ระบบทักษะพลิกชีวิต - ตอนที่ 29 เซี่ยเฉียง
ตอนที่ 29 เซี่ยเฉียง
ภายในร้านสปาจักรพรรดิบนชั้นเจ็ดของโรงแรมไคซินเยี่วย…
เกิดเสียงอึกทึกคึกโครมดังอยู่ภายในห้องโถง
“เธอทำเสื้อผ้าของพี่สามเลอะเทอะขนาดนี้ คิดว่าแค่ขอโทษแล้วจะจบรึไง? ฉันขอบอกไว้เลยว่า ถ้าเธอไม่ออกไปเคลียร์เรื่องนี้กับพวกเราข้างนอก เรื่องไม่จบง่ายๆแน่!”
นักเลงหัวไม้คนหนึ่งร้องตะโกนเสียงดังอยู่ในร้านอย่างไม่เกรงกลัวใคร
“ฉันขอโทษนะคะ! ได้โปรดยกโทษให้ฉันด้วย ฉันผิดไปแล้วค่ะ!”
เด็กสาวที่ดูเหมือนจะเป็นคนกระทำผิด ได้แต่ก้มหน้าโค้งคำนับของโทษกลุ่มอันธพาล ด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตา
“คุณลูกค้าครับ กรุณาสงบสติอารมณ์ก่อน อย่าเพิ่งโมโหไปเลยนะครับ!”
เวลานั้น ผู้จัดการร้านก็รีบเดินเข้ามาพูดจาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เพื่อหวังคลี่คลายสถานการณ์ที่ตึงเครียดนี้ให้คลายลง
“สงบสติอารมณ์พ่อแกรึไง? วันนี้ฉันเซี่ยเฉิงไม่รับคำขอโทษโว้ย! แล้วก็จะไม่ยอมอภัยให้นังนั่นด้วย! เว้นแต่ว่าจะยอมให้ฉันพานังเด็กนั่นไปเคลียร์กันส่วนตัวข้างนอก”
จากนั้น ผู้ชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นลูกพี่ของกลุ่มอันธพาล ก็ได้เดินออกมาคว้าข้อมือของเด็กสาวคนนั้นไว้ และพยายามที่จะลากเธอออกไปนอกร้านให้ได้
“คุณลูกค้าที่เคารพครับ ที่นี่เป็นร้านสปาจักรพรรดิของทางโรงแรมนะครับ จู่ๆคุณใช้อำนาจเข้ามาจับตัวพนักงานของเราไปแบบนี้ ไม่ทราบว่าไม่กลัวเจ้านายของเราบ้างเหรอครับ?”
หลังจากที่เห็นว่าเซี่ยเฉิงไม่แม้แต่จะเห็นแก่หน้าตัวเอง ผู้จัดการร้นจึงได้แต่ต้องอ้างชื่อเจ้านายของตนเองแทน และเวลานี้สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยวบ่งบอกถึงความไม่พอใจเช่นกัน
“หึ! นี่แกหมายถึงผู้จัดการซูน่ะเหรอ? ถ้ามีปัญญาก็โทรเรียกซูไป๋มาจัดการด้วยตัวเองเลยสิ!” เซี่ยเฉิงตอบโต้กลับไปอย่างไม่เกรงกลัว
ผู้จัดการร้านถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น และเมื่อเห็นว่า ตนเองคงจะไม่สามารถแก้ปัญหาครั้งนี้ด้วยตัวเองได้แน่แล้ว จึงได้แต่ล้วงโทรศัพท์ออกมาโทรหาซูไป๋ผู้จัดการโรงแรมที่กำลังเล่นไพ่อยู่ชั้นสาม
ในขณะเดียวกันนั้น เซี่ยเฉิงเองก็ล้วงโทรศัพท์ออกมาโทรหาใครบางคนเช่นกัน “พี่.. นี่ฉันเองนะ! ตอนนี้ฉันอยู่ที่ร้านสปาจักรพรรดิ ชั้นเจ็ดโรงแรมไคซินเยี่วย ผู้จัดการร้านที่นี่ไม่ยอมให้ฉันพาคนออกไป ใช่แล้วพี่! ซูไป๋เป็นผู้จัดการอยู่ที่โรงแรมนี้!”
จากนั้นไม่นานนัก ผู้ชายรูปร่างสูงผอมคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาผู้จัดการร้านสปา เขาปรายตามองไปทางเซี่ยเฉิงและลูกน้องเล็กน้อย ก่อนจะหันไปถามผู้จัดการร้านว่า
“วันนี้มือไม่ขึ้นเสียไปมาก! ยังต้องมามีเรื่องบ้าๆบอๆอะไรแบบนี้อีก หึ! คิดไม่ถึงว่าจะมีพวกบ้าดีเดือดกล้ามาหาเรื่องในโรงแรมนี้! ไหนเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฉันฟังซิ?”
ผู้จัดการร้านจึงได้เริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ซูไป๋ฟังทันที
ปรากฏว่า เซี่ยเฉิงพยายามที่จะลวนลามถิงถิงอยู่ตลอดเวลา และยังพยายามจะให้เธอไปนวดแบบอื่นให้ได้ แต่ถิงถิงปฏิเสธอยู่หลายครั้ง ในที่สุดเซี่ยเฉิงไม่ยอมก็เลยพยายามที่จะใช้กำลังกับเธอ
ด้วยความตกใจ ถิงถิงก็เลยคว้าแก้วชาที่อยู่บนโต๊ะสาดเข้าใส่ร่างของเซี่ยเฉิงเข้า ทำให้เซี่ยเฉิงไม่พอใจ และพยายามที่จะลากตัวถิงถิงออกไปเคลียร์นอกร้าน
ซูไป๋ฟังแล้วก็ได้แต่พยักหน้าอย่างเข้าใจ จากนั้นจึงหันไปพูดกับเซี่ยเฉิงว่า
“ฉันมีทางเลือกให้พวกแกสองทาง ทางแรก.. จะออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด หรือจะให้ฉันจับหักขาแล้วโยนพวกแกออกไปแทน..”
“ฮ่าๆๆ ได้ยินกันมั๊ยว่าหมอนี่พูดอะไร? น่าขำชะมัดเลยว่ะ มันบอกจะจับพวกเราหักขาโว้ย! นี่พี่เฉิง ฉันไม่เคยได้ยินอะไรตลกแบบนี้มาก่อนเลยจริงๆ!”
ลูกน้องที่ยืนอยู่ด้านหลังของเซี่ยเฉิงร้องตะโกนออกมา พร้อมกับหัวเราะเสียงดังราวกับกำลังฟังเรื่องเล่าที่ตลกที่สุด
“พี่เฉิง ฉันว่านะผู้จัดการซูน่าจะยังไม่รู้ว่าพี่เป็นใครแน่? แล้วก็คงยังไม่รู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังพี่มีอำนาจขนาดไหน?” ลูกน้องอีกคนของเซี่ยเฉิงเป็นฝ่ายพูดขึ้นบ้าง
“นี่คุณผู้จัดการซู ฟังให้ดีนะ! พี่เฉิงลูกพี่ของพวกเรา เป็นน้องชายแท้ๆของพี่เฉียง แล้วพี่เฉียงก็เป็นคนสนิทของคุณชายฉู่ยังไงล่ะ!”
และเมื่อซูไป๋ได้ยินชื่อของเซี่ยเฉียงเข้า เข้าก็ถึงกับนิ่งไปพร้อมกับขมวดคิ้วเข้าหากันทันที!
เซี่ยเฉิงและลูกน้องของมันเห็นภาพนี้เข้า ต่างก็ยิ่งมั่นใจว่า เซี่ยเฉียงนั้นมีอำนาจอิทธิพลมากแค่ไหน เพราะเพียงแค่ได้ยินชื่อ ซูไป๋ก็ถึงกับนิ่งอึ้งไปทันที
“ว่ายังไงไอ้คนแซ่ซู? ถ้าไม่อยากเดือดร้อนก็ปล่อยยัยเด็กนั่นไปกับพวกเราซะ ไม่อย่างนั้น ถ้าพี่ชายของฉันมาถึงที่นี่ด้วยตัวเอง แกคงจะต้องเสียหน้ามากกว่านี้แน่!”
เซี่ยเฉิงยกมือขึ้นชี้หน้าซูไป๋ พร้อมกับร้องตะโกนข่มขู่
ซูไป๋เริ่มขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น แต่ไม่ใช่เพราะหวาดกลัวเซี่ยเฉียง แต่เขาหวาดกลัวคุณชายฉู่ หรือฉู่ฮ่าวเทียนต่างหาก!
ในกลุ่มนักเทียววัยรุ่น มีใครบ้างที่ไม่รู้จักคุณชายแซ่ฉู่คนนี้บ้าง?
ส่วนเซี่ยเฉียงชายหัวโล้นนั้น เขาเองก็รู้ดีว่า เป็นหนึ่งในสองลูกน้องคนสนิทของฉู่ฮ่าวเทียน ซึ่งอีกคนดูเหมือนจะชื่อว่าซูเหล่าซาน!
แต่กิริยาที่ไร้มารยาทของเซี่ยเฉิงและลูกน้อง ก็ทำให้สีหน้าของซูไป๋เปลี่ยนเป็นเย็นชายิ่งกว่าเดิมเช่นกัน พร้อมกับร้องตะโกนตอบกลับไปว่า
“หึ! วันนี้ต่อให้เซี่ยเฉียงมาเอง เขาก็ต้องมีคำอธิบายให้ฉันเหมือนกัน! ฉันว่าแกต่างหากต้องใคร่ครวญดูใหม่ว่า จะสามารถก้าวออกไปจากประตูนี้ได้มั๊ย?”
หลังจากที่ซูไป๋พูดจบ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยราวสิบกว่าคน ก็ได้กรูกันเข้าล้อมเซี่ยเฉิงกับลูกน้องไว้ เป็นการประกาศว่า เขาเองก็พร้อมที่จะมีเรื่องเหมือนกัน
“ได้เลยไอ้คนแซ่ซู! รอให้พี่ชายของฉันมาถึงที่นี่ก่อน ฉันเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า ถึงตอนนั้นแกยังจะกล้าโอหังแบบนี้อีกรึเปล่า?! ถึงตอนนั้น ฉันนี่ล่ะจะจัดการซ้อมให้แกต้องร้องหาพ่อหาแม่เลยล่ะ!”
เซี่ยเฉิงหันไปมองเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสิบกว่าคนที่รายล้อมตัวเองอยู่ พร้อมกับยกมือขึ้นชี้หน้าด่าซูไป๋อย่างไม่เกรงกลัว!
“ก็ถ้าแกมีความสามารถก็ลองดู! แต่ตอนนี้ดูสิว่า ฉันจะจัดการซ้อมแกจนร้องหาพ่อหาแม่ก่อนมั๊ย?”
หลังจากพูดจบ ซูไป๋ก็ยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งหมด จัดการกับเซี่ยเฉิงและลูกน้องของมันทันที
แต่ในระหว่างนั้น เสียงร้องคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวก็ดังลั่นขึ้นมาจากด้านนอกเสียก่อน!
“มีอะไรอีกล่ะไอ้น้องเวร? วันนี้มันเป็นวันซวยอะไรของฉันนักหนา ฉันเพิ่งจะออกมาจากโรงพยาบาล แกก็โทรหาฉันไม่หยุด!”
ชายหัวโล้นเดินตรงเข้ามาในร้าน พร้อมกับยกมือขึ้นตบศรีษะของเซี่ยเฉิงด้วยความโมโห ด้านหลังของเขามีชายสักลายตามเนื้อตัวเดินตามมาอีกแปดเก้าคน และเกือบจะทุกคนที่รอยแผลเป็นตามร่างกาย และนั่นยิ่งทำให้พวกมันดูดุร้ายน่าสะพรึงกลัวมากขึ้น!
“พี่ใหญ่มาได้แล้วเหรอ? ก็ไอ้คนแซ่ซูนี่น่ะสิที่มันหาเรื่องฉัน ว่าแต่.. นี่แขนพี่ไปโดนอะไรมา?”
ต่อหน้าเซี่ยเฉียงผู้เป็นพี่ชาย เซี่ยเฉิงดูเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนเลยทีเดียว
“สวัสดีครับพี่เฉียง!”
ทันทีที่เซี่ยเฉียงเดินเข้ามา ลูกน้องของเซี่ยเฉิงรีบร้องตะโกนทักทายด้วยท่าทางสุภาพนอบน้อม เซี่ยเฉียงเพียงแค่พยักหน้ารับรู้เท่านั้น แล้วจึงหันไปพูดกับน้องชายของตนเองต่อ
“เพิ่งได้รับบาดเจ็บคืนนี้เอง! ฉันไปหาหมอที่โรงพยาบาลมาแล้ว ไอ้เวรเอ๊ย! หมอบอกต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนกว่าจะหายเป็นปกติ! ซวยชิบหาย!”
หลังจากนั้น เซี่ยเฉียงก็หันไปทางซูไป๋พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“โอ้! ที่แท้ก็ผู้จัดการซูเองเหรอ? ว่าแต่น้องชายของฉันแค่จะมานวดหน่อย ทำไมถึงได้ปฏิบัติกับเขาแบบนี้ล่ะผู้จัดการซู? นี่ไม่เห็นแก่หน้าฉันบ้างเลยรึไง?”
แม้ว่าเซียเฉียงจะมีผ้าพันแผลพันอยู่เต็มแขน แต่ก็ยังมีรังสีสังการแผ่ซ่านออกมาให้สัมผัสได้ เขาดูไม่เหมือนคนป่วยเลยแม้แต่น้อย!
“หึ.. ฉันเองก็บอกน้องชายของนายแล้วว่าให้รีบกลับไปซะ อย่ามามีเรื่องที่นี่ แต่น้องชายของแกกลับยืนกรานจะพาเด็กในร้านออกไปให้ได้ แล้วถ้าฉันปล่อยให้น้องชายของนายทำแบบนั้น ถ้าเรื่องนี้หลุดรอดออกไปถึงหูคนข้างนอก ฉันซูไป๋จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? ฉันไม่ต้องเอาปี๊บคลุมหัวเดินในจี่หนิงรึไง?”
“ถุย! ไอ้แก่! ฉันไม่สนใจหรอกนะว่าแกจะเอาปี๊บคลุมหัวเดินรึเปล่า แต่วันนี้ น้องชายของฉันจะพาเด็กในร้านออกไป ใครก็ห้ามไม่ได้! ถ้าใครกล้าห้าม ก็เท่ากับต้องการมีเรื่องกับฉันเซี่ยเฉียง!”
ความจริงแล้วซูไป๋ไม่ได้กลัวเซี่ยเฉียงเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่ถ้าเขาไปมีเรื่องกับเซี่ยเฉียงเข้า จะกลายเป็นไปมีเรื่องกับฉู่ฮ่าวเทียนเข้าน่ะสิ! แล้วเมื่อถึงตอนนั้น เขาจะสามารถแบกรับการแก้แค้นจากคุณชายฉู่คนนี้ได้ยังไง?
แล้วถ้าเขากล้าไปมีเรื่องกับคุณชายฉู่เข้าจริงๆแล้วล่ะก็ เขาคงไม่มีโอกาสได้เดินในจี่หนิงอีกแน่!
ขอเพียงแค่ฉู่ฮ่าวเทียนเอ่ยปาก ก็คงคนพร้อมที่จะช่วยเขามากมาย เผลอๆ อย่าว่าแต่จะไม่มีที่ยืนในจี่หนิงเลย อาจะได้ไม่ได้ออกจากจี่หนิงอย่างมีลมหายใจด้วยซ้ำไป!
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกันอาเฉียง! บิลของน้องนายทั้งหมดในวันนี้ ฉันจะจัดการให้เอง แล้วจะแถมเงินให้อีกห้าหมื่นหยวนด้วย แล้วต่างฝ่ายต่างก็แยกย้าย!”
“ดูท่านายจะไม่เข้าใจภาษาคนสินะ? ฉันบอกยังไงก็ตามนั้น ไม่ต่อรองโว้ย!” เซี่ยเฉียงร้องตะโกนตอบกลับไปอย่างอารมณ์เสีย
ในเวลานั้นเอง เซี่ยเฉิงก็ได้หันไปสั่งลูกน้องของมันที่อยู่ข้างๆว่า “แกยังจะยืนเฉยอยู่ทำไมอีกห๊ะ? รีบๆไปจับนังเด็กนั่นมาให้ฉันเร็วเข้า!”
จากนั้น ลูกน้องของเซี่ยเฉิงทั้งสองคนก็ได้เดินตรงเข้าไปหาเด็กสาวที่ชื่อถิงถิงทันที
“ไม่นะ! ฉันไม่ไป!”
ถิงถิงร้องตะโกนออกมาเสียงดัง เธอรู้ดีว่าถ้าถูกพวกมันลากตัวออกไปด้วยได้ ชะตากรรมของเธอจะต้องเลวร้ายมากอย่างแน่นอน เธอจึงได้พยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอดด้วยการร้องตะโกนเสียงดัง พร้อมกับวิ่งหนีไปทันที
ถิงถิงวิ่งไปถึงหน้าประตูห้องที่เย่โม่กับหวังยู่หยางอยู่พอดี เธอจึงรีบเปิดประตูวิ่งตรงเข้าไปด้านในโดยไม่สนใจอย่างอื่น
--------------------------
ติดตามนิยายแปลสนุกๆอีกหลายเรื่องได้ที่เพจ : แปลสนุก