ตอนที่ 1047-1048 หน้าไปโดนอะไรมา?
สัญชาตญาณของเธอบอกกับเธอว่า กงเซลีไม่ได้คิดธรรมดากับเฉียวเมียนเมียน
ไม่ใช่เพราะเขาอยู่ข้างเธอ
แต่สายตาที่เขามองเธอ... มันไม่ปกติ
ลินดาไม่บอกเฉียวเมียนเมียนในเรื่องที่เธอเดา
ที่ผ่านมา เธอไม่รู้จักตัวตนของเหมาเยซื่อ แต่ตอนนี้เธอรู้แล้ว บางอย่างก็ไม่ควรพูดออกไป
ลินดามองขึ้นไปที่ใบหน้าสวย ๆ ของเฉียวเมียนเมียน ไม่แปลกใจเลยที่กงเซลีจะรู้สึกพิเศษกับเธอ
ด้วยใบหน้าสะสวยและอายุน้อย ๆ แบบนี้ ใครกันเล่าจะไม่ชอบเธอ?
แม้แต่นายน้อยคนที่สองของตระกูลเหมาที่ไม่เคยเข้าใกล้ผู้หญิงยังชอบเธอเลย ไม่แปลกใจที่นายน้อยของตระกูลกงจะชอบเธอด้วยเช่นกัน
แต่ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างนายน้อยตระกูลกงและนายน้อยคนที่สองของตระกูลเหมา การชอบผู้หญิงคนเดียวกัน อาจส่งผลต่อมิตรภาพของพวกเขาได้
เหมาเยซื่อโทรเข้ามาไม่นาน หลังจากที่กงเซลีจากไป
เฉียวเมียนเมียนรับโทรศัพท์
เหมาเยซื่อถาม “คุณอยู่ที่ไหน? ผมมาถึงร้านอาหารแล้ว ไม่เห็นคุณ”
เฉียวเมียนเมียนยกมือขึ้นจับแก้มบวม ๆ ของตัวเอง และลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะบอกตำแหน่งที่เธออยู่
ไม่กี่นาทีต่อมา เหมาเยซื่อก็มาถึง
ลินดารอเป็นเพื่อนเฉียวเมียนเมียน เมื่อเห็นเหมาเยซื่อ อารมณ์ของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
เธอรู้สึกเกรงขามในตัวเขา ตั้งแต่ที่เธอยังไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขา
ตอนนี้เธอรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขาแล้ว เธอจึงให้ความเคารพต่อเขามากขึ้น
เมื่อเหมาเยซื่อเดินเข้ามา เธอทักทายอย่างสุภาพ “คุณเหมา”
เหมาเยซื่อพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการตอบรับ
เขามองไปที่ลินดาเพียงครู่เดียว ก่อนจะหันไปหาเฉียวเมียนเมียน เมื่อเห็นใบหน้าของเธอ เขาก็ขมวดคิ้ว
เขาเอื้อมมือไปดึงมือเธอออก “หน้าคุณเป็นอะไร”
เมื่อเห็นรอยมือบนแก้มของเธอ ดวงตาของเขาเย็นชาขึ้น “ใครทำคุณ”
เฉียวเมียนเมียนรู้ดี
เธอถอนหายใจเบา ๆ “เรื่องเข้าใจผิดกันน่ะค่ะ ตอนนี้ทุกอย่างเคลียร์กันเรียบร้อยแล้ว หิวรึยัง ไปกินข้าวกันเถอะ”
เหมาเยซื่อยืนนิ่งและจ้องไปที่นิ้วมือบนแก้มของเธอ “คุณยังไม่ได้ตอบ หน้าคุณเป็นอะไร? ใครเป็นคนทำ?”
“ฉันไม่เป็นไรคะ ฉัน..”
เหมาเยซื่อหันไปมองลินดาและพูดอย่างเย็นชา
“คุณอยู่กับเธอ บอกผมมาที ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหน้าของเธอ?”
“เอ่อ คุณเหมา...” ลินดามองเฉียวเมียนเมียนอย่างลังเล
“ไม่เป็นถ้าคุณไม่อยากพูด แต่คุณจะไม่พูดจริง ๆ เหรอ? เธอเป็นดาราภายใต้การดูแลของคุณ เธอถูกรังแก ตอนที่อยู่กับคุณ คุณในฐานะผู้จัดการจะรับผิดชอบยังไง?”
“คุณเหมา...” ลินดาตกใจและบอกเขาทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
การแสดงออกของเหมาเยซื่อมืดลง
“ผู้หญิงของซูเจ๋อเป็นคนทำอย่างนั้นเหรอ?” เขามองไปที่เฉียวเมียนเมียน ความโกรธปรากฏขึ้นในแววตาของเขา
“ค่ะ” ลินดาพยักหน้า
“ผู้หญิงคนนั้นน่าจะกำลังคบกับซูเจ๋อ แต่ซูเจ๋อไม่ยอมปล่อยแขนเมียนเมียนและตามตอแยเธอ แฟนใหม่ของเขาเลยเข้าใจผิดคิดว่าเมียนเมียนตามตื้อซูเจ๋อ เธอเลยพุ่งเข้ามา พวกเราไม่มีเวลาตั้งตัว”
ลินดาแสดงออกว่าเกลียดซูเจ๋ออย่างออกนอกหน้า
ดังนั้น หากเธอสามารถล้มเขาได้ เธอไม่มีทางเมตตาเด็ดขาด
เมื่อเห็นว่าการแสดงออกของเหมาเยซื่อเย็นชาและมืดมนลง เธอจึงเติมเชื้อเพลิงเข้าไปอีก “ซูเจ๋อไร้ยางอายจริง ๆ ตอนนั้นเขาเองที่เป็นฝ่ายนอกใจและเลิกกับเธอก่อน ตอนนี้ยังกล้ากลับมาลวนลามเมียนเมียนครั้งแล้วครั้งเล่าอีก คุณเหมา คุณไม่รู้หรอกว่าเขาน่าขยะแขยงแค่ไหน เขาต่อว่าเมียนเมียนหลายเรื่อง”
“แต่เขาก็ถูกนายน้อยกงตบเข้าให้ อยู่ต่อหน้านายน้อยกง ทำตัวขี้ขลาด ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ เห็นแบบนั้นแล้วสะใจจริง ๆ”
“นายน้อยกง หมายถึงกงเซลีเหรอ? เขาอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ?” เหมาเยซื่อขมวดคิ้ว
คะ นายน้อยกง..” ลินดาหยุดพูดเพียงเท่านั้น
เธอรู้ว่าเธอคงหลุดปากพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป
“เอ่อ..คุณเหมา เมียนเมียน ฉันมีเรื่องที่ต้องจัดการ งั้นขอตัวก่อนนะ ไม่รบกวนเวลาของพวกคุณแล้วล่ะค่ะ” ลินดารู้สึกถึงแรงกดดันของผู้ชายคนนี้ที่เพิ่มมากขึ้น เธอจึงตัดสินใจถอยออกมาเสียดีกว่า
“เมียนเมียน ถ้ามีอะไรก็โทรหาฉันนะ?” ลินดาโบก แล้วเรียกแท็กซี่
การแสดงออกของเหมาเยซื่อยังคงมืดมน
เฉียวเมียนเมียนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขา รู้สึกถึงความเย็นชาที่เขาเปล่งออกมา เธอกัดริมฝีปาก ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะดึงแขนเสื้อของเขา “ยังโกรธอยู่เหรอคะ? เป็นเพราะซูเจ๋อเหรอ? ฉันเองก็ไม่คิดว่าจะเจอเขาที่นี่”
เหมาเยซื่อมองดูเธออย่างเย็นชา “คุณคิดว่าผมโกรธเพราะซูเจ๋องั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่เหรอ?” เฉียวเมียนเมียนจับแก้มข้างที่บวมของเธอและมองไปที่ใบหน้าของเขา หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอถามออกมาเบา ๆ “หรือคุณโกรธ เพราะฉันถูกตบ?”
เหมาเยซื่อเม้มปากและไม่พูดอะไร สายตาของเขาจับข้องไปที่แก้มบวม ๆ ของเธอ ดวงตาของเขามืดลง
“เหมาเยซื่อ ค-คุณควรจะพูดกับฉันนะ” เฉียวเมียนเมียนดึงแขนเสื้อของเขาอีกครั้ง
“ทำไมคุณถึงโกรธล่ะ? บอกฉันสิคะ”
“คุณทำหน้าแบบนี้ ฉันกลัวนะ รู้ไหม”
“ผมไม่ได้โกรธคุณ” เหมาเยซื่อถอนหายใจแล้วหันไปกอดเธอ
เขาลูบแก้มของเธออย่างอ่อนโยนและระมัดระวัง “ผมแค่คิดว่า ผมไม่ได้อยู่ข้าง ๆ คุณเวลาคุณเจ็บ ผมไม่ได้ปกป้องคุณให้ดี ปล่อยให้คุณถูกรังแกครั้งแล้วครั้งเล่า ผมไม่ใช่สามีที่ดีเลยจริง ๆ”
“ไม่ใช่ความผิดของคุณสักหน่อย” เฉียวเมียนเมียนกอดตอบเขา “และฉันก็ตอบกลับแล้วด้วย ไม่ต้องกังวล ฉันไม่ปล่อยให้ตัวเองเจ็บอยู่ฝ่ายเดียวหรอก”
“แต่คุณโดยตบนะ” เหมาเยซื่อนึกถึงเรื่องที่ลินดาเล่าให้ฟัง เขาพูดอย่างเย็นชา “คุณแค่ตอบกลับได้ยังไง? ผมต้องให้ผู้หญิงคนนั้นชดใช้”
“เหมาเยซื่อคะ คุณไม่จำเป็นต้อง...”
“คุณไม่ต้องใส่ใจเรื่องนี้หรอก” เหมาเยซื่อพูดตัดบท “ผมรู้ว่าควรทำยังไง คุณเป็นภรรยาของผมนะ เป็นคุณผู้หญิงเหมาคนที่สองของตระกูลเหมา ถ้าเราปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปเฉย ๆ ผมไม่มีทางยอม คนในครอบครัวเหมาก็ไม่มีทางยอมด้วย”
“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของตระกูลเหมา”
เฉียวเมียนเมียนพูดไม่ออก
ช่างมันเถอะ
เขาพูดให้มันกลายเป็นเรื่องจริงจัง มันไม่ถูกต้องนัก หากจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปเฉย ๆ
“น้องสี่มาที่นี่เหรอ?” เหมาเยซื่อคิดถึงเรื่องที่เขาคุยโทรศัพท์กับกงเซลี และกำหมัดแน่น
เฉียวเมียนเมียนไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เธอพยักหน้าตอบ “ค่ะ เขาบังเอิญผ่านมา”
“ผู้จัดการของคุณบอกว่าเขาช่วยจัดการซูเจ๋อให้ จริงเหรอ? เขาทำอะไร?”
เฉียวเมียนเมียนไม่ได้คิดอะไรมาก แต่เธอก็พอจะรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างแปลกไป เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาและลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูด “ไม่มีอะไรคะ เขาแค่ยื่นมือเข้ามาช่วย เพราะความเป็นเพื่อนของพวกเรา”
“อย่างนั้นเหรอ?” เหมาเยซื่อหรี่ตาลง การแสดงออกของเขาไม่เปลี่ยนไป แต่ดวงตาของเขามืดลงนิดหน่อย “ครั้งก่อนหน้าที่ซูเจ๋อมายุ่งกับคุณ ก็ได้น้องสี่ที่เข้ามาช่วย ครั้งนี้ก็ด้วยเหรอ?”
“ช่างบังเอิญเสียจริง”
เขาพูดอย่างไม่เป็นทางการ แต่เฉียวเมียนเมียนรู้จักเขาดี เธอบอกได้ว่าเขาหึงอีกแล้ว
มุมปากเธอกระตุก “ค่ะ บังเอิญจริง ๆ ฉันก็ไม่คิดมาก่อนเลย”
“ผมไม่ยักกะรู้ว่า ผู้ชายคนนี้ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านด้วย” เหมาเยซื่อพูดออกไปทั้งอย่างนั้น “ดูเหมือนว่าผมจะไม่รู้จักเขาดีพอ”
เฉียวเมียนเมียนพูดไม่ออก
เธอรู้แล้ว!
เหมาเยซื่อหึงอีกแล้วล่ะสิ
เธอพูดไม่ออกเลยจริง ๆ
“เขาไม่ได้ยุ่งเรื่องชาวบ้านเสียหน่อย? ฉันเป็นภรรยาของคุณนะ เห็นภรรยาของพี่ชายโดยรังแก จะไม่เข้ามาช่วยงั้นเหรอ? ถ้าเขาไม่ทำอะไรเลย คุณจะไม่โกรธเขาเหรอ?”
“คุณไม่เข้าใจ” เหมาเยซื่อเม้มปากและเงียบไปครู่หนึ่ง “เมื่อก่อนเขาไม่ใช่คนแบบนี้ เรื่องที่เขาอยู่ตอนนี้แตกต่างไปจากเขาคนเดิม อีกอย่างคุณไม่ชอบเขาไม่ใช่เหรอ ต่อไปก็พยายามอย่าติดต่อเขาอีก”
เฉียวเมียนเมียนพูดไม่ออก
เธอรู้ว่าเขาต้องการให้เธอติดต่อกับผู้ชายที่อยู่รอบตัวเธอให้น้อยที่สุด
คนเดียวที่เขาไม่มีทีท่าหึงหวงคือเฉียวเฉิน
ดูเหมือนว่าเขาจะอดทนต่อเฉียวเฉินมากขึ้น
อย่างน้อยเขาก็ไม่หึงหวงเธอกับเขา
อาจเป็นเพราะเขารู้ว่าเฉียวเฉินเป็นน้องชายของเธอและไม่มีทางพัฒนาความสัมพันธ์เป็นอย่างอื่นกับเธอได้ล่ะมั้ง?
แต่ถ้าเขาหึงแม้กระทั่งเฉียวเฉิน เฉียวเมียนเมียนก็ไม่รู้จะพูดอะไรเช่นกัน
“เอาล่ะ ฉันเข้าใจแล้ว หิวรึยัง? ไปกินกันเลยไหม ไหนบอกว่าจะพาฉันไปร้านอาหารที่อร่อยมาก ๆ ไม่ใช่เหรอ? นี่ฉันยังไม่ได้กินอะไรเลยนะ รอกินข้าวกับคุณอยู่เนี้ย”
เหมาเยซื่อเม้มริมฝีปากของเขาและสัมผัสเบา ๆ บริเวณที่เธอถูกตบ “ยังเจ็บอยู่ไหม? ไปร้านขายยาก่อนก็แล้วกัน ผมต้องดูแลอาการบวมที่แก้มของคุณก่อน”
จากนั้นเขาก็มองไปรอบ ๆ เมื่อพบร้านขายยาที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เธอดึงตัวเธอและออกเดินไป
“เหมาเยซื่อ คุณไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้ พรุ่งนี้ก็หายแล้ว”