ตอนที่ 6 ย้อนกลับไปตอนอายุ 19 อีกครั้ง
เจียงเหยาลืมตาขึ้นอีกครั้ง เธอไม่แน่ใจว่าตัวเองสลบไปนานแค่ไหน หากไม่ใช่เพราะจดหมายและการเสียสละของเขา บางทีเธออาจใช้เวลาที่เหลือในชีวิตของเธอยอมรับเขาอย่างไร้เหตุผล เธอคงไม่เชื่อว่าเป็นเช่นนั้น วันนั้นเธอคงรู้สึกผิดและเสียใจที่เสียเขาไปกระทั่งหมดสติ...
เธอตั้งใจจะเก็บข้าวของ ลาออกจากงาน และออกจากหมู่บ้านบนภูเขาแห่งนี้ เพื่อกลับไปยังบ้านเกิดของเธอที่เมื่อง อี้เตียน แต่เมื่อเธอยกผ้าห่มสีแดงผืนใหญ่ออกจากร่างของเธอ เธอพบว่าเธออยู่ในสถานที่แปลกประหลาดมาก มันไม่ใช่ห้องพักเล็ก ๆ ที่ทรุดโทรมบนภูเขา!
เธออยู่ในห้องสีขาว ปูพื้นกระเบื้องสีขาวเป็นประกาย ผ้าม่านสีเทาเงินยาวห้อยลงมาจากกำแพงสูงไปจนถึงพรมสีทึบใต้หน้าต่าง เธอเห็นต้นไม้หลายต้นโค่นลงมาจนถึงเอว ขณะที่เธอมองออกไปนอกหน้าต่างผ้าม่านเปิดออกเล็กน้อย ทำให้มองเห็นสถานที่แปลก ๆ แต่คุ้นเคยมาก
เธอกำลังอยู่ในบ้านของตระกูลลู่ และนี่คือห้องหอของลู่ชิงสี การออกแบบตกแต่งภายใน และการจัดวางต่าง ๆ ตรงกับความชอบของเธอทั้งสิ้น แม้แต่ต้นไม้นอกห้องที่ถูกโค่นลงไปก็เพื่อเธอ ในปีที่เธอจะก้าวเข้ามาในตระกูล พ่อสามีของเธอพบว่ามีจั๊กจั่นอยู่บนต้นไม้คอยส่งเสียงรบกวนการนอนหลับของเธอ เขาจึงตัดสินใจโค่นต้นไม้ที่เขาเฝ้าทนุถนอมมาด้วยตนเอง
ปฏิทินบนโต๊ะระบุความจริงที่ยากจะเชื่อ
วันนี้เป็นวันหนึ่งในวันหยุดฤดูร้อนของเธอ หลังจากการสอบได้จบลง
นี่พิสูจน์ให้เห็นว่าเธอย้อนกลับมามีชีวิตใหม่เมื่อตอนอายุ 19 ปีอีกครั้ง และกลับมายังจุดเริ่มต้น จุดเริ่มต้นของการแต่งงานระหว่างเธอและลู่ชิงสี
ทันใดนั้น มีเสียงคลิกที่ประตูห้อง เมื่อได้ยินเสียง เจียงเหยาจึงจับจ้องไปที่ประตู เมื่อประตูถูกเปิดออก ร่างสีน้ำตาลก็ปรากฎในสายตาของเธอ ชายที่เข้ามาในห้องสวมชุดเครื่องแบบสีน้ำตาลเข้ม ถือกระเป๋าใบเล็ก ๆ อยู่ในมือ เขาจ้องมองตรงมาที่เจียงเหยาที่ยืนอยู่ที่ข้างหน้าต่าง
“ตื่นแล้วเหรอ” ลู่สิงสีวางกระเป๋าใบเล็กไว้บนเก้าอี้ตรงมุมห้องแล้วเดินตรงไปหาเจียงเหยา
เขาขมวดคิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “แม่ผมบอกว่า คุณเป็นหวัดหลายวันแล้ว ลงจากรถไฟ ผมก็รีบโทรหาเธอทันที เธอบอกว่าเมื่อคืนคุณมีไข้ ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง ดีขึ้นบ้างไหม หรือว่าแย่ลม กินข้าวหรือยัง ยาล่ะ กินหรือยัง”
เสียงของเขาดังก้องอยู่ในหูของเธอ ฟังดูอ่อนโยน และเต็มไปด้วยความรัก
ทำไมเธอถึงไม่เคยรับรู้เลย กับคำพูดของคนโง่เขลาอย่างเขา คำพูดแสนธรรมดา ที่มีความหมายว่าเขาห่วงใยเธออย่างสุดซึ้ง
นานมากแล้ว เจียงเหยาจำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เธอได้เห็นหรือได้ยินเสียงของลูชิงสีในระยะใกล้เช่นนี้คือเมื่อไหร่
เพื่อหลีกหนีการไล่ตามของเขาอย่างไม่ลดละ เธอจึงสมัครใจเป็นแพทย์อาสา ในชนบทห่างไกล สุดท้ายเธอได้รับมอบหมายให้พักในโรงเรียนแห่งหนึ่ง และเป็นหมอประจำหมู่บ้านพร้อมกับเพื่อนซี้ เวินเสวี่ยฮุ่ย
หมู่บ้านแห่งนี้ห่างไกล จนไม่สามารถส่งจดหมายได้ หลายปีแล้ว ที่ทั้งคู่ไม่ได้พบกันอีกและไม่ได้ติดต่อกันทางโทรศัพท์ กระทั่งคืนที่พายุฝนฟ้าคะนองนั่น
ตอนนี้ เธอจ้องมองไปที่ลู่ชิงสี ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธออย่างมีชีวิตชีวาและเปี่ยมไปด้วยพลังอย่างที่เคยเป็นมา เธอนึกถึงจดหมายของเขา ความรักของเขาที่สอดแทรกระหว่างบรรทัดนั่น เธอรู้สึกถึงความขมขื่นและความเศร้าโศกอย่างอธิบายไม่ได้ในหัวใจ
“เกิดอะไรขึ้น? หน้าผมมีอะไรติดอยู่หรือเปล่า?”
ลู่ชิงสีไม่แปลกใจที่เจียงเหยาไม่ตอบอะไรเขา เพราะปกติแล้วพวกเขาแทบจะไม่คุยอะไรกันอยู่แล้ว
ลู่ชิงสีเพียงแค่กังวล เพราะรู้ว่าเธอมีไข้ เขาอยากจะเอื้อมมือไปสัมผัสหน้าผากของเธอ
เมื่อเขายกมือขึ้น เขาก็ตระหนักว่าเจียงเหยากำลังจ้องมาที่เขา เขากลัวว่าเธอจะไม่ชอบ เขาเฝ้าแต่กังวลว่าทุกการกระทำของตัวเองจะทำให้เธอไม่พอใจ