ตอนที่ 24 เธอน่ะเป็นผู้ชายที่ดี
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้จะอยู่ที่ไหนเธอก็รู้สึกเหมือนไม่ใช่บ้านของเธอ ครอบครัวลู่ไม่ใช่บ้านของเธออีกต่อไป อีกทั้งเธอเองไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนของครอบครัวเจียงอีกต่อไปด้วยเช่นกัน
เป็นเวลาเกือบทศวรรษที่เธอรู้สึกเหมือนดอกแดนดิไลอ้อนที่ลอยละล่องไปตามลม เธอปล่อยให้โชคชะตาเป็นดั่งสายลมที่จะพัดพาเธอไปทุกที ชีวิตที่เหลือไม่ต่างไปจากหลุมลึกของความเหงา มันรกร้างว่างเปล่า
มาคิดเอาตอนนี้ ช่างฟังดูน่าขันและไร้สาระ ต้นเหตุของความเหงาล้วนเกิดจากตัวเธอเอง เธอสร้างเขตแดนและแยกตัวออกจากโลกที่ควรจะเป็น เธอดื้อรั้น เห็นแก่ตัว ปฏิเสธความรัก ความห่วงใยจากคนที่เธอรักและแค้นเคืองคนที่เธอรักสุดหัวใจ
สุดท้ายก็ได้แต่เก็บเกี่ยวสิ่งที่ตัวเองหว่าน สมควรแล้วล่ะที่จะได้รับผลจากการกระทำเหล่านั้น
“เจียงเหยา คุณยังตำหนิพ่อกับแม่ของคุณอยู่หรือเปล่า?” ลู่ชิงสีจอดจักรยานไว้ข้างถนนแล้วหันไปมองหญิงสาวที่อยู่ข้างหลังเขา คำพูดนั้นดูจริงจังและเคร่งขรึม
“พ่อและแม่ของคุณ เขารักคุณมากนะ”
เจียงเหยาพยักหน้ารับรู้ “ไม่แล้วล่ะ พวกเขาพูดถูก คุณเป็นคนดี การได้แต่งงานกับคุณเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของฉัน”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยนปนเขินอาย ซึ่งแตกต่างไปจากเจียงเหยาที่เขาเคยรู้จัก ทำให้เขาไม่สามารถแยกแยะความจริงใจในคำพูดของเธอได้เลย
หรือจะให้พูดอีกนัยหนึ่ง บางทีคำพูดที่น่าฟังก็ไม่มีอะไร นอกจากคำชื่นชมที่แฝงความประชดประชันของเธอก็เป็นได้
“ร้อนมากแล้ว นี่จะทำให้ผิวฉันกลายเป็นสีแทนหรือไง รีบไปกันเถอะ”
เจียงเหยารู้ว่าลู่ชิงสีกำลังสงสัยในคำพูดของเธอ เธอไม่รีบร้อนที่จะอธิบายอะไรในตอนนี้
ทว่าตอนนี้เธอแทบจะทนต่อความร้อนอบอ้าวไม่ไหว จึงต้องสะกิดลู่ชิงสีให้รีบขึ้นมาปั่นจักรยานอีกครั้ง ก่อนจะก้มหน้าลงกินไอศกรีมที่อยู่ในมือ “ไอติมละลายหมดแล้ว!”
“โยนทิ้งไปเถอะ คุณยังไม่หายไข้ด้วย” ลู่ชิงสีคว้าไอศกรีมจากมือเธอวางลงข้างถนน
ก่อนจะออกจากบ้าน เขาหายตัวไปแวบหนึ่ง แล้วกลับมาพร้อมกับเหงื่อที่โชกไปทั่วตัว มองดูแล้วไม่ต่างไปจากลูกหมาตกน้ำ โดยในมือถือไอศกรีมที่ตั้งใจซื้อมันให้กับเธอ
เขารู้สึกเสียใจขึ้นมาทันที เมื่อคิดว่าเธอยังไม่หายป่วย ทว่ามันสายเกินไปแล้ว เจียงเหยายิ้มและส่ายขาไปมาเหมือนเด็กหญิงที่มีความสุขอยู่บนเบาะหลังของจักรยาน ขณะดูดเลียไอศกรีม
ครึ่งชั่วโมงต่อมา พวกเขามาถึงประตูบ้านตระกูลเจียง
เวลานี้ เจียงหมิงเว่ย พ่อของเจียงเหยา และหวังฮุ่ยหลาน แม่ของเจียงเหยา อยู่ในบ้าน
เมื่อเห็นว่าเจียงเหยาและลู่ชิงสีเดินเข้ามาในบ้าน พ่อและแม่ของเธอจ้องมองพวกเขาด้วยสายตาที่สับสน เหมือนจะไม่เชื่อสายตาของตัวเอง
“พ่อครับ แม่ครับ” ลู่ชิงสีทักทายพวกเขา เขามองไปรอบ ๆ เมื่อไม่เห็นเจียงเจียและเจียงเล่ย “อยู่กันสองคนเหรอครับ น้อง ๆ เขาไปไหนครับ”
“เจียงเจียยุ่งกับงานของเขานั่นล่ะ เขาไม่ค่อยจะอยู่ติดบ้าน ส่วนเจียงเล่ยทานข้าวแล้วก็ออกไป ไม่รู้ว่าไปไหนเหมือนกัน” แม่เจียงต้อนรับพวกเขาเข้าไปในบ้าน และนำน้ำมาให้
“อากาศร้อนมาก คงจะร้อนกันล่ะสิ เอ้า ดื่มน้ำก่อน”
สามีภรรยาคู่นี้เป็นชาวนาจึงมีท่าทีเจียมเนื้อเจียมตัว ตรงข้ามกับภูมิหลังของคนมีอันจะกินอย่างตระกูลลู่ บ้านของตระกูลเจียงเป็นบ้านไม้ทั่วไปที่มักพบเห็นในเขตชนบท บ้านหลังนี้เพิ่งจะได้รับการปรับปรุงใหม่เมื่อไม่นานนี่เอง
“ชิงสี กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?” พ่อเจียงดีใจที่ได้พบหน้าลูกเขย เจียงเหยาเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวและยังเป็นลูกคนสุดท้อง ในครอบครัวเจียงจึงรักเธอมาก ทำให้พ่อเจียงรักลูกเขยคนนี้มากไปด้วย
“ผมเพิ่งมาถึงเช้านี้ครับ เอ่อ พ่อครับ แม่ครับ เจียงเหยาได้รับจดหมายตอบรับจากมหาวิทยาลัยการแพทย์หนานเจียงแล้วล่ะครับ” ลู่ชิงสีรีบบอกข่าดีกับพ่อแม่ของภรรยาทันที เขาอยากแบ่งปันความตื่นเต้นดีใจนี้ให้กับท่านทั้งสอง
ทว่าไม่เหมือนดังที่คาดหวังไว้ ไม่เพียงแต่จะไม่ทำให้พ่อแม่ของเจียงเหยามีความสุข แต่กลับทำให้แม่เจียงหน้าเสีย
“พ่อคิดว่าแกสมัคร ม.จินโด! แล้วเกิดอะไรขึ้นถึงได้รับจดหมายตอบรับจาก ม.หนานเจียง” พ่อเจียงถามอย่างโกรธจัด
“มหาวิทยาลัยแพทย์หนานเจียง อยู่ไกลจากค่ายทหารที่ชิงสีสังกัดมาก เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง”