บทที่ 24: เจียงเหอโต้กลับ
หวางซืออวี่ตื่นตระหนกลุกขึ้นพร้อมจะวิ่งกลับบ้านเพื่อไปเอายาให้พ่อ “พ่อฉันเป็นโรคหัวใจและมีไขมันในเลือดสูง หมอบอกว่าอย่าตื่นเต้นเกินไป…”
“ไม่ต้องลก ฉันมีความคิดดี ๆ อยู่” เจียงเหอพูดช้า ๆ
เขาโคจรวิชาเก้าเอี้ยง แล้วส่งเจินฉีไปยังผู้ใหญ่หวาง ในไม่ช้าสีหน้าผู้ใหญ่ก็ดีขึ้นและการหายใจก็กลับมาเป็นปกติเช่นกัน
เขาหันไปหาเจียงเหอ แล้วถามด้วยความสงสัย “เธอทำอะไรฉัน? ฉันรู้สึกได้ถึงอะไรอุ่น ๆ เข้ามาข้างใน….”
เจียงเหอกัดฟันกรอด ‘ทำไมรู้สึกเหมือนผู้ใหญ่หวางกำลังพูดเรื่องลามกอยู่วะ?’
ในทางกลับกัน หวางซืออวี่ดูตกตะลึงจนแทบพูดไม่ออก “นั่นมันเจินฉี… เจียงเหอ นี่นายเป็นผู้ฝึกยุทธระดับสี่แล้วเหรอ?”
"ไช่แล้ว" เจียงเหอยิ้มเพราะเขาไม่มีความจำเป็นต้องปิดบัง “ฉันพึ่งฝึกสำเร็จวันนี้เอง”
“ผู้ฝึกยุทธระดับสี่ ผู้ฝึกยุทธระดับสี่…” หวางซืออวี่พึมพำก่อนจะอุทานออกมาทันทีว่า “นายพึ่งยกระดับได้วันนี้! เจินฉีของนายยังอ่อนแออยู่ทำไมถึงใช้มันอย่างสิ้นเปลืองเสียเปล่าแบบนี้เล่า? บ้านฉันอยู่ใกล้ ๆ เอง ฉันกลับไปเอายามาให้ก็ได้”
เจียงเหอหัวเราะ
เจินฉีของตูอ่อนแอ? แต่ทำไมตูถึงรู้สึกว่าร่างกายตูมันอัดแน่นเต็มเปี่ยมไปด้วยเจินฉีเลยล่ะ? นับประสาอะไรกับการถ่ายเทให้ผู้อื่นแค่ครั้งเดียว ต่อให้อีกห้าสิบครั้งก็ยังเหลือ ๆ
ในขณะเดียวกัน แม้ว่าผู้ใหญ่หวางรู้สึกสับสนเป็นอย่างยิ่ง แต่เขาก็จับใจความอะไรบางอย่างได้
“หวางซืออวี่ นี่ลูกพูดบ้าอะไรออกมาน่ะ?” เขาตะโกนด้วยใบหน้าบูดบึ้ง “นี่พ่อรอดมาได้เพราะเจียงเหอกับไอ้… ไอ้ที่เรียกชี่ ๆ อะไรนั่นแหล่ะ แต่ลูกกลับบอกว่าสิ้นเปลืองเสียเปล่าเนี่ยนะ?”
ต้องบอกเลยว่าเขามีทัศนคติต่อเจียงเหอดีขึ้นอย่างมาก
หลังจากถลึงตามองหวางซืออวี่อยู่สักพัก ผู้ใหญ่หวางก็ดุออกมา "ลูกควรมีคำอธิบายดี ๆ เมื่อกลับไปบ้านนะ สัตว์ประหลาด ผู้ฝึกยุทธ ยอดมนุษย์ ฯลฯ… นี่ตูกำลังฝันอยู่รึไงวะเนี่ย?”
