ตอนที่แล้วตอนที่ 14 ผู้หญิงของผม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 16 ปัญญาอ่อน

ตอนที่ 15 ข้าวต้มของคุณนายลู่


ตอนอายุสิบเก้าปี ใบหน้าของเจียงเหยานั้นช่างงดงามและเนียนละเอียดราวกับหยดน้ำยังสามารถไหลผ่านรูขุมขนของเธอได้ ผิวของเธอเรียบเนียนราวกับกำมะหยี่นุ่มและเต่งตึง ผิวของเธอขาวสะอาด ทำให้รอยข่วนสีแดงชัดเจนมาก

ลู่ชิงสีอ่อนโยนขณะที่ทาครีมทาบนใบหน้าให้กับเธอ เขาปัดมันอย่างรวดเร็วและดึงมือของเขาออก จากนั้นก็เปลี่ยนจากจ้องมองรอยแดงบนใบหน้า ไปยังดอวงตาของเธอ

ลู่ชิงสีรู้สึกประหลาดใจเมื่อเขาเห็นการจ้องมองที่อ่อนโยนและยิ้มแย้มของเธอ แม้แต่ร่างกายของเขายังแข็งทื่อ

เขาประหลาดใจที่เธอไม่หลบสัมผัสของเขา และความจริงที่ว่าเธอกำลังจ้องมองเขากลับอย่างนิ่งเงียบและน่ารักก็ปรากฎขึ้นในโสตประสาทของเขา

“ไปกันเถอะ ผมหิวแล้ว” ลู่ชิงสีถอยสายตาอย่างเขินอาย เอามือล้วงกระเป๋า เขาจ้องไปที่เจียงเหยา และชี้ไปที่เธอ เพื่อเป็นสัญญาณให้เธอลงไปข้างล่าง

เจียงเหยาพยักหน้า เธอก้าวไปข้างหน้าแต่ถอยกลับอย่างรวดเร็ว เธอเหลือบมองไปที่ลู่ชิงสีและพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “อย่าพูดอะไรแบบนั้นพี่สาวเขาอีกนะ ดูคุณสิทำให้เธอโกรธอย่างนั้นได้ยังไง”

ไม่ว่ายังไง ลู่อี้ชิงก็ปรารถนาดี และเธอเป็นพี่สาวที่คอยสนับสนุนน้องชายมาโดยตลอด ดังนั้นเจียงเหยาหวังว่าลู่ชิงสีจะไม่ทำให้พี่สาวของเขาไม่พอใจ เพราะเธออีก

“ไม่ต้องกังวล เธอก็เหมือนกันปืนใหญ่ ถ้าระเปิดไปแล้ว ก็ไม่มีอะไรแล้วล่ะ” ลู่ชิงสียักไหล่และขมวดคิ้ว พวกเขาโตมาด้วยกัน ดังนั้นลู่ชิงสีจึงรู้จักพี่สาวของเขาเหมือนกับเธอคือหลังมือของเขาเอง

ยังไงก็ตาม คำแนะนำของเจียงเหยาได้บรรเทาอารมณ์ของเขา ความเคารพของเจียงเหยาสำหรับลู่อี้ชิงหมายถึงเธอเคารพครอบครัวนี้

เมื่อพวกเขาลงบันไดมา คุณนายลู่และลู่อี้ชิงได้จัดอาหารไว้บนโต๊ะพร้อมแล้ว กำลังจะไปเรียกพวกเขา เมื่อเห็นพวกเขาเดินลงบันไดมา เธอเหลือบมองไปที่รอยแดงบนใบหน้าของเจียงเหยา อย่างที่ลู่อี้ชิงคาดไว้ ลู่ชิงสีพาเจียงเหยากลับห้องไปทาครีม เธอจึงไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรกับเรื่องนี้อีก

เจียงเหยามีผิวที่บอบบาง และมักจะทิ้งร่องรอยไว้เมื่อเธอเดินชนเข้ากับอะไรสักอย่าง คุณนายลู่คิดว่าดีแล้วที่ดูแลให้เร็วที่สุด

ลู่ชิงสีไม่ค่อยได้กลับบ้านตั้งแต่เขาเข้าร่วมกองทัพ มากสุดก็ปีละครั้ง หรือสองครั้งเท่านั้น ดังนั้น โต๊ะอาหารจึงเต็มไปด้วยอาหารจานโปรดของลู่ชิงสี เพราะนาน ๆ ทีเขาจะได้กลับมา

เมื่อเทียบกับครอบครัวของเขาที่ชอบอาหารรสจืด ลู่ชิงสีเป็นคนชอบอาหารรสเผ็ด อาจเป็นเพราะเขาเรียนที่โรงเรียนเตรียมทหารจินโดถึงสี่ปี และเข้าฐานทัพทางภาคเหนือ

ส่งผลให้อาหารบนโต๊ะมีสีสันสดใส ทั้งในเรื่องของสี กลิ่นหอมและรสชาติ

แม้แต่เจียงเหยาผู้ซึ่งชอบอาหารรสจืด รู้สึกว่าท้องของเธอส่งเสียงกึกก้อง ขณะที่เธอจ้องมองไปที่อาหารอันโอชาเหล่านี้

หลังจากใช้เวลาหลายปีในหมู่บ้านห่างไกลที่อยู่ลึกในภูเขา หมู่บ้านที่ยากจนมีเสบียงอาหารจำกัด นับประสาอะไรกับเนื้อสัตว์ เธอจึงกินมังสวิรัติมาหลายปีที่เธอใช้เวลาในหมู่บ้านนั้น ดังนั้น ขณะที่มองดูอาหารบนโต๊ะ เธอรู้สึกหนักใจอยู่บ้านและตกอยู่ในภวังค์

หลังจากนั่งลงแล้ว คุณนายลู่สังเกตเห็นว่าเจียงเหยาไม่ได้ขยับช้อนส้อมของเธอ จึงโพล่งออกมาทันทีว่า

“ใช่แล้ว! ฉันทำโจ๊กไว้หม้อหนึ่งล่ะ เธอป่วยนี่ ฉันคิดว่าเธอคงไม่อยากอาหารขึ้นมาอีก ฉันเลยทำเตรียมไว้ รอเดี๋ยวนะ ฉันจะไปเอามาให้”

“แม่คะ...” เจียงเหยาต้องการหยุดคุณนายลู่เพราะเธอก็อยากจะกินเนื้อบ้าง แต่ก่อนที่เธอจะพูดอะไร คุณนายลู่ก็หายเข้าไปในครัวและกลับมาพร้อมกับโจ๊กหนึ่งชามสำหรับเธอโดยเฉพาะ

เมื่อมองไปที่ชามโจ๊กแสนจะธรรมดาที่วางอยู่ต่อหน้า เจียงเหยาเหลือบมองไปที่ลู่ชิงสีและชามเนื้อของเขา จากนั้น เธอก็เริ่มกลืนโจ๊กอย่างไร้รสชาติ

แม้ว่าโจ๊กผักจะมีรสชาติแสนจืดและเรียบง่าย แต่เจียงเหยารู้สึกถึงความอบอุ่นและความห่วงใยอย่างจริงใจของคุณนายลู่

จดหมายตอบรับของเธอได้ยั่วยุให้เกิดการโต้เถียงและการประท้วงจากครอบครัวในช่วงเช้า แม้กระทั่งทำให้พี่น้องลู่ต้องทะเลาะกันเพราะเธอ

แต่ถึงกระนั้น ขณะที่คุณนายลู่ยุ่งกับการทำอาหารให้ลูกชายของเธอ เธอก็ไม่ลืมที่จะทำโจ๊กเผื่อให้ เพราะคิดว่าเธออาจชอบอาหารธรรมดามากกว่า คิดถึงอาการป่วยของเธอ และความอยากอาหารของเธอ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด