ตอนที่แล้วSign in Buddha's palm 299 (I) เริ่มสงครามครั้งใหญ่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSign in Buddha's palm 300 ปิดล้อมสังหารอีกครั้ง

Sign in Buddha's palm 299 (II) เริ่มสงครามครั้งใหญ่ (ฟรี)


กำลังโหลดไฟล์

Sign in Buddha's palm 299 (II) เริ่มสงครามครั้งใหญ่ (ฟรี)

“ในเมื่อสหายเต๋าไม่เห็นด้วย ข้าจะขอจากไปก่อน สำหรับการมาเยือนครั้งนี้ ขอขอบคุณสหายเต๋าที่เป็นเจ้าภาพต้อนรับอย่างดี”

ขณะที่เจ้าสำนักผู้วิเศษชิงหมางพูด ร่างของเขาก็ละลายหายไปกับความมืดอย่างสมบูรณ์

ในการรับรู้ของซูฉิน เจ้าสำนักผู้วิเศษชิงหมางกำลังพุ่งตัวออกไปนอกเมืองฉางอันด้วยความเร็วที่น่าสะพรึงกลัว

“เป็นทักษะหลบหนีที่น่าสนใจดีนี่? มันเป็นทักษะหลบหนีที่คล้ายกันกับของวิหารหมื่นพุทธ?”

ซูฉินรับรู้อย่างระมัดระวัง ครุ่นคิดในใจเงียบๆ

ทักษะท่าเท้าหลบหนีศักดิ์สิทธิ์ของวิหารหมื่นพุทธสืบทอดมาตั้งแต่ยุคเฟื่องฟูกระแสปราณฉีครั้งล่าสุด รากฐานบางอย่างของวิหารหมื่นพุทธก็เป็นทักษะลับที่สร้างขึ้นมาจากทิพยอำนาจในพุทธศาสนา แม้จะอ่อนด้อยกว่าทิพยอำนาจไปมาก แต่ก็เหนือกว่าทักษะหลบหนีทั่วไป

อย่างไรก็ตาม วิธีการที่เจ้าสำนักผู้วิเศษชิงหมางใช้เมื่อครู่ คล้ายคลึงกับท่าเท้าหลบหนีศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง

“แต่ว่านี่ก็เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นผู้คนจากสำนักผู้วิเศษ......” ซูฉินเหม่อมองครุ่นคิด “เมื่อเทียบกับ'เทพจันทรา'ที่ข้าพบในลัทธิบูชาจันทร์มันก็ดูคล้ายๆ กัน”

ความคิดของซูฉินเริ่มผันผวน

สิบปีที่ผ่านมา นักบุญจากลัทธิบูชาจันทร์ได้แทรกซึมเข้ามาภายในเมืองฉางอัน ต้องการจะควบคุมตระกูลซูรวมถึงอาณาจักรถัง

หลังจากที่ซูฉินรับรู้เรื่องนี้ เขาก็ได้สังหารนักบุญลัทธิบูชาจันทร์ทันที และในไม่ช้าก็เดินทางไปยังอาณาจักรหนานจ้าวเพียงลำพัง เพื่อทำลายลัทธิบูชาจันทร์ทิ้ง

“เป็นไปได้ไหมว่า 'เทพจันทรา' นั้นมาจากสำนักผู้วิเศษ?” ใบหน้าของซูฉินยังคงนิ่งเรียบ ไม่ได้คิดเรื่องราวเหล่านี้ต่อไป

ไม่ว่า'เทพจันทรา'ที่ลัทธิบูชาจันทร์คอยกราบไหว้บูชาจะมีความเชื่อมโยงกับสำนักผู้วิเศษหรือไม่ มันก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของซูฉินอีกต่อไป

หาก'เทพจันทรา'นั้นเป็นศิษย์ของสำนักผู้วิเศษจริงๆ? สำนักผู้วิเศษกล้าที่จะแก้แค้นซูฉินเพียงเพราะศิษย์ขอบเขตตำนานยุทธหรือไม่?

หลังจากที่เจ้าสำนักผู้วิเศษชิงหมางจากไปอย่างสมบูรณ์

ชายชราเฟ่ยยวี๋ที่อยู่ด้านข้างในที่สุดก็งัดความกล้าออกมาแล้วกล่าวว่า “นายท่าน เจ้าสำนักผู้วิเศษชิงหมางเป็นหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักผู้วิเศษ ปล่อยเขาไปเช่นนี้จะดีหรือ?”

ชายชราเฟ่ยยวี๋มองซูฉินอย่างระมัดระวัง

แม้ซูฉินจะไม่ได้พูดคุยกับเจ้าสำนักผู้วิเศษชิงหมางมากนัก แต่ก็เห็นได้ชัดว่าการตัดสินใจไม่ได้ไปในทางเดียวกัน แทนที่จะปล่อยไป เลือกจัดการเจ้าสำนักผู้วิเศษชิงหมางให้ฝังร่างอยู่ในเมืองฉางอันไปตลอดไม่ดีกว่าหรือ

“ไม่เป็นไร”

ซูฉินส่ายศีรษะเล็กน้อยไม่ได้สนใจ

หากซูฉินยังไม่สำเร็จวิชาภาพดวงตะวันฯ ระดับเล็ก และยังไม่ได้หลอมรวมเข้ากับร่างศักดิ์สิทธิ์อีกาทองคำ เพื่อลดแรงกดดันในอนาคต เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่ปล่อยเจ้าสำนักผู้วิเศษชิงหมางไป

แต่ตอนนี้ซูฉินไร้เทียมทานแล้ว แม้ว่าจะเป็นเซียนเทพปฐพีมาเอง ก็ยังต้องประมือดูก่อนเพื่อประเมินว่าจะชนะหรือแพ้ เป็นไปได้อย่างไรที่จะเห็นเจ้าสำนักผู้วิเศษชิงหมางอยู่ในสายตา?

นอกจากนี้หากเจ้าสำนักผู้วิเศษชิงหมางตกตายในเมืองฉางอัน มันย่อมทำให้ผู้แข็งแกร่งในระดับครึ่งก้าวสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีหวาดระแวงอย่างช่วยไม่ได้ บางทีพวกเขาอาจจะไม่กล้ามาที่เมืองฉางอันเลยก็เป็นได้

นี่คือความแตกต่างเมื่อมีความแข็งแกร่งและความมั่นใจ วิธีการที่เลือกใช้ย่อมแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

เมื่อเห็นเช่นนี้ เฟ่ยยวี๋ก็ไม่กล้าพูดอะไรมากนัก ยืนอยู่ด้านข้างซูฉินที่กำลังเฝ้าดูบ้านเรือนนับหมื่นหลังด้วยความเคารพ

เวลาค่อยๆ เดินหน้าต่อไป

หนึ่งเดือนผ่านพ้นไปในชั่วพริบตา

ในช่วงเวลานี้ซูฉินกำลังปรับตัวกับพลังที่เพิ่มสูงขึ้นของตัวเขาเอง แม้ว่าร่างศักดิ์สิทธิ์อีกาทองคำจะทรงพลัง แต่ก็ต้องมีเวลาให้ซูฉินได้ทำความคุ้นเคยกับพลังนี้อย่างเต็มที่

ท้ายที่สุดซูฉินก็ไม่ใช่อีกาทองคำสามขาที่แท้จริง ไม่ใช่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังโดยกำเนิด

นอกเหนือจากการปรับตัวให้เข้ากับความแข็งแกร่งของตนเอง ซูฉินก็กำลังคิดว่าตัวเขาควรจะทำอะไรต่อไปดี

ตอนนี้ซูฉินมีสองทางเลือก

ละทิ้งตัวตนของผู้ฝึกยุทธไปอย่างสิ้นเชิง มุ่งเน้นไปที่เส้นทางของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ฝึกฝนภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งถือเป็นสิ่งที่มีอำนาจมากที่สุดในโลกทั้งสิบสองชนิด ตอนนี้เขาฝึกฝนแค่ภาพดวงตะวันขนาดมหึมาเท่านั้นยังปรับปรุงความสามารถของซูฉินถึงเพียงนี้ หากฝึกฝนต่อไป ย่อมมีศักยภาพมหาศาล เพียงไม่นานก็คงจะก้าวข้ามขอบเขตเซียนเทพปฐพี

เมื่อเทียบกับเส้นทางสายผู้ฝึกยุทธ เส้นทางของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์นั้นง่ายกว่ามาก และช่วยปรับปรุงความสามารถได้ไกลกว่าที่เคยเป็น

ตัวอย่างเช่น หากจอมยุทธต้องการเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี เขาต้องผ่านความยากลำบากทุกรูปแบบ หลายพันหลายหมื่นล้านรูปแบบ แต่กับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์......

เพียงลูกอีกาทองคำสามขาแรกเกิดก็มีพลังพอที่จะกวาดล้างเซียนเทพปฐพีส่วนใหญ่ได้แล้ว ช่องว่างระหว่างทั้งคู่ช่างแตกต่างยิ่งนัก

ผู้ฝึกยุทธทั่วทั้งโลก ตลอดชั่วชีวิตแทบจะไม่มีโอกาสไปถึงจุดเริ่มต้นของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์วัยเยาว์ด้วยซ้ำ......

“เส้นทางของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์นั้นง่ายกว่ามาก แต่มันก็มีขีดจำกัดชัดเจน แต่เส้นทางผู้ฝึกยุทธมีศักยภาพไร้ขีดจำกัด ในอนาคตอาจจะมีโอกาสกลายเป็นบรรพชนเซียนอมตะก็เป็นได้”

ซูฉินครุ่นคิดเป็นเวลานาน ทันใดนั้นภายในหัวใจของเขาก็รู้สึกมั่นคงมากขึ้น

ถ้าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์นั้นอยู่ยงคงกระพันจริงๆ แล้วภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์จะถูกสร้างขึ้นมาได้อย่างไร?

ภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์สามารถสร้างพลังของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ได้ถึงสิบสองชนิด จะต้องมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบสอง บางทีกลุ่มสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบสองชนิดอาจถูกจับตัวมาเพื่อสังเกตและทดลอง จึงสร้างขึ้นมาเป็นภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ได้

ดังนั้น

เพียงพิจารณาจากภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ก็แสดงให้เห็นว่า สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในตำนานไม่ได้อยู่ยงคงกระพันอย่างแท้จริง ในช่วงแรกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อาจจะสะดวกสบายเหลือคณา เพียงแค่เกิดขึ้นมาก็อยู่สูงกว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ส่วนใหญ่แล้ว แต่ยิ่งพัฒนาต่อไป ช่องว่างเหล่านั้นจะยิ่งแคบลงเรื่อยๆ

แน่นอน

นี่เป็นเพราะซูฉินมีระบบอยู่ ไม่รู้ว่ามีศักยภาพเหนือกว่าผู้ฝึกยุทธคนอื่นๆ สักแค่ไหน ไม่เช่นนั้น ไม่ว่าซูฉินจะมีความมั่นใจมากเท่าไร เขาก็ไม่กล้าคิดว่าตนเองจะก้าวข้ามสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวเต็มวัยไปได้แม้เป็นเรื่องของอนาคต

“สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบสองเป็นเพียงเครื่องมือ ข้าจะยังใช้วิถีทางฝึกยุทธแบบมนุษย์เป็นรากฐาน” ความคิดของซูฉินผันผวน เริ่มพิจารณาเรื่องนี้อย่างจริงจัง

“ในเมื่อข้าจะเดินตามเส้นทางของผู้ฝึกยุทธ สิ่งที่ต้องทำในยามนี้คือทะลวงคอขวดเพื่อข้ามผ่านเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี”

ซูฉินคิดในใจอย่างรวดเร็ว

สำหรับผู้ฝึกยุทธคนอื่นๆ ขอบเขตเซียนเทพปฐพีเป็นดั่งตำนาน แม้แต่ในสายตาของเจ้าสำนักผู้วิเศษชิงหมาง ขอบเขตเซียนเทพปฐพีก็ยังเป็นขอบเขตที่เข้าไม่ถึง

เมื่อพวกเขาได้ใกล้ชิดกับขอบเขตเซียนเทพปฐพีอันกล้าแกร่ง สุดท้ายก็ล้มเหลว พากันตกตาย

แต่ซูฉินรู้สึกว่าขอบเขตเซียนเทพปฐพีนั้นไม่ยาก ตอนนี้ฐานพลังของเขาสมบูรณ์แล้ว และด้วยพลังของร่างศักดิ์สิทธิ์อีกาทองคำ เขาก็เป็นเหมือนกับทะเลผืนหนึ่งที่เต็มไปด้วยพลังงานธาตุไฟ มันเป็นเรื่องง่ายๆ ที่จะดึงทะเลปราณออกมาจากส่วนลึกของความว่างเปล่า

สิ่งที่ซูฉินคิดอยู่ในตอนนี้คือ หากจิตวิญญาณแรกกำเนิดของเขารวมเข้ากับทะเลปราณ เขาจะเข้าไปในทะเลปราณได้ลึกเพียงใด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด