879-880
5/10
Ep.879
“ซูเฉิน ไว้ชีวิตข้าเถอะ!” ชาวเผ่าเทพร้องอ้อนวอน
เขารู้ดี ว่าลำพังตนย่อมไม่สามารถหยุดซูเฉินได้ หากอยากมีชีวิตรอด มีแต่ต้องขอความเมตตาจากซูเฉินเท่านั้น
ซูเฉินแค่นเสียงหัวเราะในลำคอ ชก [ชีวิตเมามายจมอยู่ในห้วงฝัน] สะกดให้ชาวเผ่าเทพตกอยู่ในห้วงภวังค์ แล้วโฉบกายไปเบื้องหน้า สะบั้นหนึ่งคมดาบตวัดเป็นแนวนอน
หลังจากอัพเกรด [ดาบเสริมมนตรา] มันก็ได้กลายเป็นสิ่งประดิษฐ์เทวะแล้ว แม้จะไม่อัดฉีดพลังเวทย์ลงไป แต่ก็ยังคมกริบ
พรวดดดด!
ศีรษะชาวเผ่าเทพกระเด็นขึ้นฟาก ซูเฉินระเบิดหมัดตามออกไป ปลิดชีพเขาตายคาที่
หลังจากสังหารชาวเผ่าเทพ ซูเฉินหันกลับมาสังหารชาวปีศาจราตรีต่อ
เมื่อซูเฉินทั้งสองผนึกกำลังกัน อำนาจสังหารเพิ่มพูนขึ้นหลายเท่า พริบตาเดียวกดดันจนชาวปีศาจราตรีหายใจไม่ออก
เห็นชาวเผ่าเทพกับชาวมายาตกตายลงด้วยน้ำมือของซูเฉินในไม่กี่ลมหายใจ ชาวอสูรศักดิ์สิทธิ์และ ชาวอมตะต่างเกิดความตื่นตระหนกในจิตใจ เริ่มพยายามที่จะหนีจากที่นี่
ทว่าฉีมู่เฟิงและหุ่นเชิดทองคำล้วนแข็งแกร่งกว่าพวกเขา อันที่จริงทั้งสองถูกสะกดมานานแล้ว ไม่มีโอกาสหลบหนีได้เลย
ชาวอสูรศักดิ์สิทธิ์ถึงกับยอมเปิดเผยร่างที่แท้จริงออกมา กลายร่างเป็นวานรขาวขนาดสิบจั้ง แต่ก็ยังถูกฉีมู่เฟิงจับทุ่มลงไปกองกับพื้น ตามร่างกายมันตอนนี้ถูกกรีดเฉือนด้วยคมกระบี่นับไม่ถ้วน เลือดอาบไปทั้งตัวและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหล
“อ๊ากกกก!”
ในตอนนั้นเอง ภายใต้เสียงกรีดร้องอันน่าสังเวช เห็นแค่เพียงชาวปีศาจราตรี ถูกซูเฉินสองคนร่วมมือกัน สับสังหารเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
แทบจะในทันทีหลังจากนั้น ตามมาด้วยเสียงหวีดหวิว ซูเฉินสองคนกระโจนขึ้นฟ้า ตรงเข้าสังหารชาวอมตะต่อไม่มีหยุดพัก
เดิมชาวอมตะก็ถูกข่มโดยหุ่นเชิดทองคำอยู่แล้ว สุดท้ายจึงจบชีวิตลงโดยไม่อาจต่อต้านใดๆ
ณ เวลานี้ ซูเฉินเรียกคืนจิตจำลอง ก้าวช้าๆเข้าหาวานรขาว
ฉีมู่เฟิงเองก็หยุดเคลื่อนไหวเช่นกัน
ศัตรูเหลือเพียงวานรขาว ต่อให้มันมีกลวิธีเทียมฟ้า ก็มิอาจเล็ดลอดหนีไปได้
ตูม!
ระหว่างซูเฉินก้าวเข้ามา ใครจะคิดว่าวานรขาวจะคุกเข่าลงกับพื้น มันเริ่มอ้อนวอนขอความเมตตาจากซูเฉิน
“ซูเฉิน ได้โปรดไว้ชีวิตข้า! ข้ายินดีเป็นสัตว์เลี้ยงวิญญาณของเจ้า!”
ดวงตาของซูเฉินทอประกายวูบวาบ แต่ไม่ตกปากรับคำในทันที กลับยื่นมือชี้ไปทางต้นไม้ยักษ์ที่เหี่ยวเฉาแทน แล้วเอ่ยถามว่า “ต้นไม้ใหญ่นั่นใช่ต้นไม้แห่งชีวิตรึเปล่า?”
“ใช่” วานรขาวตอบทันที
“แล้วแก่นอสูรของมันอยู่ที่ไหน?” ซูเฉินถามต่อ
วัตถุประสงค์หลักของการเดินทางครั้งนี้คือต้นไม้แห่งชีวิต แต่เนื่องจากต้นไม้แห่งชีวิตได้ตายไปแล้ว การได้รับแก่นอสูรของมันมาจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก
“พวกเราไม่ได้เคลื่อนย้ายแก่นอสูรของมัน ดังนั้นสมควรอยู่ในที่เดิม” วานรขาวกล่าวตามสัตย์จริง
หัวใจของซูเฉินรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง แต่ในขณะเดียวกันก็เกิดร่องรอยของความสงสัยขึ้นในใจ
แก่นอสูรของต้นไม้แห่งชีวิต ถือเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างแน่นอน แล้วพวกวานรขาวจะไม่หวั่นไหวเลยหรือ?
“ทำไมพวกแกถึงไม่เอาแก่นอสูรของมันออกไป?” ซูเฉินถาม
“เพราะนี่คือคำสั่งของนักพรตเทียนซ่าน เขาต้องการใช้แก่นอสูรของต้นไม้แห่งชีวิตล่อลวงเจ้ามาที่นี่”
วานรขาวไม่กล้าที่จะปกปิดแม้แต่น้อย
นักพรตเทียนซ่าน?
ดวงตาของซูเฉินค่อยๆหรี่ตา จมเข้าสู่ห้วงความคิด
ก่อนหน้านี้ เขาเคยได้ยินชื่อนี้มาจากบรรพชนตระกูลเจิ้ง ว่าสมุนไพรกำเนิดเซียนคือสิ่งที่นักพรตเทียนซ่านต้องการ แต่เขากลับขโมยมันมา ถ้างั้นเป็นไปได้รึเปล่าว่านักพรตเทียนซ่านอยากจะล้างแค้น?
คิดได้แบบนี้ ซูเฉินกล่าวเสียงเย็นว่า “ถ้าอย่างนั้น การที่พวกแกมาที่นี่เพื่อปิดล้อมโจมตีฉัน นักพรตเทียนซ่านเป็นคนจัดฉากใช่ไหม?”
“ใช่”
วานรขาวก้มศีรษะลง ตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ซูเฉินเริ่มปั่นความคิดเล็กน้อย จากนั้นถามว่า “แล้วทำไมพวกแกถึงต้องเชื่อฟังนักพรตเทียนซ่านด้วย?”
ฉีมู่เฟิงเคยกล่าวไว้ ว่านักพรตเทียนซ่านพเนจรเพียงลำพังเฉกเช่นหมาป่าเดียวดาย ไม่มีผู้ใต้บังคับบัญชาใดๆ
“เขาบังคับเราให้ทำเช่นนี้ หากไม่ทำตาม เขาก็จะฆ่าพวกเรา” วานรขาวอธิบาย
6/10
Ep.880
โดนบังคับงั้นหรอ?
ซูเฉินพึมพำ
วานรขาวกับอีกสี่คนไม่เพียงแค่อยู่ในระดับเทวะเท่านั้น แต่ยังมาจากสุดยอดห้าเผ่าพันธุ์ มีกำลังรบเหนือกว่าเผ่าพันธุ์ต่างๆ แต่กลับถูกนักพรตเทียนซ่านบังคับ?
“นักพรตเทียนซ่านมีฐานฝึกตนขั้นไหน?” ซูเฉินเอ่ยถามเสียงต่ำ
“ข้าเองก็ไม่แน่ใจ” วานรขาวส่ายหัว แต่เหมือนมันกลัวว่าซูเฉินจะไม่พอใจกับคำตอบนี้ จึงอธิบายว่า “กำลังรบของนักพรตเทียนซ่านอยู่ในขอบเขตของระดับเทวะแน่นอน แต่เขาสามารถกดดันพวกเรา แล้วบีบบังคับให้ยอมจำนนได้”
แข็งแกร่งขนาดนั้นเชียว?
ซูเฉินเดาะลิ้น หันไปพูดกับฉีมู่เฟิงว่า “ระดับเทวะขั้น 5 สามารถทำแบบนั้นได้ไหม?”
“เกรงว่าจะทำไม่ได้”
ฉีมู่เฟิงตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง
“ถ้างั้นนักพรตเทียนซ่านอย่างน้อยต้องเป็นระดับเทวะขั้น 6 ขึ้นไป …” ซูเฉินสูดหายใจลึก
ระดับเทวะขั้น 6 สามารถบดขยี้เขาได้อย่างแน่นอน ซูเฉินอดไม่ได้ที่จะเริ่มรู้สึกกดดันในหัวใจ
อย่างไรก็ตาม ไม่นานเขาก็สามารถสลายความกังวลเหล่านั้นลง ไม่เหลือแรงกดดันในใจอีกต่อไป
นักพรตเทียนซ่านคือระดับเทวะขั้น 6 แล้วอย่างไร? ไม่ช้าก็เร็วซูเฉินก็จะก้าวสู่ระดับเทวะขั้น 6 เหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้นด้วยลูกเล่นมากมายของเขา ตราบใดที่ขึ้นไปถึงระดับเทวะขั้น 4 ย่อมสามารถรับมือกับนักพรตเทียนซ่านได้
“แล้วแกรู้รึเปล่าว่าทำไมนักพรตเทียนซ่านถึงต้องการกำจัดฉัน?” ซูเฉินถาม
จะใช่เพราะสมุนไพรกำเนิดเซียนแค่เรื่องเดียวรึเปล่า ซูเฉินยังไม่แน่ใจ ดังนั้นอยากจะทราบจากปากศัตรู
“เขาแค่จัดแจงสถานที่ให้พวกเราลงมือ แต่ไม่ได้บอกเหตุผล” วานรขาวส่ายหัว
ซูเฉินไม่ได้คิดมากกับคำตอบนี้ ถามต่อว่า “งั้นทำไมนักพรตเทียนซ่านไม่ลงมือด้วยตัวเอง?”
ด้วยกำลังรบของนักพรตเทียนซ่านในระดับเทวะขั้น 6 ขึ้นไป หากคิดสังหารเขาจริงๆ ไม่น่าจะยากอะไรเลย แล้วทำไมถึงต้องส่งคนอื่นมาฆ่าเขาด้วย?
นี่คือจุดที่ซูเฉินค่อนข้างสงสัย
วานรขาวอธิบาย “เพราะมิติแห่งนี้ สามารถรองรับพลังสูงสุดได้ไม่เกินระดับเทวะขั้น 1 เท่านั้น หากอยู่ในขั้นที่สูงกว่า มันจะพังทลายลง”
“อ้อ”
ซูเฉินค่อยเข้าใจถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น เขาหรี่ตามองวานรขาว ในสมองค่อยๆปั่นความคิด
วานรขาวคืออสูรระดับเทวะ หากเขายอมรับมันเป็นสัตว์เลี้ยงวิญญาณ ย่อมช่วยเพิ่มพูนกำลังรบโดยรวมได้อย่างไม่ต้องสงสัย
อย่างไรก็ตาม ในสายตาเขา วานรขาวเป็นเพียงสิ่งของธรรมดา ไม่มีศักยภาพใดๆ ต่อให้ชุบเลี้ยงมันต่อไป แต่เมื่อสัตว์เลี้ยงตัวอื่นของเขาไต่ระดับมาอยู่ในขั้นเดียวกับมัน วานรขาวก็จะไร้ประโยชน์ทันที
คิดได้แบบนี้ เขาจึงลอบเปิด [พื้นที่เลี้ยงสัตว์] อย่างเงียบๆ สนทนากับด้วงเขมือบทองคำ
“เสี่ยวฉง ถ้านายกลืนกินอสูรระดับเทวะขั้น 1 มันจะช่วยเพิ่มระดับฐานฝึกตนให้นายได้ไหม?”
“เจ้านาย นั่นน่าจะมากพอให้สามารถเลื่อนขั้นเป็นเสมือนเทวะได้” ด้วงเขมือบทองคำกล่าวอย่างนอบน้อม
ซูเฉินพยักหน้าเล็กน้อย ตัดสินใจได้ในที่สุด
หากด้วงเขมือบทองคำเลื่อนขั้นเป็นเสมือนเทวะ กำลังรบย่อมไม่ด้อยไปกว่าวานรขาว อีกทั้งการสังหารวานรขาวยังได้รับหินพลังงานระดับ 12 และชิ้นส่วนอีกจำนวนมาก ซึ่งมันคุ้มค่ายิ่งกว่าการรับวานรขาวเป็นสัตว์เลี้ยงวิญญาณซะอีก
มุมปากของซูเฉินค่อยๆยกโค้งเป็นรอยยิ้มพิศวง เบนมองไปยังวานรขาวแล้วถามว่า “ฉันจะออกจากมิตินี้ได้ยังไง?”
วานรขาวเห็นรอยยิ้มของซูเฉิน เกิดอาการขนลุกซู่ แต่ยังคงตอบอย่าซื่อตรง “เมื่อมิติแห่งนี้เปิดใช้งาน มันสามารถอยู่ได้เพียงหนึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นก็จะพลังทลาย และส่งคนข้างในออกไป”
“ที่ว่าส่ง ส่งออกไปที่ไหน?” ซูเฉินถามต่อ
“ส่งกลับไปยังดินแดนเดิมที่เข้ามา” วานรขาวกล่าวตามความจริง
“งั้นก็เป็นเทือกเขาหยุนหลัว” ซูเฉินงึมงำ
สิ่งที่ควรถามก็ถามแล้ว ไม่จำเป็นต้องเก็บวานรขาวไว้อีกต่อไป
วินาทีถัดมา เขาซัดหมัดเข้าสังหารวานรขาวอย่างไม่ลังเล ขุดหินพลังงานจากศพมัน หลังจากรวบรวมชิ้นส่วน ก็ตรงไปยังต้นไม้แห่งชีวิต