WS บทที่ 276 เกาะเพลิงม่วง
ตอนนี้เมอร์ลินได้กลายเป็นสมาชิกของป้อมอูดอนและครอบครองเสื้อคลุมขอบทองซึ่งนำศักดิ์ศรีอันยิ่งใหญ่มาสู่เขา
ความคิดแรกของเมอร์ลินคือการได้แผนที่ภูเขาไฟที่พ่อมดเกอร์สันกล่าวถึงซึ่งมอบให้กับสมาชิกของป้อมอูดอนเท่านั้น
แผนที่ภูเขาไฟเป็นข้อมูลส่วนหนึ่งที่ป้อมอูดอนใช้เวลารวบรวมการสำรวจมาหลายปีจึงมีความน่าเชื่อถือสูง หากเมอร์ลินต้องการค้นหาดินลาวาในภูเขาไฟ เขาจะต้องมีแผนที่พวกนั้น
มีนักเวทย์เข้าออกป้อมอูดอนเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นปราสาทขนาดใหญ่ นี่เป็นที่เดียวที่สมาชิกของป้อมอูดอนสามารถแลกเปลี่ยนพูดคุยกัน
นอกจากนี้ยังมีตลาดใหญ่ในป้อมอูดอนที่แห่งนี้อุดมไปด้วยทรัพยากรมากมาย
อาจมีนักเวทย์ที่เชี่ยวชาญการเล่นแร่แปรธาตุและการปรุงยาวางขายของที่พวกเขาสร้างและมีของที่หาได้ในระแวกนี้ เนื่องจากมรดกที่สืบทอดมาของป้อมอูดอนไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับดินแดนมนต์ดำได้ แม้จะผ่านไปสองสามศตวรรษก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาต่อสู้กับสัตว์ทะเลมาตลอดทั้งปีและรอดชีวิตมาได้ท่ามกลางทะเลอันกว้างใหญ่ พวกเขาจึงได้รวบรวมวัสดุและสมบัติแปลก ๆ ทุกประเภท
ดังนั้นบางสิ่งเช่นวัสดุยา, วัสดุการเล่นแร่แปรธาตุ, น้ำยาพิเศษและอุปกรณ์เวทมนต์จึงไม่สามารถหาได้ในดินแดนมนต์ดำ
“ขอแผนที่ภูเขาไฟหน่อย แบบที่สามารถระบุลักษณะของภูเขาไฟได้” เมอร์ลินพูดกับนักเวทย์เด็กสาวซึ่งอายุประมาณสิบห้าปี
แม่มดคนนี้ดูไร้เดียงสา ด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอจึงเข้าร่วมป้อมอูดอน แม้ว่าเธอจะยังเด็กแต่เธอก็เป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งแล้ว
หลังจากสังเกตเห็นเสื้อคลุมขอบทองบนตัวของเมอรืลิน แม่มดก็แสดงอาการประหม่าและวิตกกังวลในทันที เธอไม่ตอบสนองต่อคำพูดของเขา หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งขณะที่เธอจ้องไปที่เมอร์ลินด้วยตาเปล่า
เมอร์ลินขมวดคิ้ว แล้วทำน้ำเสียงเข้ม “ขอแผนที่ภูเขาไฟ!”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่หมดความอดทนของเมอร์ลิน แม่มดก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกไม่พอใจของเมอร์ลินและใบหน้าของเธอก็แดงระเรื่อขณะที่เธอรีบเข้าไปในห้องของเธอ
จากนั้นแม่มดก็ถือแผนที่ขนาดใหญ่และเข้าหาเมอร์ลิน เธอพยายามอย่างหนักที่จะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น "ฉันต้องขอโทษท่านด้วยเจ้าค่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นนักเวทย์เสื้อคลุมขอบทอง ดังนั้นฉันจึงรู้สึกประหม่า…”
เมอร์ลินยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร ตอนนี้เขาเข้าใจสถานะของ ‘เสื้อคลุมขอบทอง’ ในป้อมอูดอนดีขึ้นเล็กน้อย
เมื่อเขามาที่นี่โดยสวมเสื้อคลุมขอบทองของเขา นักเวทย์เกือบทั้งหมดที่เขาพบระหว่างทางแสดงความเคารพจากส่วนลึกของหัวใจ
เมอร์ลินหยิบแผนที่และตรวจสอบอย่างละเอียด ตามที่คาดไว้ แผนที่ได้บันทึกภูเขาไฟหลายลูกที่มีลักษณะเฉพาะของมัน รายละเอียดค่อนข้างเฉพาะเจาะจง เช่น ภูเขาไฟยังมีปะทุ การระเบิดในอดีตและเวลาระหว่างการระเบิดที่ต่อเนื่อง
นี่คือแผนที่ที่เมอร์ลินต้องการมากที่สุด!
“เยี่ยมมาก ฉันต้องใช้หินธาตุเท่าไหร่เพื่อซื้อแผนที่นี้?”
เมอร์ลินถามแม่มด เขารู้ว่าทรัพยากรอันล้ำค่าของป้อมอูดอนมีให้สำหรับสมาชิกของป้อมอูดอนเท่านั้นและต้องใช้หินธาตุเพื่อซื้อมัน
“พ่อมดเมอร์ลิน ท่านมีเสื้อคลุมขอบทอง ตามกฎของป้อมอูดอน ท่านมีหินธาตุจำกัดหนึ่งหมื่นก้อน แม้ว่าแผนที่นี้จะมีราคาหินธาตุสามพันก้อนแต่ก็ยังไม่ถึงขีดจำกัดของคุณ ดังนั้นคุณจึงสามารถนำไปใช้ได้โดยตรง”
"โอ้? ฉันสามารถทำเช่นนั้นได้ด้วยหรือ?”
เมอร์ลินรู้สึกประหลาดใจ พ่อมดอูโม่และพ่อมดศักวราอาจลืมบอกเรื่องนี้ ขีดจำกัดของหินธาตุหนึ่งหมื่นนั้นมีจำนวนไม่มาก
สมาชิกทั่วไปของป้อมอูดอนไม่มีสิทธิพิเศษอย่างนี้แน่นอน เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเสื้อคลุมขอบทอง
เมื่อเมอร์ลินเก็บแผนที่และกำลังจะจากไป ทันใดนั้นเขาก็เห็นนักเวทย์เสื้อคลุมดำอยู่ข้างๆ เขากำลังซื้อวัตถุทรงกลมคล้ายฟองสบู่
เมอร์ลินถามด้วยความสงสัย “นี่คืออะไร?”
แม่มดรีบอธิบาย “นี่เป็นสิ่งของล้ำค่าที่ได้รับจากร่างของสัตว์ร้ายใต้ทะเลลึกชื่อโลมาสีน้ำเงิน ฟองนี้เรียกอีกอย่างว่าฟองน้ำโลมาสีน้ำเงิน เนื่องจากหมู่เกาะเคิร์ดมันสลาล้อมรอบด้วยทะเล เราจึงมักพบสัตว์ทะเลที่แข็งแกร่งมากมาย นอกจากนี้ยังมีวัสดุล้ำค่ามากมายในทะเลอันกว้างใหญ่ หน้าที่ของฟองปลาโลมาสีน้ำเงินคือช่วยให้เราลงไปใต้ทะเลได้
ด้วยฟองน้ำโลมาสีน้ำเงิน ท่านสามารถอยู่ในน้ำได้นานถึงแปดชั่วโมง ตราบใดที่ท่านไม่ได้อยู่ในบริเวณลึกของทะเล ท่านก็สามารถเดินไปรอบ ๆ ใต้ท้องทะเลได้อย่างง่ายดาย!”
เมอร์ลินค่อนข้างประหลาดใจกับฟองน้ำโลมาสีน้ำเงิน มันทำให้คนธรรมดาสามารถอยู่ในน้ำได้นานถึงแปดชั่วโมง มันเป็นของดีกว่าที่เขาคิดไว้มาก หลังจากที่พิจารณาว่าเขายังมีหินธาตุอยู่สองสามพันก้อน เขาก็พูดกับแม่มดว่า
“เอาฟองน้ำโลมาสีน้ำเงินให้ฉัน!”
“ได้เลยเจ้าค่ะ ขอเวลาฉันสักครู่!”
หลังจากนั้น แม่มดก็ถือฟองขนาดเท่ากำปั้นยื่นให้เมอร์ลิน เธออธิบายว่า “ฟองน้ำโลมาสีน้ำเงินสามารถเก็บไว้ได้นานถึงสองสามปี นอกจากนี้ยังใช้งานได้ง่ายมาก เพียงเอื้อมมือเข้าไปในฟองน้ำเบา ๆ แล้วฟองจะขยายออกและขยายใหญ่ขึ้นล้อมรอบตัวนักเวทย์และสามารถเข้าสู้โลกใต้ท้องทะเลได้ อย่างไรก็ตาม คุณต้องแน่ใจว่าจะไม่ทำให้ฟองน้ำเสียหายเมื่อคุณร่ายเวทย์ มิฉะนั้น ความกดดันมหาศาลใต้ท้องทะเลสามารถกดทับตัวนักเวทย์ได้อย่างง่ายดายหากฟองน้ำแตกออก”
เมอร์ลินพยักหน้า เขารู้เรื่องนี้ตั้งแต่ก่อนที่จะข้ามโลกมากแล้วว่าแรงดันใต้ทะเลมีมหาศาล แม้แต่โลหะผสมที่แข็งที่สุดก็ยังถูกบดขยี้อย่างง่ายดายภายใต้ทะเลลึก ไม่ต้องพูดถึงนักเวทย์ที่มีร่างกายอ่อนแอ
ฟองน้ำโลมาสีน้ำเงินทำให้เมอร์ลินเสียค่าใช้จ่ายประมาณสามพันหินธาตุ แม้ว่าเมอร์ลินจะครอบครองเสื้อคลุมขอบทองแต่เขาก็มีหินธาตุอยู่เพียงสี่พันก้อนเท่านั้น
โชคดีที่เมอร์ลินมีหินธาตุมากมายอยู่ในแหวนของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องกังวลว่าจะใช้มันจนหมด
หลังจากได้รับแผนที่และฟองน้ำโลมาสีน้ำเงินแล้ว เมอร์ลินก็หันหลังกลับและจากไป
เมื่อกลับมาที่ห้องของเขา เมอร์ลินก็รีบเปิดแผนที่และค้นหาอย่างระมัดระวัง มีภูเขาไฟมากเกินไปที่บันทึกไว้บนแผนที่ ส่วนใหญ่เป็นภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่ มีเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นที่ไม่ได้ใช้งานอย่างสมบูรณ์หรือไม่ระเบิดบ่อย
ประการแรก เมอร์ลินมองหาภูเขาไฟดับสนิทแล้วเพราะมันปลอดภัยกว่าสำหรับเขาที่จะค้นหาดินลาวาที่นั่น
“ถ้างั้นเอาเป็นเกาะนี้!”
ในที่สุดเมอร์ลินก็เลือกเกาะที่เรียกว่าเกาะเพลิงม่วง เมอร์ลินพบว่ามีภูเขาไฟที่ดับแล้วกระจุกตัวอยู่บนเกาะนี้จำนวยนมาก ดังนั้นจึงเหมาะสมที่สุดสำหรับเขาที่จะค้นหาดินลาวาที่นั่น
ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือเกาะนี้อยู่ห่างจากเกาะหลักมากเกินไป และตั้งอยู่ที่บริเวณนอกสุดของหมู่เกาะเคิร์ดมันสลา
ตอนนี้เมอร์ลินเป็นอิสระแล้วและสามารถเคลื่อนที่ไปมาได้อย่างง่ายดายในป้อมอูดอน นี่เป็นหนึ่งในสิทธิพิเศษของเขาในฐานะนักเวทย์ที่สวมเสื้อคลุมขอบทอง
อย่างไรก็ตาม เมอร์ลินได้ตัดสินใจแล้ว เขารีบออกจากห้องของเขาและเดินไปที่เกาะเพลิงม่วงตามเส้นทางที่เขียนไว้บนแผนที่
…
“มันก็หลายวันแล้วนะที่สัตว์ทะเลบุกมาครั้งล่าสุด ในที่สุดเราก็สามารถพักผ่อนได้นิดหน่อย น่าเศร้าที่พี่ชายคนที่สามของเราเสียชีวิตไปแล้ว” พ่อมดชุดดำส่ายหัวในขณะที่เขาถอนหายใจลึกๆ
“ใช่ มันไม่ใช่แค่พี่ชายคนที่สามของเรา ครูกก็ด้วย ทันทีที่สัตว์ทะเลโจมตีเกาะ เราต้องปกป้องเกาะด้วยชีวิตของเราแต่ถ้าเราทำอย่างนั้นต้องมีคนตาย”
พ่อมดชุดดำสองสามคนเผยท่าทางที่ทำอะไรไม่ถูก ตั้งแต่วันแรกที่พวกเขาเข้าร่วมป้อมอูดอน พวกเขาได้รับผลประโยชน์มากมาย ตั้งแต่นักเวทย์ระดับหนึ่งไปจนถึงระดับสาม พวกเขาได้เพลิดเพลินกับทรัพยากรมากมายที่มีในป้อมอูดอน
เหนือสิ่งอื่นใด นักเวทย์ทุกคนในป้อมอูดอนเป็นเหมือนพี่น้องของพวกเขา ทำให้พวกเขาอบอุ่นในครอบครัวที่พวกเขาไม่เคยเช่นนี้จากการเป็นพ่อมดพเนจรมาเป็นเวลานาน
ดังนั้นพวกเขาจึงพอใจกับชีวิตของพวกเขา เมื่อสัตว์ทะเลโจมตีเกาะ พวกเขาเต็มใจเพื่อยืนหยัดต่อสู้กับสัตว์ทะเลที่ทรงพลัง
อย่างไรก็ตาม การฆ่าไม่กี่เดือนได้ทำให้พวกเขาเหนื่อยอย่างช้า ๆ สัตว์ทะเลเหล่านี้ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด การโจมตีทุกครั้งจะจบลงด้วยการเสียชีวิตจำนวนมากในหมู่นักเวทย์ พวกเขากังวลถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเกาะหากพวกเขาล้มเหลวในการปกป้องเกาะ พวกเขาไม่ต้องการออกจากป้อมอูดอนจึงสาบานว่าจะปกป้องที่นี่ให้ได้
"อืม? มีคนกำลังมา เป็นพ่อมดที่ป้อมอูดอนส่งมาที่นี่เหรอ?”
พ่อมดผมดำสวมเสื้อคลุมดำมองไปข้างหน้าอย่างพร่ามัวและมองเห็นร่างที่ค่อย ๆ เข้าใกล้เกาะเพลิงม่วง
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา พวกเขาสูญเสียเหล่านักเวทย์จำนวนมากบนเกาะแห่งนี้ ดังนั้นทางป้อมอูดอนจึงมักจะส่งเหล่านักเวทย์มาที่นี่เพื่อทดแทน
“ขอฉันไปตรวจสอบก่อน จากที่ฉันเห็นฉันไม่คิดอย่างนั้น ถ้าเขาคือนักเวทย์ที่ป้อมอูดอนส่งมาแทน ทำไมเขาถึงมาคนเดียวล่ะ?”
ในบรรดาพ่อมดเสื้อคลุมดำ มีพ่อมดเสื้อคลุมเทากล่าวขึ้นมา เขาหรี่ตา เขาคิดว่านี่ไม่ใช่นักเวทย์ที่ป้อมอูดอนส่งมา ดังนั้นเขาจึงระวังตัวในทันที
สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่าพวกเขาต้องระวังกองกำลังอีกสองกลุ่ม อย่างพันธมิตรปีกเทากับหอคอยนักเวทย์ เมื่อพวกเขาต่อสู้กับสัตว์ทะเลบนหมู่เกาะเคิร์ดมันสลา
เขาตัดกลุ่มของหอคอยนักเวทย์ไปก่อนเพราะพวกเขาเข้าควบคุมเกาะที่ใหญ่ที่สุดที่มีทรัพยากรอันอุดมสมบูรณ์เท่านั้น พวกเขาจะไม่สนใจเกาะที่ยากจนและอันตรายอย่างเกาะเพลิงม่วง
อย่างไรก็ตาม กรณีนี้แตกต่างกับพันธมิตรปีกม่วงที่คอยเฝ้าดูป้อมอูดอนอย่างใกล้ชิดเสมอมา พวกเขาต้องการต่อสู้เพื่อเกาะที่ยากจนและอันตรายอย่างเกาะเพลิงม่วง
กลุ่มทั้งสามนี้ต่างการแข่งขันที่ดุเดือด ดังนั้นนักเวทย์บนเกาะเพลิงม่วงจึงไม่กล้าที่จะลดความระมัดระวังลง
“พ่อมดเบย์ตัน คุณระมัดระวังเกินไปแล้ว คุณคิดว่าคนของพันธมิตรปีกเทากล้าที่จะเคลื่อนไหวตอนนี้หรือไม่? บทเรียนที่ผ่านมาไม่เพียงพอที่จะสอนพวกเขาหรือ ฮิฮิ ถ้าเป็นพวกเขาจริง ๆ เราก็สามารถกำจัดพวกมันได้โดยตรง ฉันรำคาญไอ้พวกปีกเทามานานแล้ว!”
นักเวทย์ผมสีดำเปล่งรัศมีการฆ่าที่รุนแรงเมื่อมีการกล่าวถึงพันธมิตรปีกเทา การแสดงออกของเขาทำให้คนอื่นหนาวสั่นไปถึงกระดูกสันหลังของพวกเขา
“ถึงอย่างพวกเราก็ต้องระวังไว้ก่อน ฉันจะเป็นคนไปตรวจสอบเอง!”
หลังจากพูดอย่างนั้น พ่อมดเสื้อคลุมเทาเบย์ตันก็เดินไปหาร่างเงานั่น