จากนั้นเขาก็ประสานมือไว้ด้านหลังแล้วเดินไปที่ประตู
และหยุดชะงักเมื่อไปถึงประตู ผู้ใหญ่หวางชี้ไปที่เอ้อเหลิงจื่อและดุว่า “ไอ้หมาป่าตาขาวเนรคุณ นี่เอ็งรู้มั้ยว่าตูชุบเลี้ยงเอ็งมานานแค่ไหนกันน่ะหา?”
เอ้อเหลิงจื่อรีบหันหลังกลับโดยหันหน้าไปทางกำแพงมุมบ้าน และหันหลังให้หัวหน้าหวาง ทำให้เขากระทืบเท้าปึงปังจากไปด้วยความโมโห กลับมาที่บ้านหวางซืออวี่และเจียงเหอยืนมองหน้ากันไปมาอยู่ที่เดิมอย่างงง ๆ
ผ่านไปพักหนึ่งเจียงเหอก็กล่าวว่า “แปลว่าพ่อเธออนุญาตให้เราทำกันได้ตามใจชอบเลยใช่มะ?”
“ถุย!” หวางซืออวี่ถ่มน้ำลาย แล้วเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจัง “เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เจียงเหอ? ฉันได้สำรวจหมู่บ้านในช่วงสองสามวันมานี้ แต่ทำไมถึงได้มีสัตว์อสูรปรากฏตัวขึ้นที่นี่ล่ะ?
“มันไม่ได้มาจากหมู่บ้านหรอก” เจียงเหอรำพึง “นิกายเทียนโหมวคงจะส่งมันมา”
"อะไรนะ!?" หวางซืออวี่ลุกขึ้นยืนด้วยความกังวล “นิกายเทียนโหมวหมายหัวนายงั้นเหรอ?” เธอกัดฟันแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมา “ฉันต้องรายงานเรื่องนี้ต่อผู้บังคับบัญชา เหตุผลเดียวที่นายลงเอยด้วยการไปยั่วยุนิกายเทียนโหมวก็เพราะช่วยเราในการทำภารกิจ องค์กรจะต้องมีวิธีแก้ปัญหานี้สิ”
เจียงเหอไม่ได้หยุดเธอในขณะที่เธอพูดคุยกับผู้บังคับบัญชาอยู่สองสามคำ ซึ่งในไม่ช้าก็ได้คำตอบ: “พวกเขาจะให้ผู้ฝึกยุทธที่แข็งแกร่งมาประจำการที่หมู่บ้านจินยินถาน อีกทั้งยังเตรียมทหารและตำรวจเพื่อปกป้องหมู่บ้านด้วย”
สำนักงานจัดการคดีพิเศษแห่งชาติจะชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดให้กับเจียงเหอสำหรับเรื่องบ้านทีพัง
หวางซืออวี่นำคำพูดของผู้บังคับบัญชามาบอกต่อเจียงเหอทุกคำแล้วหยุดซักพัก ก่อนที่จะเพิ่มเติมว่า "ในเมื่อบ้านของนายพังไปแล้วทำไมไม่อยู่ในที่บ้านฉันก่อนล่ะ? ฉันได้ยินจากพ่อว่าโปรเจ็กต์ของพี่ชายถูกระงับ และเขาจะกลับมาในอีกสองวัน เมื่อถึงตอนนั้นทีมงานก่อสร้างที่เขาดูแลสามารถช่วยนายสร้างบ้านหลังใหม่ได้เลย”
“ไปอยู่บ้านเธองั้นเหรอ?” เจียงเหอหัวเราะ “ถ้าฉันไปล่ะก็จะมีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วหมู่บ้านภายในเวลาไม่ถึงสามวัน”
เรื่องปกติในหมู่บ้านก็เป็นเช่นนี้แหล่ะ สิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านของใครบางคนสามารถแพร่กระจายได้ทุกที่ในช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่เหมือนในเมืองที่คุณยังคงเป็นคนแปลกหน้ากับเพื่อนบ้าน แม้จะเจอหน้ากันซ้ำแล้วซ้ำเล่า และแม้ว่าจะถูกแยกจากกันด้วยผนังห้องชั้นเดียวกันก็ตาม
หวางซืออวี่หน้าแดง “ฉันจะให้พ่อหาห้องของคณะกรรมการหมู่บ้านสักห้องหนึ่ง แล้วให้นายไปอยู่ที่นั่นก่อน”
“ไม่เป็นไรหรอก” เจียงเหอตอบ “ฉันจะอยู่ที่นี่แหล่ะ ถึงจะอยู่ในตัวบ้านไม่ได้แต่ก็ว่าจะกางเต็นท์เอาในลานมันนี่แหล่ะ”
เขาไม่กล้าออกไปไหนหรอก ยิ่งถ้ามีช่างก่อสร้างเข้ามาในภายหลังอีก ทำไงได้ก็เขามีต้นไม้ที่ออกลูกเป็นเงินปลูกอยู่ต้นหนึ่งในฟาร์มนี่นา
“ยังไงก็เถอะ หวางซืออวี่เมื่อเธอกลับไปแล้วช่วยตรวจสอบให้หน่อยได้ไหม ว่าจะเอาข้าวโพดที่ฉันมีไปขายให้กับองค์กรได้รึเปล่า”
"ตกลง"
หลังจากพูดคุยกันอีกสองสามคำ ในที่สุดหวางซืออวี่ก็กลับไปแม้ว่าจะยังมีสีหน้ากังวลใจอยู่ เมื่อเธอไปแล้ว เจียงเหอก็ออกจากห้องไปด้วย เขายืนอยู่ในลานเป็นเวลานาน จ้องมองบ้านสองหลังที่พังทลาย
“ไปกันเถอะ เอ้อเหลิงจื่อ!” เขาตะโกนทันที เขาสะบัดมือเอาศพแมวอสูรโยนลงบนพื้นด้วยสีหน้าจริงจัง “ค้นหาสถานที่ ว่าไอ้ตัวนี้มันโผล่มาจากไหน!”
เอ้อเหลิงจื่อนอนแผ่กายอยู่ข้างศพและดมกลิ่นก่อนจะวิ่งออกจากประตูบ้าน ในขณะเดียวกันแมวปีศาจสามหางก็ปีนขึ้นไปบนไหล่ของเจียงเหอ มันถูไถทำตัวน่ารัก
เจียงเหอตบกะบาลมันด้วยความรังเกียจ “ปากเอ็งมีแต่เลือดเต็มไปหมด กลับมาแล้วเดี๋ยวจะอาบน้ำให้แล้วเอ็งค่อยมาออดอ้อนหลังจากที่ตัวสะอาดแล้ว”
เขาก้าวออกไปในยามค่ำคืนตามหลังเอ้อเหลิงจื่อ ดวงตาของเขาร้อนรุ่มด้วยเปลวเพลิงแห่งโทษะ
“พวกเวรนิ! นิกายเทียนโหมวมันจะรังแกกันเกินไปละ! ตูฆ่าสัตว์อสูรเวล 1 ไปแค่ไม่กี่ตัว แต่พวกเอ็งดันมาถล่มบ้านตูแถมจังอยากจะฆ่าตูอีก”
เจียงเหอได้อ่านนวนิยายแนวนั้นมาหลายเล่ม และคุ้นเคยกับวิธีการของไอ้พวกลัทธิที่บิดเบี้ยวพวกนี้ ปัญหาจะเกิดขึ้นอีกเรื่อย ๆ ถ้าเขาไม่โต้กลับ เขาจะไม่สามารถเดินตามท้องถนนอย่างสงบสุขได้ นับประสาอะไรกับการนอนหลับฝันดี เพราะต้องมัวแต่กลัวว่าจะมีใครมาโจมตีเขาได้ตลอดเวลา
“นั่นแหล่ะเหตุผล… เพื่อที่ตูจะไม่ถูกซุ่มโจมตีกลางถนน… เพื่อที่ตูจะได้กินอิ่มนอนหลับ ฝันดีทุกคืน… ตูต้องตอบโต้เว้ย!”
ข้างหน้า เอ้อเหลิงจื่อกำลังสูดดมไปทางซ้ายและขวา และในไม่ช้าก็มาถึงทางฝั่งตะวันออกของหมู่บ้าน มีทุ่งข้าวโพดและโรงเรือนมากมาย และสหกรณ์ผู้เพาะพันธุ์ของหลี่เฟยก็ห่างออกไปเพียงเล็กน้อย
***
ในขณะเดียวกัน ในทุ่งข้าวโพดห่างจากเจียงเหอประมาณหนึ่งกิโลเมตร
ชายวัยกลางคนซ่อนตัวอยู่ใต้เสื้อคลุมสีดำนั่งไขว่ห้างอยู่บนพื้น มีชายอีกคนหนึ่งอยู่ข้าง ๆ เขามีร่างเล็กและสวมชุดวอร์ม ส่วนสูงเพียง 1.6 เมตรเท่านั้น ไม่มีใครนอกทุ่งข้าวโพดจะเห็นเขาได้
ถึงกระนั้น การปรากฏตัวของเขาก็น่ากลัวอย่างยิ่งด้วยใบมีดโค้งที่ห้อยอยู่ที่เอว
“ล้มเหลวงั้นเหรอ?” เขาถามด้วยสำเนียงจีนกลางที่ค่อนข้างแข็งทื่อ
“ล้มเหลวครับ” ชายวัยกลางคนในชุดดำพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “แต่ชายคนนั้นค่อนข้างแปลก… มันเลี้ยงสัตว์อสูรเลเวลสามไว้ในบ้านด้วย”
"โอ้? มันเป็นนักฝึกสัตว์ด้วยเหรอ? ผู้ต้องสงสัยเป็นผู้ฝึกยุทธระดับสามและยังเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูร… น่าสนใจ”
“ไม่ ถ้ามันเป็นผู้ฝึกสัตว์เหมือนกันผมต้องสัมผัสได้” ชายชุดดำกล่าวก่อนจะหันหลังกลับทันที
เกิดเสียงกรอบแกรบ และในไม่ช้าสุนัขตัวหนึ่งที่ยืนสูงเท่าคนก็ข้ามทุ่งข้าวโพดเข้ามาหาเขา ชายชุดดำวางมือบนหัวสุนัขแล้วหลับตา
ครู่ต่อมา เขาลืมตาขึ้นและร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ “ไม่ดีแล้ว! ผู้ชายคนนั้นได้ไล่ตามเราที่นี่ มาสเตอร์คอร์โด เรารีบไปจากที่นี่กันเถอะ”
ชื่อของเจ้าคนแคระนี่ก็แปลกพอ ๆ กับรูปร่างหน้าตาของมัน สันจมูกของมันค่อนข้างโด่งและมีตาที่จมลึก เห็นได้ชัดว่ามันเป็นคนที่มาจากพรมแดนด้านตะวันตก
แต่ว่า มันกลับชักมีดออกมาแล้วยิ้มอย่างชั่วร้าย “ก็แค่ผู้ฝึกยุทธระดับสาม ทำไมต้องวิ่ง? เราจะฆ่ามันทิ้งแล้วตัวหัวมันซะ จากนั้นนายกับอสูรของนายก็เข้าไปละเลงเลือดไอ้พวกคนในหมู่บ้านให้สะใจ ความโกลาหลจะเกิดขึ้นได้ด้วยวิธีนี้เท่านั้น และเป็นโอกาสที่นิกายศักสิทธิ์ของเราจะเข้ารุกรานเอเชีย”
เจินฉีโคคจรเบา ๆ รอบ ๆ คมมีด