869-870
3/8
Ep.869
“เจ้าแข็งแกร่งกว่าที่ข้าคิด!”
เสียงเย็นเยียบดังสะท้อนมาแต่ไกล ทันใดนั้นรังสีแสงกระพริบไหวอย่างบ้าคลั่ง ไหลมารวมตัวกันเป็นเงาร่างหนึ่ง
เงาร่างนั้น จะเป็นใครอื่นไปได้อีก หากมิใช่หานเจี้ยนฉี
หานเจี้ยนฉียังไม่ตาย?
ฉีมู่เฟิงและคนอื่นๆสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นไม่น่าดู ในทางกลับกัน บรรพชนตระกูลจื่อกลับรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
“ทำลายร่างจำลองของข้า เป็นความผิดบาปที่ไม่อาจให้อภัย ซูเฉิน! โทษทีของเจ้าคือความตาย!”
ใบหน้าของหานเจี้ยนฉีฟุ้งไปด้วยความดุร้าย ร้องคำรามขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
ร่างจำลองคือพลังศักดิ์สิทธิ์ที่มีไว้ช่วยชีวิต มันเป็นสิ่งที่เขาทุ่มเทความพยายามนับไม่ถ้วนเพื่อฝึกฝน แต่ไม่นึกเลยว่าจะถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของซูเฉิน
ณ ตอนนี้ จิตสังหารของเขาพลุ่งพล่าน สาบานว่าจักทำลายซูเฉินให้สิ้นซาก!
หึ่ง หึ่ง!
อากาศสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เห็นแค่เพียงกระบี่ยาวห้าเล่มลอยอยู่เหนือศีรษะหานเจี้ยนฉี ปลดปล่อยคลื่นความผันผวนอันน่าหวาดกลัวถึงขีดสุด
“พี่ฉี คุณกับคนอื่นๆถอยไปก่อน”
ซูเฉินกระซิบ ค่อยๆหยิบ [ดาบเสริมมนตรา] ออกมาอย่างช้าๆ
“ทุกคนถอยออกไป!” อู๋หยาจื่อตะโกน เขารู้ดี ว่าซูเฉินเตรียมใช้กระบวนท่าใหญ่อีกครั้งแล้ว
กระบวนท่าใหญ่ที่ว่า คือการผสมผสานระหว่างเวทมนต์สองธาตุ และเสริมพลังด้วยมหาเพลิงเอกลักษณ์อีกสองชนิด อำนาจทำลายล้างไม่มีใครเทียบชั้นได้
กระทั่งต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เผ่าเอลฟ์ในระดับเทวะขั้น 2 ยังโดนสังหาร
เมื่อกระบวนท่านี้สำแดงออกมา มันจักสร้างระลอกคลื่นเป็นวงกว้าง หากหลบไม่ทัน ก็เตรียมตัวตายได้เลย
รอจนกระทั่งอู๋หยาจื่อและคนอื่นๆถอยห่างออกไป ซูเฉินหันกลับมามองหานเจี้ยนฉี หัวเราะเบาๆว่า “หานเจี้ยนฉี แกชอบกำจัดอัจฉริยะสินะ? งั้นมาดูกัน ว่าวันนี้! ใครจะกำจัดใครกันแน่!”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!” หานเจี้ยนฉีหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง กล่าวเหยียดหยัน “อัจฉริยะคนก่อนๆที่ข้าเคยพบ ก็หยิ่งยโสเหมือนเจ้านี่แหละ แต่สุดท้าย พวกมันทั้งหมดตายด้วยน้ำมือข้า –และอีกเดี๋ยวเจ้าก็จะเป็นหนึ่งในนั้น!”
สิ้นเสียง กระบี่ยาวห้าเล่มที่อยู่เหนือศีรษะเขาเริ่มหมุนวน
ท่ามกลางแสงสีสว่างไสว กระบี่ยาวห้าเล่มรวมเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว ลำแสงหลากสีบนตัวมันสาดประกายไม่หยุด
“ฆ่า!”
หานเจี้ยนฉีกวาดมือเดียว ชี้ไปทางซูเฉิน ตะโกนเสียงเย็นชา
ในพริบตา กระบี่ยักษ์ห้าเล่มราวกับคลื่นมหึมาโหมกระหน่ำเข้ากลืนกินซูเฉิน
ทุกแห่งหนที่มันพัดผ่าน เจตต์กระบี่อันแรงกล้าอาละวาดคลั่ง อากาศที่ว่างเปล่าถูกทำลาย
ขณะเดียวกันนั้นเอง ซูเฉินฟาดฟันดาบทมิฬของเขาออกไป เห็นแค่เพียงกระแสคลื่นสีแดงสลับขาวพุ่งออกมา ตามด้วยเปลวไฟสองลูกกระโจนเข้าไปรวมกับพวกมัน
แทบจะในทันที คลื่นความผันผวนทางพลังเวทย์ของสองธาตุ ไฟและน้ำแข็งได้แพร่กระจายออกไป กดดันผู้คนที่อยู่ในที่นี้ ให้รู้สึกหายใจไม่ออก
ช่างเป็นคาถาไฟและน้ำแข็งอันน่าหวาดกลัว!
ฉีมู่เฟิงและคนอื่นต่างตกตะลึง เหลียวมองซูเฉินในสนามรบเป็นสายตาเดียว
หานเจี้ยนฉีและซูเฉินต่างใช้กระบวนท่าใหญ่ขอพวกเขา แล้วฝ่ายใดกันหนอจะแข็งแกร่งกว่ากัน?
แต่ไม่ต้องเสียเวลาเดาไป เพราะหลังจบกระบวนท่านี้แล้ว เดี๋ยวพวกเราก็จะได้รู้กันเอง!
วินาทีถัดมา ทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างดุเดือด
บังเกิดสภาวะชะงักงันเล็กน้อย ได้ยินเพียงเสียงกระบี่ยักษ์ห้าสีส่งเสียงคร่ำครวญ ก่อนที่มันจะถูกเป่ากระเด็นออกไป แล้วกลับคืนสู่สภาพเดิมกลายเป็นกระบี่ยาวห้าเล่มดังเดิม ร่วงหล่นลงกับพื้น
“เป็นไปได้อย่างไรกัน?”
ได้เห็นฉากนี้ หานเจี้ยนฉีร้องโวยวายด้วยความตกใจ
สิ่งที่เห็นอยู่ในสายตา คือกระแสธารน้ำแข็งและเปลวเพลิงที่ผสมผสานเข้าด้วยกัน โถมเข้าบดขยี้เขาอย่างไม่มีอะไรมาหยุดยั้ง
บรึ้ม!!!!
ตามด้วยเสียงระเบิดสะเทิ้นฟ้าสะเทือนดิน เห็นแค่เพียงในตำแหน่งที่หานเจี้ยนฉีเป็นจุดศูนย์กลาง รัศมีหลายร้อยเมตรระเบิดเป็นหลุมลึก
หานเจี้ยนฉีถูกระเบิดร่างแหลกเป็นเสี่ยงๆ ศพหายไปไม่เหลือแม้แต่กระดูก
ซูเฉินหรี่ตาและกวาดมอง และพบว่ามีเศษชิ้นส่วนนับหมื่นทอแสงวาววับปรากฏขึ้นตรงปากหลุม
นี่แสดงให้เห็นว่า หานเจี้ยนฉีถูกสังหารลงแล้วจริงๆ
เห็นภาพนี้ เส้นประสาทที่ตึงเครียดของซูเฉินค่อยผ่อนคลายลง ในเวลาเดียวกัน ความรู้สึกอ่อนล้าแทรกซึมเข้ามาในหัวใจ
“ซูเฉิน แล้วจะเอายังไงกับบรรพชนตระกูลจื่อ?”
ฉีมู่เฟิงเดินมาข้างซูเฉิน เอ่ยปากถาม
ซูเฉินถอนหายใจยาว ส่งจิตสังหารผ่านทางแววตา กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ฆ่า!”
4/8
Ep.870
ฉีมู่เฟิงกระโจนไปข้างหน้า ใช้เวลาไม่นาน ก็สามารถสังหารบรรพชนตระกูลจื่อได้อย่างไม่ยากเย็น
หลังจากนั้น ซูเฉินเก็บชิ้นส่วน และเรียกทุกคนขึ้นรถ เดินทางต่อไปยังเมืองเฟิงหยวน
“เขาแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้เชียว?”
ฉีมู่เสวี่ยลอบมองซูเฉิน สติสตังยังตกอยู่ในภวังค์
ตัวตนที่แข็งแกร่งอย่างหานเจี้ยนฉี ถูกซูเฉินสังหารในกระบวนท่าเดียว ถึงขนาดนี้แล้ว ยังมีใครในโลกอีกที่สามารถหยุดซูเฉินได้?
“พี่สาว ต่อไปพี่ต้องไม่ยั่วโมโหเขาอีกนะ” ฉีมู่อวี้เตือนอย่างระมัดระวัง
“ยั่วโมโหซูเฉิน?” ฉีมู่เสวี่ยถึงกับอ้าปากค้าง
อย่าว่าแต่ยั่วโมโหซูเฉินเลย ขนาดแค่สบตากับเขา มันก็ทำให้เธอหัวใจเต้นแรงแล้ว
ซูเฉินนั่งลงบนเก้าอี้คนขับ บิดขี้เกียจสักพัก ก็เริ่มคัดแยกชิ้นส่วน
หนึ่งชั่วโมงต่อมา เมื่อคัดแยกชิ้นส่วนเสร็จสิ้น มุมปากของซูเฉินโค้งงอคล้ายกำลังใช้ความคิด
ในบรรดาชิ้นส่วนที่ดรอปในครั้งนี้ ปรากฏชิ้นส่วนที่ใช้ 10,000 แต้มพลังงานออกมา มันชื่อว่า [หมื่นกระบี่คืนสู่หนึ่ง]
พิจารณาจากชื่อแล้ว สมควรเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์สายกระบี่ แต่พลังอำนาจของมันคือแบบใดกัน? คงไม่มีทางรู้จนกว่าจะแลกเปลี่ยน
ปัจจุบันซูเฉินมีแต้มพลังงานทั้งหมดเกือบ 20,000 แต้ม แต่เขาไม่ได้วางแผนที่จะแลกเปลี่ยนมันทันที เพราะอีกไม่นานก็จะเข้าสู่มิติภายนอกแล้ว
มิติภายนอกอันตรายเกินไป ระดับฐานฝึกตนในตอนนี้ของเขายังอ่อนแอ ดังนั้นตั้งใจจะสะสมแต้มพลังงานเอาไว้ อย่างน้อยก็ช่วยรับประกันว่าสามารถเลื่อนขั้นเป็นระดับเทวะได้ตลอดเวลา
เมื่อเขาก้าวสู่ระดับเทวะขั้น 1 แล้ว ก็จะมีความสามารถมากพอที่จะปกป้องตัวเอง
ต่อมา เขาเริ่มหลับตาและพักผ่อน
สองชั่วโมงผ่านไป [รถศึกอัจฉริยะ] ร้องเตือนว่า “เจ้านาย พวกเรามาถึงเมืองเฟิงหยวนแล้ว”
ซูเฉินค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ กวาดมองออกไปด้านนอก ในสายตาเขาปรากฏเมืองใหญ่โตอันงดงาม
“เสี่ยวซุ่น นายพอจะสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของสมุนไพรกำเนิดเซียนได้บ้างไหม?” ซูเฉินถามนกสำรวจ
“เจ้านาย ข้ายังไม่สามารถสัมผัสมันได้ในตอนนี้” นกสำรวจตอบ
ซูเฉินไม่ใส่ใจนัก แม้นกสำรวจจะมีความสามารถในการตรวจจับสมบัติ แต่อย่างไรต้องอยู่ในขอบเขตที่กำหนด
ขณะที่เมืองเฟิงหยวนมีขนาดใหญ่มาก ไม่รู้สึกถึงมันในตอนนี้ ก็สมเหตุสมผลแล้ว
“เสี่ยวจือ เปิดฟังก์ชั่นการบิน เข้าสู่เมืองเฟิงหยวน” ซูเฉินสั่ง
เพื่อที่จะตามหาสมุนไพรกำเนิดเซียน เคลื่อนไหวบนฟ้าจะสะดวกกว่า
“รับทราบ”
[รถศึกอัจฉริยะ] รับคำสั่ง เริ่มฟังก์ชั่นการบิน ไม่นานก็ลอยลำเหนือน่านฟ้าเมืองเฟิงหยวน
เนื่องจากยังไม่รู้ตำแหน่งี่แน่นอนของตระกูลเจิ้ง ซูเฉินจึงไม่รีบร้อนให้ [รถศึกอัจฉริยะ] ลงจอด
หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ซูเฉินสั่ง “เสี่ยวจือ ค้นหาตำแหน่งที่อยู่ของบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองเฟิงหยวน”
ตระกูลเจิ้งคือตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองเฟิงหยวน แน่นอนว่าพวกเขาควรอยู่ที่เดียวกับผู้แข็งแกร่งที่สุด
ตราบใดที่ค้นหาตำแหน่งของคนที่ว่าพบ ก็สามารถระบุที่ตั้งของตระกูลเจิ้งได้
“เจ้านาย ฉันเจอแล้ว มีระดับเทวะอยู่ในคฤหาสน์หลังหนึ่ง และข้างในยังมีผู้ฝึกตนขั้น 10 อีกหลายคน” [รถศึกอัจฉริยะ] ตอบอย่างรวดเร็ว
ซูเฉินพยักหน้าเล็กน้อย กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ลงจอดในพื้นที่คฤหาสน์หลังนั้นได้เลย”
“รับทราบ”
[รถศึกอัจฉริยะ] ลอยลำไป ระหว่างทางค่อยๆลดระดับลง
เมื่อเข้าสู่พื้นที่คฤหาสน์ ก็มีผู้แข็งแกร่งจำนวนมากหลั่งไหลออกมา ล้อมรอบ [รถศึกอัจฉริยะ] เอาไว้
ซูเฉินเปิดประตูรถ เดินออกไปคนเดียว
“เจ้าเป็นใคร? ทำไมถึงบุกเข้ามาในตระกูลเจิ้งของพวกเรา?”
ผู้ฝึกตนขั้น 7 กวาดมองซูเฉินขึ้นๆลงอย่างระมัดระวัง เอ่ยถามเสียงดัง
“ไปเรียกผู้นำของพวกแกมา ฉันมีเรื่องจะคุยกับเขา” ซูเฉินกล่าวเสียงเรียบ
“ท่านผู้นำตระกูลเป็นคนที่แกคิดอยากเจอก็เจอได้หรือ?” ผู้ฝึกตนขั้น 7 กล่าวด้วยความรังเกียจ
ซูเฉินเบ้ปาก ปลดปล่อยพลังจิตเข้าพันธนาการอีกฝ่าย กล่าวเสียงเย็นชา “รีบทำตามที่บอก! อย่าบังคับให้ฉันต้องลงมือ!”
ผู้ฝึกตนขั้น 7 รู้สึกราวกับว่ากระดูกทั้งร่างกำลังจะแหลก เมื่อตระหนักว่าซูเฉินคือผู้แข็งแกร่งระดับสูง เขาก็หันไปตะโกนใส่ทหารยามที่อยู่ใกล้ๆว่า “เร็วเข้า! รีบไปเชิญท่านผู้นำมา!”