283 - ปีศาจร้ายที่ตามมา
283 - ปีศาจร้ายที่ตามมา
อาหารเย็นนั้นหรูหราเป็นอย่างมาก ด้วยกองไฟที่สั่นไหวผู้คนในหมู่บ้านหินนั่งอยู่กลางแจ้ง กินเนื้อชิ้นใหญ่พร้อมกับดื่มสุราคำโต กลิ่นหอมของเนื้อและและสุราล่องลอยตลบอบอวลทุกคนต่างก็มีเสียงหัวเราะ
ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องที่น่ากลัวดังขึ้น ผู้หญิงและเด็กหลายคนวิ่งหนีจ้าละหวั่นด้วยความหวาดกลัว
“นี่มันอะไรกัน มันเข้ามาในหมู่บ้านของเราได้ยังไง”
“หยุดเร็วๆ อย่าปล่อยให้มันวิ่งไปทำร้ายผู้คน”
“บัดซบ มันกินแกะย่างทั้งสองตัวในคำเดียว หยุดมันเร็วๆ”
......
เด็กหนุ่มผู้แข็งแกร่งจำนวนสิบคนตะลึงงันร่างกายของพวกเขาถูกเงาดำกระแทกล้มลงกับพื้น
“นั่นเป็นสุนัขดำจับมันมาทำยาชูกำลังเร็ว”
ในเวลาไม่นานเอ้อหรงจื่อก็เดินกลับมาพร้อมใบหน้าฟกช้ำ
“เจ้าหมาตัวนั้นตีข้าที่คูแม่น้ำ”
เย่ฟ่านตื่นตระหนกและกล่าวว่า
“ข้าจะไปดูมันหน่อย”
อย่างไรก็ตามเมื่อถึงเวลาที่เขาออกจากหมู่บ้านหิน เงาสีดำก็หายไปนานแล้ว
"เอ้อหรงจื่อเจ้าชอบที่จะต่อสู้ แต่เจ้าพ่ายแพ้ให้กับหมาดำตัวนั้น" หวังซู่แซว "เห็นหรือเปล่าว่ามันเป็นตัวอะไร?"
“ไม่ น่าโมโหเกินไปแล้วมันเอาแกะย่างของพวกเราไปด้วย”
เย่ฟ่านรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ทำไมสัตว์ป่าธรรมดาถึงวิ่งเร็วขนาดนี้ เขาวิ่งตามมันไม่ทันด้วยซ้ำ
“มันคงไม่ใช่สิ่งที่ตามข้าออกมาหรอกนะ” เขานึกถึงความรู้สึกถูกสอดแนมตลอดทางออกจากภูเขาสีม่วง
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้เขามั่นใจก็คือเงาดำไม่ได้ทำร้ายใคร ดังนั้นมันไม่น่าจะใช่สิ่งชั่วร้าย
ในวันต่อๆมาเย่ฟ่านพยายามศึกษาคัมภีร์ต้นกำเนิดสวรรค์อย่างจริงจัง เขารู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมากคัมภีร์เล่มนี้สมกับเป็นสมบัติลับของโลก มันเทียบได้กับคัมภีร์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน
ในความเห็นของเย่ฟ่านมูลค่าของคัมภีร์เล่มนี้ไม่สามารถวัดได้ และสำหรับเขาแล้ว คุณค่าของมันไม่ได้ด้อยกว่าคัมภีร์ปราศจากจุดเริ่มต้นเลย
เขาเชื่อว่าในสายตาของใครหลายๆคน คัมภีร์เล่มนี้เทียบเท่ากับคัมภีร์โบราณหลายเล่มของดินแดนรกร้างตะวันออก เพราะมันสามารถค้นหาต้นกำเนิดสวรรค์อันล้ำค่าได้
“นี่คือสมบัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุด!”
เย่ฟ่านเชื่อว่าถ้าเขาแข็งแกร่งพอ เขาอาจจะประสบความสำเร็จในการนำคัมภีร์สวรรค์เล่มนี้ไปแลกเปลี่ยนกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อขอดูคัมภีร์โบราณ
การเรียนรู้คัมภีร์ต้นกำเนิดสวรรค์จะเหมือนกับการควบคุมเหมืองต้นกำเนิดสวรรค์ที่ไม่มีวันสิ้นสุดด้วยความสำคัญที่ประเมินค่าไม่ได้
เย่ฟ่านเปรียบเทียบอย่างระมัดระวังว่าวัสดุในคัมภีร์เงินนั้นคล้ายกับกระดาษสีทองที่บันทึกคัมภีร์เต๋าซึ่งไม่สามารถทำลายได้ นอกจากสีที่ไม่เหมือนกันแล้วทุกสิ่งทุกอย่างมันจะต้องเป็นสิ่งเดียวกันอย่างแน่นอน
ในแง่ของเนื้อหาคัมภีร์ทั้งสองเป็นวิธีที่ลึกซึ้งและยอดเยี่ยมที่สุด และเป็นจุดสูงสุดในด้านต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเต๋า คัมภีร์เต๋านั้นครอบคลุมทุกอย่างของกงล้อแห่งทะเล ในขณะที่คัมภีร์ต้นกำเนิดสวรรค์บางทีอาจจะมีค่ามากกว่าด้วยซ้ำ
เย่ฟ่านประสบกับความยากลำบากในการสำรวจภูเขาสีม่วง และรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือการได้รับคัมภีร์สวรรค์เล่มนี้ เมื่อย้อนดูอีกครั้งเขารู้สึกว่าตัวเองได้ลงทุนอย่างคุ้มค่า
ตลอดทั้งเดือนจิตใจของเขามึนเมา เขาตกอยู่ในภาวะความรู้แจ้งที่น่าอัศจรรย์ เวลาทั้งหมดของเขาถูกอุทิศให้กับการศึกษาตำราต้นกำเนิดสวรรค์
ในช่วงสามสิบวันนี้เมล็ดโพธิ์ของเย่ฟ่านไม่เคยละจากมือของเขาแม้แต่เศษเสี้ยวลมหายใจ เขาใช้มันศึกษาตำราโบราณทำให้เกิดความรู้แจ้งอย่างไม่สิ้นสุด
“ข้าเข้าใจเนื้อหาของคัมภีร์บางส่วนแล้ว ข้าควรไปลองปฏิบัติดู” เย่ฟ่านเดินออกจากบ้านหินและสัมผัสแสงแดดภายนอก เขารู้สึกนุ่มนวลและเต็มไปด้วยความหวัง
ถ้าร่างกายของคนอื่นเป็นอ่างเก็บน้ำ ร่างกายของเขาก็เป็นเหมือนทะเลสาบอันยิ่งใหญ่ และเขาต้องการต้นกำเนิดมันมากมายมหาศาลเพื่อเติมเต็มให้กับทะเลสาบนี้
แน่นอนว่าพลังของเขาก็แข็งแกร่งสมกับที่ใช้ต้นกำเนิดจำนวนมาก อย่างน้อยเมื่อพบเจอกับผู้บ่มเพาะในระดับเดียวกันเขาสามารถจัดการได้ทุกราย
กล่าวอีกนัยหนึ่งถ้าเขาฝึกฝนจนถึงขั้นสูงสุดเขาจะกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย
"อาณาจักรแรกของตำหนักเต๋าต้องการต้นกำเนิดนับพันจิน ...... " เมื่อเขาคิดถึงตัวเลขนี้เขาก็ไม่สามารถหัวเราะได้
แม้แต่ในดินแดนทางเหนือ ต้นกำเนิดที่มานับพันจินก็แทบไม่ปรากฏในนิกายระดับกลางเลยนับประสาอะไรกับคนคนหนึ่ง
“อาณาจักรที่สองของตำหนักเต๋า ต้องการต้นกำเนิดหมื่นจิน ......” ตัวเลขนี้ทำให้มุมปากของเขากระตุกและหัวใจของเขาปวดร้าวเกินจะทนไหว
สำหรับตัวเลขของอาณาจักรที่สามของตำหนักเต๋าเขาบังคับตัวเองไม่ให้คิดถึงเรื่องนี้ มิฉะนั้นหน้าผากของเขาจะเต็มไปด้วยเส้นเลือดอย่างแน่นอน
ตัวเลขที่น่าสะพรึงกลัวเหล่านั้นแม้แต่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ยังต้องหน้าเปลี่ยนสี มันไม่มีทางหาออกมาได้อย่างแน่นอน
"ในโลกนี้ย่อมมีเส้นทางให้ก้าวเดินอยู่เสมอ"
ในเช้าตรู่นี้ เย่ฟ่านกินอาหารเช้าของเขาก่อนจะเรียกหวังซู่และเอ้อหรงจื่อเข้ามา
"ข้าจะพาพวกเจ้าไปเล่นพนันหิน"
"จริงหรือ?!" เอ้อหรงจื่ออุทานด้วยความตื่นเต้นและพูดว่า "นั่นเป็นความฝันของข้าเลยพี่ใหญ่!"
หวังซู่ก็ถูมือของเขาอย่างมีความสุขและกล่าวว่า “ตั้งแต่ท่านปู่ของข้าและคนรุ่นเขา หมู่บ้านหินของเราก็ยากจนลงอย่างสมบูรณ์ไม่มีทางที่เราจะไปเล่นพนันหินที่นั่นได้”
เย่ฟ่านยิ้มและพูดว่า “วันนี้ข้าจะทำตามความปรารถนาของเจ้า และถ้าเจ้าทำตัวดี ข้าจะพาเจ้าออกไปอีกในอนาคต”
“เมืองศักดิ์สิทธิ์อยู่ห่างออกไปหลายหมื่นลี้ มันอยู่ไกลจากที่นี่มากเกินไป อย่างไรก็ตามโรงเล่นพนันอันดับสูงสุดที่เปิดโดยดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดอยู่ที่นั่น”
“ตามคำกล่าวของผู้ฝึกตนเร่ร่อน ว่ากันว่ายอดฝีมือของมหาอำนาจของภาคกลาง ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ รวมทั้งตระกูลขุนนางโบราณล้วนชุมนุมอยู่ที่สถานที่แห่งนั้น”
“ผู้ฝึกตนพเนจรคนนั้นกล่าวว่า ครั้งที่แล้วเมื่อผ่าหินออกแทนที่จะได้ต้นกำเนิดที่อยู่ภายในพวกเขากลับพบเจอหญิงสาวคนหนึ่ง หลังจากที่หญิงสาวปรากฏตัวขึ้นผู้คนมากมายต่างก็ต่อสู้เพื่อแย่งชิงนาง”
เย่ฟ่านหัวเราะแล้วกล่าวว่า “พวกเจ้าคิดเลยเถิดไปแล้ว นี่เป็นการพนันครั้งแรกของพวกเรา พวกเราจะไปถึงเมืองศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร พวกเราจะทดสอบมันในที่ใกล้ๆก่อน”
เขาเตือนทั้งสองคนอย่างจริงจังว่าอย่าพูดเรื่องไร้สาระเมื่อพวกเขาออกไปข้างนอก
“เราเข้าใจ คนพวกนั้นเป็นเหมือนเทพเจ้า เรากล้าพูดถึงพวกเขาเฉพาะตอนที่พวกเราอยู่ในหมู่บ้านเท่านั้น”
……..
เมืองผิงเอี๋ยนอาจอยู่ห่างจากหมู่บ้านหินหกร้อยลี้ มันเป็นหนึ่งในเมืองที่เจริญรุ่งเรืองกว่าในบริเวณใกล้เคียง ตั้งอยู่ในพื้นที่สีเขียวที่มีรัศมีหลายร้อยลี้
เมื่อเย่ฟ่านมาถึงที่นี่ดวงอาทิตย์ก็ขึ้นสูงมากแล้ว เมืองโบราณซึ่งสร้างด้วยก้อนหินสีน้ำตาลแดงทั้งหมดไม่รู้ว่าถูกสร้างขึ้นมากี่ปีแล้ว
ประชากรของเมืองมีประมาณสามแสนคนซึ่งถือว่าเจริญรุ่งเรืองมากในดินแดนทางเหนือ ท้องถนนเต็มไปด้วยการจราจรที่คับคั่ง
สายตาของหวังซู่และเอ้อหรงจื่อกวาดไปรอบๆด้วยความตื่นเต้น นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเข้าสู่เมืองใหญ่อย่างนี้ ทุกอย่างทำให้พวกเขารู้สึกแปลกหูแปลกตาและสดชื่นมาก
"คนเยอะมาก......"
"ใช่ ครั้งแรกที่ข้าเห็นคนเยอะขนาดนี้ ......"
เมื่อฟังคำพูดที่ไร้สาระของทั้งสองคนเย่ฟ่านก็หัวเราะและพูดว่า
"เรียนรู้ให้ดี ข้าจะพาเจ้าไปที่เมืองศักดิ์สิทธิ์เมื่อถึงเวลา"
“ดี พี่เย่ วันนี้พวกเราทำความคุ้นเคยกับกฎก่อน หลังจากนั้นพวกเราค่อยไปที่เมืองศักดิ์สิทธิ์”
เย่ฟ่านถามผู้คนว่าโรงพนันในเมืองนี้มีอะไรบ้าง และได้รับการบอกเล่าว่ามีพวกมันหลายสิบแห่ง
ยิ่งกว่านั้นสิ่งที่เขาตกใจคือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้มาเปิดโรงพนันสาขาเล็กๆในเมืองนี้ด้วย