ตอนที่ 29 เจียงเล่ย พี่ชายคนที่สองของเธอ
เจียงเล่ยบอกเล่าว่าถึงสาเหตุที่เขาอยู่ที่บ้านในเวลานี้ จากนั้นก็ขยับเข้าไปใกล้เจียงเหยา พร้อมส่งสายตาให้กับเธอ ตามเข้าออกไปคุยด้านนอก
เจียงเหยาปล่อยมือจากเอวของลู่ชิงสีทันทีที่เจียงเยปรากฎตัวและร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ แม้ว่าชายคนนี้จะเป็นพี่ชายของเธอเอง แต่ก็ทำให้เธอหน้าแดงและรู้สึกเขินอาย หลังจากเห็นคำใบ้จากดวงตาของเจียงเล่ย เจียงเหยาจึงไม่อาจละเลยเขาได้
“ตามสบายนะคะ คุณพักอยู่ที่ห้องฉันไปก่อนก็ได้ค่ะ ขอตัวแปบหนึ่งนะ” เจียงเหยาบอกกับลู่ชิงสี ขณะที่ชี้นิ้วไปที่เตียงของเธอ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
หลังจากที่เธอเดินออกจากประตู เจียงเล่ยกึ่งดึงกึ่งลากเธอไปยังห้องรับแขก
“เจียงเหยา เมื่อกี้ฉันเห็น เธอกับสามีดูสนิทกับมากเลยนะ อยู่บ้านตระกูลลู่ยังกอดกันไม่พอหรือยังไง? ยังจะมากอดกันที่นี่อีก! ไม่เหนื่อยบ้างเหรอ?” เจียงเล่ยงดแขนของเขาโอบไหล่เจียงเหยา ยิ้มอย่างมีเลศนัย
“ฉันล่ะคิดมาตลอดว่าพวกเธอสองคนไม่ได้รักใครอะไรกัน ตอนนี้มาคิดดูแล้ว ก็ถือเป็นโชคดีที่พ่อกับแม่รู้เรื่องที่ฉันจะพาเธอหนีในตอนนั้น ไม่อย่างนั้นฉันคงได้กลายเป็นคนบาปที่เผลอไปพรากความสุขของคู่รักเข้าให้”
“ฉันกับลู่ชิงสีจัดงานแต่งงานกันอย่างเป็นทางการแล้ว ทะเบียนสมรสก็จดแล้ว จะกอดกันมีอะไรผิดปกติหรือไง” เจียงเหยาเตะเข้าที่น่องของเจียงเล่ย และเหวี่ยงแขนของเขาออกจากไหล่ของเธอ
เจียงเล่ยคิดเช่นนั้นจริง ๆ ก่อนงานแต่งงาน เจียงเหยาต่อต้านครอบครัวของเธอ เมื่อเจียงเล่ยรู้เรื่องนี้ เขารีบกลับมาที่บ้านและใช้เวลาอยู่บ้านประมาณ 2 วัน เขาเห็นว่าน้องสาวของตนไม่มีความสุขและท้อแท้อยู่ตลอดเวลา เขาจึงตัดสินใจที่จะพาเจียงเหยาหนีไปและพาเธอกลับมาก่อนที่จะเปิดภาคเรียนใหม่ – เขาตั้งใจที่จะให้เธอหนีการแต่งงานในครั้งนั้นจริง ๆ
ทว่าก่อนที่เขาจะได้เริ่มวางแผน พ่อกับแม่ได้รู้เรื่องเข้าเสียก่อน พวกเขาเฝ้าจับตาดูเขาอย่างใกล้ชิด เขาจึงเสียโอกาสที่ช่วยเหลือน้องสาวคนนี้ แต่นั่นไม่ได้หยุดความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือน้องสาวของเขาเลย เขาให้เงินและให้ข้อมูลติดต่อเพื่อนของเขา เพื่อให้เธอนำเงินนั่นเข้าไปอาศัยอยู่ในเมืองกับเพื่อนของเขาสักสองสามวัน
แต่สุดท้ายแล้ว พ่อลู่ก็ลิบเงินนั้นไปเสียหมด
“ได้ ได้ สงสัยฉันจะคิดมากไปเอง” เจียงเล่ยส่ายแขนและจ้องที่เจียงเหยาอย่างเศร้า ๆ
“มีสามีแล้วก็ลืมพี่ชายเลยนะ ตั้งแต่แต่งงาน เธอกลับมาที่บ้านสักกี่ครั้งเชียว? ถ้าฉันไม่แวะไปหาที่โรงเรียน เธอคงจะลืมไปแล้วว่าตัวเองชื่อเจียงเหยา ไม่ใช่ลู่เหยา”
หลังจากล้อเจียงเหยาแล้ว เจียงเล่ยก็กลับมาจริงจังอีกครั้ง “หลังจากแต่งงาน ลู่ชิงสีเขาดีกับเธอไหม? ครอบครัวลู่รังแกเธอหรือเปล่า? พ่อกับแม่บอกฉันว่าเธอได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยแพทย์หนานเจียง ข่าวดีมากเลยล่ะ! พวกเขาบอกว่าลู่ชิงสีอนุญาตให้เธอสมัครเข้าเรียนหนานเจียง แทน ม.จินโด เรื่องนี้จริงหรือเปล่า?”
เจียงเล่ยสงสัยในคำตอบที่ดีแบบนี้ เขากับเจียงเหยามักสร้างปัญหาด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก เขาจะไม่เคยคิดว่าลึก ๆ แล้วเธอจะน่ารักอย่างหน้าตาของเธอที่เห็นเปลือกนอก
“เขาดีกับฉันมากค่ะ ครอบครัวลู่ก็ดีกับฉันเช่นกัน”
เจียงเหยากล่าวด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน “พี่ไม่ต้องกังวล เราตัดสินใจเรื่องเข้าเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว ฉันจะไปเรียนที่มหาวิทยาลัยหนานเจียง”
“ก็ดีที่เธออยู่ใกล้เรา ถ้าฉันได้ผ่านไปที่หนานเจียง ฉันจะแวะไปหาเธอ ฉันดูแลอะไรเธอไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ก็เธอน่ะแต่งงานออกไปอยู่ในครอบครัวอื่นแล้วนี่ พอคิดถึงเธอ เธอก็ไปเรียนที่ต่างเมืองซะละ ฉันเป็นห่วงเธอมากจริง ๆ” เจียงเล่ยพูดอย่างเคร่งขรึมและถอนหายใจด้วยความผิดหวัง
“พี่ ฉันล่ะไม่ชินกับการที่พี่อารมณ์อ่อนไหวแบบนี้เสียเลย” เจียงเหยาเหล่มองเจียงเล่ย เธอตกใจเล็กน้อย
“ถ้าเป็นพี่ใหญ่ ฉันยังจะเชื่อว่าเป็นเขาซะมากกว่าที่จะพูดจาซึ้ง ๆ อะไรแบบนี้”