ตอนที่ 3 ความเสียสละของเขา
“เจียงเหยา! บ้าเอ้ย! เธอบ้าไปแล้วเหรอ!” เวินเสวี่ยฮุ่ยกระวนกระวายใจและตกใจจนสาปแช่งเพื่อนสนิทของเธอ เธอไม่ใช่คนเลือดเย็น แต่ในเวลานี้ เธอมองดูเนินดินที่ทั้งลื่นและเริ่มไถลลงจากเนิน เธอไม่เต็มใจที่จะเสียสละถึงสามชีวิต เพื่อหนึ่งชีวิตเลยแม้แต่น้อย
“เสวี่ยฮุ่ย เขาคือลู่ชิงสีนะ! เขาคือสามีของฉัน!” น้ำตาของเจียงเหยากลิ้งลงมาที่แก้มราวกับมุกร่วง
“ลู่ชิงสี! ลู่ชิงสี! ได้ยินฉันไหม ฉันมาแล้ว! อย่าตายนะ!”
ในเวลานี้เจียงเหยา ตระหนักถึงความรู้สึกกลัวอย่างแท้จริง เธอกลัวว่าชีวิตของลู่ชิงสีจะจบสิ้นไปในเวลานี้ เธอกลัวว่าจะต้องสูญเสียสามีที่เธอหลีกหนีมาหลายปี
...
คุณเคยคิดบ้างไหมว่าคน ๆ หนึ่งจะคล่องแคล่วว่องไวและแข็งแกร่งเพียงใด
คุณจะอยู่ได้โดยไม่มีขา หรืออยู่โดยไม่ต้องใช้แขน หรือจะอยู่โดยไม่มีท้อง หรือมีตับเพียงครึ่งเดียวได้
ในทางกลับกัน คุณเคยคิดบ้างไหมว่าคน ๆ หนึ่งจะเปราะบางได้ขนาดไหน?
ในชั่วพริบตา บุคคลที่มีชีวิตได้กลายเป็นเพียงภาพขาวดำ บนแท่นบูชาอย่างไร้ชีวิต
นี่คือความเปราะบางของชีวิต ชีวิตที่ทั้งอ่อนแอและไร้กำลัง
“เจียงเหยา ฉันขอโทษสำหรับการสูญเสียในครั้งนี้ แต่เขาจากไปแล้ว เขาไม่กลับมาแล้ว”
เวินเสวี่ยอุ่ยสะอื้นขณะที่เธอโอบกอดเจียงเหยา ซึ่งนึ่งเงียบไปพูดอะไรเลยมาหลายวัน เธอเสียใจมาก หลังจากเห็นเธอตกอยู่ในสภาพนั้น เธอไม่รู้ว่าจะต้องปลอบอีกฝ่ายอย่างไร
ในวันนั้น เธอตกใจเมื่อได้ยินเสียงเจียงเหยากรีดร้องชื่อของชายผู้นั้น พร้อมทั้งบอกสถานะของเขา – สามีของเธอ เธอแปลกใจมากจนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร เข้าร่วมกับเจียงเหยาและอาสาอีกนายขุดกองดินด้วยมือเปล่า ถ้าไม่ใช่เพราะอาสาที่มาถึงหลังทันและดึงพวกเขาออกไปทันเวลา พวกเขาทั้งสามคงถูกฝังอยู่ใต้กองดินที่ถล่มลงมาเพียงไม่กี่วินาทีต่อมา
หลังจากฝนสงบลง กองกำลังทหารได้เข้ามาเคลียร์พื้นที่ดินถล่ม พบศพสามีของเจียงเหยาในคืนเดียวกันนั้น ดินถล่มได้คร่าชีวิตของทหารอาสา ชายชราพร้อมกับลูกอีกสองคนของเขา
เวินเสวี่ยฮุ่ยคิดว่าคงต้องฝังความทรงจำอันเจ็บปวดครั้งนี้ไว้ให้ลึกสุดใจและต้องไม่ย้อนกลับไปมองมันอีก คืนนั้นพายุโหมกระหน่ำ ฟ้าร้อง ฟ้าผ่าลงมาเป็นสาย เสียงโหยหวนของหมู่บ้านดั่งก้องไปไกล เจียงเหยานั่งอยู่บนรถ หันกลับไปมองด้วยใบหน้าซีด
“อาซ้อ นี่...ข้าวของของผู้บัญชาการครับ” สหายหนุ่มส่งสิ่งของ ของลู่ชิงสีให้กับเจียงเหยา ดวงตาของเขาแดงก่ำ
“ในกล่องนี้มีเหรียญของผู้บัญชาการ และมีเอกสารรับรองบางส่วน แล้วนี่คือชุดเครื่องแบบของเขา ผมต้องขอโทษด้วย...”
เจียงเหยาจ้องมองกล่องที่เต็มไปด้วยข้าวของของลู่ชิงสี นิ้วมือเธอสั่นเทาขณะที่เปิดกล่องไม้เก่าขณะที่ลูบไล้ไปที่ด้านบนของเหล่านั้น
“เขาย้ายมาที่หน่วยนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ประมาณสองปีที่แล้ว” ชายหนุ่มกล่าว “ผู้บัญชาการถูกย้ายมาที่หลังจากที่คุณมาเป็นหมออาสาที่หมู่บ้านนี้ได้ไม่นาน”
“เขาอยู่ที่มาตลอด งั้นตอนที่ฉันไปทำงานเป็นหมอประจำทีมอาสาในค่าย ก็เห็นฉันแล้วสิ ตอนนั้น พวกคุณทุกคนรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเราแล้วหรือยัง?”
เจียงเหยาจับหน้าอกของเธอด้วยความเจ็บปวด ความเจ็บปวดที่ไม่สามารถอธิบายได้
รู้สึกราวกับถูกไวรัสกัดกินความรู้สึกไปทั่วร่างกาย
เธอคิดอย่างไร้เดียงสาว่า ‘อาซ้อ’ เป็นเพียงคำศัพท์ไว้เรียกผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว
แต่ในตอนนี้เองที่เธอรู้ว่าลู่ชิงสีมีความสำคัญกับเธอแค่ไหน เขาแอบให้การช่วยเหลือเธอมาโดยตลอด
เธอรู้ว่าเขาคงจะกลัว กลัวว่าหากเธอรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่ เธอคงจะหลบหนีเขาไปอีก และออกจากหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้