของเขา ต่อให้เป็นผู้อาวุโสของนิกายชิงเซี่ยเขาก็สามารถจัดการได้อย่างแน่นอน
นิกายชิงเซี่ยเป็นเพียงนิกายระดับกลางของภาคเหนือ ต่อให้เป็นเจ้าสำนักของพวกเขาก็คาดว่าน่าจะอยู่ในระดับตำหนักเต๋าตอนต้นเท่านั้น
“ผู้ชายคนนี้ ระดับการฝึกฝนของเขาไม่ได้อ่อนแอ” เย่ฟ่านรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่อีกฝ่ายหนึ่งได้มาถึงขอบเขตปรามิตาแล้ว
ชายชุดม่วงกวาดสายตามองมาที่เขาด้วยความรังเกียจจากนั้นจึงหันหลังกลับและไม่มองเขาอีก ข้างๆเขามีคนอีกสองสามคนที่มีสายตาดุร้ายพวกเขาพูดถึงบางสิ่งด้วยเสียงต่ำ
เย่ฟ่านยิ้มอย่างเย็นชาและไม่สนใจ แม้แต่ตระกูลจี้และดินแดนศักสิทธิ์แสงโชติก็ยังไม่สามารถหยุดเขาได้ ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วเขาจะไม่กลัว "วีรบุรุษหนุ่ม" ของนิกายชิงเซี่ยแน่นอน
“เจ้าลิงโคลน เจ้ายังไม่กลับไปที่เหมืองของตัวเองอีก?” ชายคนหนึ่งจากนิกายชิงเซี่ยเดินเข้ามาพร้อมกับคำรามเสียงดัง
“เจ้ามาที่นี่เพื่อใช้หนี้ต้นกำเนิดหรือไม่” เย่ฟ่านชำเลืองมองเขาอย่างเฉยเมยและกล่าวว่า “ถ้าไม่ก็ไสหัวไปให้พ้นหน้าข้า”
นี่เป็นเพียงเด็กรับใช้ของนิกายชิงเซี่ย แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ให้คุณค่าแก่คนชนิดนี้อยู่แล้ว
“เจ้า ...... เจ้ากล้าก่อการร้ายในเมืองผิงเอี๋ยน เจ้าถึงขนาดให้คุณชายหลิวเฉิงเอินเขียนใบบันทึกหนี้ เด็กน้อยเจ้ารนหาที่ตายจริงๆ”
“เจ้าข่มขู่ข้าในนามของนิกายชิงเซี่ยหรือไม่?” เย่ฟ่านชำเลืองมองเขาแล้วพูดว่า “คนตัวเล็กๆอย่างเจ้ากล้าดียังไงถึงมาตะโกนอยู่ต่อหน้าข้า!”
เย่ฟ่านกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา คนอื่นอาจไม่รู้สึกอะไร แต่เด็กรับใช้คนนั้นต้องกระอักเลือดออกมาคำใหญ่ หูของเขามีเลือดไหลออกมาเล็กน้อยและใบหน้าของเขาก็ซีดเผือด
"เจ้า ...... "
ในทันใดนั้นเองชายในชุดสีม่วงก็เดินเข้ามาด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว เขาคำรามขึ้นว่า
"สหายไม่คิดว่าทำรุนแรงเกินไปหรือ"
"เขาประเมินตัวเองสูงไปต่างหาก" เย่ฟ่านตอบอย่างไม่ใส่ใจสายตาของเขาไม่เหลียวมองไปที่ชายชุดมองด้วยซ้ำ
“เจ้ามันก็แค่คนขุดเหมืองเจ้ากล้าดียังไง” ผู้คนจากนิกายชิงเซี่ยเริ่มเยาะเย้ยจากด้านข้าง
“คนต่ำต้อยอย่างพวกเจ้าจะรู้อะไร”
เย่ฟ่านชำเลืองมองเขาแล้วหยุดหวังซู่และเอ้อหรงจื่อที่ต้องการเข้ามา โดยบอกให้พวกเขาให้อยู่ห่างๆไว้ก่อน
“ข้าได้ยินมาว่าน้องชายของข้า หลิวเฉิงเอินเป็นหนี้ต้นกำเนิดเจ้าเก้าสิบจิน จริงหรือเปล่า?” ชายชุดม่วงถามอย่างเฉยเมย
“ถูกต้อง เจ้ามาที่นี่เพื่อชดใช้หนี้ให้เขาหรือ” เย่ฟ่านตอบอย่างไม่เร่งรีบ
“นำสัญญามาข้าจะดูว่าจริงหรือไม่” ชายชุดม่วงเอื้อมมือออกไปและเรียกร้องสัญญาจากเย่ฟ่าน
เย่ฟ่านหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาแล้วยื่นให้กับเขาโดยใช้สองนิ้วคีบกระดาษแผ่นนั้นไว้
ชายชุดม่วงไม่ได้อ่านมัน แต่โยนมันให้คนข้างๆแล้วพูดว่า
“ดูให้ดี นั่นเป็นลายมือของเฉิงเอินหรือเปล่า”
"นี่เป็นของปลอมไม่ใช่ลายมือของคุณชายรอง เห็นได้ชัดว่าเป็นการปลอมแปลง" ชายคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆไม่แม้แต่จะดูสัญญาด้วยซ้ำเขาฉีกมันเป็นชิ้นๆอย่างรวดเร็ว
“เจ้ามีความกล้ามาก เจ้ากล้ารีดไถน้องชายของข้าอย่างนั้นหรือ” ชายชุดม่วงหัวเราะอย่างเย็นชาและจ้องไปที่เย่ฟ่านก่อนจะพูดต่อไปว่า
“เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!”
“ลิงโคลนเหล่านี้จะสามารถระบุหินต้นกำเนิดได้ยังไงเห็นได้ชัดว่าพวกเขาคดโกงอย่างแน่นอน”
“ใช่แล้วนี่เป็นการคดโกงอย่างแน่นอน”
“ตีมันให้ตาย”
ผู้คนที่อยู่ด้านข้างเริ่มตะโกนด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม
“เจ้ารังแกคนมากเกินไป!” ดวงตาของเอ้อหรงจื่อแดงก่ำ เมื่อเห็นสัญญาถูกฉีกขาดเขาเตรียมจะเสี่ยงชีวิตแล้ว
“พวกเจ้าทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง”
หวังซู่ก็เต็มไปด้วยความโกรธแต่ในขณะเดียวกันเขาก็หมดหนทาง นิกายชิงเซี่ยเป็นนิกายใหญ่หมู่บ้านหินของพวกเขาไม่สามารถต้านทานได้
“เจ้าคิดว่าใช้วิธีนี้แล้วจะไม่ต้องใช้หนี้อย่างนั้นหรือ?” เย่ฟ่านพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เจ้าหนูน้อยเจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร ใครเป็นหนี้ต้นกำเนิดเจ้า” ชายชุดม่วงที่อยู่ข้างๆ ตะโกนออกมา
"แค่ให้บทเรียนเล็กๆน้อยๆแก่ลิงโคลนนพวกนี้ จากนั้นก็เอาต้นกำเนิดที่พวกมันปล้นเราไปกลับคืนก็พอแล้ว"
“พวกเจ้าคิดจะรนหาที่ตายจริงๆ” เย่ฟ่านกวาดตามองคนเหล่านี้และพูดว่า “ยื่นหน้าเข้ามาดูนี่คือสัญญาที่น้องชายของเจ้าติดหนี้ข้า”
เย่ฟ่านดึงกระดาษอีกแผ่นนึงออกมา แต่เขาไม่ได้มอบให้กับคนนิกายชิงเซี่ย เขาชูมันขึ้นสูงเพื่อให้ทุกคนที่อยู่ในบ่อนพนันของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกได้เห็น
“นี่คือ ......”
ชายผู้ฉีกกระดาษเผยสีหน้าประหลาดใจ เห็นได้ชัดว่านี่คือสัญญาที่แท้จริง สิ่งที่เขาฉีกไปเมื่อสักครู่นี้เป็นเพียงของปลอม
ชายชุดม่วงโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมากที่เห็นการกระทำของเย่ฟ่าน เขาพุ่งไปข้างหน้าต้องการจะคว้าเอาสัญญานั้นมาฉีกทิ้ง แต่เย่ฟ่านก็ขยับมือหลบอย่างรวดเร็ว
“เจ้ากล้าจริงๆ แม้แต่บ่อนพนันของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกเจ้าก็ยังกล้าลงมือปล้น”
เย่ฟ่านตะโกนด่าเสียงดังและเสียงของเขาก็ทำให้ทุกคนที่อยู่ในบริเวณต่างก็หันมองมาทางนี้
"เกิดอะไรขึ้น?"
เสียงที่ไพเราะดังมาจากหญิงสาวคนหนึ่งแต่นางไม่ได้ปรากฏตัวออกมา
“สตรีศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกโปรดอภัยให้พวกเราด้วย พวกเราเป็นเพียงคนหนุ่มที่เกิดการกระทบกระทั่งกันจึงมีปัญหากันเล็กน้อย” ชายชุดม่วงประสานมือขอโทษพร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงใจ
"ลิงโคลนฝากไว้ก่อนเถอะ!" ผู้คนรอบๆชายชุดม่วงต่างจ้องเขม็งไปที่เย่ฟ่าน
“ถ้าพวกเจ้าคิดจะทำให้ตัวเองขายหน้าอีกก็เชิญสตรีศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกมาเป็นคนตัดสินเรื่องนี้ดีกว่า” เย่ฟ่านมองไปที่คนเหล่านั้นด้วยสีหน้าเยาะเย้ย
ชายชุดม่วงเหวี่ยงสะบัดแขนเสื้อด้วยความโมโห วันนี้เขาขายหน้ามากแล้วดังนั้นเขาจึงหันหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว
“เจ้าหนูเจ้าเก็บสัญญาไว้ดีๆอย่าให้มันหายล่ะ” ผู้คนจากนิกายชิงเซี่ยคำรามออกมาอย่างโกรธแค้นก่อนจะเดินตามชายชุดม่วงออกไป
“ไม่ต้องห่วงพวกเจ้าจะต้องได้เห็นมันอีกครั้งอย่างแน่นอน” เย่ฟ่านก็กล่าวอย่างเย็นชาพร้อมกับเก็บหนังสือสัญญานั้นไว้