ตอนที่ 1045-1046 รู้ไหมว่าเธอมีแฟนอยู่แล้ว?
กงเซลีเงียบไปครู่หนึ่ง “อย่างนั้นเหรอ?”
เฉียวเมียนเมียนพยักหน้าตอบ “ค่ะ”
“ไม่เป็นไร” กงเซลีพยักหน้ากลับ “ในเมื่ออาซื่อกำลังจะ ฉันคงไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว ฉันยังมีธุระต่อ ขอตัวล่ะ”
เฉียวเมียนเมียนกล่าวตบออย่างสุภาพ “ลาก่อนค่ะ คุณกง”
กงเซลีมองดูท่าทางที่สุภาพของเธอ รู้สึกไม่พอใจมากขึ้น
เธอไม่ได้ทำแบบนี้ตอนที่เจอกับหยางที่สอง
อย่างน้อยเธอก็ยิ้มและพูดคุยกับหยางที่สอง
มันชัดเจน...
แม้ว้าเธอจะไม่ทำเย็นชาใส่เขา แต่ทัศคติของเธอที่มีต่อเขาก็ไม่ได้ต่างไปจากคนแปลกหน้าทั่วไป
บางทีกับคนแปลกหน้าคนอื่น เธออาจจะยิ้มให้เสียด้วยซ้ำ
แต่ต่อหน้าเขา เธอกลับไม่มีรอยยิ้มเลย
กงเซลีหันกลับมาด้วยความหงุดหงิด เมื่อเขาเห็นซูเจ๋อที่ยืนอยู่ข้างหน้า ใบหน้าหล่อ ๆ ของเขาก็มืดลง เขาเดินเข้าไปหาชายหนุ่มคนนั้น
“นะ-นายน้อยกง คุณกำลังจะทำอะไร”
ซูเจ๋อถอยหลังเมื่อเห็นว่าเขาเดินเข้ามาใกล้
เขาพูดอย่างระมัดระวัง “นายน้อยกง เราอยู่บนถนน คนดูอยู่มากมาย คุณน่าจะระวังคำพูดกับการกระทำของคุณสักหน่อยนะครับ”
ที่กงเซลีตบเมื่อกี้ ไม่เพียงแต่ทำให้หญิงสาวผู้นั้นหวาดกลัวเท่านั้น แต่ยังทำให้ซูเจ๋อหวาดกลัวไปด้วย
ทุกคนต่างรู้ถึงนิสัยของนายน้อยตระกูลกงเป็นอย่างดี
จนกระทั่งตอนนี้ อาการป่วยของเขายังไม่หาย และต้องกินยาเพื่อระงับ
ทว่ายาก็ช่วยได้เพียงชั่วขณะเท่านั้น
เขายังมีอาการป่วยอยู่
ดังนั้น อาการของเขาอาจจะกำเริบได้ทุกเมื่อ ที่เขาโกรธ
แม้อาการป่วยของเขาจะดีขึ้นมากแล้ว ทว่าเขาก็ถือว่าเป็นคนที่น่ากลัวมากคนหนึ่ง
ไม่มีใครรู้ว่าอาการป่วยของเขาจะกำเริบขึ้นอีกกี่ครั้ง และเมื่อไหร่
ทว่าสิ่งที่เขาได้ก่อขึ้นระหว่างที่อาการกำเริบ มักจะทำให้เมืองหยุนเฉิงสั่นสะเทือน เป็นเพราะเหตุการณ์เหล่านั้น ทำคนผู้คนต่างมีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก เมื่อเอ่ยถึงชื่อของเขา
ไม่มีใครในเมืองหยุนเฉิงที่กล้าจะยั่วยุเขา
ไม่เพียงเพราะสถานะของเขา แต่ยังเป็นเพราะอาการป่วยอันน่ากลัวของเขาด้วย
หากเขาทำให้คนมีเงินและมีอำนาจคนอื่นขุ่นเคือง แม้ว่าเขาจะได้รับบทเรียน ทว่าก็ไม่ถึงกับชีวิต
แต่หากทำให้นายน้อยแห่งตระกูลกงขุ่นเคือง หากเขามีอาการกำเริบ เขาสามารถทำให้อีกฝ่ายถึงตายได้
กงเซลีมองมาที่เขาและยิ้มเยาะ “อยู่บนถนนแล้วไง? ฉันไม่สนใจหรอกนะว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับฉัน ฉันมันไม่ใช่คนดีอยู่แล้วนี่”
เขาก้าวไปข้าวหน้าอีกก้าว แล้วค่อย ๆ ยกแขนขึ้น
ซูเจ๋อพยายามหลบเลี่ยงทันที
“อะ”
มือของกงเซลีหยุดค้างกลางอากาศขณะที่เขาเยาะเย้ย
“ครั้งล่าสุดที่แกรบกวนเธอข้างถนน เธอก็ได้ปฏิเสธแกอย่างชัดเจนแล้วไม่ใช่เหรอ ในเมื่อรู้อยู่เต็มอก ทำไมยังมาเกาะแกะเธออีก”
“สงสัยแกจะคิดว่า ตระกูลซูอยู่มานานเกินไปแล้วล่ะสิ อยากจะทำลายตระกูลตัวเองด้วยมือตัวเองอย่างงั้นเหรอ?”
ชายหนุ่มมองไปที่กงเซลีอย่างระมัดระวัง
ขณะที่เขานึกถึงข่าวลือออนไลน์ สีหน้าของเขาก็มืดลง เขามองไปที่กงเซลีด้วยความกลัวและความโกรธ “นายน้อยกง คุณทำเพื่อเธอเหรอครับ แล้วคุณรู้ไหมว่าเธอคบกับผู้ชายอยู่อีกคน?”
“คุณคิดว่าเธอจะขอบคุณ เพราะคุณทำเพื่อเธอเหรอครับ?”
กงเซลีเยาะเย้ย “แล้วไง? นี่มันเรื่องของฉัน เกี่ยวอะไรกับแก? คิดถึงแต่เรื่องของแกก็พอ”
“นายน้อยกง คุณ...” ซูเจ๋อไม่คิดว่าเขาจะไม่รังเกียจเฉียวเมียนเมียน ที่คบหาผู้ชายคนอื่น
เมื่อคิดถึงเรื่องที่เฉียวเมียนเมียนไม่เพียงแต่สามารถติดต่อกับชายตระกูลเหมาได้อย่างรวดเร็ว หลังจากที่พวกเขาเลิกกัน แม้แต่นายน้อยของตระกูลกง เธอยังสามารถติดต่อได้ ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความอิจฉาริษยาปนความโกรธ
เขาไม่แน่ใจเกี่ยวกับภูมิหลังทางครอบครัวของผู้ชายคนนั้น
เขารู้เพียงแค่ว่า ชายคนนั้นเป็นญาติของคนในตระกูลเหมา
แต่สำหรับกงเซลี เขาผู้นี้เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในเมืองนี้
ไม่แปลกใจที่เธอ จะไม่ใจอ่อนกับคำขอร้อง ที่เขาขอคืนดีกับเอ
ก็ในเมื่อเธอมีทางให้เลือกที่ดีกว่านี้นะ
ผู้หญิงคนไหนที่สามารถเคียงข้างนายน้อยตระกูลกงได้ เธอจะสนใจกลับมาคบกับเขาได้อย่างไร
เขาคิดเสมอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเขาก็คบหากันมาตั้ง 10 ปีแล้ว
ความสัมพันธ์นี้ไม่สามารถถูกแทนที่ได้
ก็จริงอยู่ที่ว่าเขาทรยศเธอและทำให้เธอผิดหวัง
แต่เธอก็ไม่ควรจะไร้ความรู้สึกกับเขาอย่างรวดเร็วได้เช่นนี้
แม้กระทั่งตอนนี้ เขาไม่อยากเชื่อเลยจริง ๆ ...
เขาต้องยอมรับว่าเธอได้กลายเป็นผู้หญิงแบบนั้นไปแล้ว
เธอไม่ใช่เฉียวเมียนเมียนที่เขารู้จักอีกต่อไป
ในสายตาของเธอ ความสัมพันธ์ 10 ปีที่ผ่านมา ไม่มีสำคัญเท่ากับการเกาะติดนายน้อยกง
“นี่จะเป็นคำเตือนครั้งสุดท้ายที่ฉันมีให้แก” กงเซลีหรี่ตาลง
“อยู่ให้ห่างจากเธอ ถ้าฉันยังเห็นว่าแกมาลวนลามเธออีก แกจะต้องเสียใจ ถ้าไม่อยากให้บริษัทซูต้องสิ้นชื่อ ก็ควรจะรู้ว่าต้องทำตัวยังไง”
“ไสหัวไป เดี๋ยวนี้!”
เขามองไปที่หญิงสาวที่ตัวเทาอยู่ที่พื้นและพูดด้วยความรังเกียจ “พาผู้หญิงคนนี้ ไสหัวไปด้วย”
คำพูดของกงเซลีรุนแรง
เขาไม่ให้เกียรติซูเจ๋อเลยแม้แต่นิดเดียว
แต่ซูเจ๋อไม่กล้าจะเสียทำท่าหงุดหงิดกลับ
ผู้คนต่างมามุมดูมากขึ้นเรื่อย ๆ
ซูเจ๋อรู้สึกอับอาย
เขาจ้องไปที่กงเซลี
“มองหาอะไร หะ? บ้าเอ้ย!” การแสดงออกของกงเซลีมืดลง
“จะให้ฉันเรียกคนมาเชิญแกออกไปไหม?”
แม้เขาจะเอ่ยคำว่า ‘เชิญ’ ออกมา ทว่าซูเจ๋อรู้ดีว่าความหมายที่แท้จริงคืออะไร
เขามองลงไปที่หญิงสาวตัวสั่นเทา แทบจะเป็นลมไปด้วยความหวาดกลัว ความรังเกียจแวบผ่านดวงตาของเขา เขากัดฟันและหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะพยุงหญิงสาวขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจ
ก่อนจะจากไป เขาหันมามองเฉียวเมียนเมียนไม่วางตา
เขาไม่อาจซ่อนความโกรธและความอิจฉาในแววตาได้
“เฉียวเมียนเมียน แล้วคุณจะเสียใจ” เขากัดฟัน “ผมจะรอวันที่คุณเสียใจ ถึงวันนั้น คุณจะรู้ว่าสิ่งที่คุณเลือกน่ะผิด”
จากนั้นเขาก็กัดฟันเดินจากไปพร้อมกับหญิงสาวที่อยู่ข้าง ๆ
กงเซลีมองไปที่เฉียวเมียนเมียนและเดินจากไป
ฝูงชนที่มุงดู ตอนนี้ต่างแยกย้ายกันจากไป
ลินดามองดูกงเซลีที่เดินจากไป
ทันใดนั้น เธอรู้สึกว่าข่าวลือในโลกออนไลน์ไม่ใช่ความจริงไปเสียทั้งหมด
การที่บอกว่าเฉียวเมียนเมียนเป็นคนรักของกงเซลีนั่นเป็นเรื่องโกหกอย่างแน่นอน
เฉียวเมียนเมียนไม่ได้ปฏิบัติต่อเขาในฐานะเพื่อนด้วยซ้ำ
ส่วนกงเซลีนั้น...