ภาพเทพอสูรบรรพกาล ตอนที่220 ตาเทพอัสนี (ฟรี)
เมิ่งชวนสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งภายในร่าง เขาเก็บกระบี่อสูรสังหารและฟาดมือออกไปเต็มแรงโดยไม่ใช้วิชาใดๆทั้งสิน
เขาฟาดฝ่ามือไปทีละข้าง ทำให้อากาศบิดเบี้ยวและก่อตัวเป็นคลื่นความกดอากาศสูง สามารถเห็นคลื่นฝ่ามือทะลวงอากาศไปได้ด้วยตาเปล่า แต่ว่ามันก็ถูกป้องกันโดยสิ้นเชิงโดยเขตแดนที่มองไม่เห็นหลังจากที่พุ่งออกไปสามจั้ง มันไม่ส่งผลต่อกำแพงห้องแม้แต่น้อย
‘ตอนที่ข้าใช้เข็มทะลวงวิญญาณเพื่อทำร้ายราชาอสูรเขาเดียวจนบาดเจ็บสาหัส จนทำให้มันใช้ได้เพียงพลังออกมาเพียงตรงๆเท่านั้น หากเทียบดูแล้ว ข้านั้นมีความแข็งแกร่งเพียงหกส่วนจากพลังของมัน’ มันเมิ่งชวนลอบพยักหน้า ‘ใช่แล้ว ความแข็งแกร่งของมันมาจากขนาดตัว มันสูงเกินสามจั้ง ข้าตัวเล็กกว่ามันมาก แต่ร่างกายข้านั้นแข็งแกร่งกว่าและความสามารถในการป้องกันตัวของข้าเหนือกว่า’
ฝูเจี๋ยวนั้นเปรียบเหมือนลูกโลหะขนาดใหญ่ ในขณะที่เมิ่งชวนเป็นเพียงเหล็กหลอมชิ้นเล็กๆ เขาแข็งแกร่งกว่า แต่ความสามารถในการระเบิดพลังด้อยกว่า เขาสามารถระเบิดพลังออกมาได้เพียงหกส่วนของราชาอสูรฝูเจี๋ยว แต่พลังกายเพียงอย่างเดียวก็เทียบได้กับราชาอสูรระดับสี่แล้ว
‘ที่ระดับพลังศักดิ์สิทธิ์ ร่างของข้าอยู่ในระดับเดียวกับราชาอสูรระดับสี่’ เมิ่งชวนถอนหายใจ
ราชาอสูรระดับสี่โดยทั่วไปแล้วจะอ่อนแอกว่าเฟิงโหวเทพอสูร จอมยุทธระดับพลังศักดิ์สิทธิ์ก็ด้อยกว่าเฟิงโหวเทพอสูรเล็กน้อยเช่นกัน
ตั้งแต่ที่ข้าหลอมรวมกายจิตได้สำเร็จ ข้าสามารถปล่อยพลังกายที่แข็งแกร่งกว่าได้เพียงแค่คิด ข้าไม่สามารถใช้พลังให้มากกว่าเดิมได้ด้วยวิชาธรรมดาแล้ว
ความแข็งแกร่งภายในของมนุษย์กระจัดกระจายไปทั่ว ดังนั้นวิชาเหนือธรรมชาติสามารถทำให้มนุษย์ปลดปล่อยพลังที่แข็งแกร่งกว่าปกติได้หลายเท่า ทว่า ที่ระดับพลังศักดิ์สิทธิ์ เมื่อผ่านการประสานจิตกาย แก่นสารแห่งจิตจะประทับลงบนทั่วทุกพื้นที่ของพื้นที่อนุภาค เพียงแค่คิดก็จะสามารถรวมรวมพลังภายในพื้นที่อนุภาคได้ในระดับที่เหนือกว่าปกติ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่เมิ่งชวนจะทำให้กระบวนท่าปกติแข็งแกร่งกว่าเดิม!
บูม!บูม!
เมิ่งชวนลองโจมตีอีกครั้ง ฝ่ามือหนึ่งโจมตีโดยใช้กำลังเพียงอย่างเดียว ในขณะที่อีกข้างหนึ่งใช้เป็นกระบวนท่าสมิงคำรนด้วยจิตวิญญาณกระบี่ระดับสูงสุด แต่ถึงจะใช้กระบวนท่าสมิงคำรนด้วยจิตวิญญาณกระบี่ระดับสูงสุด แต่พลังทั้งหมดก็ยังเพิ่มขึ้นเพียงหกส่วนเท่านั้น’ เมิ่งชวนส่ายหน้าอย่างผิดหวัง ‘มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าข้าหลอมรวมพลังของแก่นสารแห่งจิตเข้ากับร่างกายของข้า’
เมิ่งชวนผสานพลังของแก่นสารแห่งจิตเข้ากับร่างกาย การหลอมรวมนี้ให้เขารู้สึกแตกต่างไปจากที่เคยทำมาก่อนในทันที
แม้ว่าจะใช้เวลาเพียงความคิดในการขับเคลื่อนความแข็งแกร่งของร่างกายหลังจากที่แก่นสารแห่งจิตของเขาประทับบนทุกพื้นที่ของอนุภาค การควบคุมของเขาเหนือทุกพื้นที่ของอนุภาคเพิ่มขึ้นทันทีหลังจากที่พลังของแก่นสารแห่งจิตหลอมรวม กับร่างกายของเขา
เมิ่งชวนฟาดฝ่ามืออีกครั้ง การควบแน่นของพลังลดลงภายใน 30จั้งของขอบเขตหลังจากแรงเคลื่อนผ่านช่องว่าง
บูม!
‘ตอนนี้ข้าสามารถใช้ร่างกายได้อย่างอิสระมากขึ้น และการใช้แก่นสารแห่งจิตก็น้อยลงขึ้นมาก ตอนนี้ข้าสามารถใช้ได้ถึงสามสิบกระบวนท่าแล้ว และความแข็งแกร่งก็เพิ่มจากก่อนหน้านี้ถึงสามเท่า’ เมิ่งชวนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ หลังจากไปถึงระดับพลังศักดิ์สิทธิ์ ความแข็งแกร่งกายภาพของเขาก็กลายเป็นจุดศูนย์กลาง ส่วนพลังปราณของเขานั้นอ่อนแอกว่ามาก
‘หากข้าเจอราชาอสูรระดับสูงอีกครั้ง ข้าสามารถบดขยี้มันโดยในการต่อสู้แบบตัวต่อตัวพร้อมกับเข็มทะลวงวิญญาณ ข้าสามารถสังหารมันได้ในไม่กี่กระบวนท่าอย่างแน่นอน แน่นอนว่าต้องเป็นราชาอสูรระดับสี่ที่พึ่งถือกำเนิดใหม่’
เมิ่งชวนไม่ค่อยภูมิใจเท่าไรนัก
‘หลังจากไปถึงระดับพลังศักดิ์สิทธิ์ ข้ามีเขตแดนแล้วอย่างนั้นหรือ’ ตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้นกับการโจมตีอย่างละเอียด ‘แม้ว่าพลังจากการโจมตีจะเปลี่ยนเป็นคลื่นกระแทกออกไป แต่หลังจากพุ่งออกไปสามจั้งมันก็หายไป นี่เป็นพลังของเขตแดนอย่างแน่นอน’
เมิ่งชวนรู้สึกว่าเขาเป็นเพียงจุดเล็กๆในโลกอนุภาค ‘ความรู้สึกนี้…’
ทุกอย่างภายในหนึ่งลี้ถูกห่อหุ้มด้วยเขตแดนแม่เหล็กไฟฟ้าที่มองไม่เห็นโดยมีเขาเป็นจุดศูนย์กลาง
ไม่มีบันทึกว่าจอมยุทธระดับพลังศักดิ์สิทธิ์สามารถสร้างเขตแดนได้ อย่างไรก็ตาม ข้าแตกต่างจากจอมยุทธที่ฝึกฝนร่างกายตามปกติ ข้าใช้อัสนีเทวะเพื่อสร้างร่างเทพอสูรขึ้นมา พื้นที่อนุภาคของข้าจึงเต็มไปด้วยกระแสไฟฟ้าที่ทรงพลังอย่างมาก
หลังจากที่สามารถตรวจสอบพื้นที่อนุภาคได้แล้วเท่านั้นถึงจะรับรู้ว่าทุกๆอนุภาคสามารถปลดปล่อยกระแสไฟฟ้าอันมหาศาลออกมาได้ ดังนั้นพื้นที่อนุภาคทุกแห่งจึงมีสนามแม่เหล็กไฟฟ้า
หลังจากรวมพลังของพื้นที่อนุภาคทั้งหมด มันก็เริ่มส่งผลกระทบต่อโลกภายนอก ทำให้สนามแม่เหล็กไฟฟ้าก่อตัวขึ้นรอบๆเมิ่งชวน
‘พลังศักดิ์สิทธิ์ของข้าคือ…’ เมิ่งชวนสัมผัสได้ถึงพลังศักดิ์สิทธิ์
เมื่อไปถึงระดับพลังศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาจะได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์
เมิ่งชวนรู้สึกถึงทะเลแห่งจิตสำนึกที่สั่นสะเทือน ดูเหมือนว่าทะเลแห่งสติของเขากำลังรอให้เขากระตุ้นพลังศักดิ์สิทธิ์ของเขา
‘ข้าจะลองดู’ โดยที่ทะเลแห่งจิตสำนึกเป็นแกนกลาง เขานำทางทุกอนุภาคในร่างกายด้วยความคิด
บูม!
ที่กึ่งกลางคิ้วของเมิ่งชวนมีดวงตาเปิดขึ้น มันคือตัวตนของทะเลแห่งจิตสำนึกของเขา
สนามแม่เหล็กไฟฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนในพื้นที่อนุภาคก็ถูกเปิดออกเช่นกัน อิทธิพลของพวกมันที่มีต่อโลกภายนอกเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน โดยที่เมิ่งชวนอยู่ตรงกลาง พื้นที่ 5 ลี้โดยรอบถูกห่อหุ้มไปด้วยเขตแดนแม่เหล็กไฟฟ้า เขตแดนแม่เหล็กไฟฟ้าดูเหมือนจะไม่ผันผวน แต่แท้จริงแล้ว มันเต็มไปด้วยความผันผวน เฟิงโหวเทพอสูรสามารถตรวจจับได้เกือบทุกอย่าง ความผันผวนทางแม่เหล็กไฟฟ้าเหล่านี้มีความแรงอยู่บ้าง แต่จะทำให้เฟิงโหวเทพอสูรนั้นเสียหายเล็กน้อย
เขตแดนแม่เหล็กไฟฟ้านี้ใช้ในการสอดแนมและโจมตีเป็นหลัก! เขตแดนแม่เหล็กไฟฟ้านี่สามารถสร้างสายฟ้าได้
ชอบเรื่องนี้ ให้กำลังใจได้ที่ mynovel.co หรือ www.thai-novel.com ค่ะ
การที่สามารถสร้างสายฟ้าในระยะห้าลี้นี่น่าสะพรึงกลัวมากเท่าไรกัน?
แน่นอนว่าสายฟ้าที่สร้างขึ้นโดยสนามแม่เหล็กไฟฟ้าของเมิ่งชวนขอบเขตนั้นไม่ทรงพลังมาก มันไม่ได้ทรงพลังเท่ากับพลังของสายฟ้าภายในร่างกาย แต่มันค่อนข้างดีสําหรับการใช้มันกับพวกอสูร เพราะการใช้งานที่แท้จริงคือการลาดตระเวน
‘คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเหล่านี้สามารถแทรกซึมใต้ดินได้ถึงครึ่งลี้เลยรึ?’ เมิ่งชวนตกใจมาก
การลาดตระเวนใต้ดินเป็นปัญหาใหญ่ แก่นสารแห่งจิตการรับรู้ขอบเขตจะลดลงเมื่อใช้เพื่อค้นหาใต้ดิน แม้ว่าขอบเขตแม่เหล็กไฟฟ้าจะลดลงเมื่อใช้ใต้ดิน แต่ก็ดีกว่าเขตแดนอื่นๆมากมาย มันสามารถเจาะลึกลงไปในพื้นดินได้ถึงครึ่งลี้
‘ราชาป๋ายหยู่จากถ้ำสวรรค์ทรายดำเพียงคนเดียวสามารถเทียบได้กับเทพอสูรของถ้ำสวรรค์ทรายดำคนอื่นๆทั้งหมดเพราะเขาสามารถสำรวจใต้ดินได้ถึง 5 ลี้ พลังศักดิ์สิทธิ์นี้ทำให้ข้าสามารถสำรวจได้ในครึ่งลี้ ถ้าข้าไปถึงระดับอมตะ พลังศักดิ์สิทธิ์นี้จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพิ่มระยะการตรวจจับให้ไกลยิ่งขึ้น จะเกิดอะไรขึ้นถ้าข้าไปถึงระดับหยดโลหิต? บางทีข้าอาจจะสามารถเทียบได้กับราชันป๋ายหยู่เลยก็ได้…’
‘ข้าจะเรียกพลังศักดิ์สิทธิ์นี้ว่า "ตาเทพอัสนี" ข้าจะสามารถเห็นอสูรทั้งหมด เมื่อดวงตาเทวะนี้เปิดขึ้น’
เมิ่งชวนรู้สึกพอใจมาก พลังศักดิ์สิทธิ์นี้อ่อนแอมากสำหรับการต่อสู้แบบต่อหน้า แต่เหมาะที่สุดสำหรับการลาดตระเวน
…
หลังจากไปถึงระดับพลังศักดิ์สิทธิ์ เมิ่งชวนนั้นคุ้นเคยกับการเปลี่ยนแปลงในชุดวิชา เขาจำเป็นต้องตัดสินใจเกี่ยวกับวิธีการต่อสู้ในอนาคตโดยพิจารณาจากสิ่งที่เขาถนัด เขายังต้องเรียนรู้วิชาลึกลับการต่อสู้จากคู่มือระบบการฝึกฝนร่างกาย
…
คฤหาสน์บรรพบุรุษตระกูลเมิ่งในเมืองตงหนิง
เนื่องจากเมิ่งชวนและหลิวชีเยว่ ตระกูลเมิ่งนั้นได้กลายเป็นกลุ่มตระกูลเทพอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดและไม่มีใครกล้าเทียบในเมืองตงหนิง เมิ่งต้าเจียงได้รับความไว้วางใจจากเขาหยวนชูให้รับผิดชอบเครือข่ายข่าวกรองของตาข่ายปฐพีในเมืองตงหนิง
วูบ!วูบ!วูบ!
เทพอสูรสองคนมาถึงคฤหาสน์ผู้นำตระกูลเมิ่งอย่างเงียบๆและเดินมาในห้องหนังสือ หนึ่งในเทพอสูรผลักประตูเปิดออกแล้วเข้าไปในห้อง
ภายในห้องหนังสือ เมิ่งต้าเจียงคนอ้วนกำลังนั่งพลิกดูเอกสารอยู่
"เมิ่งต้าเจียง" ผู้นำเทพอสูรตะโกน "เมิ่งชวนลูกชายของเจ้าต่อสู้เพื่อมนุษยชาติและได้สังหารราชาอสูรไปนับไม่ถ้วน แต่เจ้า? เจ้าสมรู้ร่วมคิดกับนิกายอสูรฟ้าจริงๆใช่มั้ย เจ้าทรยศพวกเราเหล่ามนุษย์"
"พี่เมิ่งได้ช่วยชีวิตผู้คนมากมาย เขามาที่เมืองตงหนิงของเราเพื่อทำภารกิจหลายครั้ง ในฐานะที่ท่านเป็นพ่อ ท่านสมรู้ร่วมคิดกับนิกายอสูรฟ้าจริงๆงั้นรึ?" เทพอสูรอีกคนพูดอย่างโกรธจัด เมิ่งชวนโด่งดังมากในตอนนี้ เทพอสูรในระยะพันลี้รอบๆเมืองกู่ชานต่างได้เคยพบกับเมิ่งชวนและภรรยาของเขา พวกเขานั้นยกย่องและเคารพทั้งสองเป็นอย่างยิ่ง
เมิ่งต้าเจียงถอนหายใจและวางเอกสารลง "แค่ก้าวที่ผิดไปก้าวเดียวทุกอย่างก็ตกต่ำ ข้าไม่มีอะไรจะพูด"
"เจ้าไม่มีอะไรจะพูดงั้นรึ? ช่างไร้ยางอายจริงๆ" อาวุโสเทพอสูรสั่ง "พาเขาไป"
เมิ่งต้าเจียงไม่ขัดขืนและยอมให้ตัวเองถูกจับกุม
"เจ้าจะบอกชวนเอ๋อร์เกี่ยวกับเรื่องนี้ไหม" เมิ่งต้าเจียงถามเบาๆ
"เรื่องนี้จะต้องถึงศิษย์พี่เมิ่งอยู่แล้ว" เทพอสูรรุ่นเยาว์ที่อยู่ข้างๆเขาพูดว่า "เมิ่งต้าเจียง การที่เจ้าทำเช่นนี้นับเป็นเรื่องน่าอายสำหรับพี่เมิ่ง"
"ไปเขาหยวนชูเถอะ" เทพอสูรทั้งสองจากไปอย่างเงียบๆกับเมิ่งต้าเจียง พวกเขาไม่ได้เตือนสมาชิกคนอื่นๆในคฤหาสน์ผู้นำตระกูลเมิ่งเลย
พวกเขาแอบจับเมิ่งต้าเจียงเพราะพวกเขาไม่ต้องการให้เมิ่งชวนอับอาย