865-866
9/10
Ep.865
“ผู้อาวุโส มีแผนที่มิติอยู่ในความทรงจำของสหายข้าจริงๆ” สมุนไพรกำเนิดเซียนกล่าวอย่างมั่นใจ
“งั้นก็ดีแล้ว” ซูเฉินพยักหน้า ถามต่อว่า “แล้วแกมาอยู่ในภูเขาตั้วฉางได้ยังไง?”
ในความทรงจำของสมุนไพรกำเนิดเซียนทั้งสองต้นมีแผนที่อยู่ เช่นนั้นแล้วใครเป็นคนทิ้งแผนที่ไว้ให้พวกมัน?
แล้วจุดประสงค์ของคนผู้นั้นคืออะไร?
“ผู้อาวุโส พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกัน จำได้แค่ว่าพวกเราอาศัยอยู่ในภูเขาตั้วฉางมาตั้งแต่ยังเล็ก” สมุนไพรกำเนิดเซียนกล่าว
เมื่อสอบถามหรือพยายามคาดเดาเองยังไงก็ไม่ทราบสถานการณ์ ซูเฉินเลยไม่เก็บเรื่องนี้มารกสมองอีก จ้องมองสมุนไพรกำเนิดเซียน กล่าวเสียงเรียบ “ฉันมีทางเลือกให้แก –อยากติดตามฉันไหม?”
ทางเลือกงั้นหรอ?
สมุนไพรกำเนิดเซียนยิ้มเจื่อน มันค่อนข้างมั่นใจ ว่าหากตนไม่เห็นด้วย ซูเฉินไม่มีทางปล่อยมันไปอย่างแน่นอน
นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไม ซูเฉินแม้ดูเหมือนให้ทางเลือกมัน แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่มีทางเลือกอื่นเลย
“เจ้านาย ข้ายินดีติดตามเคียงข้างท่าน”
สมุนไพรกำเนิดเซียนนับว่ามีสมอง ฉลาดไม่เลว
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนมุมปากของซูเฉิน เขาไม่รอช้า ส่งมันไปใน [พื้นที่เพาะปลูก]
เมื่อสมุนไพรกำเนิดเซียนเข้าสู่ [พื้นที่เพาะปลูก] มันสัมผัสได้ถึงพลังงานที่เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา ตะลึงงันนิ่งค้างไป
ซูเฉินแนะนำสมุนไพรกำเนิดเซียนกับต้นผลอายุวัฒนะ คุยกันสั้นๆไม่กี่นาที ก็ปิด [พื้นที่เพาะปลูก]
เนื่องจากเขายังเหลือเวลาอีกครึ่งวันกว่าจะไปถึงเมืองเฟิงหยวน ซูเฉินจึงส่งหัวใจจักรกลที่เขาเพิ่งได้รับมาให้แก่หุ่นเชิดทองคำ พร้อมกำชับว่า “เหล่าตี๋ ข้างในแร่ชิ้นนี้มีหัวใจจักรกลซ่อนอยู่ ที่เหลือขอมอบให้นายจัดการ”
ในถุงเก็บของยังมีหุ่นเชิดระดับเทวะอยู่อีกสองตัว แต่หัวใจจักรกลสามารถฟื้นคืนชีพมันได้แค่ตัวเดียวเท่านั้น
เช่นนั้นแล้วควรจะเลือกตัวใด? หุ่นตัวไหนแข็งแกร่งกว่ากัน? ซูเฉินไม่รู้สักนิด เลยมอบหมายหน้าที่นี้ให้หุ่นเชิดทองคำเป็นคนจัดการด้วยตัวเอง
“ซูเฉิน ขอบใจเจ้ามาก” หุ่นเชิดทองคำกล่าวด้วยความซาบซึ้งใจ
“การช่วยนายก็เหมือนช่วยฉันไปในตัว ไม่จำเป็นต้องเกรงใจกันหรอก” ซูเฉินหัวเราะเบาๆ
หุ่นเชิดทองคำตอนนี้อยู่ฝ่ายเดียวกับเขา การช่วยเสริมแกร่งให้มัน ก็เป็นเรื่องสมควรกระทำแล้ว
…
[รถศึกอัจฉริยะ] เดินทางไปได้แค่ประมาณหนึ่งชั่วโมง แต่แล้วจู่ๆนกสำรวจก็ร้องเตือนขึ้นมา “เจ้านาย! ข้ารู้สึกได้ถึงอันตรายกำลังใกล้เข้ามาหาพวกเรา!”
มีไอ้บ้าที่ไหนคิดมาสร้างปัญหาอีกล่ะทีนี้?
ซูเฉินขมวดคิ้วเล้กน้อย ตั้งแต่เข้ามายังเกาะชิงหยุน เขาสังหารผู้คนมาก็ไม่น้อยแล้ว กำลังรบย่อมถูกเปิดเผย เป็นที่รู้โดยทั่วกันอย่างไม่ต้องสงสัย
ขนาดนี้แล้ว ยังมีไอ้หน้าไหนกล้ามาตอแยอีก?
ปัจจุบันเขากำลังรีบเดินทางไปยังเมืองเฟิงหยวนเพื่อรับตัวสมุนไพรกำเนิดเซียน ไม่อยากจะล่าช้า
ทว่าหากอีกฝ่ายมาเพราะเขาจริงๆ ซูเฉินก็ได้แต่จำใจจัดการพวกมันก่อน
“เสี่ยวจือ สแกนออกไปที” ซูเฉินสั่ง
“เจ้านาย มีระดับเทวะสองคนกำลังโดยสารยานบินมุ่งหน้ามาทางพวกเรา”
[รถศึกอัจฉริยะ] ตอบทันที พร้อมถ่ายโอนภาพขึ้นไปบนหน้าจอ
ระดับเทวะสองคน?
ซูเฉินเลิกคิ้วขึ้น มองไปยังหน้าจอควบคุมส่วนกลาง
ภาพบนหน้าจอเวลานี้ ฉายให้เห็นถึงร่างของชายสองคนอย่างชัดเจน
หนึ่งในนั้นสวมชุดคลุมสีขาว มีกระบี่ยาวห้าเล่มสะพายเป็นทรงพัดอยู่บนหลังเขา ดูจากอายุน่าจะ 30 กว่าๆ
อีกคนหนึ่งเป็นชายชราง่อนแง่น คล้ายอยู่มานานนับปี ทว่าดวงตาทั้งคู่กลับเปล่งประกายระยับไปด้วยจิตวิญญาณ ขณะเดียวกันก็ฉายแววของความโหดเหี้ยม
ซูเฉินไม่เคยเห็นทั้งสองมาก่อน จึงกำลังคาดเดาว่าจะมาหาตนเองจริงๆรึเปล่า
ระหว่างนั้นเอง ฉีมู่เฟิงกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “ซูเฉิน ชายชุดขาวคนนั้นคือหานเจี้ยนฉี เป็นยอดฝีมืออันดับเจ็ดในตระกูลหาน”
เมื่อฉีมู่เสวี่ยและฉีมู่อวี้ได้ยินคำ ‘ตระกูลหาน’ สีหน้าของพวกเธอแปรเปลี่ยนไปทันที
ตระกูลหาน?
ซูเฉินพึมพำ ดวงตาสว่างไสวขึ้นทันใด เอ่ยถามว่า “ฟังจากที่พูด แสดงว่าตระกูลหานก็คือหนึ่งในขุมกำลังใหญ่ที่อาศัยอยู่ในมิติภายนอกใช่ไหม? งั้นหานเจี้ยนฉีคนนี้ก็เป็นพวกต่างเผ่าน่ะสิ”
การสังหารพวกต่างเผ่าสามารถดรอปชิ้นส่วนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้แข็งแกร่งระดับเทวะ ชิ้นส่วนที่ดรอปออกมา อาจมากเกินครั้งละหมื่นชิ้น
คิดถึงเรื่องนี้ หัวใจของซูเฉินเริ่มเต้นแรง
10/10
Ep.866
ฉีมู่เฟิงพยักหน้า “ตระกูลหานมาจากเผ่าพันธุ์อักขระ นับเป็นขุมกำลังใหญ่ในมิติภายนอก ในด้านกำลังรบยังแข็งแกร่งกว่าตระกูลฉีของพวกเราด้วยซ้ำ!”
ได้ยินแบบนั้น สีหน้าของซูเฉินเริ่มหมองลง
ตระกูลฉีมีบรรพชนระดับเทวะขั้น 5 คอยดูแลอยู่ ทว่าตระกูลหานแข็งแกร่งกว่าตระกูลฉี อย่าบอกนะว่าอีกฝ่ายมีระดับเทวะขั้น 6 อยู่?
“พี่ฉี ตระกูลหานมีระดับเทวะขั้น 6 อยู่งั้นหรอ?” ซูเฉินเลียบเคียงถามดู
“เปล่า” ฉีมู่เฟิงส่ายหัว จากนั้นอธิบายว่า “แต่ตระกูลหานมียอดฝีมือระดับเทวะขั้น 5 อยู่ถึงสามคน”
“อื้อหือ”
ซูเฉินค่อยกระจ่าง ระดับเทวะขั้น 5 สามคน กำลังรบแข็งแกร่งกว่าตระกูลฉีมาก
“ซูเฉิน จะเป็นการดีที่สุดถ้าเจ้าไม่ขัดแย้งกับหานเจี้ยนฉี” ฉีมู่เฟิงเตือน
“อ่าฮะ” ซูเฉินมองฉีมู่เฟิง รอให้เขาพูดต่อ
“เพราะแม้ว่าหานเจี้ยนฉีจะมีระดับพลังแค่เทวะขั้น 1 แต่พลังศักดิ์สิทธิ์สายกระบี่ของเขาเหนือกว่าระดับเดียวกันมาก”
“เคยมีข่าวลือว่า หานเจี้ยนฉีเพียงลำพัง สามารถสังหารสัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 2 ไปได้ถึงสามตัวในคราเดียว” ฉีมู่เฟิงอธิบายอย่างช้าๆ
ได้ยินแบบนั้น สีหน้าของฉางไช่หลี่และคนอื่นๆแปรเปลี่ยนไป
“ซูเฉิน ถ้าเป็นไปได้อะไร พวกเราหลีกเลี่ยงเขาเอาไว้ดีกว่า” อู๋หยาจื่อกระซิบเตือน
ในฐานะอดีตระดับเทวะ เขาเคยประมือกับสัตว์ร้ายมิติหลายต่อหลายครั้ง จึงมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความแข็งแกร่งของสัตว์ร้ายมิติ
อาจกล่าวได้เลยว่า สัตว์ร้ายมิติในระดับเดียวกัน แข็งแกร่งยิ่งกว่าผู้ฝึกตนจากหมื่นเผ่าพันธุ์มาก
กระนั้น หานเจี้ยนฉีกลับสามารถสังหารสัตว์ร้ายมิติที่มีระดับสูงกว่า 1 ขั้นได้ถึงสามตัว นี่เพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งที่ไม่มีผู้ใดเทียมเทียบของเขา
ซูเฉินหรี่ตาลง กล่าวอย่างเฉยเมย “ไม่จำเป็น ถ้าหานเจี้ยนฉีกล้าสร้างปัญหา ผมก็จะฆ่ามันไม่คิดละเว้น!”
เนื่องจากเขาได้เลือกเดินบนเส้นทางแห่งความไร้เทียมทาน ฉะนั้นไม่มีวันถอยหนี
หากยอมถอยครั้งหนึ่ง มันอาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อจิตใจ แล้ววันหน้าจะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดได้อย่างไร?
ยังไม่พูดถึงเรื่องที่ว่า ด้วยลูกเล่นมากมายของเขาในปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องเห็นหานเจี้ยนฉีอยู่ในสายตา
เมื่อเห็นว่าซูเฉินตัดสินใจแล้ว อู๋หยาจื่อและคนอื่นๆก็ไม่พูดอะไรอีก
หลังจากนั้น ซูเฉินจึงบอกให้[รถศึกอัจฉริยะ] หยุดรอ เพื่อต้องการดูว่าหานเจี้ยนฉีมาหาเขาจริงๆหรือไม่
สิบนาทีต่อมา หานเจี้ยนฉีและอีกคนก็ขับยานบินมาถึงเบื้องหน้า [รถศึกอัจฉริยะ]
“คนข้างใน ไสหัวออกมาให้เราผู้เฒ่า!”
ชายชราง่อนแง่นก้าวลงจากยานบิน ตะโกนเสียงดัง
“มาหาฉันจริงๆด้วย”
ซูเฉินเบ้ปาก เปิดประตูรถ ก้าวลงไปอย่างช้าๆ
ฉีมู่เฟิงไม่ลังเลแม้แต่น้อย เดินตามหลังซูเฉินไปติดๆ อู๋หยาจื่อและคนอื่นๆก็เช่นเดียวกัน
“มาหาฉันมีเรื่องอะไร?” ซูเฉินกวาดตามองชายชราง่อนแง่น เอ่ยอย่างใจเย็น
“เจ้าสังหารหมู่คนในใตระกูลจื่อของข้า! ยังไม่รู้อีกหรือว่าข้ามาหาเจ้าเรื่องอะไร?”
ชายชราใบหน้ามืดครึ้มราวกับหนองน้ำ แค่นเสียงเย็นชา
“ที่แท้แกก็คือบรรพชนของตระกูลจื่อนี่เอง”
ซูเฉินกระจ่างทันใด ถามกลับไปว่า “แล้วแกคิดจะทำยังไงต่อ?”
“จงปลิดชีพตัวเองเสีย แล้วข้าจะยอมทิ้งศพไว้ให้เจ้า!” บรรพชนตระกูลจื่อตวาดเดือดดาล
ได้ยินแบบนั้น ใบหน้าของอู๋หยาจื่อและคนอื่นๆแสดงท่าทีเย้ยหยัน
อีกฝ่ายคือระดับเทวะธรรมดา กล้าดียังไงมาพูดแบบนี้กับซูเฉิน? ช่างไม่รู้จักที่ตาย!
ซูเฉินไม่โกรธ มุมปากเขากลับผุดรอยยิ้มหยอกล้อออกมา “ให้ปลิดชีพตัวเองคงทำไม่ได้ ทำไมแกไม่ลองมาลงมือเองล่ะ?”
“เช่นนั้นเราผู้เฒ่าจะทำให้เจ้าสมปรารถนา!”
บรรพชนตระกูลจื่อโกรธมาก แต่ขณะที่เขากำลังจะเคลื่อนไหว ก็ถูกหานเจี้ยนข้างๆขวางเอาไว้
“ไม่ต้องรีบร้อน” หานเจี้ยนฉีขยิบตาให้บรรพชนตระกูลจื่อ หันมาพูดกับฉีมู่เฟิงว่า “ตระกูลฉีของพวกเจ้าคิดจะเข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนี้ด้วยหรือไม่?”