ตอนที่แล้วบทที่ 14: ถั่วระเบิด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 16: ผู้ฝึกสัตว์อสูรที่ดุร้าย, สังหารอสูร

บทที่ 15: เหมือนหมาตัวหนึ่ง


ในรถ MPV ซูเจ๋อกล่าวด้วยใบหน้าเคร่งขรึมในว่า "จากการสืบสวนของเรา  สัตว์อสูรที่เป็นเป้าหมายนั้น  แต่เดิมเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ใกล้กับจุดชมวิวฉางหลิวสุ่ย  และค่อย ๆ พัฒนาเป็นสัตว์อสูรหลังจากการฟื้นคืนของพลังวิญญาณ”

“ตำรวจท้องที่พยายามติดต่อเจ้าหน้าที่ที่ดูแลจุดชมวิวแต่ไม่ได้รับการตอบกลับ  เราเกรงว่าจะเกิดเรื่องร้ายมากกว่าดี”

บรรยากาศในรถเปลี่ยนไปอย่างมากจากคำพูดเหล่านั้น

เจียงเหอขมวดคิ้ว—เขารู้เรื่องหมู่บ้านไป๋ถูก่างซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านจินยินถาน 20 กม.

และไม่นาน MPV ของพวกเขาก็มาถึงสภาหมู่บ้านของหมู่บ้านไป๋ถูก่างซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายรออยู่

หนึ่งในนั้นเป็นชายวัยกลางคน  เขาเข้ามาหาเจียงเหอและคนอื่น ๆ ทันทีเมื่อเห็นพวกเขาลงจากรถ เขาจับมือซูเจ๋อและพูดว่า “ในที่สุดคุณก็มาถึง  คุณซู”

เห็นได้ชัดว่าซูเจ๋อคุ้นเคยกับตำรวจวัยกลางคน

“ผบ.จาง  คุณคุ้นเคยกับสถานการณ์ที่นี่  ช่วยอธิบายทีครับ”

ตำรวจพยักหน้าและพูดเบา ๆ ว่า “ตอนนี้ชาวบ้านตื่นตระหนกกันอย่างมาก  เพราะไม่มีใครรู้ว่าสิ่งที่โจมตีหมู่บ้านคืออะไรเลยทำให้ยิ่งกลัวมากขึ้นไปอีก”

“เราได้ขึ้นไปตรวจสอบเมื่อตอนบ่ายนี้เอง”

“ถึงจะบอกว่าไปตรวจสอบ  แต่เราก็ไม่ได้เข้าไปข้างในจุดชมวิวฉางหลิวสุ่ย  เพราะก่อนที่จะเข้าไปมันมีสุนัขป่ามาโจมตีเรา  มันใหญ่พอ ๆ กับวัวและดุร้ายมาก  แถมกระสุนก็ไม่สามารถเจาะขนของมันจากระยะไกลได้  เราทำได้แค่ยิงขู่มันให้มันหนีไป  แต่หนึ่งในพวกเราตื่นตระหนกและยิงเข้าที่ตามัน”

ซูเจ๋อดูไม่แปลกใจและกล่าวว่า “มันควรจะเป็นเลเวล 1 เพราะถ้ามันเป็นเลเวล 2 คงไม่มีใครหนีพ้นได้ง่าย ๆ หากมันเข้าจู่โจมด้วยความเร็วสูงสุด”

กัปตันจางแสดงรอยยิ้มที่เจ็บปวด “เราไม่สามารถจัดการกับสิ่งเหล่านั้นได้เลย  ผมคงต้องฝากความปลอดภัยของชาวบ้านไป๋ถูก่างทั้งหมดไว้ที่คุณแล้วล่ะครับ  คุณซู”

ซูเจ๋อพยักหน้า  ขณะที่ผบ.จางหันไปหาเจียงเหอและคนอื่นๆ

เมื่อเขาเห็นหลี่เฟย  เขาก็ชะงักไปครู่หนึ่ง  แล้วถามด้วยความประหลาดใจ “นี่เธอเสี่ยวหลี่ไม่ใช่เหรอ?”

“ลุงจาง” หลี่เฟยยิ้มตอบกลับ

เขาสวมเสื้อผ้าหลายชั้นแบบตะวันตกและสวมรองเท้าหนังคู่หนึ่ง  ยังไม่พอเขายังสวมแว่นกันแดดทรงนักบินคู่หนึ่งตอนกลางดึกอีกต่างหาก

ช่างหรูหราหมาเห่าแท้ ๆ

เนื่องจากหมู่บ้านไป๋ถูก่างไม่ได้อยู่ไกลจากหมู่บ้านจินยินถานมากนัก  ผู้ประกอบการรุ่นเยาว์ที่มีชื่อเสียงอย่างหลี่เฟยย่อมมีคอนเนคชั่นมากมายกับองค์กรต่าง ๆ เขาคุ้นเคยกับผบ.จางที่กำลังแปลกใจคนนี้  แต่แล้วผบ.ก็พยักหน้าด้วยความอิจฉาหลังจากที่หลี่เฟยแนะนำตัวเองว่าเป็นผู้ปลุกพลัง

การเป็นตำรวจทำเขาให้รู้อะไรมากกว่าพลเมืองทั่วไปอย่างแน่นอน

เขารู้ว่าสังคมจะถูกสับเปลี่ยนด้วยการฟื้นคืนของพลังวิญญาณและเมื่อถึงเวลานั้น  เหล่าผู้เหนือมนุษย์ก็จะปรากฏสู่สายตาสาธารณะและกลายเป็นผู้นำของสังคม

“เสี่ยวหลิว  เสี่ยวหวาง  พวกเธอก็มาด้วยเหรอ?”

ผบ.จางทักทายหวางซืออวี่กับหลิวเสวี่ย

เขารู้จักพวกเธอเป็นอย่างดีเช่นกัน  เพราะพวกเขาเคยทำงานด้วยกันมาหลายครั้งแล้ว

จากนั้นเขาก็เหลือบมองเจียงเหอโดยไม่มีคำพูดใด ๆ

หลังจากคุยกันอีกสองสามคำซู่เจ๋อก็พูดว่า “เกือบสี่ทุ่มแล้ว  เราต้องเข้าไปในภูเขาทันทีเพื่อฆ่าพวกสัตว์อสูรและป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก”

“หลิวเสวี่ยกับหวางซืออวี่ให้อยู่ในหมู่บ้านเผื่อไว้ก่อน  หลี่เฟย, เจียงเหอ พวกคุณมากับผม  เราไปขึ้นเขากัน”

เมื่อซูเจ๋อพูดจบหวางซืออวี่ก็กล่าวแทรกทันทีว่า  “นั่นไม่ได้นะ  เจียงเหอเป็นเพียงผู้ฝึกสัตว์อสูรที่ไม่มีความสามารถในการต่อสู้  และเขาไม่ใช่ส่วนหนึ่งขององค์กร  ฉันแค่ขอให้เขามาช่วยที่นี่  แล้วถ้าให้เขาขึ้นไปบนภูเขาด้วยมันจะไม่ทำให้เขาตกอยู่ในอันตรายเหรอ?”

ซูเจ๋อมองเธอก่อนจะพูดเรียบ ๆ “ถ้าเขาไม่กล้าก็ไม่ต้องเข้าไปฉันไม่ห้าม  แต่เนื่องจากเขาได้ปลุกพลังพิเศษแล้ว  เขาควรจะก้าวไปเป็นแนวหน้าอย่างกล้าหาญในช่วงเวลาแบบนี้”

ลี่เฟยขมวดคิ้วและพึมพำ “ซูเจ๋อ! นั่นมันบังคับข่มขู่โดยใช้ศีลธรรมมาอ้างนะ!”

"หุบปาก!"

ซูเจ๋อคำรามทันที “นี่คือการปฏิบัติภารกิจและฉันเป็นผู้บัญชาการ  ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งขององค์กร  สิ่งที่นายต้องทำคือปฏิบัติตามคำสั่ง!”

เฮ้อ~~

เจียงเหอรู้สึกขบขันอย่างยิ่ง

เมื่อมองไปที่ซูเจ๋ออยู่หลายที  เขาก็อดที่จะเยาะเย้ยไม่ได้ “ดูเหมือนว่าสำนักงานจัดการรคดีพิเศษแห่งชาติจะเป็นพวกมือไม่ถึงจริง ๆ นะ  องค์กรลับของประเทศจะไม่คัดกรองการเกณฑ์บุคลากรและรับสมัครมดปลวกแมลงวันเข้ามาได้ไงเนี่ย?”

"ฮะ?!"

ซูเจ๋อหันไปเผชิญหน้ากับเจียงเหอ “เรื่องขององค์กร  คนนอกอย่างนายไม่ต้องเข้ามาสอด” เขากล่าวอย่างเย็นชา “คนแซ่เจียง!  ถ้านายปอดแหกล่ะก็กลับไปเลยก็ได้  ฉันไม่ห้าม!”

“ทวนคำสั่ง!  หวางซืออวี่, หลิวเสวี่ย  ดูหมู่บ้าน!”

“หลี่เฟย  ไปหยิบอาวุธแล้วตามฉันขึ้นเขา!”

พูดเสร็จซู่เจ๋อก็เดินเข้าไปในความมืด

ท้ายสุด  หลี่เฟยกัดฟันแล้วหยิบแท่งโลหะออกมาจากท้ายรถ MPV และบอกเจียงเหอว่า “นี่เป็นอาวุธที่ทำจากโลหะผสมเมทริกซ์ (MMC) ที่ฉันขอเป็นพิเศษจากองค์กร  แท่งเหล็กนี่หนัก 108 จิน  เหมาะเหม็งกับผู้ปลุกพลังพิเศษแบบฉัน  เพราะงั้นสบายใจได้  ไม่มีอสูรตัวไหนแตะต้องนายได้แน่นอน”

เจียงเหอตบไหล่เขาและพูดว่า “ทีหลังก็ระวังด้วย”

จากนั้นเขาก็หันไปมองสื่อว่า 'ไม่ต้องกังวล' ให้กับหวางซืออวี่ขณะที่เขาเดินเข้าไปในความมืดกับหลี่เฟย

***

มีคูน้ำขนาดยักษ์อยู่ด้านนอกหมู่บ้านไป๋ถูก่าง

ทางลาดยางทอดยาวไปตามคูน้ำ  แยกออกเป็นทางแยกที่มุ่งตรงไปยังภูเขาที่อยู่ไกลออกไป

ส่วนจุดชมวิวฉางหลิวสุ่ยนั้นอยู่บนยอดเขา

แน่นอนว่าถึงแม้จะเรียกว่าจุดชมวิว  แต่จริง ๆ แล้วมันดูเหมือนสวนสาธารณะหรือสถานที่ท่องเที่ยวในชนบทมากกว่า

บนยอดเขามีน้ำพุอยู่  ซึ่งน้ำพุแตกออกเป็นลำธารหลายสาย  ต่อมามีบางคนนำเงินบางส่วนไปดัดแปลงยอดภูเขาให้เป็นทะเลสาบสำหรับตกปลา  ในขณะเดียวกันก็สร้างกระท่อมและสวนสไตล์ดั้งเดิมและปลูกดอกไม้เพื่อทำเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ

ซูเจ๋อก้าวเดินนำหน้า

ด้วยความเป็นผู้ฝึกยุทธระดับ 2 แห่งสำนักแปดทิศ  เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วด้วยวิชาเหยียบย่าง

แปดทิศ

ทำให้เจียงเหอกับหลี่เฟยต้องวิ่งเหยาะ ๆ เพื่อตามให้ทัน

เพียงแค่ลมหายใจเดียวพวกเขาก็เดินทางได้สิบลี้  เนินเขาเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นตรงหน้าภายใต้แสงจันทร์

จากระยะไกล  เราสามารถเห็นอาคารที่อยู่บนเนินเขาได้อย่างชัดเจน  แต่ไม่มีแสงไฟส่องสว่างจากภูเขาทั้งลูก  และความเงียบที่วังเวงก็ชัดเจน

ซูเจ๋อหยุดและบอกพวกเขาอย่างเบา ๆ ว่า “ตามฉันมาตอนนี้อย่าวิ่งไปทั่ว  มีร่องรอยและรอยเท้าของสัตว์อสูรอยู่มากมายในบริเวณนี้  อาจมีมากกว่าสองตัว!”

หลี่เฟยควงแท่งโลหะของเขาสองสามครั้งแล้วเยาะเย้ย “ใครจะสนว่ามันจะมีกี่ตัว? กะจะซัดกระบาลแยกในเปรี้ยงเดียวอยู่แล้ว!”

จากนั้นพวกเขาก็ก้าวต่อไปอีกสองสามร้อยเมตรก่อนที่ซูเจ๋อจะหยุดอีกครั้งและชี้ตรงไปข้างหน้า

มีเงาดำปรากฏอยู่ในเส้นทางข้างหน้า

ดวงตาของมันเป็นสีเขียวมันวับเปล่งประกาย  เมื่อจ้องมองไปที่เจียงเหอและอีกสองคนด้วยความสงสัย  จากนั้นมันก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นแล้วค่อย ๆ เดินวนรอบ ๆ และโก่งตัว  พร้อมที่จะพุ่งเข้าใส่พวกเขาได้ทุกเมื่อ

“นั่นมัน… แมวเหรอ?”

ม่านตาของเจียงเหอหดตัว

เป็นแมวดำจริง ๆ ด้วย  แต่มันสูงหนึ่งเมตรและยาวสองเมตร  ตัวใหญ่พอ ๆ กับเสือดาวที่โตเต็มวัยแล้ว!

“สัตว์อสูรเลเวล 1 นี้วิวัฒนาการมาจากแมวธรรมดาและไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น… เจียงเหอ  คุณปลุกพลังแล้วนี่  ไปสื่อสารกับมันด้วยพลังการฝึกสัตว์อสูรเสียสิ” ซูเจ๋อหันไปหาเขาและกระซิบ “สัตว์ในตระกูลแมวทุกตัวค่อนข้างเชื่องก่อนที่จะวิวัฒนาการและไม่ควรมี… โอ๊ย!”

ไม่ทันพูดจบภาพหมัดที่ขยายตัวขึ้นเรื่อย ๆ  ก็พุ่งมาที่เขาอย่างรวดเร็วจนเขาไม่สามารถหลบเลี่ยงได้แม้จะมีปฏิกิริยาตอบสนองของผู้ฝึกยุทธระดับสอง

ตุ๊บ!

ได้ยินเสียงกระแทกดังออกมา  แต่ทั้งหมดที่ซูเจ๋อรู้สึกคือความเจ็บปวดที่จมูกก่อนที่เขาจะล้มลงกับพื้นและหมดสติในเสี้ยววินาทีถัดมา

“ไอ้บ้านี่  ก็รู้ว่าตูเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรที่สู้ไม่เป็น  แต่เอ็งยังจะปล่อยให้ตูออกไปเสี่ยงตายอีกเหรอวะ?   คิดว่าจะรังแกตูได้ง่าย ๆ เหรอวะไอ้น้อง?”

"เอ่อ…"

หลี่เฟยกำลังอ้าปากค้าง  ขณะที่เจียงเหอกำลังลั่นกระดูกมือตัวเองกร๊อบแกร็บ

“เฮ้ยเจียงเหอ!  เอ็งต่อยมันทำไมวะนั่น?” หลี่เฟยอุทานถามอย่างอดไม่ได้

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด