ตอนที่แล้วบทที่ 22: ผู้ฝึกสัตว์อสูรแห่งนิกายเทียนโหมวมาแล้ว!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 24: เจียงเหอโต้กลับ

บทที่ 23: ยะ... ยา…


เมื่อเจียงเหอกระโดดลงจากหลังคา  แมวอสูรเลเวล 1 ก็โดนฆ่าไปเรียบร้อย  แล้วซานเหลิงจื่อก็หดตัวลงอย่างรวดเร็ว  มันเลียเลือดรอบปากแล้วร้องเหมียว ๆ จ้องมองเจียงเหออย่างน่ารัก

เขาทำหน้าบึ้งและถามว่า “เอ็งยืดหดร่างกายได้ด้วยเหรอ?”

ซานเหลิงจื่อพยักหน้า

“งั้นเอ็งแปลงร่างเป็นสัตว์ตัวอื่นได้มะ?”

ซานเหลิงจื่อส่ายหัว

จากนั้นก็มีเสียงเซ็งแซ่วุ่นวายจากนอกบ้าน  เจียงเหอจึงรีบเก็บศพที่อยู่บนพื้นลงในระบบกระเป๋าเก็บของ  “เอาล่ะ  เอ็งอยู่กับเอ้อเหลิงจื่อในลานนี้นะ  อย่าออกมาถ้าไม่มีเรื่องอะไร”

ข้างนอกก็มีเสียงฝีเท้าค่อย ๆ เพิ่มขึ้น  ที่หลังคาบ้านถล่มลงมาจนเกิดเสียงรบกวนเพื่อนบ้านทั้งหลายจนทำให้ทุกคนตกใจ  เมื่อเจียงเหอเปิดประตูก็ได้เห็นว่ามีคนมากกว่ายี่สิบคนยืนอยู่หน้าบ้าน  แต่ละคนล้วนแล้วแต่มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย

“ทุกคน—คุณลุง คุณป้า คุณตา คุณยาย  ไม่เป็นไรครับ  ไม่เป็นไร  บ้านผมมันทรุดโทรมมาตั้งนานแล้ว  หลังคามันเลยถล่มลงมาน่ะครับ”

ผู้เฒ่าผมขาวท่านหนึ่งถามว่า "เอ็งไม่เป็นไรแน่นะ?"

"ไม่เป็นไรครับ  ผมสบายดี” เจียงเหอตอบ

ถึงกระนั้น ผู้เฒ่าก็ยังกระแทกไม้เท้าของเขาลงบนพื้นและดุอย่างขุ่นเคืองว่า “เสี่ยวหวางมัวไปทำอะไรอยู่? เขาเป็นผู้ใหญ่บ้านบ้านไม่ใช่เหรอ? มันมีโครงการปรับปรุงบ้านเก่าอยู่ไม่ใช่เหรอ? แล้วเจียงเหอไม่ได้มีรายชื่อกับเขาหรือไง?”

ด้านผู้ใหญ่หวางที่พึ่งวิ่งมาถึงก็ปาดเหงื่อจากหน้าผากแล้วกล่าวว่า “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับท่านผู้เฒ่า  ผมอนุมัติการปรับปรุงบ้านของเจียงเหอไปแล้ว  แต่ได้คิวงานหลังจากฤดูใบไม้ร่วงน่ะครับ”

“หลังฤดูใบไม้ร่วง? อีกไม่นานก็จะเดือนกันยาแล้วนะ  นี่ต้องยังรอหลังจากฤดูใบไม้ร่วงอีก?”

แม้ว่าผู้เฒ่าจะอายุเกินหกสิบแล้ว  แต่เขาก็ยังมีอารมณ์ฉุนเฉียวอยู่

“ฉันเห็นเจียงเหอโตขึ้นตั้งแต่มันยังเป็นเด็ก” เขาดุ “แต่ตอนนี้บ้านของมันก็พังไปแล้ว  มันไม่มีแม้แต่ที่จะซุกหัวนอน  หมู่บ้านมีเงินกองกลางสำรองอยู่ใช่ไหม? เอาออกมาซักส่วนหนึ่งให้เจียงเหอยืมไปซ่อมบ้านก่อน  แล้วพอเงินโครงการออกค่อยให้มันเอาส่วนนั้นมาคืนให้หมู่บ้านทีหลัง”

ชาวบ้านคนอื่น ๆ ต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยและแสดงความยินยอม

แต่ผู้ใหญ่หวางไม่สามารถทำแบบนั้นได้และยิ้มอย่างขมขื่น “นั่นเป็นการยักยอกเงินสาธารณะ  พวกท่านกำลังบังคับให้ผมก่ออาชญากรรมนะครับ! เอาแบบนี้ไหมล่ะครับ? เดี๋ยวผมให้เจียงเหอยืมเงินไปซ่อมบ้านเอง  แล้วถ้ามันหาเงินได้เมื่อไหร่ค่อยเอามาคืนผม”

“ยังจะทำแบบนั้นอีก”

ผู้หญิงคนหนึ่งในฝูงชนหัวเราะคิกคัก “คุณไม่จุกจิกเกินไปหน่อยเหรอผู้ใหญ่? เขาเป็นครอบครัวของคุณเองนี่  ทำไมต้องเอาเงินคืนด้วยล่ะ?”

“หมายความว่ายังไง  ครอบครัวของผม” ผู้ใหญ่หวางตกตะลึง

“ก็ลูกสาวคุณมาที่นี่ทุกวันเลยนะ  ฉันเห็นจะ ๆ เลย…” ผู้หญิงคนนั้นพูด

เมื่อเจียงเหอเห็นว่าใบหน้าผู้ใหญ่หวางเปลี่ยนเป็นสีเขียว  เขาก็รีบพูดขัดคอออกมาว่า “ป้าจาง  เราเลิกพูดเรื่องไร้สาระกันดีกว่านะครับ  แล้วก็ขอบคุณทุกคนสำหรับความห่วงใยนะครับ  ผมสบายดี  แถมตอนนี้ก็ดึกแล้วด้วยทุกคนกลับบ้านไปนอนต่อดีกว่านะ”

เขาส่งเหล่าชาวบ้านที่มาเยี่ยมกลับบ้าน  แต่ผู้ใหญ่หวางไม่ได้กลับไปด้วย  สีหน้าเขาดูมืดหม่นและจ้องมองเจียงเหออย่างโมโห

เจียงเหอหัวเราะแห้ง ๆ “ผู้ใหญ่หวาง  เข้าไปคุยกันในบ้านเถอะครับ”

เจียงเหอมีบ้านอยู่สามหลัง  พังถล่มไปสอง  และเหลืออีกหลังที่ยังใช้ได้

ผู้ใหญ่หวางตะโกนด้วยความประหลาดใจทันทีหลังจากที่เขาเดินผ่านประตูเข้าไป "อะไรวะน่ะ? ตูเหยียบอะไรวะ“เขาอุทาน  เขาก้มหน้าลงแล้วส่องไฟฉายโทรศัพท์ไปดูแล้วก็เขาต้องร้องว่า”เลือด! ทำไมมีเลือดเต็มไปหมดแบบนี้ล่ะ”

อันที่จริงแม้ว่าเจียงเหอจะเก็บศพแมวอสูรในทันที  แต่เขาก็ไม่มีเวลามากพอที่จะกำจัดรอยเลือดที่หยดอยู่ตามพื้น  แต่ในขณะที่เขากำลังเค้นสมองเพื่อหาคำอธิบาย  หวางซืออวี่ก็รีบวิ่งเข้ามาหาพวกเขาด้วยท่าทางกังวล

“เจียงเหอ  เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” เธอถาม

เจียงเหอเหลือบมองระหว่างพ่อกับลูกสาว “ไปคุยกันในบ้านเถอะ”

ในบ้าน  สีหน้าของผู้ใหญ่หวางยิ่งมืดหม่นลงไปอีก  เขาเหลือบไปที่หวางซืออวี่  แล้วสลับไปที่เจียงเหอโดยไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

หวางซืออวี่ขมวดคิ้วครุ่นคิดแล้วถามว่า “สัตว์อสูรเหรอ?” เมื่อเจียงเหอพยักหน้า  เธอก็ก้มหน้าลง “ตอนนี้มีสัตว์อสูรในหมู่บ้านด้วยเหรอ? ไม่นะ! พ่อ  พ่อต้องรีบไปเตือนชาวบ้าน  เดี๋ยวหนูต้องไปแจ้งเตือนสำนักงาน  จะมีผู้เคราะห์ร้ายจำนวนมากถ้าเกิดพวกมันอาละวาดขึ้นมา”

“ไม่ต้องห่วงหรอก” เจียงเหอโบกมือ “มันเป็นแค่แมวอสูรเลเวล 1 ฉันฆ่ามันไปแล้ว”

ข้างพวกเขา  ผู้ใหญ่หวางกำลังมองสลับกลับไปกลับมาระหว่างทั้งคู่  สีหน้าที่มืดหม่นของเขาเปลี่ยนเป็นสับสนแล้วพูดพึมพำ “ซืออวี่  ลูกหมายความว่าไง  ไอ้ที่ว่าสัตว์อสูรน่ะ? และสำนักงานที่ลูกพูดถึงอีก… มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

ทันใดนั้นเสียงของเขาก็เปลี่ยนไปเมื่อเขาตระหนักได้ “เดี๋ยวก่อน  นี่ลูกคนกับเจียงเหออยู่ใช่ไหม? ไม่  พ่อไม่เห็นด้วยกับความสัมพันธ์นี้!” เขาพูดอย่างหนักแน่น

เจียงเหอตกตะลึง

หา?!

อยู่ดี ๆ ก็ดันเปลี่ยนเรื่องแล้วสรุปเอาเองซะงั้นเลย?

หวางซืออวี่หน้าแดงและรีบร้อนอธิบาย “พ่อ  มันไม่ได้เป็นแบบที่พ่อคิดนะ  หนูกับเจียงเหอ… เรากำลังทำงานร่วมกันต่างหาก  เขาช่วยสำนักงานของหนูทำงาน  และหนูมามาที่นี่บ่อย ๆ ก็เพื่อมาคุยรายละเอียด”

ผู้ใหญ่หวางมองทั้งคู่แบบเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง  แล้วถามด้วยควางสงสัยว่า “งานอะไร? ลูกเข้าร่วมสภานักศึกษาเหรอ?”

หวางซืออวี่เอามือปิดหน้า  เธอปิดบังเรื่องนี้กับครอบครัว  และไม่รู้ว่าจะพูดถึงเรื่องนี้อย่างไร

เจียงเหอหัวเราะออกมาอย่าอดไม่ได้ “ผู้ใหญ่ไม่รู้งั้นเหรอครับ?” เขาหัวเราะอีกครั้ง “ลูกสาวผู้ใหญ่น่ะเก่งมาก ๆ เลยนา  เธอได้เข้าร่วมองค์กรลับของรัฐบาล  และมีอนาคตที่สดใสรออยู่  ส่วนเรื่องสัตว์อสูร... จะเรียกพวกมันว่าสัตว์ประหลาดก็ได้  และหน่วยงานของลูกสาวผู้ใหญ่ก็เป็นหน่วยงานที่เชี่ยวชาญการจัดการกับพวกมันนี่แหล่ะ”

แม้ว่าคำอธิบายนั้นจะไม่แม่นยำนัก  แต่ใจความสำคัญก็ถือว่าครบถ้วนดี

ผู้ใหญ่หวางจ้องไปที่เจียงเหอโดยไม่พูดอะไรสักคำ

“พ่อ  ทุกสิ่งที่เจียงเหอพูดเป็นความจริงนะ  ทำไมพ่อต้องด่าเขาด้วยล่ะ” หวางซืออวี่ถาม

"พ่อไม่ได้ด่ามัน"

“ก็มันอยู่ในหัวพ่ออะ”

"ในหัวพ่อเหรอ?" ผู้ใหญ่หวางถอนหายใจออกมา “ลูกสาวตัวแสบ  ทำไมลูกถึงร่วมมือกับคนนอกล่ะ? แล้วรู้ด้วยเหรอว่าพ่อคิดอะไรอยู่?”

"ต้องรู้สิ! ก็หนูอ่านใจคนอื่นได้นี่นา” หวังซืออวี่ตอบอย่างจริงจัง

ผู้ใหญ่หวางที่โกรธเคืองชี้นิ้วไปที่เจียงเหอแล้วถามว่า “แล้วมันล่ะ? มันก็เหมือนกับลูกด้วยงั้นเหรอ?”

“เจียงเหออ่านใจไม่ได้หรอก  แต่เขามีความสามารถในการทำให้สัตว์ร้ายเชื่อง  เขาสามารถควบคุมสัตว์ได้  แม้แต่สัตว์อสูร”

“หึ…”

ผู้ใหญ่หวางจุดบุหรี่สูบด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่า  ต่อให้พวกเอ็งเอามีดมาเสียบตูให้ตายตูก็ไม่เชื่อโว้ย

"ดี  ปีกกล้าขาแข็งขึ้นมาแล้ว“เขาเย้ยหยัน”ถ้าลูกเรียนจบแล้วอยากจะไปมีผัวพ่อก็ไม่ได้ห้าม  แต่ตอนนี้ลูกกับเจียงเหอโกหกมากี่เรื่องแล้ว? ลูกคิดว่าพ่อเป็นไอ้โง่คนหนึ่งงั้นเหรอ?”

เจียงเหอค่อนข้างจะพูดอะไรไม่ออก

“ผู้ใหญ่หวาง  ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาใช่ไหมครับ? อืม… ถึงอุปมาของผมจะเสียมารยาท  แต่หลักใหญ่ใจความก็ตามนั้น  เอางี้ไหมครับ? เดี๋ยวผมจะแสดงความสามารถที่ทำให้สัตว์อสูรเชื่องได้ให้เห็น”

จากนั้นเขาก็ตะโกนออกไปว่า “เอ้อเหลิงจื่อ  ซานเหลิงจื่อ  มานี่ซิ”

เจ้าหมาเจ้าแมวพากันวิ่งเข้ามาในบ้าน  และเมื่อเอ้อเหลิงจื่อเห็นผู้ใหญ่หวาง  มันก็เอาอุ้งเท้าหน้าขึ้นมาปิดหน้าปิดตาตัวเองทันที  จากนั้นมันยืนบนขาหลังเหมือนคน  แล้ววิ่งหนีออกไปนอกบ้าน

เจียงเหอตะโกนด้วยความผิดหวัง “กลับมานี่  เอ็งเลิกบ้าได้แล้ว!  นี่เอ็งคิดว่าผู้ใหญ่หวางจะจำเอ็งไม่ได้เพราะแค่ปิดหน้าเหรอวะ?”

งี้ด ๆ

เอ้อเหลิงจื่อคร่ำครวญแต่ก็ยังเดินกลับมา

มันยังคงยืนสองขา  มันเดินกุมเป้าก้มหน้าไปตามผนังบ้านก่อนจะหยุดอยู่ที่มุมบ้านแล้วซุกหน้ากับมุมบ้านนั้น  สภาพของมันดูไม่ต่างจากเด็กประถมที่ถูกจับได้ว่าไปก่อเรื่องเล่นซนกลับมา

“อะไรนะ…” ผู้ใหญ่หวางอ้าปากค้าง  หายใจเข้าออกอย่างยากลำบาก  และเขาก็กำหน้าอกด้วยความเจ็บปวด “ยะ… ยา…”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด