บทที่ 23: ยะ... ยา…
เมื่อเจียงเหอกระโดดลงจากหลังคา แมวอสูรเลเวล 1 ก็โดนฆ่าไปเรียบร้อย แล้วซานเหลิงจื่อก็หดตัวลงอย่างรวดเร็ว มันเลียเลือดรอบปากแล้วร้องเหมียว ๆ จ้องมองเจียงเหออย่างน่ารัก
เขาทำหน้าบึ้งและถามว่า “เอ็งยืดหดร่างกายได้ด้วยเหรอ?”
ซานเหลิงจื่อพยักหน้า
“งั้นเอ็งแปลงร่างเป็นสัตว์ตัวอื่นได้มะ?”
ซานเหลิงจื่อส่ายหัว
จากนั้นก็มีเสียงเซ็งแซ่วุ่นวายจากนอกบ้าน เจียงเหอจึงรีบเก็บศพที่อยู่บนพื้นลงในระบบกระเป๋าเก็บของ “เอาล่ะ เอ็งอยู่กับเอ้อเหลิงจื่อในลานนี้นะ อย่าออกมาถ้าไม่มีเรื่องอะไร”
ข้างนอกก็มีเสียงฝีเท้าค่อย ๆ เพิ่มขึ้น ที่หลังคาบ้านถล่มลงมาจนเกิดเสียงรบกวนเพื่อนบ้านทั้งหลายจนทำให้ทุกคนตกใจ เมื่อเจียงเหอเปิดประตูก็ได้เห็นว่ามีคนมากกว่ายี่สิบคนยืนอยู่หน้าบ้าน แต่ละคนล้วนแล้วแต่มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย
“ทุกคน—คุณลุง คุณป้า คุณตา คุณยาย ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร บ้านผมมันทรุดโทรมมาตั้งนานแล้ว หลังคามันเลยถล่มลงมาน่ะครับ”
ผู้เฒ่าผมขาวท่านหนึ่งถามว่า "เอ็งไม่เป็นไรแน่นะ?"
"ไม่เป็นไรครับ ผมสบายดี” เจียงเหอตอบ
ถึงกระนั้น ผู้เฒ่าก็ยังกระแทกไม้เท้าของเขาลงบนพื้นและดุอย่างขุ่นเคืองว่า “เสี่ยวหวางมัวไปทำอะไรอยู่? เขาเป็นผู้ใหญ่บ้านบ้านไม่ใช่เหรอ? มันมีโครงการปรับปรุงบ้านเก่าอยู่ไม่ใช่เหรอ? แล้วเจียงเหอไม่ได้มีรายชื่อกับเขาหรือไง?”
ด้านผู้ใหญ่หวางที่พึ่งวิ่งมาถึงก็ปาดเหงื่อจากหน้าผากแล้วกล่าวว่า “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับท่านผู้เฒ่า ผมอนุมัติการปรับปรุงบ้านของเจียงเหอไปแล้ว แต่ได้คิวงานหลังจากฤดูใบไม้ร่วงน่ะครับ”
“หลังฤดูใบไม้ร่วง? อีกไม่นานก็จะเดือนกันยาแล้วนะ นี่ต้องยังรอหลังจากฤดูใบไม้ร่วงอีก?”
แม้ว่าผู้เฒ่าจะอายุเกินหกสิบแล้ว แต่เขาก็ยังมีอารมณ์ฉุนเฉียวอยู่
“ฉันเห็นเจียงเหอโตขึ้นตั้งแต่มันยังเป็นเด็ก” เขาดุ “แต่ตอนนี้บ้านของมันก็พังไปแล้ว มันไม่มีแม้แต่ที่จะซุกหัวนอน หมู่บ้านมีเงินกองกลางสำรองอยู่ใช่ไหม? เอาออกมาซักส่วนหนึ่งให้เจียงเหอยืมไปซ่อมบ้านก่อน แล้วพอเงินโครงการออกค่อยให้มันเอาส่วนนั้นมาคืนให้หมู่บ้านทีหลัง”
ชาวบ้านคนอื่น ๆ ต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยและแสดงความยินยอม
แต่ผู้ใหญ่หวางไม่สามารถทำแบบนั้นได้และยิ้มอย่างขมขื่น “นั่นเป็นการยักยอกเงินสาธารณะ พวกท่านกำลังบังคับให้ผมก่ออาชญากรรมนะครับ! เอาแบบนี้ไหมล่ะครับ? เดี๋ยวผมให้เจียงเหอยืมเงินไปซ่อมบ้านเอง แล้วถ้ามันหาเงินได้เมื่อไหร่ค่อยเอามาคืนผม”
“ยังจะทำแบบนั้นอีก”
ผู้หญิงคนหนึ่งในฝูงชนหัวเราะคิกคัก “คุณไม่จุกจิกเกินไปหน่อยเหรอผู้ใหญ่? เขาเป็นครอบครัวของคุณเองนี่ ทำไมต้องเอาเงินคืนด้วยล่ะ?”
“หมายความว่ายังไง ครอบครัวของผม” ผู้ใหญ่หวางตกตะลึง
“ก็ลูกสาวคุณมาที่นี่ทุกวันเลยนะ ฉันเห็นจะ ๆ เลย…” ผู้หญิงคนนั้นพูด
เมื่อเจียงเหอเห็นว่าใบหน้าผู้ใหญ่หวางเปลี่ยนเป็นสีเขียว เขาก็รีบพูดขัดคอออกมาว่า “ป้าจาง เราเลิกพูดเรื่องไร้สาระกันดีกว่านะครับ แล้วก็ขอบคุณทุกคนสำหรับความห่วงใยนะครับ ผมสบายดี แถมตอนนี้ก็ดึกแล้วด้วยทุกคนกลับบ้านไปนอนต่อดีกว่านะ”
เขาส่งเหล่าชาวบ้านที่มาเยี่ยมกลับบ้าน แต่ผู้ใหญ่หวางไม่ได้กลับไปด้วย สีหน้าเขาดูมืดหม่นและจ้องมองเจียงเหออย่างโมโห
เจียงเหอหัวเราะแห้ง ๆ “ผู้ใหญ่หวาง เข้าไปคุยกันในบ้านเถอะครับ”
เจียงเหอมีบ้านอยู่สามหลัง พังถล่มไปสอง และเหลืออีกหลังที่ยังใช้ได้
ผู้ใหญ่หวางตะโกนด้วยความประหลาดใจทันทีหลังจากที่เขาเดินผ่านประตูเข้าไป "อะไรวะน่ะ? ตูเหยียบอะไรวะ“เขาอุทาน เขาก้มหน้าลงแล้วส่องไฟฉายโทรศัพท์ไปดูแล้วก็เขาต้องร้องว่า”เลือด! ทำไมมีเลือดเต็มไปหมดแบบนี้ล่ะ”
อันที่จริงแม้ว่าเจียงเหอจะเก็บศพแมวอสูรในทันที แต่เขาก็ไม่มีเวลามากพอที่จะกำจัดรอยเลือดที่หยดอยู่ตามพื้น แต่ในขณะที่เขากำลังเค้นสมองเพื่อหาคำอธิบาย หวางซืออวี่ก็รีบวิ่งเข้ามาหาพวกเขาด้วยท่าทางกังวล
“เจียงเหอ เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” เธอถาม
เจียงเหอเหลือบมองระหว่างพ่อกับลูกสาว “ไปคุยกันในบ้านเถอะ”
ในบ้าน สีหน้าของผู้ใหญ่หวางยิ่งมืดหม่นลงไปอีก เขาเหลือบไปที่หวางซืออวี่ แล้วสลับไปที่เจียงเหอโดยไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
หวางซืออวี่ขมวดคิ้วครุ่นคิดแล้วถามว่า “สัตว์อสูรเหรอ?” เมื่อเจียงเหอพยักหน้า เธอก็ก้มหน้าลง “ตอนนี้มีสัตว์อสูรในหมู่บ้านด้วยเหรอ? ไม่นะ! พ่อ พ่อต้องรีบไปเตือนชาวบ้าน เดี๋ยวหนูต้องไปแจ้งเตือนสำนักงาน จะมีผู้เคราะห์ร้ายจำนวนมากถ้าเกิดพวกมันอาละวาดขึ้นมา”
“ไม่ต้องห่วงหรอก” เจียงเหอโบกมือ “มันเป็นแค่แมวอสูรเลเวล 1 ฉันฆ่ามันไปแล้ว”
ข้างพวกเขา ผู้ใหญ่หวางกำลังมองสลับกลับไปกลับมาระหว่างทั้งคู่ สีหน้าที่มืดหม่นของเขาเปลี่ยนเป็นสับสนแล้วพูดพึมพำ “ซืออวี่ ลูกหมายความว่าไง ไอ้ที่ว่าสัตว์อสูรน่ะ? และสำนักงานที่ลูกพูดถึงอีก… มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ทันใดนั้นเสียงของเขาก็เปลี่ยนไปเมื่อเขาตระหนักได้ “เดี๋ยวก่อน นี่ลูกคนกับเจียงเหออยู่ใช่ไหม? ไม่ พ่อไม่เห็นด้วยกับความสัมพันธ์นี้!” เขาพูดอย่างหนักแน่น
เจียงเหอตกตะลึง
หา?!
อยู่ดี ๆ ก็ดันเปลี่ยนเรื่องแล้วสรุปเอาเองซะงั้นเลย?
หวางซืออวี่หน้าแดงและรีบร้อนอธิบาย “พ่อ มันไม่ได้เป็นแบบที่พ่อคิดนะ หนูกับเจียงเหอ… เรากำลังทำงานร่วมกันต่างหาก เขาช่วยสำนักงานของหนูทำงาน และหนูมามาที่นี่บ่อย ๆ ก็เพื่อมาคุยรายละเอียด”
ผู้ใหญ่หวางมองทั้งคู่แบบเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แล้วถามด้วยควางสงสัยว่า “งานอะไร? ลูกเข้าร่วมสภานักศึกษาเหรอ?”
หวางซืออวี่เอามือปิดหน้า เธอปิดบังเรื่องนี้กับครอบครัว และไม่รู้ว่าจะพูดถึงเรื่องนี้อย่างไร
เจียงเหอหัวเราะออกมาอย่าอดไม่ได้ “ผู้ใหญ่ไม่รู้งั้นเหรอครับ?” เขาหัวเราะอีกครั้ง “ลูกสาวผู้ใหญ่น่ะเก่งมาก ๆ เลยนา เธอได้เข้าร่วมองค์กรลับของรัฐบาล และมีอนาคตที่สดใสรออยู่ ส่วนเรื่องสัตว์อสูร... จะเรียกพวกมันว่าสัตว์ประหลาดก็ได้ และหน่วยงานของลูกสาวผู้ใหญ่ก็เป็นหน่วยงานที่เชี่ยวชาญการจัดการกับพวกมันนี่แหล่ะ”
แม้ว่าคำอธิบายนั้นจะไม่แม่นยำนัก แต่ใจความสำคัญก็ถือว่าครบถ้วนดี
ผู้ใหญ่หวางจ้องไปที่เจียงเหอโดยไม่พูดอะไรสักคำ
“พ่อ ทุกสิ่งที่เจียงเหอพูดเป็นความจริงนะ ทำไมพ่อต้องด่าเขาด้วยล่ะ” หวางซืออวี่ถาม
"พ่อไม่ได้ด่ามัน"
“ก็มันอยู่ในหัวพ่ออะ”
"ในหัวพ่อเหรอ?" ผู้ใหญ่หวางถอนหายใจออกมา “ลูกสาวตัวแสบ ทำไมลูกถึงร่วมมือกับคนนอกล่ะ? แล้วรู้ด้วยเหรอว่าพ่อคิดอะไรอยู่?”
"ต้องรู้สิ! ก็หนูอ่านใจคนอื่นได้นี่นา” หวังซืออวี่ตอบอย่างจริงจัง
ผู้ใหญ่หวางที่โกรธเคืองชี้นิ้วไปที่เจียงเหอแล้วถามว่า “แล้วมันล่ะ? มันก็เหมือนกับลูกด้วยงั้นเหรอ?”
“เจียงเหออ่านใจไม่ได้หรอก แต่เขามีความสามารถในการทำให้สัตว์ร้ายเชื่อง เขาสามารถควบคุมสัตว์ได้ แม้แต่สัตว์อสูร”
“หึ…”
ผู้ใหญ่หวางจุดบุหรี่สูบด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่า ต่อให้พวกเอ็งเอามีดมาเสียบตูให้ตายตูก็ไม่เชื่อโว้ย
"ดี ปีกกล้าขาแข็งขึ้นมาแล้ว“เขาเย้ยหยัน”ถ้าลูกเรียนจบแล้วอยากจะไปมีผัวพ่อก็ไม่ได้ห้าม แต่ตอนนี้ลูกกับเจียงเหอโกหกมากี่เรื่องแล้ว? ลูกคิดว่าพ่อเป็นไอ้โง่คนหนึ่งงั้นเหรอ?”
เจียงเหอค่อนข้างจะพูดอะไรไม่ออก
“ผู้ใหญ่หวาง ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาใช่ไหมครับ? อืม… ถึงอุปมาของผมจะเสียมารยาท แต่หลักใหญ่ใจความก็ตามนั้น เอางี้ไหมครับ? เดี๋ยวผมจะแสดงความสามารถที่ทำให้สัตว์อสูรเชื่องได้ให้เห็น”
จากนั้นเขาก็ตะโกนออกไปว่า “เอ้อเหลิงจื่อ ซานเหลิงจื่อ มานี่ซิ”
เจ้าหมาเจ้าแมวพากันวิ่งเข้ามาในบ้าน และเมื่อเอ้อเหลิงจื่อเห็นผู้ใหญ่หวาง มันก็เอาอุ้งเท้าหน้าขึ้นมาปิดหน้าปิดตาตัวเองทันที จากนั้นมันยืนบนขาหลังเหมือนคน แล้ววิ่งหนีออกไปนอกบ้าน
เจียงเหอตะโกนด้วยความผิดหวัง “กลับมานี่ เอ็งเลิกบ้าได้แล้ว! นี่เอ็งคิดว่าผู้ใหญ่หวางจะจำเอ็งไม่ได้เพราะแค่ปิดหน้าเหรอวะ?”
งี้ด ๆ
เอ้อเหลิงจื่อคร่ำครวญแต่ก็ยังเดินกลับมา
มันยังคงยืนสองขา มันเดินกุมเป้าก้มหน้าไปตามผนังบ้านก่อนจะหยุดอยู่ที่มุมบ้านแล้วซุกหน้ากับมุมบ้านนั้น สภาพของมันดูไม่ต่างจากเด็กประถมที่ถูกจับได้ว่าไปก่อเรื่องเล่นซนกลับมา
“อะไรนะ…” ผู้ใหญ่หวางอ้าปากค้าง หายใจเข้าออกอย่างยากลำบาก และเขาก็กำหน้าอกด้วยความเจ็บปวด “ยะ… ยา…”