ตอนที่ 4 พันธสัญญาของเขา
“อาซ้อ ผู้บัญชาการรักคุณมากนะครับ ทุกครั้งที่ที่ว่าง เขาเป็นต้องไปหาคุณที่หมู่บ้าน” สหายหนุ่มชี้ไปที่จดหมายในกล่องไม้แล้วพูดว่า
“จดหมายพินัยกรรมนี้ เขาฝากไว้ให้คุณ ในวันที่เขาไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว”
หลังจากพูดจบ สหายหนุ่มร้องไห้คร่ำครวญออกมา
“ผู้บัญชาการเป็นคนดี เป็นความผิดของผมเอง เป็นความผิดของผมเอง ผมเองที่ฆ่าเขา...”
“ไม่ ไม่ใช่ความผิดของคุณ เป็นฉันเอง” เจียงเหยากัดริมฝีปากของเธอ ขณะที่ถือจดหมายไว้แน่น ราวกับว่าถูกพินัยกรรมฉบับนี้ดูดพลังและความแข็งแกร่งของเธอไปเสียหมด
เธอเองต่างหากที่เลือกหลีกเลี่ยงเขา และมาซ่อนตัวที่นี่ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ เขาคงไม่ต้องมาอยู่ที่นี่ และเหตุการณ์ร้าย ๆ เมื่อคืนนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น
คนที่ฆ่าลู่ชิงสีคือเธอ ภรรยาที่ไร้ความสามารถ หาใช่ใครอื่น
เจียงเหยาดึงจดหมายอย่างระมัดระวังจากกล่องไม้ มือของเธอสั่นเทาอย่างแรง เธอค่อย ๆ คลี่จดหมายออกอย่างช้า ๆ ราวกับว่าการเคลื่อนไหวใด ๆ ของเธอจะทำให้จดหมายฉบับนี้ฉีกขาด
เมื่อจดหมายถูกคลี่เปิด ความสามารถในการเขียนอันสง่างามของลู่ชิงสีเป็นสิ่งแรกที่มาถึงสายตาของเจียงเหยา เธอไม่เข้าใจว่าทำไม แต่มันทำให้เธอรู้สึกเศร้ามาก เขามีข้อดีมากมายที่จะทำให้เธอชื่นชอบเขา
เจียงเหยาจินตนาการถึงตอนที่เขากำลังนั่งเขียนจดหมายฉบับนี้ บางทีจดหมายฉบับนี้อาจเขียนด้วยความจริงใจ หลังจากที่ทบทวนคิดถึงภรรยาอันเป็นที่รักมาทั้งวัน
ภรรยาที่รัก
ผมหวังว่าจดหมายฉบับนี้จะถึงมือคุณ
เมื่อคุณได้รับจดหมายฉบับนี้ ผมคง...จากไปแล้ว ในฐานะผู้พิทักษ์สันติราษฎร์มาหลายปี เรามักถูกขอให้เขียนพินัยกรรมทุกครั้งที่เราออกปฏิบัติภารกิจสำคัญ เพราะแบบนี้แหละ ผมถึงต้องเขียน... ผมไม่รู้ว่ามันจะไปถึงมือคุณเมื่อไหร่ แต่ผมหวังว่ามันจะไม่มีวันส่งถึงมือคุณ
ภรรยาที่รัก เราแต่งงานกันก็เจ็ดปีแล้วสินะ? ผมรู้ดีว่าคุณลังเลกับการที่ต้องแต่งงานกับผม คนที่คุณไม่ได้รัก ถ้าไม่ใช่เพราะผมเข้ามาแทรกในชีวิตของคุณ ตอนนี้คุณคงจะมีช่วงเวลาในชีวิตเหมือนนักศึกษามหาวิทยาลัยทั่วไป
แต่แล้วก็เหนือความคาดหมาย ผมก็ได้แต่งงานกับคุณแล้ว วันแต่งงานของเราถือเป็นความทรงจำที่ดีสุดของผม ผมมีความสุขมาก จนไม่สามารถหุบยิ้มกว้างบนใบหน้าของผมได้เลย เรื่องนี้ทุกคนต่างล้อเลียนผม ใครก็บอกว่าผมดูเหมือนคนโง่ แต่ผมไม่ได้โกรธ ไม่รังเกียจเลยสักนิด เพราะคุณได้กลายเป็นภรรยาอย่างเป็นทางการของผมแล้ว แค่ถูกล้อเลียนเล็กน้อยไม่มีผลอะไรกับผมเลย
บอกตามตรง ผมเองก็ผิดเหมือนกัน ที่ยืนกรานแต่งงานกับคุณ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าคุณไม่ได้รักผม ผมบอกกับตัวเองเสมอว่าไม่เป็นไร นับตั้งแต่ที่เราแต่งงานกันผมจะปฏิบัติกับคุณเหมือนกับเจ้าหญิงให้ถึงที่สุด ผมจะทำให้คุณได้รับรู้ อ่อนโยนและใช้ชีวิตที่เหลือของผมไปพร้อมกับคุณ ผมไม่เคยคาดหวังว่าคุณจะรักผมกลับ ตราบใดที่ผมได้แต่งงานกับคุณ ได้ดูแลคุณ เพียงเท่านี้ผมดีใจมากพอแล้วล่ะ
ผมยังจำครั้งแรกที่เจอกับคุณ คุณกำลังทะเลาะกับพี่ชายคนที่สองที่โรงเรียนระหว่างทางกลับบ้าน พี่ชายของคุณ หงุดหงิดและโกรธคุณมากจนเมินคุณไปเลย ตอนนั้นผมคิดว่า ผู้หญิงคนนี้ช่างน่าประทับใจมาก
คงเรียกว่ารักแรกพบมั้ง หลังจากนั้น ผมก็เฝ้าแต่คิดถึงคุณ
ครั้งที่สองที่ผมได้เจอคุณคือประมาณสองสามเดือนก่อนที่เราจะแต่งงานกัน คุณกับเพื่อนจับมือกันเดินไปตามท้องถนนพร้อมกับร้องเพลงซะดังลั่น ผมกลับคิดว่า หากคุณร้องเพลงให้ผมฟังบ้าง ถึงแก้วหูจะแตก ผมก็ยอม
ดังนั้นการได้แต่งงานกับคุณจึงเป็นความปรารถนาสูงสุดของผม ในการที่จะแต่งงานกับคุณ ผมได้ใช้ความพยายามอย่างมากและมีความคิดอะไรตั้งมากมาย ในที่สุดผมก็ทำสำเร็จ ความฝันของผมเป็นจริงแล้ว!