ตอนที่แล้วบทที่ 23: ยะ... ยา…
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 25: ลืมไว้ชีวิตพวกมันซะได้

บทที่ 24: เจียงเหอโต้กลับ


หวางซืออวี่ตื่นตระหนกลุกขึ้นพร้อมจะวิ่งกลับบ้านเพื่อไปเอายาให้พ่อ “พ่อฉันเป็นโรคหัวใจและมีไขมันในเลือดสูง  หมอบอกว่าอย่าตื่นเต้นเกินไป…”

“ไม่ต้องลก  ฉันมีความคิดดี ๆ อยู่” เจียงเหอพูดช้า ๆ

เขาโคจรวิชาเก้าเอี้ยง  แล้วส่งเจินฉีไปยังผู้ใหญ่หวาง  ในไม่ช้าสีหน้าผู้ใหญ่ก็ดีขึ้นและการหายใจก็กลับมาเป็นปกติเช่นกัน

เขาหันไปหาเจียงเหอ  แล้วถามด้วยความสงสัย “เธอทำอะไรฉัน? ฉันรู้สึกได้ถึงอะไรอุ่น ๆ เข้ามาข้างใน….”

เจียงเหอกัดฟันกรอด  ‘ทำไมรู้สึกเหมือนผู้ใหญ่หวางกำลังพูดเรื่องลามกอยู่วะ?’

ในทางกลับกัน  หวางซืออวี่ดูตกตะลึงจนแทบพูดไม่ออก “นั่นมันเจินฉี…  เจียงเหอ  นี่นายเป็นผู้ฝึกยุทธระดับสี่แล้วเหรอ?”

"ไช่แล้ว" เจียงเหอยิ้มเพราะเขาไม่มีความจำเป็นต้องปิดบัง “ฉันพึ่งฝึกสำเร็จวันนี้เอง”

“ผู้ฝึกยุทธระดับสี่  ผู้ฝึกยุทธระดับสี่…” หวางซืออวี่พึมพำก่อนจะอุทานออกมาทันทีว่า “นายพึ่งยกระดับได้วันนี้!  เจินฉีของนายยังอ่อนแออยู่ทำไมถึงใช้มันอย่างสิ้นเปลืองเสียเปล่าแบบนี้เล่า?  บ้านฉันอยู่ใกล้ ๆ เอง  ฉันกลับไปเอายามาให้ก็ได้”

เจียงเหอหัวเราะ

เจินฉีของตูอ่อนแอ?  แต่ทำไมตูถึงรู้สึกว่าร่างกายตูมันอัดแน่นเต็มเปี่ยมไปด้วยเจินฉีเลยล่ะ?  นับประสาอะไรกับการถ่ายเทให้ผู้อื่นแค่ครั้งเดียว  ต่อให้อีกห้าสิบครั้งก็ยังเหลือ ๆ

ในขณะเดียวกัน  แม้ว่าผู้ใหญ่หวางรู้สึกสับสนเป็นอย่างยิ่ง  แต่เขาก็จับใจความอะไรบางอย่างได้

“หวางซืออวี่  นี่ลูกพูดบ้าอะไรออกมาน่ะ?” เขาตะโกนด้วยใบหน้าบูดบึ้ง “นี่พ่อรอดมาได้เพราะเจียงเหอกับไอ้… ไอ้ที่เรียกชี่ ๆ อะไรนั่นแหล่ะ  แต่ลูกกลับบอกว่าสิ้นเปลืองเสียเปล่าเนี่ยนะ?”

ต้องบอกเลยว่าเขามีทัศนคติต่อเจียงเหอดีขึ้นอย่างมาก

หลังจากถลึงตามองหวางซืออวี่อยู่สักพัก  ผู้ใหญ่หวางก็ดุออกมา "ลูกควรมีคำอธิบายดี ๆ เมื่อกลับไปบ้านนะ  สัตว์ประหลาด  ผู้ฝึกยุทธ  ยอดมนุษย์  ฯลฯ… นี่ตูกำลังฝันอยู่รึไงวะเนี่ย?”

จากนั้นเขาก็ประสานมือไว้ด้านหลังแล้วเดินไปที่ประตู

และหยุดชะงักเมื่อไปถึงประตู  ผู้ใหญ่หวางชี้ไปที่เอ้อเหลิงจื่อและดุว่า “ไอ้หมาป่าตาขาวเนรคุณ  นี่เอ็งรู้มั้ยว่าตูชุบเลี้ยงเอ็งมานานแค่ไหนกันน่ะหา?”

เอ้อเหลิงจื่อรีบหันหลังกลับโดยหันหน้าไปทางกำแพงมุมบ้าน  และหันหลังให้หัวหน้าหวาง  ทำให้เขากระทืบเท้าปึงปังจากไปด้วยความโมโห  กลับมาที่บ้านหวางซืออวี่และเจียงเหอยืนมองหน้ากันไปมาอยู่ที่เดิมอย่างงง ๆ

ผ่านไปพักหนึ่งเจียงเหอก็กล่าวว่า “แปลว่าพ่อเธออนุญาตให้เราทำกันได้ตามใจชอบเลยใช่มะ?”

“ถุย!” หวางซืออวี่ถ่มน้ำลาย  แล้วเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจัง “เกิดอะไรขึ้นกันแน่  เจียงเหอ? ฉันได้สำรวจหมู่บ้านในช่วงสองสามวันมานี้  แต่ทำไมถึงได้มีสัตว์อสูรปรากฏตัวขึ้นที่นี่ล่ะ?

“มันไม่ได้มาจากหมู่บ้านหรอก” เจียงเหอรำพึง “นิกายเทียนโหมวคงจะส่งมันมา”

"อะไรนะ!?" หวางซืออวี่ลุกขึ้นยืนด้วยความกังวล “นิกายเทียนโหมวหมายหัวนายงั้นเหรอ?” เธอกัดฟันแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมา “ฉันต้องรายงานเรื่องนี้ต่อผู้บังคับบัญชา  เหตุผลเดียวที่นายลงเอยด้วยการไปยั่วยุนิกายเทียนโหมวก็เพราะช่วยเราในการทำภารกิจ  องค์กรจะต้องมีวิธีแก้ปัญหานี้สิ”

เจียงเหอไม่ได้หยุดเธอในขณะที่เธอพูดคุยกับผู้บังคับบัญชาอยู่สองสามคำ  ซึ่งในไม่ช้าก็ได้คำตอบ: “พวกเขาจะให้ผู้ฝึกยุทธที่แข็งแกร่งมาประจำการที่หมู่บ้านจินยินถาน  อีกทั้งยังเตรียมทหารและตำรวจเพื่อปกป้องหมู่บ้านด้วย”

สำนักงานจัดการคดีพิเศษแห่งชาติจะชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดให้กับเจียงเหอสำหรับเรื่องบ้านทีพัง

หวางซืออวี่นำคำพูดของผู้บังคับบัญชามาบอกต่อเจียงเหอทุกคำแล้วหยุดซักพัก  ก่อนที่จะเพิ่มเติมว่า "ในเมื่อบ้านของนายพังไปแล้วทำไมไม่อยู่ในที่บ้านฉันก่อนล่ะ? ฉันได้ยินจากพ่อว่าโปรเจ็กต์ของพี่ชายถูกระงับ  และเขาจะกลับมาในอีกสองวัน  เมื่อถึงตอนนั้นทีมงานก่อสร้างที่เขาดูแลสามารถช่วยนายสร้างบ้านหลังใหม่ได้เลย”

“ไปอยู่บ้านเธองั้นเหรอ?” เจียงเหอหัวเราะ “ถ้าฉันไปล่ะก็จะมีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วหมู่บ้านภายในเวลาไม่ถึงสามวัน”

เรื่องปกติในหมู่บ้านก็เป็นเช่นนี้แหล่ะ  สิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านของใครบางคนสามารถแพร่กระจายได้ทุกที่ในช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่เหมือนในเมืองที่คุณยังคงเป็นคนแปลกหน้ากับเพื่อนบ้าน  แม้จะเจอหน้ากันซ้ำแล้วซ้ำเล่า  และแม้ว่าจะถูกแยกจากกันด้วยผนังห้องชั้นเดียวกันก็ตาม

หวางซืออวี่หน้าแดง “ฉันจะให้พ่อหาห้องของคณะกรรมการหมู่บ้านสักห้องหนึ่ง  แล้วให้นายไปอยู่ที่นั่นก่อน”

“ไม่เป็นไรหรอก” เจียงเหอตอบ “ฉันจะอยู่ที่นี่แหล่ะ  ถึงจะอยู่ในตัวบ้านไม่ได้แต่ก็ว่าจะกางเต็นท์เอาในลานมันนี่แหล่ะ”

เขาไม่กล้าออกไปไหนหรอก  ยิ่งถ้ามีช่างก่อสร้างเข้ามาในภายหลังอีก  ทำไงได้ก็เขามีต้นไม้ที่ออกลูกเป็นเงินปลูกอยู่ต้นหนึ่งในฟาร์มนี่นา

“ยังไงก็เถอะ  หวางซืออวี่เมื่อเธอกลับไปแล้วช่วยตรวจสอบให้หน่อยได้ไหม  ว่าจะเอาข้าวโพดที่ฉันมีไปขายให้กับองค์กรได้รึเปล่า”

"ตกลง"

หลังจากพูดคุยกันอีกสองสามคำ  ในที่สุดหวางซืออวี่ก็กลับไปแม้ว่าจะยังมีสีหน้ากังวลใจอยู่  เมื่อเธอไปแล้ว  เจียงเหอก็ออกจากห้องไปด้วย  เขายืนอยู่ในลานเป็นเวลานาน  จ้องมองบ้านสองหลังที่พังทลาย

“ไปกันเถอะ  เอ้อเหลิงจื่อ!” เขาตะโกนทันที  เขาสะบัดมือเอาศพแมวอสูรโยนลงบนพื้นด้วยสีหน้าจริงจัง “ค้นหาสถานที่  ว่าไอ้ตัวนี้มันโผล่มาจากไหน!”

เอ้อเหลิงจื่อนอนแผ่กายอยู่ข้างศพและดมกลิ่นก่อนจะวิ่งออกจากประตูบ้าน  ในขณะเดียวกันแมวปีศาจสามหางก็ปีนขึ้นไปบนไหล่ของเจียงเหอ  มันถูไถทำตัวน่ารัก

เจียงเหอตบกะบาลมันด้วยความรังเกียจ “ปากเอ็งมีแต่เลือดเต็มไปหมด  กลับมาแล้วเดี๋ยวจะอาบน้ำให้แล้วเอ็งค่อยมาออดอ้อนหลังจากที่ตัวสะอาดแล้ว”

เขาก้าวออกไปในยามค่ำคืนตามหลังเอ้อเหลิงจื่อ  ดวงตาของเขาร้อนรุ่มด้วยเปลวเพลิงแห่งโทษะ

“พวกเวรนิ!  นิกายเทียนโหมวมันจะรังแกกันเกินไปละ!  ตูฆ่าสัตว์อสูรเวล 1 ไปแค่ไม่กี่ตัว  แต่พวกเอ็งดันมาถล่มบ้านตูแถมจังอยากจะฆ่าตูอีก”

เจียงเหอได้อ่านนวนิยายแนวนั้นมาหลายเล่ม  และคุ้นเคยกับวิธีการของไอ้พวกลัทธิที่บิดเบี้ยวพวกนี้  ปัญหาจะเกิดขึ้นอีกเรื่อย ๆ ถ้าเขาไม่โต้กลับ  เขาจะไม่สามารถเดินตามท้องถนนอย่างสงบสุขได้  นับประสาอะไรกับการนอนหลับฝันดี  เพราะต้องมัวแต่กลัวว่าจะมีใครมาโจมตีเขาได้ตลอดเวลา

“นั่นแหล่ะเหตุผล… เพื่อที่ตูจะไม่ถูกซุ่มโจมตีกลางถนน… เพื่อที่ตูจะได้กินอิ่มนอนหลับ  ฝันดีทุกคืน… ตูต้องตอบโต้เว้ย!”

ข้างหน้า  เอ้อเหลิงจื่อกำลังสูดดมไปทางซ้ายและขวา  และในไม่ช้าก็มาถึงทางฝั่งตะวันออกของหมู่บ้าน  มีทุ่งข้าวโพดและโรงเรือนมากมาย  และสหกรณ์ผู้เพาะพันธุ์ของหลี่เฟยก็ห่างออกไปเพียงเล็กน้อย

***

ในขณะเดียวกัน  ในทุ่งข้าวโพดห่างจากเจียงเหอประมาณหนึ่งกิโลเมตร

ชายวัยกลางคนซ่อนตัวอยู่ใต้เสื้อคลุมสีดำนั่งไขว่ห้างอยู่บนพื้น  มีชายอีกคนหนึ่งอยู่ข้าง ๆ เขามีร่างเล็กและสวมชุดวอร์ม ส่วนสูงเพียง 1.6 เมตรเท่านั้น  ไม่มีใครนอกทุ่งข้าวโพดจะเห็นเขาได้

ถึงกระนั้น  การปรากฏตัวของเขาก็น่ากลัวอย่างยิ่งด้วยใบมีดโค้งที่ห้อยอยู่ที่เอว

“ล้มเหลวงั้นเหรอ?” เขาถามด้วยสำเนียงจีนกลางที่ค่อนข้างแข็งทื่อ

“ล้มเหลวครับ” ชายวัยกลางคนในชุดดำพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “แต่ชายคนนั้นค่อนข้างแปลก… มันเลี้ยงสัตว์อสูรเลเวลสามไว้ในบ้านด้วย”

"โอ้? มันเป็นนักฝึกสัตว์ด้วยเหรอ? ผู้ต้องสงสัยเป็นผู้ฝึกยุทธระดับสามและยังเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูร… น่าสนใจ”

“ไม่  ถ้ามันเป็นผู้ฝึกสัตว์เหมือนกันผมต้องสัมผัสได้” ชายชุดดำกล่าวก่อนจะหันหลังกลับทันที

เกิดเสียงกรอบแกรบ  และในไม่ช้าสุนัขตัวหนึ่งที่ยืนสูงเท่าคนก็ข้ามทุ่งข้าวโพดเข้ามาหาเขา ชายชุดดำวางมือบนหัวสุนัขแล้วหลับตา

ครู่ต่อมา  เขาลืมตาขึ้นและร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ “ไม่ดีแล้ว! ผู้ชายคนนั้นได้ไล่ตามเราที่นี่  มาสเตอร์คอร์โด  เรารีบไปจากที่นี่กันเถอะ”

ชื่อของเจ้าคนแคระนี่ก็แปลกพอ ๆ กับรูปร่างหน้าตาของมัน  สันจมูกของมันค่อนข้างโด่งและมีตาที่จมลึก  เห็นได้ชัดว่ามันเป็นคนที่มาจากพรมแดนด้านตะวันตก

แต่ว่า  มันกลับชักมีดออกมาแล้วยิ้มอย่างชั่วร้าย “ก็แค่ผู้ฝึกยุทธระดับสาม  ทำไมต้องวิ่ง? เราจะฆ่ามันทิ้งแล้วตัวหัวมันซะ  จากนั้นนายกับอสูรของนายก็เข้าไปละเลงเลือดไอ้พวกคนในหมู่บ้านให้สะใจ  ความโกลาหลจะเกิดขึ้นได้ด้วยวิธีนี้เท่านั้น  และเป็นโอกาสที่นิกายศักสิทธิ์ของเราจะเข้ารุกรานเอเชีย”

เจินฉีโคคจรเบา ๆ รอบ ๆ คมมีด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด