ระบบทักษะพลิกชีวิต - ตอนที่ 34 จะไปไหนก็ไป
ตอนที่ 34 จะไปไหนก็ไป
“พี่คะ มันจะดีเหรอคะ?”
“หืมม?! แล้วไม่ดียังไง?”
“ก็มันเยอะเกินไป! พี่ซื้อเสื้อผ้ามากมายขนาดนี้ มันเปลืองเงินเปล่าๆ!”
“เยอะเกินไปงั้นเหรอ? สบายใจได้! ตอนนี้พี่ชายของเธอมีเงินมากมาย เรื่องแค่นี้ขี้ปะติ๋วไม่อยู่ในสายตาหรอกน่า!”
เย่โม่ปลอบน้องสาวพร้อมกับยิ้มให้ เด็กสาวคนนี้เป็นกังวลว่าพี่ชายของเธอจะต้องเสียเงินมากมายเกินเหตุ แต่เพราะเธอยังไม่รู้ว่า ตอนนี้เย่โม่มีเงินอยู่กับตัวถึงห้าแสนหยวน
แต่ถึงอย่างนั้น เงินจำนวนนี้ก็แทบจะไม่มีความหมายอะไรกับเย่โม่ เพราะในวันข้างหน้า เขาจะมีรายได้จากส่วนแบ่งการผลิตยาอีกนับไม่ถ้วน
จนกระทั่งผ่านไปครู่ใหญ่ พนักงานหญิงมีอายุคนเดิมก็รีบวิ่งออกมา พร้อมกับหองกองเสื้อผ้าชุดใหม่ที่เลือกไซส์ตามที่เย่โม่สั่งมาให้ เธอยืนหายใจหอบอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมกับจ้องมองเย่โม่ด้วยแววตาเป็นประกาย เธอกำลังคาดหวังว่าจะได้ทำยอดขายจำนวนมากในวันนี้
“คุณจัดการเลือกไซส์เสื้อมาตามที่สั่งแล้วใช่มั๊ย?”
เย่โม่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา พนักงานหญิงสูงวัยรีบพยักหน้า และตอบกลับอย่างยิ้มแย้ม “ใช่ค่ะ! ไม่ทราบว่าคุณผู้ชายต้องการจะตรวจสินค้าดูก่อนมั๊ยคะ?”
“ไม่ต้อง! วางของทั้งหมดไว้ตรงนี้!”
เย่โม่ร้องบอกพร้อมกับยกมือขึ้นตบที่เก้าอี้ข้างตัว
พนักงานหญิงสูงวัยได้แต่ยืนงงอยู่ครู่หนึ่ง และเมื่อเข้าใจว่าเย่โม่ต้องการอะไร เธอก็รีบวางกองเสื้อผ้าในมือลงไปที่เก้าอี้ข้างตัวเขาตามที่สั่งทันที
เมื่อเห็นว่าพนักงานหญิงยังคงยืนอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน เย่โม่จึงได้ร้องบอกด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หมดธุระของคุณแล้ว จะไปไหนก็ไป!”
“ไป.. ไปไหนเหรอคะ?”
พนักงานหญิงสูงวัยร้องถามกลับไปด้วยสีหน้างุนงงและตกใจ เย่โม่เงยหน้าขึ้นมองและตอบกลับด้วยใบหน้าเฉยเมย
“คุณอยากจะไปไหนก็แล้วแต่คุณสิ มาย้อนถามผมทำไมกัน?”
“แล้ว.. แล้วเสื้อผ้าพวกนี้ล่ะ?”
พนักงานหญิงเริ่มรู้สึกว่า เย่โม่คงไม่ได้คิดจะซื้อเสื้อผ้าที่กองอยู่นี้จริง เธอก็เริ่มโมโหขึ้นมาอีกครั้ง และคำตอบของเย่โม่ก็ทำเอาเธอแทบกัดลิ้นตายเพราะความโกรธ
“ไม่ต้องห่วง! ผมซื้อแน่ แต่ไม่ซื้อกับคุณ!”
เย่โม่แสยะยิ้มเย้ยหยัน ก่อนจะร้องตะโกนออกไปเสียงดัง “คุณหลี่หยวน เชิญทางนี้หน่อยครับ!”
ในเวลานั้น หลี่หยวนกำลังนั่งจัดสินค้าอยู่ในห้องเก็บของ จึงไม่รู้ว่าด้านนอกเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง แต่เมื่อได้ยินเสียงคนร้องตะโกนเรียกชื่อตนเอง เธอก็รีบปาดเหงื่อที่ไหลอยู่เต็มหน้าผาก แล้ววิ่งออกมาทันที
“ค่ะ! ไม่ทราบว่าใครเรียกดิฉันเหรอคะ?”
และเมื่อวิ่งออกมาด้านนอกแล้ว เย่โม่จึงได้กวักมือเรียกเสี่ยวหยวน “ทางนี้ครับ!”
เสี่ยวหยวนทำสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็เดินเข้าไปหาเด็กหนุ่มที่ตนเองเข้าไปต้อนรับตั้งแต่ตอนแรก พร้อมกับเอ่ยถามด้วยความนอบน้อม
“ไม่ทราบว่าคุณผู้ชายมีอะไรให้ดิฉันรับใช้เหรอคะ?”
เย่โม่ยกมือขึ้นชี้ไปที่เสื้อผ้ากองโตข้างตัว พร้อมกับพูดขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “รบกวนคุณช่วยจัดการเอาเสื้อผ้ากองนี้ไปเช็คบิลให้ทีครับ”
หลี่หยวนไม่ทันสังเกตเห็นว่า พนักงานสูงวัยคนเดิมกำลังยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล เธอจึงรีบจัดการหอบเสื้อผ้าเพื่อไปเช็คบิลให้ตามที่เย่โม่สั่งทันที
ในที่สุด พนักงานหญิงสูงวัยก็เริ่มเข้าใจจุดประสงค์ของเย่โม่ เธอจึงรีบเดินตรงเข้าไปหาหลี่หยวนพร้อมกับคว้ามือของหญิงสาวไว้แน่น ก่อนจะหันไปพูดกับเย่โม่ด้วยความไม่พอใจ
“นี่คุณจงใจแกล้งฉันใช่มั๊ย? ฉันใช้เวลาบริการคุณอยู่ตั้งนาน แต่คุณกลับจงใจหาเรื่องฉันแบบนี้!”
“ผมไปหาเรื่องอะไรคุณไม่ทราบครับ?”
เย่โม่ร้องถามออกไปพร้อมกับหัวเราะออกมา ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งขรึมเย็นชา และพูดต่อว่า “ผมแกล้งคุณยังไง? เป็นเพราะทัศนคติการให้บริการลูกค้าของคุณไม่ดีต่างหาก และผมก็ไม่ต้องการให้คุณมาดูแล เข้าใจมั๊ย?”
“นี่..”
พนักงานหญิงสูงวัยอยากจะตอบโต้กลับไป แต่หลังจากที่ได้พยายามสงบสติอารมณ์ และใคร่ครวญดูแล้วจึงพบว่า เป็นเพราะตัวเธอเองที่เป็นฝ่ายไปดูถูกลูกค้าก่อน ทำให้ลูกค้าต้องตอบโต้เธอแบบนี้ และถึงแม้เธอจะเข้าไปบริการช่วยเหลืออยู่นาน ก็ย่อมเป็นสิทธิ์ของลูกค้าที่จะปฏิเสธไม่รับการบริการจากเธอ!
แต่เวลานี้ หลี่หยวนยังคงถูกพนักงานหญิงสูงวัยคว้าแขนไว้ไม่ยอมปล่อย เธอจึงไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร? จะปล่อยเรื่องนี้ไปโดยไม่สนใจลูกค้าก็ไม่ได้ แต่หากจะทำต่อก็เกรงว่าจะทำให้พนักงานหญิงสูงวัยคนนี้ไม่พอใจ อีกอย่าง เธอเองก็เป็นพนักงานใหม่ ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เธอต้องเรียนรู้จากพนังงานหญิงสูงวัยผู้นี้
“มีเรื่องอะไรกัน?”
ในเวลานั้นเอง เสียงมีอายุของใครบางคนก็ดังขึ้น และเมื่อทุกคนหันไปมองก็พบชายวัยกลางคนสวมชุดทำงานกำลังเดินออกมาจากด้านใน ความจริงแล้ว เขาทำงานอยู่ในออฟฟิศที่อยู่ข้างในร้านอีกที แต่เมื่อได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายข้างนอก จึงได้เดินออกมาดู และเพียงแค่มองเหตุการณ์ตรงหน้าปราดเดียว เขาก็พอที่จะคาดเดาได้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น…
เมื่อเห็นชายวัยกลางคนเดินตรงเข้ามาหา พนักงานหญิงสูงวัยก็ถึงกับก้มหน้าก้มตาด้วยความตระหนกตกใจ มือที่จับแขนหลี่หยวนไว้แน่นคลายออกในทันที
“คุณเป็นใคร?”
เย่โม่หันไปถามชายวัยกลางคนที่เดินเข้ามาหาทันที
“สวัสดีครับ ผมชื่อหลินมู่ เป็นเจ้าของร้านนี้เองครับ! ไม่ทราบว่าคุณลูกค้ามีปัญหาอะไรรึเปล่าครับ?”
หลินมู่แนะนำตัวกับเย่โม่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างมืออาชีพ และนั่นทำให้เย่โม่ค่อนข้างพอใจกับทัศนคติการให้บริการลูกค้าของเขามาก
เย่เจียเจียเห็นเจ้าของร้านเดินออกมา ด้วยความตกใจกลัว เธอจึงรีบเดินไปซุกอยู่ด้านหลังของเย่โม่ทันที เย่โม่เข้าใจความรู้สึกของน้องสาวดี จึงได้หันไปกระซิบปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า
“ไม่มีอะไรหรอกเจียเจีย!”
จากนั้น จึงได้หันไปพูดกับหลี่มู่ว่า “ความจริงก็ไม่ได้มีเรื่องใหญ่โตอะไรหรอกครับ ผมแค่ไม่ชอบทัศนคติการให้บริการของพนักงานคนนั้น ก็เลยอยากให้คุณหลี่หยวนมาบริการผมแทนก็เท่านั้นเอง!”
“เฉียนเมิ่ง! นี่คุณอีกแล้วเหรอ?”
หลังจากที่ได้ฟังคำบอกเล่าจากปากของเย่โม่เพียงแค่สั้นๆ เขาก็หันไปมองเฉียนเมิ่ง และสามารถคาดเดาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้ในทันที!
เฉียนเมิ่งทำงานในแผนกสโตร์ของร้านมานาน และมักจะชอบข่มเหงรังแกพนักงานใหม่ๆเป็นประจำ มิหนำซ้ำยังชอบออกมาหน้าร้านคอยต้อนรับลูกค้าซึ่งไม่ใช่หน้าที่ของตนเองอีกด้วย แต่เป็นเพราะเธอทำงานได้ไม่เลว หลินมู่จึงต้องแกล้งทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่แทน
“ถอยออกไป!”
หลังจากที่ได้ยินคำสั่งของหลินมู่ เฉียนเมิ่งก็รีบก้าวเท้าถอยหลังออกไปทันที จากนั้นจึงได้หันไปยิ้มให้กับเย่โม่พร้อมกับเอ่ยถามขึ้นว่า
“ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าชื่ออะไรครับ?”
“ผมเย่โม่ครับ!”
“เอาอย่างนี้ดีมั๊ยครับคุณเย่ เพื่อเป็นการขอโทษคุณเย่ ทางร้านของเรายินดีมอบส่วนลดให้คุณเย่ 20% สำหรับยอดบิลในวันนี้ทั้งหมด ไม่ทราบว่าคุณเย่คิดยังไงเหรอครับ?”
“ดีครับ! คุณหลี่หยวน รบกวนคุณช่วยเอาเสื้อผ้าทั้งหมดนี้ไปเช็คบิลให้ผมที!”
เย่โม่รู้สึกว่าหลินมู่เป็นคนที่มีเหตุมีผล และเขาเองก็ไม่ได้ต้องการเรียกร้องอะไร จึงได้ให้หลี่หยวนนำของทั้งหมดไปเช็คบิล และพร้อมที่จะจ่ายเงินทั้งหมด!
เดิมทีหลินมู่คิดว่าเย่โม่คงจะซื้อเสื้อผ้าในร้านแค่ชิ้นสองชิ้นเท่านั้น แต่เมื่อหันไปเห็นเสื้อผ้ากองโตที่วางอยู่ เขาก็มีสีหน้าตกอกตกใจขึ้นมาทันที และได้แต่แอบคิดอยู่ในใจว่า
‘โชคดีที่แก้ไขปัญหาได้เป็นที่พอใจของลูกค้า ไม่อย่างนั้น คงต้องเสียลูกค้ารายใหญ่ไปอย่างน่าเสียดายแน่!’
แต่ในขณะที่กำลังจะจ่ายเงินนั้น เย่โม่ก็เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่า เขามัวแต่เลือกเสื้อผ้าให้กับตัวเองและน้องสาว จนลืมเสื้อผ้าของลุงกับป้าไปเสียสนิท จึงได้สั่งให้เย่เจียเจียไปเลือกเสื้อผ้าให้กับพ่อแม่ของเธอคนละสองสามชุด
หลินมู่จ้องมองเย่โม่ด้วยสีหน้าตกอกตกใจ และได้แต่พึมพำอยู่ในใจว่า ‘แปลกจัง! ในฉางเฟิงยังมีใครที่รวยกว่าคุณชายจางอีกนะ ทำไมฉันถึงไม่เคยเห็นเด็กหนุ่มคนนี้มาก่อนเลย?’
“คุณผู้ชายคะ! ทั้งหมดห้าหมื่นหกพันแปดร้อยค่ะ!
หญิงสาวแคชเชียร์เอ่ยบอกเย่โม่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และเมื่อได้ยินแบบนั้น หลินมู่ก็รีบเอ่ยบอกเย่โม่ว่า “คุณเย่นับเป็นลูกค้ารายใหญ่ของร้านเรา คุณเย่จ่ายแค่ 56,000 หยวนถ้วนๆก็พอครับ!”
“ขอบคุณมากครับ!”
แม้ว่าเย่โม่จะสามารถหาเงินได้มากมายเวลานี้ และไม่สนใจเงินจำนวนเล็กๆน้อยๆ แต่ในเมื่อได้ส่วนลดทำให้ประหยัดเงินได้ ทำไมเขาจะต้องปฏิเสธเล่า?
หลังจากชำระเงินเรียบร้อยแล้ว เย่โม่ก็หันไปบอกกับหลินมู่ยิ้มๆก่อนที่จะจากไปว่า “ร้านของคุณดีทุกอย่าง ยกเว้นพนักงานหญิงคนนั้น ผมไม่พอใจการให้บริการของเธอมาก!”
--------------------------
ติดตามนิยายแปลสนุกๆอีกหลายเรื่องได้ที่เพจ : แปลสนุก