ตอนที่แล้วWS บทที่ 278 ฝูงสัตว์ทะเลกำลังเข้ามา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปWS บทที่ 280 สิ่งที่คิด

WS บทที่ 279 การแสดงแสนยานุภาพบนเกาะ


“เร็วเข้า!! พวกเราบนเกาะเพลิงม่วงน่าจะเริ่มต้านไม่ไหวแล้ว!”

ในท้องฟ้าสีครามอันกว้างใหญ่ ร่างของนักเวทย์กว่าสิบคนกำลังพุ่งผ่านท้องฟ้าด้วยธาตุลมที่รุนแรง พวกเขากำลังใช้ความเร็วของพวกเขาเพื่อบินไปยังเกาะเพลิงม่วง

นักเวทย์ที่สามารถบินได้อย่างน้อยก็ต้องเป็นระดับสี่ จากสีของเสื้อคลุมที่สวมอยู่ สามารถบอกได้เลยว่าเป็นพ่อมดเสื้อคลุมเทาจากป้อมอูดอน นอกจากนี้ พวกเขาไม่ใช่พ่อมดเสื้อคลุมเทาฝึกหัดแต่เป็นพ่อมดเสื้อคลุมเทาขั้นกลางที่เป็นนักเวทย์ระดับห้า!

นักเวทย์ระดับห้ามากกว่าสิบคนรีบบินไปที่เกาะเพลิงม่วง เพียงเท่านี้ก็เพียงพอที่จะบอกได้ว่าสถานการณ์บนเกาะเพลิงม่วงนั้นไม่ปลอดภัยเพียงใด

ผู้นำของนักเวทย์กลุ่มนี้คือนักเวทย์ผมสีน้ำตาลที่ดูอ้วนพีเล็กน้อย สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตึงเครียดและดวงตาของเขาดูกังวลมาก

นักเวทย์ระดับห้าคนอื่น ๆ บางคนเห็นว่านักเวทย์ผมสีน้ำตาลกังวลใจเพียงใดและส่ายหัวเบา ๆ นักเวทย์ที่มีผมสีน้ำตาลคือพ่อมดโบเซตต้า เขาเป็นพี่ชายของพ่อมดเบย์ตัน ดังนั้น เมื่อเขาได้รับข้อความจากพ่อมดเบย์ตัน พ่อมดโบเซตต้าจึงขอให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของป้อมอูดอนนำพ่อมดเสื้อคลุมเทาขั้นกลางอีกสิบคนไปที่เกาะทันที

สิ่งเดียวคือ ทุกคนรู้ว่าเกาะเพลิงม่วงอยู่ไกลมาก แม้ว่าพวกเขาจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเร่งการเดินทาง แต่ก็ยังต้องใช้เวลาครึ่งวันกว่าจะไปถึงที่นั่น กลัวว่าเมื่อถึงเวลาที่พวกเขามาถึง นักเวทย์บนเกาะเพลิงม่วงจะถูกสัตว์ทะเลกำจัดไปหมดแล้ว

“เบย์ตัน อดทนไว้ก่อนนะ อย่างเพิ่งเป็นอะไร!”

ดวงตาของพ่อมดโบเซตต้าจ้องไปที่ทิศทางของเกาะเพลิงม่วง ขณะที่เขาพึมพำเบา ๆ

*หวู่ม!!*

ร่างเงาเริ่มปรากฏให้เห็นมาขึ้นเรื่อย ๆ สีหน้าของพ่อมดเบย์ตันเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเขานึกได้ในทันทีว่าเมื่อไม่กี่วันก่อน มีนักเวทย์ที่เพิ่งมาถึงเกาะเพลิงม่วงซึ่งนักเวทย์คนนั้นได้ออกไปค้นหาดินลาวา

“พ่อมดเมอร์ลิน ออกไปเดี๋ยวนี้ ที่นี่อันตรายมาก!”

เมอร์ลินหยุดเดินอย่างกะทันหันและค่อย ๆ สำรวจบริเวณโดยรอบ เขาเห็นฉากป่าเถื่อนบนชายหาด มีศพของนักเวทย์และซากสัตว์ทะเลอยู่ทุกหนทุกแห่ง กลิ่นคาวเลือดลอยคละคลุ้งไปในอากาศ

พ่อมดเบย์ตันเห็นเมอร์ลินหยุดนิ่งอยู่กับที่ ดังนั้นเขาจึงดูกดดันมากขึ้นในขณะที่เขาตะโกน “พ่อมดเมอร์ลิน ท่านเป็นเจ้าของเสื้อคลุมขอบทอง ท่านเป็นนักเวทย์ที่ได้รับการยกย่องอย่างสูงจากผู้นำป้อมดังนั้นท่านจะตายที่นี่ไม่ได้!”

พ่อมดเบย์ตันไม่ได้ตระหนักเลยว่าด้านหลังเขาเป็นสัตว์ทะเลขนาดมหึมาที่มีดวงตาหกดวงบนหัวของมัน กำลังคืบคลานเข้ามาหาเขา

“เบย์ตัน ระวัง!”

“พ่อมดเบย์ตัน ถอยออกไปเร็ว! นั่นเป็นสัตว์ร้ายมีพิษที่โหดเหี้ยม!”

นักเวทย์บางคนตะโกนอย่างกังวลใจเมื่อสังเกตเห็นสัตว์ร้ายหกตาอยู่ด้านหลังพ่อมดเบย์ตัน สัตว์ร้ายหกตานี้มีพลังเทียบได้กับนักเวทย์ระดับสี่ ดวงตาทั้งหกของมันสามารถขับพิษสีดำได้และเมื่อสัมผัสถูกพวกมัน จะต้องตายสถานเดียว มันเป็นหนึ่งในสัตว์ทะเลที่น่ากลัวที่สุดในบรรดาฝูงสัตว์ทะเลที่บุกรุกเข้ามาในครั้งนี้

*โฮก…*

ตาทั้งหกบนหัวของสัตว์ร้ายเริ่มเปล่งแสงแปลก ๆ หลังจากนั้นไม่นาน มันก็พ่นหมอกพิษออกมาอย่างแรงซึ่งเริ่มปกคลุมไปทางพ่อมดเบย์ตันในทันที

หมอกดำที่เป็นพิษเคลื่อนตัวไปอย่างรวดเร็ว กว่าพ่อมดเบย์ตันรู้ตัว มันก็สายเกินไปแล้ว เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะเสกคาถาป้องกันด้วยซ้ำ

ความสงบปรากฏบนใบหน้าของพ่อมดเบย์ตัน เขาหลับตาลงเบา ๆ  โดยยอมรับหมอกกำลังจะกลืนเขา หมอกพิษปกคลุมเขาและพร้อมที่จะกลืนกินพ่อมดเบย์ตันทุกเมื่อ

*แคร่ก!*

แต่ทว่า กลับมีความเย็นยะเยือกทำให้พ่อมดเบย์ตันรู้สึกหนาวไปทั้งตัวและหมอกพิษไม่ได้มาถึงตัวเขา

พ่อมดเบย์ตันลืมตาขึ้นทันที สิ่งที่เขาเห็นคือพ่นหมอกพิษสีดำสนิทที่แข็งตัวเป็นชิ้นผลึกน้ำแข็ง ผลึกน้ำแข็งเหล่านี้ห่อหุ้มหมอกพิษ ตกลงสู่พื้นอย่างต่อเนื่อง

“พ่อมดเมอร์ลิน?”

พ่อมดเบย์ตันมองเมอร์ลินด้วยความประหลาดใจ แม้จะรู้ว่าเมอร์ลินเป็นนักเวทย์เสื้อคลุมขอบทอง เขาได้รับการยอมรับจากผู้นำป้อมว่าเป็นผู้ไร้เทียมในหมู่นักเวทย์ระดับสี่

แต่เมื่อได้เห็นพลังของพ่อมดเมอร์ลินตรงหน้าตรงตา มันก็ทำให้เขายากจากเชื่อไ ต้องเห็นด้วยตาของพวกเขาเองจึงจะรู้สึกได้ถึงพลังที่เหนือจินตนาการ!

“พ่อมดเบย์ตันปล่อยพวกสัตว์ทะเลพวกนี้ไว้ให้ฉันจัดการเอง หัวหน้าป้อมให้เสื้อคลุมขอบทองแก่ฉัน มันคงไม่ใช่แค่เครื่องประดับหรอกใช่ไหม?”

เมอร์ลินยิ้มอย่างมั่นใจบนใบหน้าของเขา เขาไม่ใช่คนที่จะยอมเปิดรับใครง่าย ๆ แต่ในป้อมอูดอน เขาเฝ้าสังเกตพ่อมดเบย์ตัน พ่อมดอ้วนท้วมและคนอื่น ๆ ความสัมพันธ์ของพวกเขา มันทำให้เขาอบอุ่นใจจริง ๆ

ความสนิทสนมกันในป้อมอุดรทำให้แม้แต่เมอร์ลินยังรู้สึกสบายใจ แม้ว่าเขาจะเพิ่งพบพ่อมดเบย์ตันและคนอื่นๆ เท่านั้นและได้พูดคุยกันเพียงช่วงสั้นๆ แต่ก็ยังสร้างความประทับใจให้กับเมอร์ลินเป็นอย่างมาก

ถ้าเขาไม่ได้เจอพวกเขา เขาอาจจะแค่เดินจากไป อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเขาอยู่ที่นั่น เมอร์ลินจึงไม่สามารถยืนดูเฉย ๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากดูสถานการณ์เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา คลื่นของสัตว์ทะเลนี้อาจมีจำนวนมากแต่ไม่มีตัวใดที่สามารถเทียบได้กับพลังของนักเวทย์ระดับห้า

ตราบใดที่ไม่มีสัตว์ทะเลที่สามารถเทียบได้กับนักเวทย์ระดับห้า เมอร์ลินก็มั่นใจว่าแม้แต่เขาคนเดียวก็เพียงพอที่จะดูแลสัตว์ทะเลเหล่านั้นทั้งหมด

“สารธารน้ำแห่งความมืด!”

ความมั่นใจของเมอร์ลินเกิดจากกระแสน้ำแห่งความมืด ด้วยการเสริมพลังจากดวงใจแห่งความมืด ทำให้พลังลวงตาของคาถานี้เพิ่มขึ้นและสามารถนำนักเวทย์ระดับสี่เข้าสู่อาณาจักรแห่งภาพมายาได้

สัตว์ทะเลเหล่านี้ไม่เหมือนกับทารกสองหัวที่เมอร์ลินเคยพบมาก่อนเพราะไม่มีตัวไหนมีพลังจิตที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ ดังนั้นสารธารแห่งความมืดของเมอร์ลินจึงสามารถนำสัตว์ทะเลเหล่านี้ให้ตกอยู่ในภาพลวงตาได้อย่างง่ายดาย

แสงไฟเริ่มบิดเบี้ยวและความมืดก็ปรากฏขึ้นในทันที มันเหมือนกับกระแสน้ำที่แรงอย่างต่อเนื่อง เกือบจะกลืนกินชายหาดไปครึ่งหนึ่ง ให้มืดสนิท นอกจากเมอร์ลินแล้ว ไม่มีใครสามารถเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน

“นี่คือคาถาของพ่อมดเมอร์ลิน!”

นักเวทย์ที่เหลืออยู่บนเกาะเพลิงม่วงมีประมาณสิบหกคนและสิบหกคนนี้เป็นหนึ่งในนักเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุด ยกเว้นนักเวทย์เสื้อคลุมดำสองสามคน ส่วนที่เหลือสวมเสื้อคลุมเทา

นั่นหมายความว่าส่วนใหญ่เป็นนักเวทย์ระดับสี่ พวกเขายืนหยัดต่อสู้ด้วยความยากลำบาก จนเริ่มรู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง

แต่หลังจากที่เห็นพลังของเมอร์ลินแล้ว พวกเขาก็ค่อย ๆ รวมตัวกัน ดวงตาของพวกเขาเป็นประกายด้วยความคาดหวัง

พ่อมดอ้วนท้วมเช็ดเลือดสดบนแก้มของเขา แววตาแปลก ๆ วาบขึ้นในดวงตาของเขาขณะที่เขาพูดพึมพำว่า

“นักเวทย์เสื้อคลุมเทาขอบทอง ผู้แข็งแกร่งที่สุดในบรรดานักเวทย์ระดับสี่ของป้อมอูดอน มาดูกันว่าเขาจะปราบสัตว์ทะเลเหล่านี้เพียงลำพังได้หรือไม่?”

“ต่อสู้เพียงลำพัง? แม้แต่พ่อมดระดับห้าก็ยังทำไม่ได้…อย่างไรก็ตาม พลังของผู้ถือครองเสื้อคลุมขอบทองก็ไม่สามารถคาดเดาได้ด้วยสามัญสำนึกอย่างแน่นอน”

พ่อมดเหล่านี้อาจพบว่าเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อว่าเมอร์ลินสามารถยับยั้งคลื่นที่ไม่มีที่สิ้นสุดของสัตว์ทะเลได้เพียงลำพัง แต่พวกเขาค่อนข้างมั่นใจกับเสื้อคลุมขอบทองของป้อมอูดอน

ในป้อมอูดอน นักเวทย์เสื้อคลุมขอบทองเป็นสิ่งที่หาได้ยาก แต่ทั้งหมดนี้เป็นอัจฉริยะที่เหนือจินตนาการซึ่งมักจะสามารถสร้างสิ่งมหัศจรรย์ได้ทุกประเภท

ดังนั้นพวกเขาจึงคาดหวังเมอร์ลินในระดับหนึ่ง

“เขาใช้เวทย์มนตร์ธาตุมืด? นั่นความหมายว่าพ่อมดเมอร์ลินยังเป็นนักเวทย์ที่เชี่ยวชาญธาตุมืด ถ้าเป็นเช่นนั้น ไม่ว่าสัตว์ทะเลจะมีกองทหารใหญ่เพียงใด ฉันเกรงว่าพวกมันจะไม่ทำให้พ่อมดเมอร์ลินได้รับอันตรายใด ๆ เลย”

พ่อมดเบย์ตันถือได้ว่าเป็นผู้รอบรู้ ผู้ได้เห็นหลายสิ่งหลายอย่าง เขารู้ความพิเศษของพ่อมดธาตุมืด ด้วยการกลืนกินคาถาธาตุมืดเพียงครั้งเดียว ถ้ามันประสบความสำเร็จในการทำให้ศัตรูเข้าสู่อาณาจักรแห่งภาพมายา มันก็ไม่มีอะไรเหลือนอกจากรอการสังหารในที่สุด

ดังนั้น เมื่อสัตว์ทะเลเหล่านี้ถูกโยนเข้าไปในอาณาจักรแห่งภาพมายาแล้ว แม้จะมีจำนวนมากก็ไม่ส่งผลกระทบอะไรมากนัก

สำหรับความมั่นใจของเมอร์ลิน มันเกิดจากสารธารแห่งความมืด  ความมืดที่ท่วมท้นได้รวมเอาความมืดจำนวนนับไม่ถ้วนเข้าปกคลุมชายหาดครึ่งหนึ่ง สัตว์ทะเลที่ยังคงดุร้ายเมื่อไม่นานนี้ได้เงียบไป ดวงตาของพวกมันแสดงความเฉื่อยชาออกมา

ความสำเร็จ! สัตว์ทะเลทั้งหมดตกอยู่ในภาพลวงตา มีเพียงเมอร์ลินเท่านั้นที่ไม่ได้รับผลกระทบ เขายังสามารถเห็นในความมืด สังเกตสภาพของสัตว์ทะเล

คาถาธาตุมืดมีพลังทำลายล้างเป็นพิเศษเมื่อใช้โดยพ่อมดที่มีดวงใจแห่งความมืด เว้นแต่พลังจิตจะแข็งแกร่งมากและไม่ได้รับผลกระทบจากอาณาจักรมายา ไม่เช่นนั้นก็ไม่รู้จะรับมือกับพ่อมดธาตุมืดอย่างไร

คาถาทุกประเภทมีเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเอง เมอร์ลินบังเอิญได้ฝึกฝนดวงใจแห่งความมืด ดังนั้นตอนนี้คาถาธาตุมืดของเขาจึงทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ อย่างไรก็ตาม เพื่อกำจัดสัตว์ทะเลเหล่านี้ เพียงแค่โยนพวกมันให้กลายเป็นภาพลวงตาเพียงอย่างเดียวก็ยังไม่เพียงพอ

สัตว์ทะเลเหล่านี้ไม่เหมือนกับนักเวทย์ ร่างกายของพวกมันแข็งแรงและยืดหยุ่นมาก เวทมนตร์ระดับที่หนึ่งหรือสองของเมอร์ลิน ไม่สามารถทำอะไรพวกมันได้มากนัก

ดังนั้นต้องใช้คาถาที่มีพลังทำลายล้างสูงถึงจะจัดการพวกมันได้

ถึงระดับคาถาของเมอร์ลินจะต่ำแต่เขามีพลังปีศาจแพนโดร่าอันทรงพลัง!

“พลังปีศาจแพนโดร่า เพลิงวินาศ!”

เมอร์ลินไม่ลังเลเลยแม้แต่วินาทีเดียวที่จะใช้ จากนั้นเปลวไฟสีขาวก็ลุกโชนขึ้นอย่างดุเดือดภายในพื้นที่มืดสนิท มันทำให้พลังเวทย์ในโครงสร้างคาถาลูกไฟกับเพลิงพิโรธลดลงจนเหลือครึ่งหนึ่งในพริบตา

มันแผดเผาอย่างดุเดือดและดูราวกับว่าพื้นที่มืดทั้งหมดได้กลายเป็นมหาสมุทรแห่งเปลวเพลิงในชั่วพริบตา ภายในเปลวเพลิงสีขาว มีกลิ่นเนื้อไหม้ลอยออกมา นักเวทย์ที่เหลืออีกสิบคนหรือมากกว่านั้นมองด้วยตาเบิกกว้างและอ้าปากค้าง

พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิสูงที่อันตรายซึ่งส่งผ่านเปลวไฟสีขาวเหล่านั้น แม้ว่าพวกเขาจะร่ายคาถาป้องกันระดับสี่แต่ก็ยังยากที่จะป้องกันเปลวไฟเหล่านี้

หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง พลังเวทย์ในร่างกายของเมอร์ลินก็หมดลงอย่างสมบูรณ์ เพลิงวินาศใช้พลังเวทย์ธาตุไฟมากเกินไป เนื่องจากโครงสร้างคาถาที่เขามีเป็นเพียงแค่ระดับหนึ่งกับสองจึงทำให้เขาปลดปล่อยเพลิงวินาศได้เพียงเท่านี้ ถ้าหากเขามีคาถาระดับที่สูงกว่านี้ เขาอาจจะปลดปล่อยได้นานกว่านี้

ดังนั้น เมอร์ลินจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องค่อย ๆ ยุติการใช้เพลิงวินาศ โชคดีที่ในช่วงเวลานี้สัตว์ทะเลส่วนใหญ่ถูกเผาเป็นเถ้าไปเกือบหมดแล้ว

*พรึ่บ…*

เมอร์ลินเอื้อมมือออกไปและโบกมือ จากนั้นสายธารแห่งความืดได้สลายหายไปอย่างรวดเร็ว สภาพที่แท้จริงของชายหาดครึ่งหนึ่งซึ่งเดิมถูกความมืดปกคลุมในระยะเวลาหนึ่งไปปรากฏสู่สายตาของทุกคน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด