ระบบทักษะพลิกชีวิต - ตอนที่ 35 เริ่มงานอย่างเป็นทางการ
ตอนที่ 35 เริ่มงานอย่างเป็นทางการ
หลินมู่ฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มแปลกๆ และเขาก็เข้าใจในความหมายของคำพูดที่เย่โม่เอ่ยออกมาได้ดี!
หลังจากคิดใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ได้เรียกเฉียนเมิ่งให้เข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะบอกเธอไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เฉียนเมิ่ง พรุ่งนี้คุณไปที่รับเงินเดือนของเดือนนี้ที่ฝ่ายการเงิน แล้วก็ไม่ต้องมาทำงานที่นี่อีกแล้ว!”
หลังจากพูดจบ หลินมู่ก็หันหลังเดินกลับเข้าไปข้างในทันที โดยไม่เปิดโอกาสให้เฉียนเมิ่งได้มีโอกาสอธิบายอะไรอีกเลย
เฉียนเมิ่งได้แต่ยืนแน่นิ่งด้วยความตกตะลึง!
เวลานี้ สองพี่น้องได้ช่วยกันถือถุงเสื้อผ้าพะรุงพะรังเดินออกมาจากร้าน แม้ว่าพนักงานจะพยายามใส่เสื้อผ้าให้เต็มแต่ละถุงแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีนับสิบๆถุง แม้เย่โม่จะไม่รู้สึกหนักหรือเหน็ดเหนื่อยอะไร แต่น้องสาวของเขากลับไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นด้วย!
……
“ลุงครับ ป้าครับ! พรุ่งนี้ไปทำงานวันแรก ผมก็เลยหาซื้อเสื้อผ้ามาให้ พรุ่งนี้ลุงกับป้าใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ไปทำงานนะครับ!”
“โม่! ไม่เห็นจะต้องเสียเงินเสียทองไปกับเสื้อผ้าแพงๆพวกนี้เลย ใส่เสื้อผ้าธรรมดาๆไปก็เหมือนกันล่ะน่า!”
เจียงหมินมองป้ายราคาที่ติดอยู่บนเสื้อแล้วก็ได้แต่รู้สึกปวดใจ และอดที่จะบ่นไม่ได้ ปกติแล้วเธอซื้อเสื้อผ้าอย่างมากก็ไม่เกินหนึ่งหรือสองร้อยหยวน และจะซื้อเสื้อผ้าใหม่ก็เพียงแค่ปีละครั้งในช่วงตรุษจีนเท่านั้น แต่เสื้อผ้าที่เย่โม่ซื้อมานั้น แต่ละตัวมีราคาตั้งแต่สองพันถึงสามพันหยวนเลยทีเดียว แบบนี้แล้วจะไม่ให้เธอรู้สึกเสียดายเงินได้อย่างไรกัน?
“โม่! ทำไมเธอไม่เอาเสื้อผ้าพวกนี้ไปใส่เอง ลุงของเธอไม่จำเป็นต้องใส่เสื้อผ้าแพงๆขนาดนี้ก็ได้!”
เจียงหมินหันไปบอกเย่โม่ พร้อมกับเหลือบมองเย่เจี้ยนกัวที่ตอนนี้กำลังลองเสื้อผ้าชุดใหม่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และดูมีความสุขอย่างมาก
เย่โม่หันไปยิ้มให้ป้าสะใภ้พร้อมกับบอกเธอไปว่า “ป้าหมินครับ อย่ากังวลใจไปเลยครับ สองสามวันที่ผมไปทำธุระกับประธานเฟิงมา เขาได้ให้เงินผมมาล่วงหน้าไม่น้อยเลย ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ผมต้องการตอบแทนบุญคุณของคุณลุงกับคุณป้านะครับ! ถ้าป้าหมินไม่ยอมรับ ผมจะเสียใจมากเลยนะครับ!”
“เห้ย.. พอแล้วๆ ตอนนี้โม่ก็หาเงินได้แล้ว อย่าขี้เหนียวนักเลยน่า!”
เย่เจี้ยนกัวหันไปบ่นภรรยาพร้อมกับรับเสื้อผ้าชุดใหม่ที่เย่โม่ซื้อมาให้ด้วยความเต็มใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็อดที่จะหันไปเตือนหลานชายไม่ได้
“โม่เอ้ย.. หลานดีกับพวกเราแบบนี้ พวกเราสองคนก็มีความสุขมาก แต่ว่า.. ต่อไปไม่ต้องซื้ออะไรแพงๆให้พวกเราอีกแล้วนะ เก็บเงินไว้เป็นสินสอดสำหรับขอผู้หญิงบ้างรู้มั๊ย?”
ทันทีที่เย่โม่ได้ฟัง เขาแทบไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือว่าร้องไห้ดี และได้แต่ตอบผู้เป็นลุงกลับไปว่า “ลุงครับ! นี่ผมเพิ่งจะอยู่มัธยมปลายเองนะครับ สิ่งที่ผมควรจะคิดในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องขอผู้หญิง แต่เป็นเรื่องการเรียนในมหาวิทยาลัยมากกว่า ผมยังเด็กอยู่เลยนะครับลุง!”
เย่เจี้ยนกัวเพิ่งรู้สึกตัว เป็นเพราะเวลานี้เย่โม่สามารถหาเงินได้ตั้งมากมาย ทำให้เขาลืมคิดไปเสียสนิทว่า เย่โม่ยังเป็นเพียงแค่นักเรียนมัธยมปลายที่กำลังจะสอบเอนทรานซ์คนหนึ่งเท่านั้น!
ส่วนเย่เจียเจียนั้นไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว เพราะมัวแต่ลองชุดเสื้อผ้าใหม่ที่เพิ่งซื้อมาอย่างมีความสุข แม้ว่าเสื้อผ้าในร้านจะมีแบบของเด็กสาว แต่เย่เจียเจียกลับเลือกในแบบที่เป็นผู้ใหญ่หน่อย และเมื่อลองสวมขึ้นมาก็ดูสวยและเป็นสาวขึ้นมากทีเดียว
“สวยมากเลยเจียเจีย!”
เมื่อเห็นน้องสาวยืนหมุนไปหมุนมาอยู่หน้ากระจก เย่โม่ก็อดที่จะยิ้มออกมา และเอ่ยชมไม่ได้!
แต่เย่เจียเจียกลับหันไปส่งสายตาค้อนให้เย่โม่แทน พร้อมกับพูดเจื้อยแจ้วว่า “มันแน่นอนอยู่แล้ว! นี่พี่ยังไม่รู้อีกเหรอว่ามีน้องสาวสวยขนาดไหน!”
เย่โม่ฟังแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมา พร้อมกับจ้องมองน้องสาวที่หลงตัวเองด้วยความขบขัน
วันนี้เย่โม่ยุ่งวุ่นวายมาทั้งวันแล้ว แม้ว่าเขาจะได้รับเซรุ่มกัปตันอเมริกันมาจนร่างกายแข็งแกร่ง แต่นั่นไม่ได้ครอบคลุมไปถึงจิตใจ และเวลานี้เขาก็เริ่มรู้สึกเหน็ดเหนื่อยใจขึ้นมาเล็กน้อย ทุกคนในบ้านเองก็ดูเหมือนจะสังเกตเห็นสีหน้าที่เหนื่อยล้าของเย่โม่ จึงได้บอกให้เขารีบไปนอนพักผ่อน
เช้าวันจันทร์…
เย่โม่ตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่เป็นคนแรก ตามมาด้วยเจียหมินและสามี ทั้งคู่แต่งตัวเรียบร้อย แต่สีหน้ากลับดูหวาดกลัวและเป็นกังวล เพราะเกรงว่าจะไปกลายเป็นตัวตลกในที่ทำงาน
ปกติแล้วเย่โม่ก็มักจะตื่นนอนในเวลาเจ็ดโมงเช้าของทุกวัน หลังจากล้างหน้าแปรงฟันอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินลงไปข้างล่าง และได้ปลอบลุงกับป้าไปว่า
“ไม่ต้องกังวลใจไปนะครับ ประธานเฟิงจะคอยสอนงานลุงกับป้าเอง!”
“ประธานเฟิงเป็นถึงเจ้าของโรงงาน คงต้องมีงานรัดตัวทั้งวัน แล้วจะเอาเวลาไหนมาคอยดูแลสอนงานพวกเราสองคน! ขอแค่รองประธาน หรือใครสักคนมาสอนงานให้พวกเราแทนก็พอแล้วล่ะโม่!”
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับลุง! ยังไงๆ ประธานเฟิงก็คงต้องลงมาดูแลลุงกับป้าด้วยตัวเองอยู่แล้ว!”
“ทำไมเธอถึงได้มั่นใจขนาดนั้น?” เย่เจี้ยนกัวถามขึ้นอย่างไม่มั่นใจนัก
“งั้นมาพนันกันมั๊ยล่ะครับ? ถ้าเป็นอย่างที่ผมพูด ก็ให้ป้าหมินทำอาหารเย็นอร่อยๆให้ผมทาน แต่ถ้าผมเดาผิด ผมจะพาทุกคนออกไปทานอาหารนอกบ้านแทน!”
“ตกลง!”
เย่เจี้ยนกัวรับคำท้าของเย่โม่ทันที
ตอนนี้ เจียงหมินก็ได้เตรียมอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว และได้เรียกทุกคนให้มานั่งกินกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตารวมทั้งเย่เจียเจียด้วย
หลังจากรับประทานอาหารเช้ากันเรียบร้อยแล้ว เย่เจียเจียก็ไปโรงเรียนตามปกติ ส่วนเย่โม่มีธุระที่ต้องไปทำ เย่เจี้ยนกัวกับเจียงหมินจึงได้เดินทางไปทำงานเพียงลำพังสองคน
โรงงานกั๋วตงฟาร์มาซูติคัล เมืองฉางเฟิง…
ขณะที่เฟิงกั๋วตงกำลังนั่งทำงานอยู่ในห้องนั้น จู่ๆเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เมื่อกดรับสาย เสียงเลขาส่วนตัวของเขาก็ดังขึ้น
“ประธานเฟิงคะ คุณลุงกับคุณป้าของคุณเย่มาเริ่มงานแล้วค่ะ!”
ทันทีที่ได้ยินว่าเย่เจี้ยนกัวกับเจียงหมินมาเริ่มงานแล้ว เฟิงกั๋วตงก็รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างรวดเร็ว ดวงตาทั้งคู่เป็นประกายขึ้นมาทันที พร้อมตอบกลับไปว่า
“บอกทั้งคู่ให้รอผมประเดี๋ยว ผมกำลังจะลงไปพบพวกเขาเดี๋ยวนี้แล้ว!”
เวลานี้ เย่เจี้ยนกัวกับเจียงหมินกำลังนั่งอยู่ในห้องทำงานของแผนกบุคคล แม้ว่าพวกเขาทั้งคู่พอจะรู้ขอบข่ายหน้าที่ความรับผิดชอบของตนเองบ้างแล้ว แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะต้องทำอะไรบ้าง หรือต้องให้ความสนใจกับเรื่องไหนเป็นพิเศษ ทั้งคู่จึงดูตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
“สวัสดีครับพี่เย่ สวัสดีครับพี่สะใภ้!”
ทันทีที่เดินเข้ามา เฟิงกั๋วตงก็รีบร้องตะโกนทักทายมาแต่ไกล พร้อมกับยิ้มให้อย่างอบอุ่น เย่เจี้ยนกัวกับเจียงหมินได้แต่พยักหน้าพร้อมกับยิ้มเก้อเขิน
“นี่ผมมารอพวกคุณสองคนตั้งแต่เช้าเลยนะครับเนี่ย!”
เฟิงกั๋วตงร้องบอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะหันไปสั่งเลขาที่เดินตามมาว่า “เอาเอกสารที่เตรียมไว้มา!”
เลขานุการส่วนตัวของเฟิงกั๋วตงรีบนำเอกสารสองฉบับทีเตรียมมา ไปให้สองสามีภรรยาทันทีพร้อมกับพูดขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเช่นกัน
“นี่เป็น Job Description ของพวกคุณทั้งสองคนนะคะ ถ้าอ่านแล้วมีอะไรไม่เข้าใจ ก็ถามดิฉันได้เลยนะคะ ดิฉันจะอธิบายให้ฟังเอง!”
หลังจากที่เฟิงกั๋วตง เย่เจี้ยนกัว และเจียงหมินพูดคุยกันต่ออีกเล็กน้อย เฟิงกั๋วตงก็ขอตัวกลับไปทำงานต่อ เพราะมีประชุมสำคัญกำลังรอเขาอยู่ หลังจากร่ำลากันแล้ว เฟิงกั๋วตงก็เดินออกไปจากห้องทันที
เย่เจี้ยนกัวกับเจียงหมินก้มลงอ่านเอกสารในมือ แต่ดูเหมือนทั้งคู่จะไม่ค่อยเข้าใจข้อความที่อยู่ในเอกสารเท่าไหร่นัก เลขานุการของเฟิงกั๋วตงจึงรีบเข้ามาอธิบายให้ฟังทันที
เย่เจี้ยนกัวรับผิดชอบดูแลในเรื่องการผลิตยาปี่แป่หยกน้ำค้าง ส่วนเจียงหมินนั้นทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยของเย่เจี้ยนกัวอีกที และมีหน้าที่คอยรับผิดชอบดูแลเรื่องการเข้างานของพนักงานในสายการผลิตของตนเอง
แต่จะว่าไป พนักงานในโรงงานของเฟิงกั๋วตงต่างก็มีประสบการณ์ในการทำงาน และเข้าใจเนื้อหาของงานผลิตได้ดีอยู่แล้ว ทั้งเย่เจี้ยนกัวและเจียงหมินจึงมีหน้าที่เพียงแค่คอยสอดส่องดูแลอยู่ห่างๆเท่านั้น เพื่อให้พวกเขาทำงานได้อย่างไม่มีอะไรผิดพลาด
ความจริงแล้ว งานของทั้งสองคนก็ไม่ใช่งานที่ยากเย็นอะไร แต่ที่เฟิงกั๋วตงเสนอเงินเดือนให้ค่อนข้างสูงนั้น ก็เพราะต้องการที่จะเอาใจเย่โม่นั่นเอง
เวลานี้ เฟิงกั๋วตงเข้าใจได้ดีแล้วว่า หากยาปี่แป่หยกน้ำค้างเปรียบเสมือนไข่ทองคำ เย่โม่ก็คงจะเป็นแม่ไก่ที่ออกไข่ทองคำนั่นเอง!
และตราบใดที่เขายังคงลงเรือลำเดียวกันกับเย่โม่แบบนี้ เขาก็เชื่อว่า ชีวิตของเขานับจากนี้จะมีแต่ความรุ่งเรืองดั่งฤดูใบไม้ผลิอย่างแน่นอน!
--------------------------
ติดตามนิยายแปลสนุกๆอีกหลายเรื่องได้ที่เพจ : แปลสนุก