ตอนที่ 10 เธอป่วย
นับตั้งแต่แต่งงานมา ครั้งนี้เธอดูเหมือนจะเชื่อฟังเขามากที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้น
เธอนั่งข้างเขาอย่างเชื่อฟัง จนลู่ชิงสีดูตกใจและประหลาดใจ
“แม่กำลังปอกผลไม้อยู่ในครัว ดื่มน้ำให้ชุ่มคอก่อน” ลู่ชิงสีเอื้อมมือเทน้ำหนึ่งแก้วให้กับเจียงเหยา เขากลับพบว่าน้ำเย็นเกินไป เขาลุกขึ้นเดินไปที่ครัว เพื่ออุ่นชา
เมื่อคุณนายลู่เดินออกมาจากครัวพร้อมกับจานแตงโมและองุ่นหั่นเป็นชิ้นอย่างเรียบร้อย เธอได้เห็นปฏิสัมพันธ์ของพวกเขาและการตอบสนองของลูกชายของเอ ไม่มีแม่คนใดในโลกที่ยินดีเห็นลูกชายที่ตนปรนเปรอมาตั้งแต่เด็ก เชื่องกับผู้หญิงคนอื่นเหมือนสุนัขที่ภักดีต่อเจ้าของ
คุณนายลู่ถอนหายใจก่อนจะเดินไปที่ห้องนั่งเล่น เธอจ้องมองเจียงเหยาด้วยความรู้สึกปวดร้าวและกระสับกระส่าย ในฐานะแม่ เธอรู้ว่าลูกชายของเธอรักภรรยาของเขามากแค่ไหน แต่เจียงเหยาดูเหมือนจะไม่แยแสลูกชายของเธอเลย คุณนายลู่รู้สึกเสียใจและท้อแท้มากเมื่อนึกถึงเรื่องนี้
“ออกจะร้อนชื้นขนาดนี้ ทำไมถึงยังจะอยากดื่มน้ำร้อนล่ะ” คุณนายลู่พุดเบา ๆ หลังจากวางจานผลไม้ลงบนโต๊ะ คุณนายลู่หันกลับเข้าไปในห้องครัว คว้าแก้วจากมือของลู่ชิงสีไปถือไว้
“อะไรกัน เจียงเหยาก็โตแล้ว ทำไมต้องทำเหมือนกับเธอเป็นเด็กสามขวบด้วยหะ แกจำเป็นต้องจัดการทุกอย่างให้เธอหมดเลยหรือไง ต้องป้อนข้าวด้วยไหม ต้องแต่งงานด้วยไหม ตั้งแต่มาถึงบ้านได้ดื่มน้ำหรือยัง ดูสิ เหงื่อชุ่มเหมือนหมาตกน้ำ คนอื่นมีใครรู้สึกอะไรกับแกบ้าง ออกไปรอข้างนอก ฉันจะบริการเมียของแกแทนแกเอง!”
“แม้ครับ เธอป่วยอยู่นะ” ลู่ชิงสีอธิบายด้วยน้ำเสียงอ้อน เขาตบไหล่แม่เพื่อแสดงความขอบคุณก่อนเดินออกจากครัว โดยรู้ว่าแม่จะไม่ปล่อยให้เขาทำอะไร หากเธออยู่ที่นี่
มีคำพูดมากมายที่แฝงอยู่ในการโต้แย้งของคุณนายลู่ เธอโทษเจียงเหยา ที่ทำให้ลูกชายของเธอต้องพยายามขนาดนี้ โชคดีที่เธอไม่ได้พูดอะไรรุนแรงเกินไป เธอมองดูนาฬิกาขนาดใหญ่ในห้องนั่งเล่น บ่นพึมพำถึงลูกสาวและลูกเขยของเธอ ที่มาถึงช้า
ความจู้จี้ขี้บ่นไหลอยู่ในเลือดของคนที่แม่ทุกคนก็ว่าได้ หลังจากเธอเดินเตร่ไปมา เธอได้เสียงดังมาจากข้างนอกประตู เธอมองไปทางห้องนั่งเล่นและตะโกนใส่สีชิงสีว่า “พี่สาวกับพี่เขยของแกมาแล้ว ไป ไปต้อนรับพวกเขาหน่อย!”
ลู่ชิงสีไม่ได้เคลื่อนไหวตามคำสั่งของเธอ ทว่าพ่อลู่กลับพูดขึ้นว่า
“พวกเขาไม่ใช่คนนอกสักหน่อย เขาเป็นลูกสาวกับลูกเขยของเรานะ คุณคิดว่าที่นี่เป็นโรงแรมหรือไง พวกเขารู้ทางเข้าน่า”
ในทางกลับกัน เจียงเหยารู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อยที่จะนั่งต่อไป
เธอกำลังจะลุกขึ้น ลู่ชิงสีเหยียดแขนของเขา แล้วดึงเธอกลับมานั่งที่โซฟา
“คุณไม่สบาย นั่งลง ไม่ต้องลุก”
หลังจากที่เขาพูดจบ ลู่อี้ชิงและสามีของเธอ จ้าวจวนซ่ง ก็เปิดประตู เข้ามาในบ้าน
ลู่อี้ชิงสีหน้าหดหู่เมื่อเธอเข้ามาในบ้าน
สัญชาตญาณความเป็นแม่ของคุณนายลู่บ่งบอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวสักอย่าง เธอรีบพุ่งไปหาลูกสาว หลังจากเห็นท่าทางของเธอ และถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลว่า
“อี้ชิง เกิดอะไรขึ้น ทำไมอารมณ์ไม่ดีล่ะ?”
“แม่ อย่ามาถามฉัน ไปถามลูกสะใภ้ที่มีค่าของแม่ดูสิ” ลู่อี้ชิงเดินตรงเข้าไปในบ้าน เธอจ้องมองคนทั้งสามที่นั่งอยู่บนโซฟา เธอเดินไปหาเจียงเหยายกมือขึ้นและโยนสิ่งของไปที่หน้าของเจียงเหยาอย่างไร้ความปราณี
มันเกิดขึ้นกะทันหัน จนลู่ชิงอี้แปลกใจและไม่สามารถหยุดไว้ได้ทันเวลา เขาเห็นจดหมายบินโดยใบหน้าของเจียงเหยา แล้วตกลงที่เข่าของเธอ ขอบคมของจดหมายทิ้งรอยแดงไว้ทั่วผิวขาวอ่อนโยนของเธอ
“ลู่อี้ชิง ทำอะไรน่ะ!”
เขาเรียกชื่อเต็มของเธอ แสดงถึงความโกรธที่ลุกโชนของเขา
“บ้า!” ลู่อี้ชิงโกรธมากเมื่อเห็นว่าลู่ชิงสีกำลังจะฉีกเธอเป็นชิ้น ๆ
“ทำไม ไม่ถามภรรยาสุดที่รักของนายล่ะ ว่าเธอไปทำอะไรไว้บ้าง”