ตอนที่ 13 สี่ปีเอง
“ลู่ชิงสี คนโง่! แกยังจะแก้ตัวแทนอีก เธอกำลังจะหนีไปจากนาย ยังคิดไม่ได้อีกหรือไง” ลู่อี้ชิงคำรามอย่างหงุดหงิด
“ทำไมแกโง่ขนาดนี้ หลับหูหลับตาให้เธอหลอก! ทำไมกัน”
“พี่ พอแล้ว! เธอเป็นภรรยาของฉัน และนี่คือเรื่องระหว่างเรา ให้เราจัดการกันเองเถอะ ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าเธออยากจะไปหนานเจียงก็ปล่อยเธอไปหนานเจียง ฉันไม่ได้มีปัญหาอะไร ทำไมพี่ถึงชอบมายุ่งเรื่องของเรานัก” ลู่ชิงสีคำรามใส่อี้ชิง ขณะที่เขาเริ่มหมดความอดทน
พ่อลู่รู้ว่าลู่ชิงสีแค่เล่นไปตามน้ำ ทำไมเขาจะไม่รู้เจตนาที่แท้จริงของภรรยาตัวเองได้ยังไง เขารู้แต่ไม่อยากยอมรับ ไม่เพียงแค่นั้น เขายังพยายามหาข้อแก้ตัวให้กับเจียงเหยา เขาไม่ต้องการให้ครอบครัวตำหนิเธอเพราะความดื้อรั้นของเธอ
“แล้วแกล่ะ?” พ่อลู่มองไปที่ลู่ชิงสีและถาม
“ผมเหรอ” ลู่ชิงสีกลับมาสนใจและเข้าใจคำถามของพ่อ
“แค่สี่ปีเอง แปบเดียวเวลาก็ผ่านไปแล้ว สี่ปีข้างหน้า เธอก็โตขึ้นแล้ว เป็นผู้ใหญ่ขึ้นแล้ว เธอสามารถมาหางานทางเหนือได้นี่”
ลู่ชิงสีหยิบแตงโมชิ้นหนึ่งแล้วยื่นให้กับเจียงเหยา ขณะที่หยอกล้อเธอ
“ผมก็ว่าอะไร คนที่บอกว่าคิดถึงผมเมื่อกี้ จะไปหนานเจียงเร็ว ๆ นี้นี่เอง ต่อไป ก็ต้องไกลกันแล้ว ถ้าคิดถึงอีก ก็คงไม่ได้เจอกันบ่อยเหมือนตอนนี้นะ”
น้ำเสียงที่เคร่งขรึมของเขาเปลี่ยนการหยอกล้อที่น่าขบขันให้กลายเป็นคำพูดที่จริงจัง
ลู่ชิงสีเป็นคนที่จริงจังอยู่เสมอ และอาจเป็นครั้งแรกที่เขาล้อเล่นใครสักคน หลังจากรู้สึกอึดอัดกับคำพูดเหล่านั้น เขายักไหล่อย่างไม่สบายใจและก้มหน้าลง แกล้งทำเป็นอ่านหนังสือพิมพ์
“หึ แกคิดว่าแกเป็นคนพิเศษสำหรับเธอจริง ๆ เหรอ เธออาจจะดีใจที่ได้ยินแกพูดแบบนี้ล่ะมั้ง!” ลู่อี้ชิงโกรธมาก เธอกระทืบเท้า ดึงแม่ของเธอเข้าไปในครัว ในที่สุดเธอก็รู้ว่าความรักที่เธอมีให้น้องชายโง่เขลาเพียงใด น้องชายของเธอหลงใหลเจียงเหยาและเชื่อทุกคำพูดของเธอ
หลังจากที่ลู่อี้ชิงและแม่ของเธอเข้าไปในห้องครัว ลู่ชิงสีก็เอื้อมมือไปหยิบแตงโมแล้วยืนให้เจียงเหยา
“ถ้าคุณอยากไปหนานเจียง ก็ทำตามที่คุณต้องการเถอะ อะ กินแตงโมรองท้องไปก่อน เดียวมื้อเที่ยงก็เสร็จแล้ว”
ลู่ชิงสีพูดในครั้งนี้ เขาดูเป็นธรรมชาติและสงบ ราวกับว่าเขาไม่ได้สนใจเรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับจดหมายตอบรับเลย เขาหยิบจดหมายขึ้นมาที่พื้น ปัดฝุ่นออกและวางไว้ข้างหน้าเจียงเหยา
“เก็บไว้ให้ดี ผมคิดว่าผมคงไม่ได้กลับส่งคุณเข้าเรียน ให้พี่ชายคนโตของคุณไปลงทะเบียนพร้อมกับคุณแทนนะ”
เจียงเหยาจ้องไปที่จดหมายสีแดง ความสำนึกผิดและความเสียใจท่วมท้นเต็มหัวใจของเธอจนเต้นไม่เป็นจังหวะ คงจะดีถ้าเธอสามารถเกิดใหม่ได้ถึงวันที่เธอกรอกแบบฟอร์มใบสมัคร ถ้าเป็นอย่างนั้น พวกเขาจะได้พบกันทุกสุดสัปดาห์และในวันหยุด
หลังทานอาหารกลางวันเสร็จ เธอไปที่บ้านตระกูลเจียง และบอกข่าวร้ายกับพ่อแม่ พนันได้เลยว่าพวกเขาจะดีใจ ภูมิใจกับเธอที่ได้ยินว่าเธอสอบติดมหาวิทยาลัยแพทย์หนานเจียง!
“เจียงเหยา ในหมู่บ้านนี่มีใครอีกไหมที่ได้รับเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ลองถามดู ถ้ามีใครไปเรียนที่นั่น เธอจะได้ไปพร้อมกับเขาได้” พ่อลู่กล่าว เขาเป็นคนใจกว้างและอารมณ์ดี ในฐานะพ่อ เขารู้ว่าลูกชายของเขามีนิสัยยังไง เขาดื้อรั้นเพียงใด เขายังรู้ว่าเจียงเหยามีความหมายในใจของลูกชายมากเพียงใดด้วย
พ่อลู่คิดอย่างจริงใจว่าจริง ๆ แล้วเจียงเหยาเป็นเด็กดี แต่เธอยังเด็กเกินไปที่จะเข้าใจการแต่งงานและปรับตัวให้เข้ากับชีวิตแต่งงาน เมื่อเธอโตขึ้น คงจะเข้าใจมันมากขึ้น