ตอนที่ 2 ดินถล่ม
พวกเขาเกือบจะวิ่งอยู่แล้วในตอนนี้ ดังนั้นเมื่อเวินเสวี่ยฮุ่ยดึงเธอให้คืนสติ เจียงเหยาสะดุดเกือบจะล้มลง โชคดีที่เธอพยายามทำให้ตัวเองมั่นคง ยืนตรงได้ก็ใช้เวลาอยู่หลายครั้ง
“ขอโทษ ฉันฟุ้งซ่านไปหน่อย”
เจียงเหยากระซิบขอโทษ
“ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน จู่ ๆ ก็รู้สึกไม่ค่อยสบาย เรารีบไปกันเถอะ”
เวินเสวี่ยฮุ่ยพยักหน้าพร้อมกับจับมือเจียงเหยา เริ่มวิ่ง สหายทั้งสองที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาก็ติดตามเขาไปด้วย ดังนั้นเธอจึงไม่พูดอะไร
ฝนที่ตกลงมาหนักขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวินาที ประกอบกับฟ้าร้องและฟ้าผ่าอย่างรุนแรง มันควรจะเป็นฤดูร้อนที่ร้อนที่สุด แต่กลับกลายเป็นความหนาวเหน็บจนผู้คนไม่สามารถหยุดสั่นได้
เวินเสวี่ยฮุ่ยสาปแช่งสภาพอากาศ ในขณะที่เสียงของกิ่งก้านต้นไม้แห่งที่หักใต้ฝ่าเท้าของพวกเขายังก้องอยู่ในหูของเจียงเหยา
ในหมู่บ้านที่ปราศจากแสงจันทรา ค่ำคืนนั้นช่างมืดมิดและน่าสยดสยอง
เสียงฟ้าร้องและภาพฟ้าผ่าสร้างฉากอันน่าสยดสยองให้กับคืนที่มืดมิด
ถ้าไม่ใช่เพราะกู้ภัยสองคนที่อยู่ข้างหลังพวกเขา เจียงเหยาสงสัยว่าเธอและเวินเสวี่ยฮุ่ย ผู้หญิงสองคนที่กลัวความมืดจะกล้าวิ่งบนเส้นทางที่ทั้งแคบและมืดในเวลานี้ได้อย่างไร
“วิ่ง! เร็วเข้า!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามตามมาข้างหลังเธอ พร้อมกับการสั่นสะเทือนที่ผิดปกติก้องในหูของเธอ
เจียงเหยาหันหลังกลับไปมองด้วยความตกใจ มีมือคู่หนึ่งปรากฏขึ้นจากที่ไหนก็ไม่รู้ ผลักเวินเสวี่ยฮุ่ยและเธอออกไปทันที ท่ามกลางความมือ เธอเห็นใบหน้านั้น...
ใบหน้าแปลก ๆ ที่คุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก
หลังจากถูกฝนชะล้างเป็นเวลาหลายวัน ดินของภูเขาอุ้มน้ำจนเปียกชื้นและสูญเสียความแข็งแรงเดิมไปจนหมด หลังจากการสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ ภูเขาก็พังทลายเป็นกองเนินที่ทั้งลื่นทั้งเลอะ
เนินดินถมร่างของชายหนุ่มไว้ลึกอยู่เบื้องล่างนั่น
“ลู่...” เจียงเหยาจ้องไปที่กองดินตรงหน้าเธออย่างหวาดหวั่น เธออยากจะหวนกลับไป ทั้งที่ยังรู้สึกตื่นตระหนก
“ไม่นะ เจียงเหยา อย่าไป อันตราย!” เวินเสวี่ยฮุ่ยดึงรั้งเจียงเหยาไว้ รู้สึกว่าหัวใจของเธอกำลังแตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ
“เขาเสียสละตัวเอง เขาช่วยเราไว้ในช่วงวิกฤตเช่นนี้ เรารอดจากดินถล่ม แต่เขากลับถูกฝังอยู่ในนั้น...”
“ผู้บัญชาการ!” อีกคนที่อยู่ถัดจากพวกเขาเห็นเหตุการณ์และรีบวิ่งกลับมาอย่างเร่งรีบ
เมื่อเวินเสวี่ยฮุ่ยเห็นว่าธรรมชาติกำลังส่งสัญญาณว่าจะเกิดดินถล่มอีกครั้ง เธอรีบคว้าเอวเพื่อที่กำลังจะพุ่งไปข้างหน้า พร้อมกับกรีดร้อง
“หยุดนะ! อย่ากลับไป ดูภูเขานั่นสิ ถ้าไม่รีบออกไปตอนนี้ มีหวังพวกเราทั้งหมดถูกฝังไว้ที่นี่แน่ ความเสียสละของผู้บัญชาการเมื่อกี้ก็เปล่าประโยชน์น่ะสิ!”
“ไม่นะ พูดไร้สาระ! ไม่มีใครเป็นอะไรทั้งนั้น ผู้บัญชาการต้องไม่ตาย จะต้องไปช่วยเขา!”
อาสาอีกคนตะโกนเสียงดังราวกับเขาได้เสียสติไปแล้ว “เป็นความผิดของฉันเอง! ฉันเองที่หยุดเดินเหมือนคนโง่ ผู้บัญชาการเขามาช่วยผลักฉันไว้ทันเวลา เป็นฉันเองที่โง่ เขาหนีไม่ทัน เป็นความผิดฉันเอง!”
“เจียงเหยา มัวเหม่ออะไร รีบมาช่วยกันลากคนโง่คนนี้ออกไป เร็วเข้า!”
เวินเสี่ยฮุ่ยตะโกนใส่เจียงเหยาที่กำลังจ้องมองไปในอากาศและกำลังเคลื่อนตัวไปที่กองเนินดิน
“อย่าทำอะไรโง่ ๆ จะได้ไหม ชั่วโมงนี้ความเป็นความตายอยู่ข้างหน้า คิดสิคิด!”
ไม่ มันไม่ใช่ปัญหาง่าย ๆ เพราะชายที่ถูกดินกลบอยู่นั่นคือ ลู่ชิงสี สามีที่เธอแต่งงานด้วยตั้งแต่สิบเอ็ดปีก่อน
ผู้ชายที่น่าจะอยู่ที่นี่น้อยที่สุด กลับมาอยู่ที่นี่
แม้ว่าเธอจะต่อต้านการแต่งงานระหว่างเธอกับเขา ทว่าเจียงเหยาก็ไม่สามารถหนีเอาตัวรอดไปเพียงลำพัง ทั้งที่เห็นเขาถูกฝังอยู่ใต้เนินดินนั่น
“ไม่ เราต้องช่วยเขา” นี่คือความคิดเดียวที่ผุดขึ้นมาในหัวของเธอ
เจียงเหยาหลีกเลี่ยงทางลาดที่ยังคงหลั่งโคลนอย่างต่อเนื่อง เธอพุ่งไปที่เนินดินที่ถล่มลงมา พร้อมกับใช้มือเปล่าขุดดิน
“เขา น่าจะอยู่ที่นี่ เขาน่าจะอยู่ตรงนี่แหละ!”