ตอนที่แล้วบทที่ 6: วิธีเอาชนะการอ่านใจ!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 8: ข้าวโพดที่ยาวและใหญ่มาก

บทที่ 7: นายเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูร!


วันที่ 24 สิงหาคม 2020 เวลา 09.00 น.

สิ่งแรกที่เจียงเหอทำเมื่อเขาตื่นขึ้นคือวิ่งไปที่ลานเพื่อดูข้าวโพด

ต้นข้าวโพด 28 ต้น  เรียงแถวกันเป็นระเบียบเรียบร้อยซึ่งสูงกว่าสองเมตร  มีฝักข้าวโพดขนาดใหญ่หนาสามฝักห้อยอยู่บนแต่ละต้น

[ติ๊ง!]

[ฟาร์มพอยท์ +1]

เจียงเหอเด็ดฝักข้าวโพดและลอกเปลือกออกก็พบว่าเมล็ดข้าวโพดข้างในใสเป็นผลึก  เขาลองบีบมันดูก็ได้มีของเหลวอันมีกลิ่นหอมหวานเตะจมูกแตกกระจายออกมาราดเต็มใบหน้า

"สุดยอด!"

“ข้าวโพดฝักนี้ใหญ่เป็นสองเท่าของข้าวโพดปกติไม่พอ  แต่ละต้นยังมีต้นละสามฝัก  ผลผลิตเพียงอย่างเดียวนั้นสูงกว่ามาก”

โดยปกติแล้วต้นข้าวโพดจะให้ผลผลิตต้นละไม่เกิน 2 ฝัก

และในสองฝักนั้น  ฝักหนึ่งจะสมบูรณ์  แต่อีกฝันจะแคระแกร็นเพราะขาดสารอาหาร  และอาจถึงกับไม่มีเมล็ดข้าวโพดในฝักเลย

นอกจากนี้  ข้าวโพดมักจะไม่มีกลิ่นหวานถ้าไม่ปรุงให้สุกเสียก่อน  ในทางกลับกัน  ข้าวโพดที่เจียงเหอปลูกไว้นั้นมีกลิ่นหอมหวานก่อนที่มันจะถูกปรุงให้สุก—แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเอามันไปปรุงสุกแล้ว?

เจียงเหอจ้องไปที่ข้าวโพดประมาณวิหนึ่ง

[ข้าวโพด]

[คุณสมบัติ: ข้าวโพดแท่งยาวและใหญ่มาก]

เจียงเหอ: “???”

'ไอ้ระบบลามก!'

“อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าข้าวโพดที่ปลูกจากเมล็ดปกติจะไม่มีเอฟเฟกต์พิเศษ… ถึงกระนั้นข้าวโพดยังช่วยเพิ่มการเผาผลาญสารอาหาร  ลดคอเลสเตอรอลและลดระดับน้ำตาลในเลือด  บางทีข้าวโพดที่ปลูกที่นี่อาจจะได้ผลเช่นกันแต่ดีกว่า”

เจียงเหอจึงเด็ดฝักข้าวโพดออกทีละอัน

“เก็บไว้เองสักสองอัน”

“เอ๊ะ?  ทำไมต้นข้าวโพดถึงไม่เป็นเถ้าถ่าน?”

“เป็นเพราะพวกมันเกิดจากเมล็ดธรรมดาหรือ?”

ต่อมาเจียงเหอตัดสินใจว่าจะหั่นข้าวโพดสองฝักของตัวเองออกเป็นสี่ส่วน

เขาไม่มีทางเลือกเพราะมันยาวและใหญ่เกินไป  และถ้าไม่หั่นให้เล็กลงมันจะใส่ลงหม้อไม่ได้

หลังจากที่เขาต้มข้าวโพดเสร็จแล้ว  เขาจึงมองหาเคียวและตัดต้นข้าวโพด  รวบและมัดรวมกันก่อนที่จะวางกองลงบนพื้นที่สีเขียวนอกสวน

เนื่องจากมีชาวบ้านที่เลี้ยงแกะอยู่  ผู้คนจึงมักจะนำอาหารส่วนเกินออกไปนอกบ้านเพื่อให้เจ้าของแกะสามารถรวบรวมและใช้เป็นอาหารสัตว์ได้

ทว่า  ขณะที่เขาวางกองข้าวโพดลงร่างที่งดงามก็เข้ามาใกล้แถมตะโกนเรียกเขามาจากระยะไกล “เจียงเหอ…”

เจียงเหอทำหน้าบึ้งทันทีปล่อยให้ความคิดของเขาพรั่งพรูบ้าคลั่ง  โดยจินตนาการถึงฉากที่ไม่เหมาะสมกับเด็ก  ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ควรควบคุมดูแลและให้คำแนะนำ

“…”

หวางซืออวี่หน้าแดงทันที  เธอรีบถอนตัวจากความคิดของเขาและถ่มน้ำลาย “ถุ้ย! ไอ้คนไร้ยางอาย!”

“ฉันไร้ยางอายสินะ”

เจียงเหอพูดสวนอย่างจริงจังว่า “หวางซืออวี่เธอมาที่นี่เพื่อจะมาด่าฉันต่อเพราะเมื่อวานเธอด่าฉันอย่างไร้เหตุผลแล้วยังไม่หนำใจงั้นเหรอ?  ที่ฉันปฏิเสธเธอไปเมื่อหลายปีก่อนเพราะเธอกำลังจะสอบเข้าม.ปลาย  ฉันไม่ต้องการให้มันไปกระทบต่อการเรียนของเธอ  เพราะงั้นเธอไม่จำเป็นต้องเอามาเป็นเดือดเป็นแค้นยาวนานขนาดนี้ก็ได้  โอเค้?”

"นาย!"

หวางซืออวี่กัดฟันกรอด

แต่ทันใดนั้นเอง  หัวใจสาวน้อยของเธอก็แต้นแรง

เจียงเหอน่ะรูปหล่อมาก

ผิวของเขาค่อนข้างดำคล้ำเพราะเขาทำงานที่ฟาร์มตั้งแต่ยังเด็ก  แต่มันก็ทำให้ดูดีและมีบรรยากาศของผู้ชายที่เป็นโล้เป็นพายพึ่งพาได้—ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุนี้หวางซืออวี่คงจะไม่สารภาพความรู้สึกของเธอกับเขาเป็นแน่

เมื่อเธอได้ยินสิ่งที่เขาพูดแล้ว  จิตใจของเธอก็เกิดอาการหวั่นไหวในทันที

“นี่...  เขาพึ่งอธิบายว่าทำไมเขาถึงทิ้งฉันงั้นเหรอ?”

“ที่เขาทำไปก็เพื่อตัวฉันเอง… ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่ชอบฉัน!”

“ละ... แล้วถ้าฉันสารภาพอีกครั้งล่ะ… ถุย  ถุย  ถุย!  กับไอ้คนจิตใจสกปรกแบบนี้เนี่ยนะ!”

“ตะ… แต่บางทีเขาอาจมีความรู้สึกแบบนั้นกับฉัน… นี่อาจเป็นสาเหตุที่เขาจินตนาการถึงแต่เรื่องแบบนั้นกับฉันก็ได้”

เมื่อหวางซืออวี่เงยหน้าขึ้นมอง  เจียงเหอก็ได้กลับเข้าบ้านไปแล้ว

เธอเดินตามเขาเข้าไปข้างใน  และพบเอ้อเหลิงจื่อที่นอนอยู่กลางสนามในทันที  แถมแลดูจะกำลังหลับสบายเลยเชียว

“เอ้อเหลิงจื่อ!”

ใบหน้าของหวางซืออวี่เปลี่ยนเป็นเข้มงวดขณะที่เธอตะโกนว่า “ไอ้หมาป่าตาขาว!  เอ็งมาทำอะไรที่นี่ทำไมไม่อยู่บ้าน!”

'ใครคือเอ้อเหลิงจื่อ'

เจียงเหอหันกลับมาโดยไม่พูดอะไรนอกจากคิด 'มันเป็นหมาของฉัน  เราดูแลซึ่งกันและกันหลังจากคุณปู่เสียชีวิต  แต่มันก็คล้ายกับเอ้อเหลิงจื่อของเธอนิดหน่อยจริง ๆ นั้นแหล่ะ'

"จริงเหรอ?"

คราวนี้ถึงตาหวางซืออวี่ต้องตกตะลึงบ้างแล้ว—เธอกำลังอ่านใจของเจียงเหออีกครั้ง  และเธอก็ตระหนักได้ว่าเขาไม่ได้โกหก

"ไม่สิ!"

“จิตใต้สำนึกของเขาเปิดเผยออกมาเมื่อวานนี้ว่าเอ้อเหลิงจื่ออยู่ที่บ้านของเขา!”

อย่างไรก็แล้วแต่  เธอเดินไปหาเจ้าหมาและพิจารณาเจ้าตัวที่กำลังหลับสนิทนี้อย่างถี่ถ้วน

‘ขนสีดำของเจ้าหมาตัวนี้เรียบและเป็นมันเงา  ในทางกลับกันเอ้อเหลิงจื่อของเธอมีอายุมากกว่าแปดปีแล้ว  ขนของมันก็แห้ง  และตัวมันเองก็มีสัญญาณของแก่ความชรา  ยิ่งกว่านั้นหมาล่าเนื้อที่อยู่ตรงหน้านี้ตัวใหญ่กว่าเอ้อเหลิงจื่อเล็กน้อย’

“ไม่ใช่เอ้อเหลิงจื่อจริงๆเหรอ?”

"เกิดอะไรขึ้นกันแน่?"

หวางซืออวี่ใช้การอ่านใจกับเอ้อเหลิงจื่อโดยไม่รู้ตัว

“ตูไม่ใช่เอ้อเหลิงจื่อ  ตูไม่ใช่เอ้อเหลิงจื่อนาเว้ย  ตูไม่ใช่เอ้อเหลิงจื่อจริง ๆ นา… ตูตายไปแล้ว  ตูตายไปแล้วเด้อ  หล่อนจงจำตูม่ายด้าย…”

หวางซืออวี่เหมือนถูกฟ้าผ่าเมื่อคลื่นความคิดของมันเข้ามาให้เธอรับรู้  เธอผงะถอยหลังไปสามก้าว  แล้วกางแขนขึ้นมาบังเจียงเหอไว้ข้างหลังขณะที่เธอพึมพำอย่างเงียบ ๆ “แย่แล้ว  เจียงเหอ… เราต้องรีบหนี  หมาตัวนี้กำลังวิวัฒนาการ!”

เจียงเหอตกตะลึง

ปฏิกิริยาของหวางซืออวี่กระตุ้นให้เขาเกิดความประทับใจอยู่เล็กน้อย  และหัวใจเจ้ากรรมของเขาก็ดันเต้นแรงเสียอย่างนั้น

“จริง ๆ ด้วย!  ผู้หญิงคนนี้รู้อะไรบางอย่าง!”

“หล่อนสามารถอ่านใจได้และรู้เรื่องวิวัฒนาการ… เดี๋ยวก่อน  แล้วหล่อนรู้ได้ไงว่าเอ้อเหลิงจื่อมีวิวัฒนาการ?”

เขาจ้องมองเอ้อเหลิงจื่อซึ่งยังคงแสร้งทำเป็นนอนหลับอยู่บนพื้นแล้วดุว่า “เอาล่ะ  เอ็งเลิกแล้งตายได้แล้ว  จะไปไหนก็ไปเลยไป๊!”

โฮ่ง!

เอ้อเหลิงจื่อกระโดดขึ้นยืน  ทำหน้าเหยียดหยามเหมือนคนแล้วเหล่มองไปที่เจียงเหอ

'เห็นมะ? การแสดงของตูช่างยอดเยี่ยมเกินไป  หวางซืออวี่จำตูไม่ได้จริง ๆ ด้วยนาเว้ย’

มันเชิดหน้าหยิ่งผยองพองขนแล้วกระโจนเข้าไปเล่นในสวน

หวางซืออวี่ฟื้นตัวได้สติและเธอก็หันไปหาเจียงเหอด้วยใบหน้าที่ดูจริงจัง

“ลางสังหรณ์ของฉันถูกต้อง  เจียงเหอนายเป็นผู้ปลุกพลัง… ความสามารถของนายคือการฝึกสัตว์อสูรใช่ไหม? ไม่มีทางที่เอ้อเหลิงจื่อจะเชื่อฟังนายหลังจากมันวิวัฒนาการไปแล้ว”

“เพราะว่าเมื่อเอ้อเหลิงจื่อมีวิวัฒนาการมันจะต้องดุร้ายมาก ๆ  และไม่ควรได้รับอนุญาตให้อยู่ในหมู่บ้านอีกต่อไป”

“เหล่าสัตว์ที่วิวัฒนาการแล้วนั้นล้วนอันตราย  และความดุร้ายของพวกมันก็เพิ่มขึ้นตามการวิวัฒนาการ  ฉันต้องแจ้งทีมของฉันให้นำตัวมันไปเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อหมู่บ้าน  และก่อให้เกิดความตื่นตระหนกโดยไม่จำเป็น”

เจียงเหอ: “…”

"อะไร?

"ความสามารถ?”

“ฝึกสัตว์อสูร?”

เจียงเหอหันไปหาเอ้อเหลิงจื่อที่กำลังขุดหลุมอยู่ในสวนพลางครุ่นคิด

ไอ้หมาตัวนี่มันก็แค่ตะกละ  ก็เลยทิ้งนายเก่าแล้วมาเลือกนายใหม่แถมยังติดหนึบเป็นเจ้ากรรมนายเวรเท่านั้นเองไม่ใช่เหรอ?

ส่วนเรื่องความสามารถพิเศษน่ะหรือ?

อีแบบนี้  ถ้าฉวยโอกาสนี้อุปโลกความสามารถพิเศษมาหลอกลวงหวางซืออวี่  ก็อาจจะสามารถหาข้อมูลอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ด้วย

ทันใดนั้นเจียงเหอก็ตระหนักได้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับหมารองหลี่

"ไม่ใช่สิหวางซืออวี่ต้องเป็นคนจากองค์กรลับของประเทศ  หล่อนจะลักพาตัวตูและใช้ตูเป็นหนูทดลองไหมวะ? หรือตูควรจะฆ่าปิดปากดี? ไม่เว้ยทำไม่ได้จริง ๆ หรือบางที...”

“ลองเกลี้ยกล่อมดูหน่อยดีไหม”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด