บทที่ 17: ผู้ฝึกสัตว์อสูรตัวจริง
หลี่เฟยจ้องมองเจียงเหออย่างสงสัยและถามด้วยใคร่รู้ “ทำไมมันฟังดูมั่ว ๆ งง ๆ ยังไงไม่รู้วะ?”
“ก็เอ็งไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกของผู้ฝึกสัตว์อสูรนี่หว่า”
เจียงเหอกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “เคยไปคณะละครสัตว์ป่าวล่ะ? ที่นั่นก็มีวิธีฝึกประมาณว่า—ไอ้ตัวไหนที่ไม่ฟังจะหิวโหยและถูกทุบตี แต่พวกมันจะได้รับรางวัลดี ๆ หลังการแสดง นั่นเป็นวิธีที่แม้แต่สัตว์ร้ายที่โคตรดุก็ยังต้องเชื่อง”
“ไม่มีทางที่พวกมันจะไม่เชื่องหรอกแบบนั้นน่ะ!” ลี่เฟยโต้กลับ “ถ้ามันไม่ยอมเชื่องก็ต้องโดนทุบตีจนตายจริง ๆ ดิวะ!”
“เออน่ะ เอ็งเลิกเซ้าซี้ได้ละ” เจียงเหอกล่าวด้วยเสียงต่ำและมองไปรอบ ๆ “เอ็งพาไอ้ซูเจ๋อกลับไปที่ไป๋ถูก่างก่อนแล้วกัน เด๋วตูไปสำรวจแถว ๆ จุดชมวิวแป๊บแล้วจะตามกลับไปทีหลัง”
“ไม่ใช่พวกสัตว์อสูรมันตายหมดแล้วเหรอ? ทำไมต้องไปที่จุดชมวิวด้วย?”
ถึงแม้หลี่เฟยจะถามคำถาม แต่เขาก็ยังเดินขึ้นไปหาซู่เจ๋อ
หลี่เฟยนั่งยองลงแล้วกล่าวด้วยความประหลาดใจ “นายไม่หนักมือไปหน่อยเหรอเฒ่าเจียง? ไอ้นี่มันจมูกหักแถมเลือดไหลโจ้กเลยนา”
“ไม่เป็นไรหรอก ผู้ฝึกยุทธระดับสองไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น” เจียงเหอตอบกลับ แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบเขาก็ได้ยินเสียงตบเพี้ยะ ๆ ดัง ๆ สองครั้งดังขึ้นที่ข้างหู
เขาทำหน้าบึ้งใส่ลี่เฟย แล้วถาม "เอ็งตบหน้ามันทำไมวะ"
“ตูกำลังปลุกมันน่ะสิ! ตูเรียนรู้การปฐมพยาบาลมาแล้ว: ถ้ามีคนหมดสติให้บีบหัวนมแต่ถ้าไม่ได้ผลก็ให้ตบเบา ๆ!”
“…”
เจียงเหอตกตะลึง
'เอ็งเป็นผู้ปลุกพลังเหนือมนุษย์นะเว้ย เกิดพลังอันไร้ขอบเขตนั้นของเอ็งส่งมันกลับบ้านเก่าขึ้นมาจะทำไงวะ?'
ในตอนนั้นเองต้องขอบคุณการตบของลี่เฟย ซูเจ๋อจึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นพร้อมกับคร่ำครวญ
แววตาของเขาดูเบลอ ๆ ราวกับว่าเขากำลังถามคำถามที่สำคัญที่สุดในชีวิต:
ฉันเป็นใคร?
ฉันอยู่ที่ไหน?
โอ๊ย!
ทำไมจมูกฉันเจ็บขนาดนี้?
ซูเจ๋อแตะจมูกของเขา และในขณะนั้นเอง ความเจ็บปวดสาหัสก็ได้เตะเขาออกจากอาการมึนงง เขากระโจนขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับปลาคาร์ฟและจ้องไปที่เจียงเหออย่างเย็นชา แล้วตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “แกกล้าดียังไงมาลอบกัดฉัน?”
“ปล่าวซักหน่อย!”
เจียงเหอยักไหล่ตอบ “ฉันซัดหน้านายตรง ๆ อย่างยุติธรรมแถมมีเกียรติและศักศรี จะไปเรียกว่าเป็นการลอบกัดได้ยังไงเล่า”
“นี่แกอยากตายมากนักสินะ!”
ซูเจ๋อขยับเท้าใช้ออกด้วยวิชาตัวเบา ‘เหยียบย่างแปดทิศ’ พุ่งเข้าใส่พร้อมกับปล่อยหมัดทะลวงผ่านอากาศเข้าจู่โจมเจียงเหอ
'นี่คือผู้ฝึกยุทธระดับสองงั้นเหรอ? รู้สึก… เต่าคลาน’
ในทางกลับกันเจียงเหอยืนนิ่ง เขาสังเกตเห็นว่าการเคลื่อนไหวจู่โจมของซูเจ๋อนั้นช้ามากในมุมมองของเขา และเขารู้ดีว่านั่นเป็นเพราะเขามีระดับที่สูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกัน ไม่ต้องพูดถึงว่าจิตวิญญาณของเขาพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดหลังจากกินแตงกวาไปมากมาย
เขากำหมัดแล้วต่อยสวนออกไป
'หมัดนี้น่าจะโดนเข้าที่กราม'
เจียงเหอคาดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นหลังจากสังเกตการเคลื่อนไหวของซูเจ๋อและของตัวเขาเอง
แต่…
ผัวะ!
เสียงทุ้มทื่อ
ซูเจ๋อตกกระแทกพื้นจากอากาศ กระตุกอยู่หลายทีก่อนที่จะหมดสติไปอีกครั้ง
เจียงเหอมองไปที่ซูเจ๋อภายใต้แสงจันทร์ และเห็นว่าเบ้าตาของเขาช้ำ
เขาจึงส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง “ตูแทบไม่มีประสบการณ์การต่อสู้เลย ได้ยินว่าอัจฉริยะการต่อสู้บางคนสามารถคาดการณ์การเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้ รวมไปถึงจุดที่พวกเขาจะโจมตีก่อนที่พวกเขาจะลงมือ… แต่ตูทำไม่ได้ว่ะ ตูกะจะซัดปลายคางแต่ดันไปโดนเบ้าตาซะงั้น”
“…”
ลี่เฟยพูดไม่ออกอีกครั้ง “เจียงเหอ ทำไมต้องซัดให้สลบอีกวะ? ตูเพิ่งจะปลุกมันขึ้นมาเอง—นี่ตูต้องแบกมันกลับตั้งสิบกว่าลี้เชียวนะ!”
หลี่เฟยเดินขึ้นไปหาพวกเขาอีกครั้ง ก่อนจะมองไปรอบ ๆ และกัดฟันพูดอย่างชั่วร้าย “เราฆ่ามันดีป่าววะ เจียงเหอ? โดนทุบตีไปขนาดนนี้มันต้องกลับมาแก้แค้นแน่ ๆ!”
"ไม่จำเป็นหรอก"
เจียงเหอยิ้มจาง ๆ “ไอ้นี่มันก็แค่เศษขยะ ถ้าโดนไปสองหมัดแล้วมันยังไม่รู้จักเข็ดหลาบ เด๋วค่อยประเคนเพิ่มให้อีกซักสามสี่… เดี๋ยวดิ เอ็งจะทำไรวะ”
เมื่อเห็นว่าลี่เฟยกำลังจะตบอีกครั้ง เจียงเหอรีบหยุดเขาและพูดว่า “เอ็งแบกมันกลับไม่ได้เหรอ? แล้วเอาอาวุธเอ็งมาให้ตูยืม”
“เอ็งไม่มาด้วยกันเหรอ”
หลี่เฟยถามในขณะที่เขาอุ้มซู่เจ๋อไว้ใต้รักแร้แล้วเตรียมจะหนีบเจียงเหอไว้ใต้รักแร้อีกข้าง “เจียงเหอ นายเป็นแค่ผู้ฝึกสัตว์อสูร…”
“จะบ้าเรอะ!”
เจียงเหอพูดไม่ออก
ไอ้หมารองหลี่นี่มันโง่ป่าวเนี่ย?
เจียงเหอได้แสดงความแข็งแกร่งออกมาแล้ว แต่หลี่เฟยยังคงกังวลอยู่อีก?
หลังจากที่หมารองหลี่เดินจากไปแล้ว เจียงเหอก็ถือแท่งโลหะไปด้วยและค่อย ๆ มุ่งหน้าไปยังจุดชมวิวในบริเวณใกล้เคียง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมืดมน
ตามข้อมูลของหวางซืออวี่ มีสัตว์อสูรเลเวล 2 อย่างน้อยหนึ่งตัวที่โจมตีหมู่บ้านไป๋ถูก่างแต่ สัตว์อสูรทั้งหมดที่เขาฆ่าจนถึงตอนนี้มีแต่เลเวล 1
เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่จะต้องสงสัย
ในที่สุดเขาก็เข้าสู่จุดชมวิว
ครึ่งเดือนก่อนที่นี่เป็นสถานที่อันมีทัศนียภาพที่สวยงามตระการตา บัดนี้กลายเป็นสถานที่เละเทะไปเรียบร้อยแล้ว เพิงที่พักสไตล์คลาสสิกที่มีร่องรอยจากการอาละวาดของสัตว์อสูร ทุกอย่างตั้งแต่ผนัง ประตู และหน้าต่างล้วนกระจัดกระจายออกจากกัน
เจียงเหอเปิดประตูบานหนึ่งและส่องทางด้วยไฟฉายในโทรศัพท์มือถือ
มีศพครึ่งร่างนอนอยู่บนพื้น มีรอยสัตว์กัดแทะทั่วทั้งตัว
“ดูเหมือนว่าคนงานในจุดชมวิวทั้งหมดจะถูกฆ่าตาย…”
“แต่การฟื้นคืนของพลังวิญญาณไม่ได้ปะทุขึ้นในชั่วข้ามคืน คนที่นี่คาดไม่ถึงหรือ? พวกเขาควรจะมีเวลาโทรหาตำรวจหลังจากที่สัตว์อสูรบุกจู่โจมเข้ามาไม่ใช่เหรอ?”
หลังจากสำรวจบนยอดเขาหนึ่งรอบ เขาก็พบซากศพสี่ศพ
ไม่แน่ว่ายอดผู้เสียชีวิตจะมีเพียงสี่คน อย่างไรก็ตาม… ดูจากซากศพทั้งสี่ที่เหลืออยู่ ก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่บางคนถูกกินจนหมดทั้งตัว
“พวกเขาอาจถูกสัตว์อสูรโจมตีในเวลาเดียวกันสินะ”
“ไม่สิ ไม่ถูกต้อง!”
“ศพทั้งหมดถูกพบในสถานที่ต่างกัน และมีระยะทางแปดร้อยเมตรระหว่างศพที่ไกลที่สุดทั้งสอง สัตว์อสูรที่ฆ่าไปก็ไม่ฉลาดเหมือนกัน… เว้นแต่พวกมันเหล่านั้นจะวางแผนโจมตี คนเหล่านี้จึงไม่มีจังหวะที่จะติดต่อตำรวจ”
“แล้วสัตว์อสูรเลเวล 2 มันไปอยู่ไหนหมด?”
“มันยังไม่ปรากฏตัวสินะ!”
ในขณะที่เจียงเหอกำลังไตร่ตรอง ก็มีเสียงกรอบแกรบสะท้อนอยู่ข้างหลังเขา
เขารีบวิ่งไปที่เสียง มีเพียงภาพเบลอสีดำที่หายไปทันทีที่มันปรากฏขึ้น
ภาพเบลอสีดำต้องเป็นสุนัขสีดำตัวใหญ่ และมันใหญ่กว่าที่เจียงเหอพึ่งฆ่าไปมาก
แต่ที่สำคัญกว่านั้น มีร่างร่างหนึ่งนั่งอยู่บนตัวสุนัขนั้น
เจียงเหอตั้งใจที่จะไล่ตามไป แต่ก็พบว่าสุนัขนั้นหายไปแล้ว
'มีคนอยู่เบื้องหลังการโจมตีจุดชมวิวฉางหลิวสุ่ยและหมู่บ้านไป๋ถูก่าง…'
ความคิดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในหัวของเจียงเหอในทันที 'ถ้าเป็นกรณีนี้ แสดงว่าไอ้คนนั้นมันสามารถควบคุมสัตว์อสูรพวกนั้นได้งั้นเหรอ? หรือว่ามันจะเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรตัวจริง?'