บทที่ 14: ถั่วระเบิด
"ไม่มีปัญหา!"
หวางซืออวี่ตอบรับคำขอของเจียงเหอหลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง และพูดต่อไปอย่างรวดเร็วว่า “เอาล่ะ เรามาพูดถึงเรื่องภารกิจในคืนนี้กันดีกว่า”
“เมื่อคืนนี้มีสัตว์อสูรเข้าโจมตีหมู่บ้านไป๋ถูก่าง พวกเราได้เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้วคาดว่าอาจมีสัตว์อสูรอยู่สามตัว มีหนึ่งตัวที่ทรงพลังที่สุด คือ สัตว์อสูรเลเวล 2”
“ทีมของเราจะมีผู้ฝึกยุทธระดับสองและและผู้ปลุกพลังคลาส D ที่มีความแข็งแกร่งเป็นแนวหน้า”
“ส่วนพวกเรานั้นจะรับผิดชอบการสนับสนุน ให้ไปรวมตัวกันที่หน้าบ้านฉันตอนสามทุ่ม”
หลังจากนัดแนะกันเสร็จแล้ว หวางซืออวี่จึงกล่าวต่อไปว่า “หลี่เฟย อาวุธที่คุณขอนั้นหน่วยยุทโธปกรณ์ของเราทำเสร็จแล้ว พวกเขาเตรียมคู่มือการฝึกฝนไว้ให้ด้วย เดี๋ยวจะส่งไปให้ทีหลัง”
"โอเค!"
ดวงตาของหลี่เฟยเป็นประกาย จากนั้นก็ขับรถ BMW ออกไปด้วยความตื่นเต้น
แล้วหวางซืออวี่ก็หันไปหาเจียงเหอ
เธอดูเหมือนเธอจะมีอะไรจะพูดมากมายแต่ก็ยังลังเลอยู่ก่อนจะถอนหายใจยาวและบอกเขาว่า “ขอโทษนะเจียงเหอ ฉันถูกบังคับ เรามีคนไม่พอน่ะ ฉันเป็นแค่ผู้ปลุกพลังประเภทสนับสนุน ส่วนหลี่เฟยก็พึ่งปลุกพลังได้ไม่นาน เขายังไม่ได้ฝึกฝนอย่างเป็นระบบเลยยังไม่คุ้นเคยกับพลัง เพราะงั้นพวกเราจึงจำเป็นต้องให้นายที่เป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรไปทำหน้าที่สื่อสารกับพวกมัน”
“อันที่จริง ฉันเองก็อยากเห็นด้วยตาตัวเองว่าไอ้พวกสัตว์อสูรมันจะแข็งแกร่งขนาดไหน”
เจียงเหอส่ายหัวเพื่อบอกว่าไม่มีปัญหา
แต่ความจริงก็คือในหัวของเขากำลังตีกันวุ่นไปหมด
'ผู้ฝึกสัตว์อสูร?' สื่อสารกับพวกสัตว์อสูร?
'แม่มันสิ ตูจะไปสื่อสารกับไอ้พวกสัตว์อสูรได้ยังไงเล่า?'
นอกจากจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูร ตัวเจียงเหอเองก็กำลังใช้ 'ตัวตน' ที่ว่านี้เป็นหัวโขน
ถ้าโดนฉีกหน้ากากขึ้นมาจะเป็นยังไงหนอ?
ไม่นานหวางซืออวี่ก็กลับไปเตรียมการ ส่วนเจียงเหอกลับเข้าไปในบ้าน กะจะไปลองปลูกถั่วดูสักเม็ด
ในไม่ช้า หน่ออ่อนก็งอกขึ้นมาจากดินและเติบโตอย่างรวดเร็วกลายเป็นต้นถั่วที่สูงกว่าความสูงของมนุษย์
“…ระบบ เอ็งช่วยมีอะไรใหม่ ๆ หน่อยไม่ได้เหรอ?” เจียงเหอ หน้าบึ้งและบ่นอุบอิบออกมา “อย่างเช่น งอกออกมาเป็นป้อมปืนกลยิงกระสุนถั่วไรเงี้ย แต่ทุกอย่างที่มันงอกมาเนี่ยมีแต่ต้นไม้ล้วน ๆ แตงกวาเอย คัมภีร์วรยุทธเอย แม้แต่ถั่วยังงอกมาเป็นต้นไม้…”
ระหว่างนั้นต้นถั่วกำลังแตกหน่อ
แล้วก็มีฝักถั่วยาวประมาณ 20 ซม. ห้อยอยู่ตามกิ่ง
จากที่ชำเลืองดูคร่าว ๆ อาจมีถั่วประมาณสองร้อยฝัก
[ติ๊ง!]
[ฟาร์มพอยท์ +1]
เจียงเหอเด็ดฝักถั่วออกมาหนึ่งฝักแล้วปอกเปลือกออก เผยให้เห็นถั่วเขียวมรกตสิบสองเม็ดต่อหน้าต่อตา
ถั่วแต่ละเม็ดมีขนาดเท่ากับลูกปัด และยังส่องแสงสีเขียวราวกับคริสตัล อย่างกับไข่มุกอาเก็ต ทำให้เป็นภาพที่เห็นแลดูงามตามาก ๆ
[ถั่ว]
[กินไม่ได้ พลังทำลายล้างสูง]
[การใช้งาน : ขว้างปาจากระยะไกล]
[คำเตือน : ขอแนะนำให้โฮสต์หมอบลงกับพื้นและเอามือทั้งสองกุมหัวไว้หลังจากที่ขว้างไปแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการบาดเจ็บ]
ในหัวมีเสียงอุทานดังขึ้น
'อะไรนะ...'
ตอแหลป่าววะ?
ถั่วระเบิด?
เจียงเหอสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ “อยากรู้จริงโว้ยว่ามันจะแรงเบอร์ไหน… เอ่อ ลืมมันไปเลย เดี๋ยวบ้านตูโดนระเบิดไปด้วย”
เขาตั้งใจจะทดสอบถั่วในสวน แต่ท้ายที่สุดก็ปฏิเสธความคิดนี้
สิ่งที่เขาได้รับจากระบบไม่สามารถวัดได้ด้วยสามัญสำนึก ถ้าปาไปแล้วบ้านตัวเองโดนระเบิดไปด้วยขึ้นมา เหล่าเพื่อนบ้านคงจะตกใจแย่
จากการประมาณคร่าว ๆ น่าจะมีฝักถั่วสองร้อยฝัก
และข้างในนั้นจะมีระเบิดถั่วสิบสองลูก
“ระเบิดสองพันสี่ร้อยลูก?”
“นี่ถ้าตูปลูกไปทั้งสามเม็ดล่ะก็ ตูจะมีระเบิดเจ็ดพันกว่าลูกไว้ในครอบครองน่ะสิ”
ดังนั้นเขาจึงเริ่มดึงเมล็ดถั่วทุกฝักและเทถั่วที่อยู่ในกระเป๋าไปพร้อมกับจับตาดูระบบ ในที่สุดเมล็ดถั่วก็ให้ฟาร์มพอยท์ 200 แต้ม ไห้ EXP 20 และระเบิดไม่ทราบกำลังอีก 2400 ลูก
“วันนี้มาฉลองข้าวโพดกัน! ไม่เอาแตงกวา!”
***
ไม่นานก็ค่ำ
เจียงเหอเอามือถือมาเปิดดูเวลา และรู้ว่าตอนนี้เป็นเวลา 8:50 น. (สองทุ่มห้าสิบ)
เขาสวมชุดวอร์มและรองเท้าผ้าใบ ซุกเอ้อเหลิงจื่อไว้ข้างในก่อนจะมุ่งหน้าไปที่บ้านของหวางซืออวี่อย่างสบาย ๆ
มีรถ MPV จอดอยู่ด้านหน้า โดยมีหลี่เฟยนั่งอยู่ที่ที่นั่งคนขับ
มีชายอีกคนหนึ่งที่อายุราว ๆ 30 นั่งข้างคนขับ และที่เบาะหลังมีหวังซืออวี่กับเด็กสาวที่ดูอายุเพียง 20 อยู่
ทุกคนลงจากรถเมื่อเห็นเจียงเหอมาถึง หวางซืออวี่ก็เข้ามาหาเขาและแนะนำชายและหญิงสาว “พี่ซู หลิวเสวี่ย นี่คือเจียงเหอที่ฉันเคยพูดถึง เขาเป็นผู้ปลุกพลัง และพลังของเขาคือการทำให้สัตว์อสูรเชื่อง”
"สวัสดี"
ชายผู้สวมเสื้อคลุมสีดำยังคงนิ่งเฉยในขณะที่เขามาจับมือของเจียงเหอ “ฉันชื่อซูเจ๋อ” เขาพูดอย่างเย็นชา “เป็นผู้ฝึกยุทธระดับสอง”
"ดีครับ"
เนื่องจากชายอีกคนประกาศตัวเองแล้ว เจียงเหอรู้สึกจำเป็นต้องพูดอะไรบางอย่างเช่นกัน
หลังจากครุ่นคิดกับตัวเองอยู่พักหนึ่งเขาก็พูดว่า “ผมเจียงเหอ ผู้ปลุกพลังที่เก่งเรื่อง… พาหมาไปเดินเล่น?”
ซื้ด~~!
หวางซืออวี่และหญิงสาวอีกคนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะคิกคัก ในขณะที่ซูเจ๋อดูจะไม่พอใจและชักสีหน้าขมวดคิ้ว “หวางซืออวี่ภารกิจนี้อันตรายถึงชีวิต ที่เธอไปของให้ผู้ปลุกพลังที่ยังไร้ประสบการณ์มาช่วย แบบนี้มันไม่เลอะเทอะเกินไปหน่อยเหรอ?”
“พี่ซู เรื่องนี้ทางเบื้องบนอนุญาตแล้ว” หวางซืออวี่ตอบ
เห็นได้ชัดว่าเธอกับซูเจ๋อมีความขัดแย้งกันอยู่
ในทางกลับกัน เด็กสาวอีกคนมีรอยยิ้มที่จริงจังบนใบหน้า “พี่ซืออวี่… หมู่บ้านพี่น่าประทับใจมาก มีผู้ปลุกพลังตั้งสามคนจริง ๆ ด้วย และพี่เจียงเหอเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรจริงป่าว? ฉันพึ่งเคยเห็นเนี่ยแหล่ะ! พี่ช่วยหาสัตว์อสูรมาเป็นสัตว์เลี้ยงให้ฉันหน่อยได้ไหม?”
“…”
เจียงเหอกำลังจะพูด แต่หวางซืออวี่ปฏิเสธเสียก่อน “ไม่! หลิวเสวี่ย พวกสัตว์อสูรนั้นดุร้ายเกินไป จะจับมาเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงได้ไง?”
จากนั้นหวางซืออวี่ก็เอนตัวเข้าไปกระซิบที่หูเจียงเหอว่า “อย่าประมาทเธอ ผู้หญิงตัวเล็กคนนี้อายุสิบเจ็ดและตัวเล็กเหมือนโลลิ แต่เธอได้ตื่นขึ้นด้วยการปลุกพลังมานานกว่าครึ่งปีแล้วและเข้าร่วมสำนักเร็วกว่าฉันอีก ตั้งแต่นั้นมาเธอเรียนรู้การควบคุมพลังได้เป็นอย่างดี และถึงแม้เธอจะเป็นคลาส D เหมือนกัน แต่เธอก็เก่งกว่าหลี่เฟยเป็นสิบเท่า”
"โอ๊ะ?"
เจียงเหอถามด้วยความประหลาดใจ “ทำไมถึงเก่งกาจต่างกันขนาดนั้นล่ะ? พวกเหนือมนุษย์คลาส D นี่สเกลความเก่งมันกว้างขนาดไหนกัน?”
“ถ้าพวกนั้นได้รับการฝึกอย่างถูกต้องล่ะก็ พวกเหนือมนุษย์คลาส D จะไม่อ่อนแอไปกว่าเหล่าผู้ฝึกยุทธระดับสองเลย ความแข็งแกร่งในการออกหมัดของพวกเขาอาจสูงถึงสองพันกิโลกรัม”
“เฮ้ย!!”
2,000 กก.!
เจียงเหออดไม่ไหวจนเกือบจะสาปแช่งออกมา
‘เกิดอะไรขึ้นในโลกใบนี้วะครับ? หมัดละ 2,000 กิโลกรัม?!’
เขาประเมินพลังตัวเองอย่างเงียบ ๆ
‘หรือบางที…’
“ยายผู้หญิงตัวกระเปี๊ยกนี่มันจะแข็งแกร่งพอ ๆ กับตูเลยวะ?”
ซูเจ๋อขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้เมื่อเห็นเจียงเหอและหวางซืออวี่กระซิบกระซาบกัน เขาจึงพูดขัดจังหวะออกมาดัง ๆ "ไปกันเถอะ เราจะพูดถึงรายละเอียดของภารกิจกันระหว่างทาง”