WS บทที่ 280 สิ่งที่คิด
บนชายหาดมีกลิ่นเหม็นของเนื้อไหม้ลอยอยู่ในอากาศ เมื่อพลังธาตุมืดสลายหายไป สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าทุกคนกลับกลายเป็นฉากที่เลวร้ายราวกับนรก
บนชายหาดเปิดมีแขนขาที่ฉีกขาดไหม้เป็นตอตะโก สัตว์ทะเลที่รุกรานเหมือนทะเลก่อนหน้านี้ไม่มีให้เห็นแล้ว
อย่างไรก็ตาม ซากศพที่เหลืออยู่บนชายหาดนั้นเป็นของสัตว์ทะเลขนาดยักษ์โดยเฉพาะ สัตว์ทะเลที่อ่อนแอกว่าเล็กน้อยได้สลายเป็นเถ้าถ่านจากการแผดเผาของเพลิงวินาศของเมอร์ลิน
“ทรงพลัง ทรงพลังจริง ๆ ผู้ถือครองเสื้อคลุมขอบทองมีพลังขนาดนี้เลยเหรอ?”
พ่อมดอ้วนท้วมจ้องไปที่ที่ชายหาดตรงหน้าเขาด้วยความตกตะลึง ย้อนกลับไปตอนนั้น เขายังขอ ‘การต่อสู้กระชับมิตร’ กับเมอร์ลิน ดูเหมือนว่าเขาจะโชคดีที่เมอร์ลินเลือกที่จะไม่ยอมรับคำขอของเขา
พ่อมดจากป้อมอูดอนทุกคนจินตนาการไม่ออกว่าพ่อดเสื้อคลุมขอบทองมีพลังมากแค่ไหนแต่พวกเขาไม่คิดว่าจะทรงพลังถึงเพียงนี้
ถึงสัตว์ทะเลเหล่านี้จะมีพลังต่ำกว่านักเวทย์ระดับห้าแต่พวกมันก็ยังมีจำนวนมากถึงหลายร้อยตัว
ในตอนนี้ สัตว์ทะเลจำนวนมหาศาลเหล่านี้ได้ถูกกำจัดจนหมดสิ้นด้วยน้ำมือของเมอร์ลิน
ด้วยเหตุผลข้างต้น ทำให้พวกเขาเข้าใจอย่างแท้จริงว่า ‘เสื้อคลุมขอบทอง’ นั้นทรงพลังเพียงใด นักเวทย์ที่สามารถครอบครองเสื้อคลุมขอบทองย่อมมีพละกำลังมหาศาลอย่างคาดไม่ถึง
เมอร์ลินส่ายหัวเบา ๆ และยิ้มให้พ่อมดเบย์ตันขณะที่เขาพูด “น่าเสียดายที่ซากสัตว์ทะเลเหล่านี้เสียหายมากเกินไป ตอนนี้เราไม่สามารถใช้ซากสัตว์ทะเลเพื่อแลกกับหินธาตุได้”
“แค่พวกเรารอดชีวิตมาได้ เรายังจะขออะไรอีก? พ่อมดเมอร์ลิน คราวนี้ พวกเราเป็นหนี้บุญคุณท่านจริง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะท่าน ผมแน่ใจว่าพวกเราทุกคนบนเกาะเพลิงม่วงจะตายกันหมด…”
พ่อมดเบย์ตันมองไปที่ผู้รอดชีวิตสิบคนที่มีสีหน้าที่มืดมน มีนักเวทย์ทั้งหมดร้อยคนหรือมากกว่านั้นอยู่ทั่วทั้งเกาะเพลิงม่วง อย่างไรก็ตาม หลังจากการโจมตีของสัตว์ทะเลระลอกแรก ครึ่งหนึ่งของพวกเขาได้เสียชีวิตลง
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ใบหน้าของพ่อมดเบย์ตันก็ฟื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เขาก็บอกนักเวทย์อีกสิบคนที่เหลือว่า
“พวกเรามาทำความสะอาดเกาะกันก่อน”
ณ ตอนนี้ เกาะเพลิงม่วงวุ่นวายมาก ก่อนอื่นพวกเขาจะต้องหาร่างนักเวทย์ที่เสียสละชีวิตมาทำการฝังศพให้เหมาะสม ดังนั้น ภายใต้การนำของพ่อมดเบย์ตัน ทุกคนจึงเริ่มทำความสะอาดอย่างรวดเร็ว
…
“พ่อมดโบเซตต้า เกาะเพลิงม่วงอยู่ข้างหน้าพวกเราแล้ว!!”
สูงขึ้นไปบนท้องฟ้า กลุ่มนักเวทย์ใช้เวทมนตร์ธาตุลมและบินไปยังเกาะเพลิงม่วงอย่างเร่งรีบ
ดวงตาของพ่อมดโบเซตต้าจ้องเขม็งแต่ไม่นานหลังจากนั้น ดวงตาของเขาก็สั่นคอนอย่างที่อธิบายไม่ได้ เขาพึมพำออกมาว่า
“ทำไมไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ บนเกาะเพลิงม่วงเลย? พ่อมดเบย์ตันไม่ได้ส่งข้อความกลับมาว่ามีการบุกรุกของสัตว์ทะเลขนาดใหญ่ใช่มั้ย? ทำไมมันถึงเงียบแบบนี้?”
อันที่จริง มันเงียบเกินไป ณ เวลานี้ เมื่อมองจากไกล ๆ สถานที่ดูค่อนข้างสงบ ราวกับไม่ได้ถูกโจมตีจากสัตว์ทะเลจำนวนมหาศาล
“เป็นไปได้ไหมที่นักเวทย์ทั้งหมดบนเกาะเพลิงม่วงนั้นตายหมดแล้ว?”
เหล่านักเวทย์ในกลุ่มเริ่มคิดแบบเดียวกัน ด้วยเหตุนั้น ทำให้สีหน้าของพวกเขาจึงดูค่อนข้างหดหู่
พ่อมดโบเซตต้าเริ่มประหม่ามากขึ้นและธาตุลมในร่างกายของเขาก็เข้มข้นขึ้นเช่นกัน ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นเมื่อเขาบินออกจากกลุ่มไปอย่างร้อนรน
*หวู่ม!*
พ่อมดโบเซตต้าร่อนลงบนที่ชายหาด เขาเห็นว่ามีเศษแขนขาขาดอยู่บนชายหาดและมีรอยไหม้บนต้นไม้โดยรอบ
กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นยังคงแผ่กระจายไปในอากาศ ซึ่งทั้งหมดชี้ให้เห็นถึงการต่อสู้ที่รุนแรงเมื่อเร็ว ๆ นี้บนชายหาดที่ทอดยาวนี้
“ไม่ เบย์ตัน น้องต้องไม่ตาย!!!”
สีหน้าของพ่อมดโบเซตต้านั้นมืดมน เขามองไปรอบตัวเขา ราวกับว่ากำลังจินตนาการพ่อมดเบย์ตันอยู่ไม่ไกลจากที่เขายืนอยู่แต่บริเวณโดยรอบกลับไม่มีเสียงอะไรเลย มีเพียงเสียงคลื่นทะเลที่สาดซัดชายหาดมาเป็นครั้งคราวเท่านั้น
*หวู่ม!*
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง นักเวทย์คนอื่น ๆ ก็ร่อนลงจอดบนชายหาด พวกเขายังเห็นความยุ่งเหยิงอันน่าสยดสยองบนชายหาด พ่อมดคนหนึ่งส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ เขาได้พูดกับพ่อมดโบเซตต้าว่า
“พ่อมดโบเซตต้า ดูเหมือนว่านักเวทย์ทุกรายบนเกาะเพลิงม่วงจะเสียชีวิตแล้ว กระทั่งศพของพวกเขาก็ยังถูกสัตว์ทะเลกัดกินไปด้วย”
เมื่อได้เห็นฉากนี้ นักเวทย์ทุกคนก็มีความคิดแบบเดียวกัน บนชายหาดมีซากสัตว์ทะเลเพียงเท่านั้น ไม่มีศพนักเวทย์แม้แต่คนเดียว เรื่องนี้เพียงอย่างเดียวทำให้อธิบายสถานการณ์ได้ เนื่องจากสัตว์ทะเลที่ชั่วร้ายเหล่านั้นจะกินซากศพของนักเวทย์หากมีโอกาส
“ฉันจะฆ่าสัตว์ทะเลพวกนั้น พวกมันจะต้องตายทั้งหมด!”
คลื่นธาตุไฟอันรุนแรงพุ่งเข้าใส่ร่างกายของพ่อมดโบเซตต้าอย่างบ้าคลั่ง อุณหภูมิโดยรอบดูเหมือนจะสูงขึ้นในทันที ร่างกายของเขาเปล่งรัศมีอาฆาตรุนแรง
“ไปกันเถอะ สัตว์ทะเลพวกนั้นไปได้ไม่ไกล ฉันอยากฆ่าพวกมันให้หมดและล้างแค้นให้เบย์ตัน!”
เมื่อพ่อมดโบเซตต้ากำลังจะบินไปยังทะเลอันกว้างใหญ่ มีร่างสองสามร่างโผล่ออกมาจากด้านหลังของเขา
"นั่นใคร!?"
นักเวทย์เหล่านี้เป็นอย่างน้อยก็เป็นนักเวทย์ระดับสี่ ดังนั้นประสาทสัมผัสของพวกเขาจึงค่อนข้างเฉียบคม เมื่อพวกเขาตรวจพบผู้คนรอบตัวพวกเขา พลังจิตของพวกเขาจะมุ่งตรงไปที่นักเวทย์สองสามคนที่อยู่ข้างหลังพวกเขาทันที
“โบเซตต้า!”
“เบย์ตัน น้องยังไม่ตายเหรอ?”
เมื่อพ่อมดเบย์ตันและพ่อมดโบเซตต้าเห็นหน้ากัน ความสุขก็ปกคลุมใบหน้าของพวกเขา ทั้งคู่เป็นพี่น้องร่วมสายเลือดและได้เข้าร่วมป้อมอูดอนในเวลาเดียวกัน ภราดรภาพของพวกเขาจึงผูกพันกันอย่างแน่นแฟ้น
อย่างไรก็ตาม พรสวรรค์ของพ่อมดโบเซตต้านั้นดีกว่าพ่อมดเบย์ตันมาก ดังนั้นเขาจึงเป็นนักเวทย์ระดับห้า ในขณะที่พ่อมดเบย์ตันยังคงเป็นนักเวทย์ระดับสี่
เมื่อเห็นว่าพ่อมดเบย์ตันยังไม่ตาย พ่อมดโบเซตต้าก็ดีใจ เขายิ้มขณะถาม “เบย์ตัน ข้อความที่น้องส่งให้เราก่อนหน้านี้ซึ่งแจ้งว่ามีสัตว์ทะเลจำนวนมากโจมตีเกาะเพลิงม่วงนั่นจึงเป็นเหตุผลที่พี่นำคนกลุ่มนี้และรีบมาที่นี่ ฉันไม่ได้คาดหวังว่าน้องจะจัดการพวกมันได้”
พ่อมดโบเซตต้ามองสลับไปที่ซากสัตว์ทะเลจำนวนมหาศาลบนชายหาดกับพ่อมดเบย์ตันด้วยความรู้สึกสับสน ซากสัตว์ทะเลสองสามตัวที่เขาเห็นเป็นสัตว์ทะเลที่แข็งแกร่งซึ่งเป็นเรื่องยากที่นักเวทย์ระดับสี่จะจัดการได้ง่าย ๆ
พ่อมดเบย์ตันส่ายหัวและพูดว่า “พวกเราไม่ได้จัดการสัตว์ทะเลเหล่านี้ อันที่จริง สัตว์ทะเลที่โจมตีเกาะเพลิงม่วงวันนี้มีความแข็งแกร่งที่ไม่เคยมีมาก่อนและมีจำนวนมหาศาลเกือบหลายร้อยตัวซึ่งเป็นสัตว์ทะเลที่แข็งแกร่งทั้งหมด ในหมู่พวกมันมีสัตว์ทะเลระดับสี่หลายตัวและยังมีสัตว์ทะเลระดับสี่ที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษอย่างสัตว์ทะเลหกตา ด้วยพลังป้องกันบนเกาะเพลิงม่วง เราจะสามารถกำจัดสัตว์ทะเลขนาดมหึมาได้อย่างไร?”
"โอ้? นอกจากพวกน้องแล้วมีใครอีกบ้างบนเกาะนี้?”
พ่อมดโบเซตต้าตระหนักดีถึงพลังป้องกันบนเกาะเพลิงม่วง เมื่อได้ยินว่ามีสัตว์ทะเลที่แข็งแกร่งหลายร้อยตัวโจมตีเกาะ เขาก็รู้ว่าด้วยการป้องกันของเกาะเพลิงม่วงเพียงอย่างเดียว เป็นการยากที่จะยับยั้งสัตว์ทะเลเหล่านั้น
“นั่นพ่อมดเมอร์ลิน! เขาเป็นจัดกรพวกมันและช่วยพวกเราไว้”
พ่อมดเบย์ตันยิ้มเล็กน้อยขณะที่เขาแนะนำพ่อมดโบเซตต้าให้เมอร์ลินรู้จัก “พ่อมดเมอร์ลิน นี่คือพี่ชายของผม พ่อมดโบเซตต้าพ่อมดเสื้อคลุมเทาขั้นกลาง!”
“พ่อมดโบเซตต้า ยินดีที่ได้รู้จัก!”
เมอร์ลินโค้งคำนับอย่างนุ่มนวลในขณะที่พ่อมดโบเซตต้าหรี่ตาลง ไม่นานหลังจากนั้น เขาสังเกตเห็นเสื้อคลุมขอบทองของเมอร์ลิน และสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“พ่อมดเมอร์ลิน สัตว์ทะเลเหล่านี้ถูกคุณฆ่าทั้งหมดหรือ?”
แม้ว่าเขาจะรู้ว่าผู้ถือเสื้อคลุมขอบทองนั้นทรงพลังมากแต่พ่อมดโบเซตต้าก็ยังสงสัย เขาไม่สามารถจินตนาการได้ว่าคนที่ไม่ใช่นักเวทย์ระดับห้าจะสามารถฆ่าสัตว์ทะเลจำนวนมากเพียงลำพังได้
นอกจากนี้ แม้แต่ตัวนักเวทย์ระดับห้าเองก็ยังยากที่จะป้องกันสัตว์ทะเลจำนวนมากได้ อย่างน้อย โบเซตต้าก็ยอมรับว่าเขาเองก็ทำไม่ได้
เมอร์ลินไม่ได้ให้คำตอบแต่เป็นพ่อมดเบย์ตันที่ตอบแทน “โบเซตต้า พ่อมดเมอร์ลินคือนักเวทย์ที่เชี่ยวชาญในคาถาธาตุมืด!”
“คาถาธาตุมืด!”
พ่อมดเซตต้าตกตะลึงกับเรื่องนี้ เนื่องจากนักเวทย์ธาตุมืดนั้นหายากมาก โดยปกติแล้วพ่อมดพเนจรหรือพ่อมดของกลุ่มจะไม่สร้างเวทย์มนตร์ธาตุมืด
อย่างไรก็ตาม เมื่อการก่อสร้างประสบความสำเร็จ คาถาธาตุมืดจะเป็นคาถาฝันร้ายสำหรับผู้ที่มีพลังจิตอ่อนแอ สำหรับนักเวทย์ธาตุมืดต่อให้ฝ่ายตรงข้ามมีจำนวนมหาศาลก็ไม่อาจทำอะไรนักเวทย์ธาตุมืดได้เลย
ถึงกระนั้น พ่อมดโบเซตต้ายังคงอุทานว่า “เสื้อคลุมขอบทอง…เท่าที่ฉันจำได้ เสื้อคลุมขอบทองของนักเวทย์เสื้อคลุมเทาฝึกหัดนั้นเว้นว่างนานว่าสิบปีและไม่มีพ่อมดเสื้อคลุมเทาคนใดเลยสามารถครอบครองมันได้ พ่อมดเมอร์ลินคงเพิ่งเข้าร่วมป้อมอูดอนแถมยังได้รับเสื้อคลุมขอบทองอีกด้วย ดูเหมือนว่าคุณสมควรที่จะได้รับมันไป!”
พ่อมดโบเซตต้าอาจเป็นนักเวทย์ระดับห้าแต่เขายังคงประทับใจและเคารพผู้ถือครองเสื้อคลุมขอบทอง
“เอาล่ะ เบย์ตัน เนื่องจากไม่มีปัญหาใด ๆ บนเกาะเพลิงม่วงอีกต่อไปแล้ว ฉันจะกลับไปรอคำสั่งต่อไป”
ครั้งนี้ พ่อมดโบเซตต้าได้นำพ่อมดชุดสีเทาจำนวนมากมาที่แห่งนี้โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการจัดหากำลังเสริมให้กับเกาะเพลิงม่วง ตอนนี้ที่เกาะเพลิงม่วงปลอดภัยแล้ว เขาจะกลับไปรายงานตัวกับเบื้องบนในป้อมอูดอน
"เดี๋ยวก่อน"
สีหน้าของพ่มดเบย์ตันดูจริงจัง ในขณะที่เขารั้งตัวพ่อมดโบเซตต้าไว้และพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า “โบเซตต้า เมื่อพี่กลับไป พี่ต้องชี้แจงกับเบื้องบนของป้อมอูดอนเกี่ยวกับความรุนแรงของสถานการณ์ การรุกรานของสัตว์ทะเลครั้งนี้ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวอย่างแน่นอน ด้วยการป้องกันบนเกาะเพลิงม่วงในปัจจุบัน ไม่มีทางที่เราจะหยุดยั้งพวกมันได้ พวกเขาต้องส่งพ่อมดเสื้อคลุมเทาขั้นกลางมาที่นี่อย่างน้อยหนึ่งคน!”
“พ่อมดเสื้อคลุมเทาขั้นกลาง?”
สีหน้าของโบเซตต้าดูเคร่งขรึมทันที เขาเข้าใจจากคำอธิบายของพ่อมดเบย์ตันว่าการโจมตีของสัตว์ทะเลก่อนหน้านี้น่ากลัวเพียงใด หากไม่มีนักเวทย์ระดับห้า พวกเขาก็ไม่สามารถยับยั้งพวกมันได้
ในช่วงเวลานี้ การโจมตีของสัตว์ทะเลที่พบในหมู่เกาะเคิร์ดมันสลาเริ่มมีมากขึ้นเรื่อย ๆ การป้องกันจะต้องได้รับการเสริมกำลัง มิฉะนั้น อาจมีการโจมตีของสัตว์ทะเลแบบนี้เป็นครั้งที่สองหรือสาม
“เอาล่ะ เมื่อฉันกลับมาคราวนี้ ฉันจะอธิบายให้พวกชั้นสูงในป้อมอูดอนให้ทราบโดยละเอียดเกี่ยวกับสถานการณ์ เบย์ตัน ถ้ามันช่วยไม่ได้จริง ๆ น้องควรกลับไปที่เกาะหลัก ที่นั่นไม่มีอันตรายมากนัก…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ เบย์ตันก็เริ่มสั่นศีรษะอย่างไม่เห็นด้วยกับการถอนหายใจยาว “โบเซตต้า เมื่อฉันมาถึงเกาะเพลิงม่วงในตอนแรก ฉันมีความตั้งใจที่จะต่อสู้ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายเช่นนี้ เพื่อเพิ่มศักยภาพของฉันให้ก้าวเข้าสู่นักเวทย์ระดับห้า ฉันจะไม่ออกจากเกาะเพลิงม่วงตราบเท่าที่ฉันยังไม่ได้เป็นนักเวทย์ระดับห้า”
โบเซตต้าตระหนักดีถึงนิสัยของพ่อมดเบย์ตัน ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงพยักหน้าตอบ ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็นำกลุ่มนักเวทย์ออกจากเกาะ
ในขณะนั้นเอง เมอร์ลินก็ออกมาและพูดกับพ่อมดเบย์ตันว่า “ฉันก็จะไปเหมือนกัน ตอนแรกฉันตั้งใจจะตามหาดินลาวาจากภูเขาไฟที่ดับแล้วบนเกาะเพลิงม่วงแต่ดูเหมือนว่าตอนนี้สิ่งต่าง ๆ จะไม่ง่ายอีกต่อไปแล้ว”
“ดินลาวา? พ่อมดเมอร์ลินไม่มีดินลาวาบนเกาะเพลิงม่วงงั้นหรือ อย่างไรก็ตาม หากท่านต้องการดินลาวาจริง ๆ ผมพอจะมีความคิดบางอย่าง!”
พ่อมดเบย์ตันมองไปที่เมอร์ลินอย่างสงบ รอยยิ้มลึกลับประทับอยู่ที่ริมฝีปากของเขา