281 - คัมภีร์ปราศจากจุดเริ่มต้น
281 - คัมภีร์ปราศจากจุดเริ่มต้น
เย่ฟ่านลองทุกวิถีทางแต่ไม่เป็นผล ในตอนสุดท้ายเขาถือจี้หยกและขีดข่วนมันอย่างไร้ประโยชน์ คัมภีร์โบราณไม่ได้แสดงสัญญาณใดๆว่าสามารถเปิดได้เว้นแต่ว่ามันมีหมอกบางๆปรากฏขึ้นมาเล็กน้อย
“หรือเพราะว่าจี้หยกนี้ถูกทำลายไปแล้ว”
เย่ฟ่านเต็มไปด้วยความเสียใจ ถ้าหยกโบราณสมบูรณ์ เขาอาจจะได้รับคัมภีร์โบราณที่เขย่าโลก
“คัมภีร์ปราศจากจุดเริ่มต้น แค่ได้ยินชื่อก็ยากที่จะสงบใจแล้ว แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่มีปัญญาครอบครองมัน”
แต่ถึงจะบ่นอยู่แบบนั้นเย่ฟ่านก็ไม่ได้ไปไหนเขายังคงหาวิธีการอยู่เป็นเวลานาน แม้กระทั่งการเคลื่อนย้ายคัมภีร์ไปเก็บไว้ในทะเลแห่งความทุกข์ของเขาก็ทำไม่ได้
สุดท้ายเย่ฟ่านถอนหายใจด้วยความเศร้าโศก เขาจะต้องพลาดสมบัติชิ้นนี้ไปตลอดกาลอย่างนั้นหรือ
นี่ไม่ใช่การพูดเกินจริง อันที่จริงพื้นฐานของดินแดนศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ก็ตระกูลขุนนางโบราณล้วนขึ้นอยู่กับคัมภีร์ระดับสูงสุดทั้งสิ้น
ทันใดนั้น เย่ฟ่านพบคำสองสามบรรทัดบนกำแพงหินที่อยู่ไม่ไกล และเมื่อตรวจสอบอย่างใกล้ชิดดูเหมือนจะเป็นตัวอักษรของเจียงไท่ซู
"จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ทิ้งญาณวิเศษอันล้ำค่าไว้ผนึกปีศาจที่นี่ น่าเสียดายที่ข้าไม่อาจครอบครอง"
ตามคำกล่าวของปรมาจารย์ศักสิทธิ์ย์ศักดิ์สิทธิ์เจียง คัมภีร์ศิลาถูกปิดผนึกโดยจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่และไม่สามารถเปิดออกได้เลย
เย่ฟ่านมองดูมัน หัวใจของเขาว้าวุ่น คัมภีร์ล้ำค่าสูงสุดอยู่ตรงหน้าเขา แต่เขาทำได้เพียงมองตาปริบๆไม่มีทางที่จะเอามันกลับไปด้วยได้
"ข้าไม่ยอม" เขาพูดอย่างไม่เต็มใจ
เย่ฟ่านเดินไปรอบๆคัมภีร์ศิลาเและเห็นคำโบราณอีกสองสามบรรทัด
"อะไรคือจุดสิ้นสุดของความเป็นอมตะ ต่อให้ไปถึงจุดสูงสุดก็ยังไม่อาจเทียบได้กับปราศจากจุดเริ่มต้น" ชื่อของผู้เขียนคือประมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์กู่เขาก็มาที่นี่ด้วย
เย่ฟ่านย่อมไม่ลืมบุคคลนี้โดยธรรมชาติ เมื่อเจ็ดหมื่นปีที่แล้วนี่คือยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ที่มีพลังมากที่สุด มากกว่าเจียงไท่ซูและคนอื่นๆอีกสามสิบเจ็ดคนรวมกันเสียอีก
เจ็ดหมื่นปีที่แล้วปรมาจารย์ศักสิทธิ์กู่นั้นน่าประหลาดใจ แต่ไม่สามารถทำลายผนึกของจักรพรรดิปราศจากจุดเริ่มต้นได้ จากคำพูดของเขาสามารถเห็นได้จักรพรรดิปราศจากจุดเริ่มต้นเป็นที่นับถืออย่างยิ่ง
เมื่อเย่ฟ่านคิดคำนวณดูจะเห็นได้ว่าจักรพรรดิ์ปราศจากจุดเริ่มต้นน่าจะเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดในยุคโบราณนั้น
"ต่อให้ไปถึงจุดสูงสุดของความเป็นอมตะก็ไม่สามารถเทียบได้กับปราศจากจุดเริ่มต้น " เย่ฟ่านอ่านอย่างเงียบๆหัวใจของเขาเต้นแรง จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นแข็งแกร่งมาก?
แค่คำพูดไม่กี่คำก็เพียงพอที่จะบอกถึงความสำเร็จอันยอดเยี่ยมของเขาแล้ว
เย่ฟ่านค้นหาวิธีเปิดคัมภีร์ศิลานี้อย่างจริงจังและรอบคอบ แต่ในที่สุดก็ไม่ได้อะไร
เมื่อเขาหยุดและนั่งลงบนพื้นอย่างช่วยไม่ได้ ทันใดนั้นเขาก็พบว่าสถานที่นี้แปลกมาก มันมีรูปร่างเหมือนแท่นบูชาโดยมีคัมภีร์หินแสดงอยู่บนนั้น
แท่นนี้กว้างใหญ่และสูงมาก มีเส้นขนาดใหญ่สลักไว้หากไม่มองจากระยะไกลก็ยากที่จะมองเห็นรูปร่างที่แท้จริงของมัน
เย่ฟ่านลุกขึ้นยืนและเดินไปข้างหน้า หลังจากพิจารณาถึงศูนย์กลางของแท่นบูชาแล้ว จี้หยกที่อยู่บนตัวเขาก็ยิ่งสว่างขึ้น
“ไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องร้ายหรือดีกันแน่.”
เมื่อเขามาถึงใจกลางเขารู้สึกแปลกมากขึ้นเรื่อยๆโดยที่เส้นนั้นหนาแน่นกว่ามากคล้ายกับตัวอักขระโบราณ
อักขระนี้แฝงไปด้วยเต๋าอันยิ่งใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติ และระลอกคลื่นประกอบด้วยลม ฝน สายฟ้า ตลอดจนพืชพรรณรวมทั้งสัตว์นานาชนิด
เย่ฟ่านพบร่องตรงกลางซึ่งใหญ่เท่ากับศีรษะของมนุษย์
"แคร่ก"
หยกโบราณในมือของเขาสั่นเล็กน้อย ราวกับว่ามันมีชีวิต ในตอนนี้มันปลดปล่อยแสงเจิดจ้าระยิบระยับจนแสบตา
“หยกโบราณนี้เคยบรรจุอยู่ที่นี่หรือเปล่า ......” เขานึกสงสัยในใจ จึงหยิบจี้หยกนั้นมาเปรียบเทียบและพบว่าหยกโบราณนี้สามารถใส่เข้าไปที่มุมใดมุมหนึ่งของช่องว่างได้อย่างพอดิบพอดี
“ถ้าใส่หยกเข้าไปจะเกิดอะไรขึ้น” จิตใจของเขากำลังสงสัยแต่ไม่ได้ทำทันที
“มันไม่สามารถเปิดออกได้ แต่ขอเพียงหนังสือเล่มนี้เปิดออกเพียงเล็กน้อยเท่านั้นก็พอแล้ว” ด้วยความหวังนี้หัวใจของเย่ฟ่านจึงไม่สงบ
แน่นอนว่าเขายังหวาดกลัวบางอย่าง หากว่าเปิดคัมภีร์นี้ขึ้นแล้วสัตว์ประหลาดโบราณพุ่งออกมาหรือแม้แต่สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในต้นกำเนิดสวรรค์ตื่นขึ้นมานั่นจะเป็นอันตรายอย่างแท้จริง
“น่าเสียดายที่หยกโบราณนี้เป็นเพียงชิ้นส่วนเล็กๆมันไม่สามารถใช้ประโยชน์อะไรได้” เย่ฟ่านไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
เขากำลังคิดจะจากไป แต่เขาไม่รู้ว่าสัตว์ประหลาดโบราณพวกนั้นจะตายตอนไหน บางทีเขาอาจต้องรอถึงหลายปีก็ได้
เพราะตามข้อมูลที่เขาได้รับแล้ว เมื่อต้นกำเนิดถูกทำลายมันจะเป็นเรื่องยากสำหรับสัตว์ประหลาดโบราณที่จะอยู่รอดในโลกนี้แต่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะอยู่ได้นานแค่ไหน
“ข้าต้องไม่เป็นแบบปรมาจารย์ศักสิทธิ์ย์ศักดิ์สิทธิ์เจียง อย่างมากที่สุดก็เพียงไม่กี่ปีเท่านั้น ......”
ทันใดนั้นเย่ฟ่านก็รู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังจ้องมองเขาอยู่
สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกถึงบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่และเลวร้าย หากสัตว์ประหลาดโบราณไล่ตามเขามาที่นี่ เขาจะโชคร้ายจริงๆ เป็นไปได้ไหมที่อีกฝ่ายจะไม่กลัวคัมภีร์ปราศจากจุดเริ่มต้นของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่
เย่ฟ่านรีบถอยหลังและเข้าใกล้คัมภีร์ศิลาสายตาของเขามองออกไปรอบๆแต่ไม่เห็นอะไรเลย
“ข้าหลอนไปเองหรือไม่?”
เขาสงสัยว่าบางทีร่างกายของเขาอาจตึงเครียดมากเกินไปจึงเกิดประสาทหลอน
ไม่ว่าในกรณีใด เขาไม่กล้าเคลื่อนไหวทำได้เพียงนั่งสมาธิอยู่รอบๆคัมภีร์ศิลาแล้วบ่นพึมพำกับตัวเอง
"อดทนอีกสองสามปีค่อยออกไปจะปลอดภัยกว่า"
หลังจากผ่านไปเพียงครึ่งวัน เย่ฟ่านรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ต้องมีบางอย่างที่นี่ เขารู้สึกว่ามันอยู่ไม่ไกลและดูเหมือนจะไม่กลัวคัมภีร์ศิลาเลย
"มันต้องแอบมองข้าอยู่แน่ๆ "
หลังจากตัดสินเช่นนั้น เย่ฟ่านก็ไม่สามารถนั่งเฉยๆได้ เขาลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
"ที่นี่อยู่ไม่ได้แล้ว" เขาตัดสินใจถอยกลับไปที่ห้องโถงระฆัง
ก่อนที่เขาจะไปเขาเหลือบไปที่ซุ้มตรงกลางแท่นบูชา และเมื่อเขาเข้ามาใกล้ เขากัดฟันและกดหยกโบราณลงไป
“สิ่งที่จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ทิ้งไว้เบื้องหลังคงไม่ทำร้ายลูกหลานเผ่าพันธุ์มนุษย์ของเขา”
ทันทีที่หยกโบราณจมลงไปสถานที่นั้นก็มีแสงสว่างสีทองสาดส่องออกมา แสงนั้นพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและม่านแสงขนาดใหญ่ก็ห่อหุ้มเขาไว้ทันที
เย่ฟ่านไม่รอช้าเขารีบเอาหม้อของเขาออกมาและกระโดดเข้าไปอย่างรวดเร็ว ลักษณะที่เกิดขึ้นตอนนี้มีความคล้ายคลึงกันอย่างมากกับการเคลื่อนย้ายผ่านอุโมงค์มิติ
“มันกำลังจะพาข้าไปที่ไหน?!” หยกโบราณเป็นเพียงชิ้นส่วนที่แตกหักเขาไม่รู้ว่ามันจะมีพลังพอที่จะส่งเขาไปถึงจุดหมายปลายทางหรือไม่
อย่างไรก็ตามตอนนี้ไม่สามารถย้อนกลับได้แล้ว หม้อของเขาถูกดึงเข้าสู่ประตูมิติโดยตรง
เมื่อประตูมิติเปิดหยกโบราณก็บินกลับเข้ามาหาเขา เย่ฟ่านรีบหยิบมันไว้จากนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็ดำมืดอย่างรวดเร็ว
…..
"ปัง"
ไม่นานหลังจากนั้นความว่างเปล่าก็ถูกเปิดออกอีกครั้งและความมืดไร้ขอบเขตก็ปรากฏต่อหน้าต่อตาเย่ฟ่าน นี่มันมืดเกินไปแม้จะยื่นมือออกมาก็แทบจะไม่สามารถมองเห็น
"ตูม!" หม้อของเขาตกลงไปในน้ำ
"ที่นี่ที่ไหน?" เย่ฟ่านลุกออกจากหม้อกระแสน้ำเย็นพัดอยู่รอบตัวเขาและแม่น้ำก็ค่อนข้างผันผวน
“นี่ใต้ดินเหรอ?”
ในตอนที่เย่ฟ่านลอยขึ้นมาเหนือน้ำ ที่ด้านบนศีรษะของเขาก็เป็นหินที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง เขามีความรู้สึกว่าตอนนี้เขาน่าจะอยู่ใต้ดิน
เย่ฟ่านยิงคัมภีร์สีทองออกมาโดยใช้มันเป็นเครื่องขุดดินที่อยู่เหนือศีรษะอย่างรวดเร็ว
มันยากที่จะจินตนาการว่าเขาอยู่ลึกลงไปใต้ดินมากแค่ไหน เพราะว่าตอนนี้เขาขุดไปหลายร้อยวาแล้วก็ยังไม่สามารถโผล่ขึ้นเหนือพื้นดินได้
หลังจากที่ขุดไปได้ไกลกว่าพันวาในที่สุดเขาก็สัมผัสได้ถึงอากาศที่อยู่ด้านบน แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะขุดไปถึงพื้นได้