ตอนที่แล้วบทที่ 16: ผู้ฝึกสัตว์อสูรที่ดุร้าย, สังหารอสูร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 18: นิกายเทียนโหมว

บทที่ 17: ผู้ฝึกสัตว์อสูรตัวจริง


หลี่เฟยจ้องมองเจียงเหออย่างสงสัยและถามด้วยใคร่รู้ “ทำไมมันฟังดูมั่ว ๆ งง ๆ ยังไงไม่รู้วะ?”

“ก็เอ็งไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกของผู้ฝึกสัตว์อสูรนี่หว่า”

เจียงเหอกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “เคยไปคณะละครสัตว์ป่าวล่ะ? ที่นั่นก็มีวิธีฝึกประมาณว่า—ไอ้ตัวไหนที่ไม่ฟังจะหิวโหยและถูกทุบตี  แต่พวกมันจะได้รับรางวัลดี ๆ หลังการแสดง  นั่นเป็นวิธีที่แม้แต่สัตว์ร้ายที่โคตรดุก็ยังต้องเชื่อง”

“ไม่มีทางที่พวกมันจะไม่เชื่องหรอกแบบนั้นน่ะ!” ลี่เฟยโต้กลับ “ถ้ามันไม่ยอมเชื่องก็ต้องโดนทุบตีจนตายจริง ๆ ดิวะ!”

“เออน่ะ  เอ็งเลิกเซ้าซี้ได้ละ” เจียงเหอกล่าวด้วยเสียงต่ำและมองไปรอบ ๆ “เอ็งพาไอ้ซูเจ๋อกลับไปที่ไป๋ถูก่างก่อนแล้วกัน  เด๋วตูไปสำรวจแถว ๆ จุดชมวิวแป๊บแล้วจะตามกลับไปทีหลัง”

“ไม่ใช่พวกสัตว์อสูรมันตายหมดแล้วเหรอ? ทำไมต้องไปที่จุดชมวิวด้วย?”

ถึงแม้หลี่เฟยจะถามคำถาม  แต่เขาก็ยังเดินขึ้นไปหาซู่เจ๋อ

หลี่เฟยนั่งยองลงแล้วกล่าวด้วยความประหลาดใจ “นายไม่หนักมือไปหน่อยเหรอเฒ่าเจียง? ไอ้นี่มันจมูกหักแถมเลือดไหลโจ้กเลยนา”

“ไม่เป็นไรหรอก  ผู้ฝึกยุทธระดับสองไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น” เจียงเหอตอบกลับ  แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบเขาก็ได้ยินเสียงตบเพี้ยะ ๆ ดัง ๆ สองครั้งดังขึ้นที่ข้างหู

เขาทำหน้าบึ้งใส่ลี่เฟย  แล้วถาม "เอ็งตบหน้ามันทำไมวะ"

“ตูกำลังปลุกมันน่ะสิ! ตูเรียนรู้การปฐมพยาบาลมาแล้ว: ถ้ามีคนหมดสติให้บีบหัวนมแต่ถ้าไม่ได้ผลก็ให้ตบเบา ๆ!”

“…”

เจียงเหอตกตะลึง

'เอ็งเป็นผู้ปลุกพลังเหนือมนุษย์นะเว้ย  เกิดพลังอันไร้ขอบเขตนั้นของเอ็งส่งมันกลับบ้านเก่าขึ้นมาจะทำไงวะ?'

ในตอนนั้นเองต้องขอบคุณการตบของลี่เฟย  ซูเจ๋อจึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นพร้อมกับคร่ำครวญ

แววตาของเขาดูเบลอ ๆ ราวกับว่าเขากำลังถามคำถามที่สำคัญที่สุดในชีวิต:

ฉันเป็นใคร?

ฉันอยู่ที่ไหน?

โอ๊ย!

ทำไมจมูกฉันเจ็บขนาดนี้?

ซูเจ๋อแตะจมูกของเขา  และในขณะนั้นเอง  ความเจ็บปวดสาหัสก็ได้เตะเขาออกจากอาการมึนงง  เขากระโจนขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับปลาคาร์ฟและจ้องไปที่เจียงเหออย่างเย็นชา  แล้วตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “แกกล้าดียังไงมาลอบกัดฉัน?”

“ปล่าวซักหน่อย!”

เจียงเหอยักไหล่ตอบ “ฉันซัดหน้านายตรง ๆ อย่างยุติธรรมแถมมีเกียรติและศักศรี  จะไปเรียกว่าเป็นการลอบกัดได้ยังไงเล่า”

“นี่แกอยากตายมากนักสินะ!”

ซูเจ๋อขยับเท้าใช้ออกด้วยวิชาตัวเบา ‘เหยียบย่างแปดทิศ’ พุ่งเข้าใส่พร้อมกับปล่อยหมัดทะลวงผ่านอากาศเข้าจู่โจมเจียงเหอ

'นี่คือผู้ฝึกยุทธระดับสองงั้นเหรอ? รู้สึก… เต่าคลาน’

ในทางกลับกันเจียงเหอยืนนิ่ง  เขาสังเกตเห็นว่าการเคลื่อนไหวจู่โจมของซูเจ๋อนั้นช้ามากในมุมมองของเขา  และเขารู้ดีว่านั่นเป็นเพราะเขามีระดับที่สูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกัน  ไม่ต้องพูดถึงว่าจิตวิญญาณของเขาพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดหลังจากกินแตงกวาไปมากมาย

เขากำหมัดแล้วต่อยสวนออกไป

'หมัดนี้น่าจะโดนเข้าที่กราม'

เจียงเหอคาดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นหลังจากสังเกตการเคลื่อนไหวของซูเจ๋อและของตัวเขาเอง

แต่…

ผัวะ!

เสียงทุ้มทื่อ

ซูเจ๋อตกกระแทกพื้นจากอากาศ  กระตุกอยู่หลายทีก่อนที่จะหมดสติไปอีกครั้ง

เจียงเหอมองไปที่ซูเจ๋อภายใต้แสงจันทร์  และเห็นว่าเบ้าตาของเขาช้ำ

เขาจึงส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง “ตูแทบไม่มีประสบการณ์การต่อสู้เลย  ได้ยินว่าอัจฉริยะการต่อสู้บางคนสามารถคาดการณ์การเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้  รวมไปถึงจุดที่พวกเขาจะโจมตีก่อนที่พวกเขาจะลงมือ… แต่ตูทำไม่ได้ว่ะ  ตูกะจะซัดปลายคางแต่ดันไปโดนเบ้าตาซะงั้น”

“…”

ลี่เฟยพูดไม่ออกอีกครั้ง “เจียงเหอ  ทำไมต้องซัดให้สลบอีกวะ? ตูเพิ่งจะปลุกมันขึ้นมาเอง—นี่ตูต้องแบกมันกลับตั้งสิบกว่าลี้เชียวนะ!”

หลี่เฟยเดินขึ้นไปหาพวกเขาอีกครั้ง  ก่อนจะมองไปรอบ ๆ และกัดฟันพูดอย่างชั่วร้าย “เราฆ่ามันดีป่าววะ เจียงเหอ? โดนทุบตีไปขนาดนนี้มันต้องกลับมาแก้แค้นแน่ ๆ!”

"ไม่จำเป็นหรอก"

เจียงเหอยิ้มจาง ๆ “ไอ้นี่มันก็แค่เศษขยะ  ถ้าโดนไปสองหมัดแล้วมันยังไม่รู้จักเข็ดหลาบ  เด๋วค่อยประเคนเพิ่มให้อีกซักสามสี่… เดี๋ยวดิ  เอ็งจะทำไรวะ”

เมื่อเห็นว่าลี่เฟยกำลังจะตบอีกครั้ง  เจียงเหอรีบหยุดเขาและพูดว่า “เอ็งแบกมันกลับไม่ได้เหรอ?  แล้วเอาอาวุธเอ็งมาให้ตูยืม”

“เอ็งไม่มาด้วยกันเหรอ”

หลี่เฟยถามในขณะที่เขาอุ้มซู่เจ๋อไว้ใต้รักแร้แล้วเตรียมจะหนีบเจียงเหอไว้ใต้รักแร้อีกข้าง “เจียงเหอ  นายเป็นแค่ผู้ฝึกสัตว์อสูร…”

“จะบ้าเรอะ!”

เจียงเหอพูดไม่ออก

ไอ้หมารองหลี่นี่มันโง่ป่าวเนี่ย?

เจียงเหอได้แสดงความแข็งแกร่งออกมาแล้ว  แต่หลี่เฟยยังคงกังวลอยู่อีก?

หลังจากที่หมารองหลี่เดินจากไปแล้ว  เจียงเหอก็ถือแท่งโลหะไปด้วยและค่อย ๆ มุ่งหน้าไปยังจุดชมวิวในบริเวณใกล้เคียง  ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมืดมน

ตามข้อมูลของหวางซืออวี่  มีสัตว์อสูรเลเวล 2 อย่างน้อยหนึ่งตัวที่โจมตีหมู่บ้านไป๋ถูก่างแต่  สัตว์อสูรทั้งหมดที่เขาฆ่าจนถึงตอนนี้มีแต่เลเวล 1

เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่จะต้องสงสัย

ในที่สุดเขาก็เข้าสู่จุดชมวิว

ครึ่งเดือนก่อนที่นี่เป็นสถานที่อันมีทัศนียภาพที่สวยงามตระการตา  บัดนี้กลายเป็นสถานที่เละเทะไปเรียบร้อยแล้ว  เพิงที่พักสไตล์คลาสสิกที่มีร่องรอยจากการอาละวาดของสัตว์อสูร  ทุกอย่างตั้งแต่ผนัง  ประตู  และหน้าต่างล้วนกระจัดกระจายออกจากกัน

เจียงเหอเปิดประตูบานหนึ่งและส่องทางด้วยไฟฉายในโทรศัพท์มือถือ

มีศพครึ่งร่างนอนอยู่บนพื้น  มีรอยสัตว์กัดแทะทั่วทั้งตัว

“ดูเหมือนว่าคนงานในจุดชมวิวทั้งหมดจะถูกฆ่าตาย…”

“แต่การฟื้นคืนของพลังวิญญาณไม่ได้ปะทุขึ้นในชั่วข้ามคืน  คนที่นี่คาดไม่ถึงหรือ? พวกเขาควรจะมีเวลาโทรหาตำรวจหลังจากที่สัตว์อสูรบุกจู่โจมเข้ามาไม่ใช่เหรอ?”

หลังจากสำรวจบนยอดเขาหนึ่งรอบ  เขาก็พบซากศพสี่ศพ

ไม่แน่ว่ายอดผู้เสียชีวิตจะมีเพียงสี่คน  อย่างไรก็ตาม… ดูจากซากศพทั้งสี่ที่เหลืออยู่  ก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่บางคนถูกกินจนหมดทั้งตัว

“พวกเขาอาจถูกสัตว์อสูรโจมตีในเวลาเดียวกันสินะ”

“ไม่สิ  ไม่ถูกต้อง!”

“ศพทั้งหมดถูกพบในสถานที่ต่างกัน  และมีระยะทางแปดร้อยเมตรระหว่างศพที่ไกลที่สุดทั้งสอง   สัตว์อสูรที่ฆ่าไปก็ไม่ฉลาดเหมือนกัน… เว้นแต่พวกมันเหล่านั้นจะวางแผนโจมตี  คนเหล่านี้จึงไม่มีจังหวะที่จะติดต่อตำรวจ”

“แล้วสัตว์อสูรเลเวล 2 มันไปอยู่ไหนหมด?”

“มันยังไม่ปรากฏตัวสินะ!”

ในขณะที่เจียงเหอกำลังไตร่ตรอง  ก็มีเสียงกรอบแกรบสะท้อนอยู่ข้างหลังเขา

เขารีบวิ่งไปที่เสียง  มีเพียงภาพเบลอสีดำที่หายไปทันทีที่มันปรากฏขึ้น

ภาพเบลอสีดำต้องเป็นสุนัขสีดำตัวใหญ่  และมันใหญ่กว่าที่เจียงเหอพึ่งฆ่าไปมาก

แต่ที่สำคัญกว่านั้น  มีร่างร่างหนึ่งนั่งอยู่บนตัวสุนัขนั้น

เจียงเหอตั้งใจที่จะไล่ตามไป  แต่ก็พบว่าสุนัขนั้นหายไปแล้ว

'มีคนอยู่เบื้องหลังการโจมตีจุดชมวิวฉางหลิวสุ่ยและหมู่บ้านไป๋ถูก่าง…'

ความคิดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในหัวของเจียงเหอในทันที 'ถ้าเป็นกรณีนี้  แสดงว่าไอ้คนนั้นมันสามารถควบคุมสัตว์อสูรพวกนั้นได้งั้นเหรอ? หรือว่ามันจะเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรตัวจริง?'

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด