บทที่ 361 รุ่งอรุณแห่งอิสรภาพ
บทที่ 361 รุ่งอรุณแห่งอิสรภาพ
เย่จงหมิงรู้จักวิธีที่ใช้ปรับปรุงพลังจิตวิญญาณมากมาย อย่างเช่นการเรียนรู้อาชีพหลากหลาย หรือการได้มาซึ่งยาเสริมพลังจิตวิญญาณชนิดหนึ่งจากรูเล็ตระดับสูง หรืออย่างเช่น ได้รับยาที่ปรุงโดยเภสัชกรหรือนักเล่นแร่แปรธาตุ และการใช้ผงหนอนสมอง
แต่ไม่มีวิธีไหนที่จะสามารถเพิ่มพลังจิตวิญญาณทั้งหมดผ่านการฝึกฝนด้วยตัวเอง!
มันอาจจะมีวิธี แต่เย่จงหมิงไม่รู้
สิ่งเหล่านั้นก็เป็นเช่นเดียวกับรูเล็ต มนุษย์จำเป็นต้องใช้ยาวิวัฒนาการเพื่อให้มีพลัง และไม่สามารถทำลายคอขวดนี้เพื่อบรรลุการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพเพิ่มเติมได้ด้วยวิธีอื่น
ไม่ว่าจะเป็น อาชีพ สายเลือด หรือแม้กระทั่งสิ่งอื่นๆที่ทำให้มนุษย์กลายเป็นผู้ทรงพลัง ทั้งหมดจะปรากฏอยู่ในรูเล็ตระดับสูง ไม่มีใครทำลายขีดจำกัดได้โดยไม่มีรูเล็ต
มนุษย์ในวันโลกาวินาศต่างรู้กันดีว่า รูเล็ตไม่เพียงเป็นความหวัง แต่ยังเป็นโซ่ตรวน
สิ่งนี้คือต้นทุนในการอยู่รอดของมนุษย์ในวันโลกาวินาศ และมันก็ยังเป็นคำสาปที่ติดแนบแน่นอยู่บนหัว
ไม่ว่าใครก็ตาม ไม่เว้นแม้แต่เย่จงหมิง ต่างรู้สึกเหมือนถูกสวมกุญแจมือ ซึ่งไม่ว่าจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม พวกเขาก็ต้องเกรงกลัวต่อผู้สร้างรูเล็ต
ความรู้สึกนี้เหมือนกับเนื้อตายที่ติดแนบกับกระดูก มันคอยหลอกหลอนเหล่าผู้รอดชีวิตทั้งที่ยังมีสติ
ยิ่งผู้รอดชีวิตมีวิวัฒนาการสูงขึ้นเพียงใด ความรู้สึกนี้ก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น เพราะเมื่อพวกเขาไปสู่จุดจบบนเส้นทางที่รูเล็ตกำหนดไว้ พวกเขาก็ไม่รู้ว่าอะไรที่กำลังรอพวกเขาอยู่ข้างหน้า
ในชีวิตก่อนเย่จงหมิงก็มีความคิดเช่นนี้ ดังนั้นหลังจากเกิดใหม่ ทันทีที่เขาได้เห็นยานรบเซนต์โกลเด้นเรย์ เขาก็มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะค้นหาคำตอบ
เพราะเย่จงหมิงรู้ดีว่าแม้เขาจะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งระดับ 9 ดาว เขาก็ยังคงเป็นทาสที่ถูกรูเล็ตควบคุม แม้ว่าผู้สร้างรูเล็ตจะไม่เคยแสดงใบหน้าแท้จริงให้ใครก็ตามบนโลกได้เห็น แต่ความรู้สึกของการถูกควบคุมชีวิตและความตายนั้น ไม่ว่าใครก็ล้วนไม่รู้สึกดี ซึ่งเย่จงหมิงก็รู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน
เขาอารมณ์เสียมาก และหลังจากการเกิดใหม่ความรู้สึกก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ
ก่อนหน้านี้เขาก็มีความคิดที่จะแก้ปัญหาทั้งหมดนี้ และพยายามทำงานอย่างหนักเพื่อมัน อย่างไรก็ตาม เขาก็ทำได้เพียงเดินไปตามเส้นทางแบบเดียวกับชีวิตก่อน ทั้งหมดที่เย่จงหมิงสามารถทำได้ก็คือ ทำให้ตัวเองพัฒนาขึ้นและแข็งแกร่งขึ้นให้ได้โดยเร็วที่สุด เพื่อที่จะใช้เวลาน้อยลงในการเข้าใกล้คำตอบ
แต่ความจริงแล้ว เขายังไม่มีวิธีแก้ปัญหาที่ดีกว่านี้ ซึ่งสิ่งนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความมั่นใจของเขา
แต่พอได้เห็นเนื้อหาภายในเคล็ดวิชากลั่นวิญญาณพันใหญ่ เย่จงหมิงก็รู้สึกสั่นไปถึงจิตวิญญาณ เพราะเขารู้ว่าในที่สุดเขาก็รู้วิธีกำจัดรูเล็ตแล้ว!
นั่นคือสิ่งที่อาเถาเรียกว่า วิชาลับ!
บางทีผลึกวิเศษที่มีอยู่ที่นี่ บางทีสัตว์ประหลาดที่มีผลึกวิเศษ บางทีสถานที่ๆเรียกว่าอาณาจักรลับที่จำเป็นต้องใช้กุญแจลับในการเปิด อาจถูกผู้สร้างรูเล็ตทิ้งไว้โดยจงใจ บางทีที่นี่อาจมีเงาลึกลับซ่อนอยู่…
แต่ท้ายที่สุดแล้ว ที่นี่ก็ยังมีความหวังที่ริบหรี่อยู่!
ความหวังที่ริบหรี่นี้ มนุษย์ค้นหามานานขนาดไหนแล้ว? !
ในชีวิตก่อน มีบางคนที่เชี่ยวชาญเรื่องอาณาจักรลับ ตอนนี้เย่จงหมิงกล้าเดาว่า บรรดาผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นอาจเป็นเช่นเดียวกับเขา นั่นคือได้พบความหวังริบหรี่เช่นนี้ แต่ความสงบที่มีในชีวิตก่อน ทำให้เย่จงหมิงรู้ว่า ผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นไม่น่าจะบรรลุผลใดๆ ทำให้ไม่สามารถกำจัดชะตากรรมที่มี จึงได้แต่เข้าไปดิ้นรนอยู่ในอาณาจักรลับหรือสถานที่ลึกลับอื่นๆ
ตอนนี้เขาได้ก้าวเข้ามาร่วมขบวนการนี้ด้วย เย่จงหมิงเชื่อว่าเขาได้ก้าวเข้ามาเร็วกว่าผู้แข็งแกร่งในชีวิตก่อนมาก จากมุมมองนี้ ทำให้เขามีเวลาสำรวจเพื่อค้นหาและแก้ปัญหามากกว่าผู้คนในชีวิตก่อน
เมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็…มาเลย!
ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม!
ไม่ว่าใครก็ตาม!
เย่จงหมิงหลับตาลง ประโยคของมนตราปรากฏขึ้นในใจ ทันใดนั้นเขาก็เข้าสู่สภาวะลืมตัวตน ร่างกายและจิตใจล้วนเป็นไปตามสูตรแห่งวิชาลับ
อาเถาที่อยู่ข้างๆต้องการจะพูดบางอย่างกับเย่จงหมิง แต่เขาก็พบความผิดปกติของชายหนุ่มในทันที ตอนแรกเขาไม่เคยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน เขาเพียงคิดว่าเย่จงหมิงต้องเรียนรู้วิชาลับด้วยตัวเอง แต่ในทันทีที่พบความผันผวนที่คุ้นเคยจากร่างกายของชายหนุ่ม อาเถาจึงแทบไม่ละสายตาจากเย่จงหมิง
สถานการณ์แบบนี้ ขโมยผลงานมาจากเว็บ ThaiNovel นี่มันผลของการฝึกฝนวิชาลับไม่ใช่หรือ? ชายหนุ่มคนนี้ทำได้อย่างไร…
เป็นไปไม่ได้!
ปฏิกิริยาแรกของอาเถาเป็นเช่นนี้ ตอนที่เขา พ่อแม่ของเขา ฝึกฝนวิชาลับที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ ผู้ที่มีพรสวรรค์มากที่สุด ความเร็วในการฝึกฝนจนถึงสภาวะนี้ ยังต้องใช้เวลาถึงสามวัน แล้วชายหนุ่มคนนี้ล่ะ?
กินข้าวครึ่งชาม? อาเถารู้สึกว่าเขาประมาณเวลานานเกินไป เขารู้สึกราวกับว่า ชายหนุ่มผู้นี้เข้าสู่สภาวะนี้ได้ในทันที
สภาวะลืมตัวตนเป็นเงื่อนไขพื้นฐานในการฝึกวิชาลับ กลั่นวิญญาณพันใหญ่ ยิ่งเชี่ยวชาญในการเข้าสู่สภาวะนี้ได้เร็วเท่าไหร่ ย่อมแสดงให้เห็นอย่างไม่ต้องสงสัยว่ามีพรสวรรค์มากขนาดไหน ยิ่งไปกว่านั้นยังแสดงให้เห็นว่าความสำเร็จในอนาคตจะมีมากแค่ไหนอีกด้วย
เขาใช้เวลานานแค่ไหนในการฝึกฝนจนเข้าสู่สภาวะลืมตัวตน? เลิกคิดเถอะ อาเถาตัดสินใจไม่เปรียบเทียบกับชายหนุ่มอีกต่อไป หากคิดต่อไปเขาอาจต้องทุกข์ทรมานจากการเปรียบเทียบนี้
เมื่อเห็นสีหน้าสงบกับกลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของเย่จงหมิง และความแปรปรวนนี้ก็มีมากขึ้นทุกขณะของการหายใจ แล้วความชั่วร้ายบางอย่างในดวงตาของอาเถาก็หายวับไปในทันที
บางทีชายหนุ่มผู้นี้อาจเป็นความหวังของมรณาชนจริงๆก็ได้ พรสวรรค์? ความแข็งแกร่ง? ตามคำกล่าวของมี่หยา เย่มีความสามารถพอที่จะสังหารมรณาชนทั้งเผ่า แม้ว่าชายหนุ่มจะฉลาดแกมโกง และไม่เต็มใจร่วมทุกข์กับมรณาชน แต่ชายหนุ่มก็แสดงความเมตตาอย่างพอเหมาะเสมอมา ดังนั้นเขาจึงไม่มีเหตุผลที่จะไปทำร้ายชายหนุ่ม
หากเขาสามารถส่งต่อวิชาลับให้ไปจนถึงระดับที่ทั้งเขาและบรรพบุรุษยังไม่สามารถบรรลุได้จริงๆ จะเกิดอะไรขึ้น อย่างน้อยเมื่อโลกนี้ถูกทำลาย และมรณาชนสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ มรดกนี้คงจะดำเนินต่อไปได้ในที่ไหนสักแห่ง
หนึ่งชายหนุ่มหนึ่งผู้เฒ่า อยู่ห่างกันไม่กี่เมตร คนหนึ่งกำลังฝึกฝน อีกคนกำลังนั่งสมาธิ ฉากนี้ได้รับการจดจำโดยคนจำนวนมากในรุ่นต่อๆมา หลายคนใช้ประโยคหนึ่งเพื่อสรุปฉากนี้
รุ่งอรุณแห่งอิสรภาพ
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน เย่จงหมิงจึงค่อยๆลืมตาขึ้น และพบว่าโลกแตกต่างไปแล้ว มันชัดเจน สว่างไสว และมีรายละเอียด…
ความรู้สึกนี้เปรียบเสมือนการเข้าใจความหมายอันลึกซึ้งบางอย่าง ซึ่งลึกลับมาก
เขารู้ว่าตัวเองประสบความสำเร็จก้าวแรกในการเรียนรู้วิชาลับกลั่นวิญญาณพันใหญ่แล้ว
เย่จงหมิงรู้สึกว่าพลังจิตวิญญาณของเขาแข็งแกร่งขึ้นมาก และหากจะวัดด้วยค่าตัวเลข จำนวนพลังจิตวิญญาณที่เพิ่มขึ้นจะมีประมาณหนึ่งในสิบส่วน
ฝึกเพียงครั้งเดียว พลังจิตวิญญาณเพิ่มขึ้นมากกว่า 100 แต้ม เอฟเฟกต์นี้น่าทึ่งมาก
และเย่จงหมิงยังพบว่าสิ่งที่ก้าวหน้าของพลังจิตวิญญาณไม่ได้มีเพียงแค่ปริมาณเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคุณภาพด้วย เขาได้ลองใช้ทักษะอัญเชิญ แล้วพบว่า แม้ว่าพลังจิตวิญญาณของเขาจะลดลง แต่ความแข็งแกร่งของสิ่งอัญเชิญมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ซึ่งเพียงพอจะแสดงให้เห็นว่าพลังจิตวิญญาณมีความบริสุทธิ์มากขึ้น
ในสถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้ใช้หัวแม่เท้าตรองดูก็รู้ว่า มันดีมากขนาดไหน!
นอกจากนี้เย่จงหมิงยังตระหนักได้ถึงสิ่งหนึ่ง
นั่นคือรอบๆร่างกายของเขามีสิ่งใหม่ปรากฏขึ้น!
.