บทที่ 16: ผู้ฝึกสัตว์อสูรที่ดุร้าย, สังหารอสูร
"ก็ไม่มีไรนิ ไอ้นี่มันปากหมาเลยซัดเข้าให้!”
“…”
หลี่เฟยอ้าปากค้าง “เหตุผลเอ็งนี่ทำเอาพูดไม่ออกเลยว่ะ ถึงตูจะหมั่นใส้มันอยู่เหมือนกันก็เถอะ แต่มันเป็นผู้ฝึกยุทธดับสองเลยนา เอ็งทำให้มันหลับไปแบบนี้ แล้วเราควรจะทำอย่างไรต่อล่ะ?
“เผ่นก่อนดีป่ะ? แล้วค่อยตัดสินใจอีกทีว่าจะเอาไงต่อ”
เจียงเหอหันไปมองแมวดำซึ่งมีขนาดเท่าลูกวัวที่อยู่ข้างหน้า
ขนของมันเป็นสีดำสนิท และทำให้ดูเหมือนเสือดำแทนเพราะมีขนาดใหญ่
มันยังคงเดินย่องอยู่รอบ ๆ ด้วยฝีเท้าอันแผ่วเบาจนไม่มีเสียงฝีเท้า
“สัตว์อสูรเลเวล 1… แค่ตัวกระจอกนี่หว่า”
เจียงเหอกระซิบออกมา แต่หลี่เฟยเหมือนจะได้ยินไม่ชัด เขาเผลอพูดสำเนียงเหน่อ ๆ เล็ดลอดออกไปอย่างฉับพลัน "เว่าอิหยังนะ?”
"เปล่าไม่มีไรหรอก เอ็งรู้ป่ะนี่ตูเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูร แค่ไอ้ตัวเลเวล 1 พรรค์เนี้ยสบายมากไม่มีปัญหาหรอก”
เจียงเหอจึงเดินไปข้างหน้าพร้อมกำหมัดแน่นและยิ้มออกมา “เฮ้ย เหมียว ๆ เอ็งอยากอยู่หรือตายวะ?”
ในทางกลับกันหลี่เฟยรู้สึกเย็นยะเยือกตั้งแต่หัวจรดเท้าขณะที่วิ่งขึ้นไป เขาถือแท่งเหล็กในมือและร้องตะโกนเสียงดัง “เจียงเหออย่าไปยั่วมัน ถอยไปให้พ้น! ระวัง เอ็งเป็นนักฝึกสัตว์อสูร แต่ร่างกายของเอ็งยังอ่อนแอ… โอ้โฮ!”
ก่อนที่เขาจะไปถึงเจียงเหอ เขาก็ยังได้ยินเสียง 'แง้ว~~' ระเบิดดังออกมา
ดูเหมือนว่าเสียงร้องเหมือจะมีพลังพิเศษ—มันพุ่งเข้าสู่สมองโดยตรง และทำให้ร่างกายของลี่เฟยสั่นสะท้าน
ในขณะเดียวกัน พื้นดินใต้แมวดำก็สั่นสะเทือนเนื่องมาจากที่มันเกร็งกำลังขา จากนั้นร่างกายของมันก็กลายเป็นภาพเบลอสีดำพุ่งเข้าหาเจียงเหอ กรงเล็บที่แหลมคมส่องประกายเย็นเยียบภายใต้แสงจันทร์
ฟิ้ว!
เกิดลมกระโชกแรงสะท้อนออกมา
กรงเล็บแมวดำตะปบตกลงไปที่ใบหน้าของเจียงเหอเต็ม ๆ
เจียงเหอก็ไม่น้อยหน้า ออกหมัดต่อยสวนซัดเข้าเต็มท้องมัน
ปัง!
เสียงตุ้บ ๆ และร่างใหญ่ของแมวดำก็บินถอยหลังไปหลายสิบเมตรและตกลงกระแทกพื้นดินอย่างหนักหน่วง มันกระเด้งกระดอนไปหนึ่งทีก่อนจะกลิ้งไปอีกหลายตลบ แล้วก็หยุดอยู่แค่นั้น
หลี่เฟยวิ่งไปที่ด้านข้างเจียงเหอ
เขารู้สึกตกตะลึง ดวงตาของเขาเบิกโปน และพูดพึมพำ “เจียงเหอ เอ็งเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรไม่ใช่เหรอ… ทำไม… ทำไมแข็งแกร่งขนาดนี้วะ?”
เจียงเหอเพิกเฉย และสัมผัสใบหน้าตัวเองอย่างเดือดดาล “ช่วยดูให้หน่อยดิ๊ นี่ตูเสียโฉมป่าววะ? ไอ้แมวเวรนี่ดันมาข่วนหน้าตูซะได้”
ลี่เฟยหยิบโทรศัพท์ของเขาออกมาและส่องไฟฉายไปที่ใบหน้าของเจียงเหอ
"ว้าว!" เขาอ้าปากค้างด้วยความตกใจ “สวรรค์โปรด เจียงเหอหนังหน้าเอ็งไม่ด้านไปหน่อยเหรอ? ไอ้แมวนั่นมันเป็นแมวป่า กรงเล็บของมันคมมากจนสามารถเจาะหินได้ แต่หน้าเอ็งแค่มีรอยข่วนเล็ก ๆ สองเส้น… เดี๋ยวก่อน รอยข่วนหายไปแล้ว”
"ไอ้บ้านิ!"
เจียงเหอหน้าบึ้งและยิงมุกกลับ “เอ็งนั่นแหล่ะหน้าด้าน!”
แต่เจียงเหอก็แอบ ๆ ชื่นชมกายาวัชระคงกระพันที่เขาฝึกอยู่
'ตูอาจยังไม่ถึงระดับที่สามารถอยู่ยงคงกระพันทั้งภายในและภายนอก แต่ไม่มีอะไรที่ต่ำกว่าระดับสี่จะทำร้ายตูได้เว้ย นี่ขนาดตูยังยังไม่ได้เรียนวิชาต่อสู้ใด ๆ เลยนะ แถมยังไม่มีประสบการณ์การต่อสู้อีกด้วย—อ้าวนี่มันจุดอ่อนใหญ่หลวงเลยไม่ใช่เหรอวะ?'
เขาเดินไปที่แมวดำซึ่งตอนนี้เป็นศพไปแล้ว
ก็ตามนั้น ด้วยพลังหมัดของผู้ฝึกยุทธระดับสามขั้นสูงย่อมไม่ใช่สิ่งที่สัตว์อสูรเลเวล 1 จะรับประทานไหว โดนแค่ทีเดียวก็ไม่รอดอย่างแน่นอน
หลี่เฟยที่งงงวยอยู่ก็ตามมา และพึมพำหลังจากตรวจสอบศพของแมวดำ “ช่องท้องถูกทะลวงเป็นรู อวัยวะภายในก็แหลกละเอียด และกรงเล็บขวาสามอันก็หักด้วย…”
ผ่านไปครู่หนึ่งหลังการชันสูตรพลิกศพ เขาก็หันหลังกลับไปมองเจียงเหอ “เอ็งไม่ใช่ผู้ฝึกสัตว์อสูรนี่หว่า เจียงเหอ!
“เอ็งปลุกพลังพิเศษแล้ว ไม่บอกก็รู้ดูดิ หนังหน้าเอ็งหนามาก อย่างกับกระโหลกทองแดงกระดูกเหล็กอะไรเงี้ย!”
เมื่อรู้สึกว่าหลี่เฟยกำลังล้อเลียนว่าเขาหน้าด้าน เจียงเหอจึงจะตอบโต้กลับ แต่สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน และเขาก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นมองไปรอบ ๆ
สัตว์อสูรอีกหลายตัวออกมาจากพงหญ้าและค่อย ๆ เข้าใกล้พวกเขา
มีมากถึงเจ็ดตัวซึ่งทั้งหมดมีวิวัฒนาการมาจากสุนัขและแมวป่า พวกมันแต่ละตัวมีขนาดใหญ่และดูดุร้าย ซึ่งตอนนี้พวกมันกำลังค่อย ๆ ล้อมเจียงเหอและหลี่เฟยอย่างช้า ๆ
ส่วนชายทั้งสองก็ยืนพิงหลังกันและกัน
“เอ๊ะ? เอ็งจะสั่นทำไมวะไอ้หมารองหลี่?”
เจียงเหอพูดเบา ๆ “เอ็งเป็นผู้เหนือมนุษย์คลาส D นะเว้ย ไม่ใช่พวกกระจอกซักหน่อย อย่าไปกลัวมัน แค่คิดว่าเป็นพวกลูกหมาลูกแมวแล้วหวดมันโลด!”
“เอางั้นเลยเหรอ”
หลี่เฟยทำตามคำแนะนำและกู่ร้องตะโกนออกมาทันที จากนั้นเขาก็รีบวิ่งไปหาสุนัขป่าที่สูงกว่าตัวเอง ถือไม้พลองเหล็กอยู่ในมือขณะที่เขาหัวเราะอย่างเย็นชา “เอ็งคิดว่าตูจะกลัวเรอะ? เอ็งมันก็แค่ไอ้ลูกหมา!”
ปัง!
เสียงทุบท่อนเหล็กลงบนตัวสัตว์
สุนัขป่าขนาดยักษ์เหวี่ยงอุ้งเท้าของมันเพื่อหยุดพลองเหล็ก แต่อาวุธนั่นที่ฟาดเข้ากับกรบเล็บของมันกลับส่งทั้งตัวของมันบินไปเลย
และเมื่อเขาเห็นว่าการโจมตีของเขาได้ผล ความมั่นใจของหมารองหลี่ก็ล้นออกมาในทันทีและเขาก็หัวเราะออกมาดัง ๆ “เอ็งอยู่เฉย ๆ ได้เลยเจียงเหอ แค่คอยระวังหลังให้ตูก็พอ เพราะว่า... ตูจะซัดไอ้พวกนี้ให้ตายเกลี้ยง!”
“…”
เจียงเหอตกตะลึง ‘พลังพิเศษของพวกคลาส D มันยอดเยี่ยมขนาดนั้นเลยเหรอวะ?’
ความรุนแรงจากการฟาดพลองของหมารองหลี่ตอนนี้น่าจะถึงสองตัน
พละกำลังอันมหาศาลดังกล่าวเข้าคู่กับอาวุธหนักอย่างแท่งโลหะ—ความเสียหายจะน่ากลัวเพียงใดเมื่อถูกโจมตีอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า?
คนปกติจะตัวแตกกระจุยกระจายหากถูกแท่งเหล็กนั้นกระแทก แต่สุนัขป่าที่โดนหลี่เฟยฟาดกระเด็นไปนั้นเพียงแค่กลิ้งไปบนพื้นหลายตลบก่อนที่จะลุกขึ้นอีกครั้ง
กรงเล็บขาหน้าของมันโดนฟาดหักไปข้างหนึ่ง แต่ประกายความโหดเหี้ยมในตามันก็ไม่หายไป แล้วมันก็กระโจนเข้าใส่หลี่เฟยอีกครั้ง
แฮ่ร์!
มันคำรามออกมาและส่งผลให้มีแมวกับสุนัขอีก 3 ตัวพุ่งเข้าใส่หลี่เฟยพร้อมกัน
หลี่เฟยพึ่งจะปลุกพลังและมีประสบการณ์การต่อสู้จริงไม่มากนัก หลี่เฟยใช้พลังพิเศษและอาวุธของเขาในการต่อสู้กับสัตว์อสูรหนึ่งหรือสองตัวนั้นก็พอไหวอยู่
แต่ตอนนี้เขาโดน 4 ตัวรุม แล้วถูกกดดัน
“โอ๊ย! โอ๊ย! โอ๊ย!”
“เชรี่ยพวกนี้นิ...”
การเคลื่อนไหวของเขาปั่นป่วนสับสน เขาตะโกนแล้วตะโกนอีกด้วยความตื่นตระหนกอย่างแท้จริง จากนั้นเขาก็สะดุดหางของสุนัขป่าตัวหนึ่งจนล้มลง “เจียงเหอ ช่วยด้วย...”
เมื่อเจียงเหอเคลื่อนไหว สัตว์อสูรอีกสามตัวที่จับตามองเขาอยู่ก็กระโจนเข้าใส่เขาในทันที
แต่เจียงเหอก็ได้สาวหมัดสวนออกไปอย่างต่อเนื่อง ฆ่าทั้งสามทิ้งทันทีก่อนที่จะวิ่งไปข้างหน้าและตวัดเท้าเตะออกไป ซัดเข้าที่หัวแมวที่กำลังแยกเขี้ยวของมันใส่หลี่เฟยจนกระจุย
จากนั้นก็กระดิกปลายเท้าเหวี่ยงแท่งเหล็กของหลี่เฟยขึ้นมาถือไว้
อสูรอีกสามตัวก็ตกตะลึงแล้วค่อย ๆ ถอยห่างอย่างช้า ๆ ด้วยความหวาดกลัวขณะที่จ้องมองเจียงเหอไปด้วย
“สัตว์อสูรเหล่านี้ฉลาดมาก! ไอคิวของพวกมันสามารถพัฒนาไปพร้อมกับร่างกายได้ด้วยเหรอวะ?”
ตั้งแต่ตอนที่สัตว์อสูรสี่ตัวต่อสู้กับหลี่เฟยในขณะที่สามตัวจับตาดูเขาอยู่ จนถึงตอนนี้เมื่อเห็นสัตว์อสูรที่กำลังหวาดกลัวเขา เจียงเหอก็คิดได้ “ไอ้พวกนี้มันแค่เลเวล 1 ถึงไอคิวมันจะพัฒนาขึ้นแต่มันก็ไม่ได้ฉลาดเกินไปนัก!”
ขณะที่ถือแท่งเหล็กเดินเข้าไปหา พวกสัตว์อสูรทั้งสามก็กรีดร้องแล้วพากันเผ่นหนี
เจียงเหอไล่ตาม
แม้ว่าเขาจะไม่มีทักษะวิชาตัวเบา แต่เขาก็เร็วกว่าสัตว์อสูรเลเวล 1-3 อย่างแน่นอน เมื่อร่างกายผู้ฝึกยุทธระดับสามของเขาระเบิดพลังออกมาแบบเต็มกำลัง
เขาจับหนึ่งในสามได้ภายในเสี้ยววิ แล้วฟาดมันตายในทีเดียว
ศพแรกผ่านไป ศพสองศพสามค่อย ๆ ผ่านไป
ปิดจ๊อบ แล้วเจียงเหอก็เดินกลับทางเดิมพลางส่ายหัว “สัตว์อสูรเลเวล 1 ไม่ได้ฉลาดขนาดนั้น แทนที่พวกมันจะแยกกันหนี อย่างน้อย ๆ คงมีตัวนึงที่รอดไปได้… เดี๋ยวดิ เอ้อเหลิงจื่อก็ดูเหมือนว่าจะเป็นเลเวล 1 ด้วยหนิ แต่ทำไมมันฉลาดจังวะ?”
เจียงเหอกลับมาหาหลี่เฟยที่กำลังอ้าปากค้าง มองเจียงเหอตั้งแต่หัวจรดเท้าและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “เจียงเหอ เอ็งแน่ใจนะว่าเอ็งเป็นผู้ฝึกอสูร?”
“แน่นวล ตูเป็นผู้ฝึกอสูรชัวร์ ๆ!”
เจียงเหอตอบอย่างจริงจังว่า “เอ็งไม่เห็นกระบวนท่าฝึกอสูรของตูเหรอวะ?”
หลี่เฟยตะลึงงันแล้วถามกลับว่า “กระบวนท่าไหนของเอ็งวะที่มันใช้ฝึกอสูร?”
“ก็กระบวนท่า ฟังตูเอ็งก็อยู่ ขวางตูเอ็งก็ตาย ยังไงเล่า!”