ตอนที่ 1 เสียง
“เร็วเข้า เจียงเหยา เราต้องไปแล้ว!”
ทันใดนั้น ประตูก็เปิดออก และเวินเสวี่ยฮุ่ยซึ่งเปียกโชกไปด้วยสายฝน พุ่งเข้ามาในห้องอย่างกังวล เจียงเหยาจ้องมองไปที่เธอ ด้วยความงงงวยและสับสน
“มีอะไรผิดปกติงั้นเหรอ?”
เวินเสวี่ยฮุ่ยร้อนใจ ไม่มีเวลาและความอดทนที่จะอธิบายทุกอย่าง เธอรีบเก็บเสื้อผ้าของเจียงเหยาสองสามชิ้น คว้าร่มและคว้าเอกสารสำคัญบางส่วนบนโต๊ะ ใส่ในกระเป๋า ก่อนจะพุ่งตัวออกจากหอพัก พร้อมกับดึงเจียงเหยาให้ออกไปพร้อมกับเธอ รีบร้อนกระทั่งไม่ได้ปิดประตูเสียด้วยซ้ำ
เมื่อเจียงเหยาลงมาถึงชั้นล่าง เธอพบว่าทุกคนในกลุ่มของเธอต่างมารวมตัวกันที่สนาม มีทีมดูแลความปลอดภัยในเครื่องแบบยืนอยู่ข้างหน้าของพวกเขา ทว่าเธอไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของพวกเขาที่กำลังยืนหันหลังให้กับเธอภายใต้สายฝนที่ตกอย่างหนัก
“พวกที่ลงมาแล้ว ออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่ต้องรออะไรอีกต่อไปแล้ว” ผู้นำหมู่บ้านพูดด้วยน้ำเสียงวิตกกังวลเป็นอย่างมาก
ฝนตกหนักได้เทลงกลางหุบเขาเล็ก ๆ บนภูเขาแห่งนี้เป็นเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์ติดต่อกัน
เมื่อสองวันก่อน ชาวบ้านต่างกระวนกระวายใจและตื่นตระหนกกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
“เกิดอะไรขึ้น?” เจียงเหยาถามด้วยเสียงต่ำในขณะที่เดินตามรอยเท้าอันรวดเร็วของเวินเสวี่ยฮุ่ย
“สภาพอากาศเลวร้ายนี้มันอะไรกัน ฝนก็ตกมานานหลายอาทิตย์แล้ว วันนี้ในหมู่บ้านมีดินถล่มหลายจุด หมู่บ้านของเราไม่ปลอดภัยอีกต่อไป หัวหน้าหมู่บ้านได้ไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่อาสาสมัครที่หมู่บ้านใกล้ ๆ เขาอยากให้ชาวบ้านอพยพออกจากหมู่บ้านทั้งหมดในคืนนี้ น่าเสียดายที่ถนนขรุขระเกินกว่าที่รถของเจ้าหน้าที่จะเข้ามาได้ เราจึงต้องเดินออกไปตรงจุดจอดรถของพวกเขานี่ยังไงเล่า”
เวินเสวี่ยฮุ่ยพูดเป็นต่อยหอย บ่งบอกถึงความวิตกกังวลและความปวดร้าวของเธอ
“เห็นอาสาสมัครกลุ่มนั่นไหมล่ะ?พวกเขามาที่นี่ก็เพื่อช่วยพวกเรา”
เมื่อคำพูดได้ยินคำพูดของเวนเสวี่ยฮุ่ยจบลง เจียงเหยาหันกลับมาและมองไปข้างหลังเธอ เธอเห็นอาสาสองคนและผู้นำหมู่บ้านเดินตามหลังพวกเขามาด้วย อาสาคนหนึ่งสังเกตเห็นเจียงเหยามองมาที่พวกเขา จึงยิ้มออกมาอย่างเขินอายและโบกมือให้ ก่อนจะดึงเพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ เขาก้มหน้าลงราวกับมองหาอะไรบางอย่างที่บนพื้น
ผู้นำหมู่บ้านก้าวไปด้วยความกังวล คงเขากำลังเป็นห่วงคนอื่นอยู่กระมั้ง เขาหันกลับมาพูดกับอาสาทั้งสองว่า “สหายหนุ่ม ฉันต้องขอรบกวนให้ช่วยดูแลคนจากหมู่บ้านอื่น พวกเขาเป็นหมอจากเมืองอื่น เป็นผู้มีพระคุณของพวกเรา เป็นหมอที่คอยดูแลพวกเราและคนชราในหมู่บ้านนี้มาตลอดหลายปี โปรดพาพวกเขาไปยังที่ปลอดภัยและดูแลพวกเขาให้ดีด้วยเถอะครับ”
“คุณก็ดูแลตัวเองเถอะ ไม่ว่ายังไง คุณต้องมารวมตัวกันที่นี่ในอีกสิบนาทีให้หลังนะ”
ชายผู้มีศีรษะต่ำสั่งเสียงเข้ม
เมื่อพูดจบเจียงเหยาก็ตกตะลึงและฝีเท้าของเธอก็หยุดนิ่งอยู่ตรงกลาง เธอรีบหันไปมองข้างหลัง
นั่นคือเขา น้ำเสียงนั้นช่างคุ้นเคยเหลือเกิน
กล่าวอีกนัยหนึ่งเสียงนั้นได้ถูกสลักไว้ในใจของเธอ มันน่าจดจำเป็นอย่างมากสำหรับเธอ
อย่างไรก็ตาม ขณะที่เธอมองไปที่ชายที่ก้มหน้าอยู่ เจียงเหยาหันกลับมาอีกครั้ง ครุ่นคิดแล้วส่ายศีรษะ เธอบอกกับตัวเองว่าไม่มีทางที่ชายผู้นั้นจะอยู่ที่นี่ได้ – เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
เพื่อที่จะซ่อนตัวจากเขา เธอได้ละทิ้งงานในโรงพยาบาลอันทรงเกียรติและมาเป็นอาสาสมัครเพื่อดูแลชาวบ้าน แต่เพื่อที่จะตามหาเธอ ชายคนนั้นได้ย้ายไปแต่ละกอง เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะอยู่ที่นี่
เสียงนั้นฟังดูคุ้นเคย อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้ยินเสียงของเขามาหลายปีแล้ว ดังนั้นบางที่เธออาจเข้าใจผิดว่าเป็นเสียงของคนอื่น
“เฮ้ คิดอะไรอยู่? เดินระวัง ๆ หน่อยสิคุณ!”
เวินเสวี่ยฮุ่ยสังเกตว่าเพื่อนสนิทของเธอกำลังงุนงงและรีบคว้าตัวเธอไว้อย่างรวดเร็วก่อนที่เธอจะเหยียบลงบนกองมูลวัว
“เจียงเหยา เป็นอะไรไป? ทำไมสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแบบนี้?”