บทที่ 7: นายเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูร!
วันที่ 24 สิงหาคม 2020 เวลา 09.00 น.
สิ่งแรกที่เจียงเหอทำเมื่อเขาตื่นขึ้นคือวิ่งไปที่ลานเพื่อดูข้าวโพด
ต้นข้าวโพด 28 ต้น เรียงแถวกันเป็นระเบียบเรียบร้อยซึ่งสูงกว่าสองเมตร มีฝักข้าวโพดขนาดใหญ่หนาสามฝักห้อยอยู่บนแต่ละต้น
[ติ๊ง!]
[ฟาร์มพอยท์ +1]
เจียงเหอเด็ดฝักข้าวโพดและลอกเปลือกออกก็พบว่าเมล็ดข้าวโพดข้างในใสเป็นผลึก เขาลองบีบมันดูก็ได้มีของเหลวอันมีกลิ่นหอมหวานเตะจมูกแตกกระจายออกมาราดเต็มใบหน้า
"สุดยอด!"
“ข้าวโพดฝักนี้ใหญ่เป็นสองเท่าของข้าวโพดปกติไม่พอ แต่ละต้นยังมีต้นละสามฝัก ผลผลิตเพียงอย่างเดียวนั้นสูงกว่ามาก”
โดยปกติแล้วต้นข้าวโพดจะให้ผลผลิตต้นละไม่เกิน 2 ฝัก
และในสองฝักนั้น ฝักหนึ่งจะสมบูรณ์ แต่อีกฝันจะแคระแกร็นเพราะขาดสารอาหาร และอาจถึงกับไม่มีเมล็ดข้าวโพดในฝักเลย
นอกจากนี้ ข้าวโพดมักจะไม่มีกลิ่นหวานถ้าไม่ปรุงให้สุกเสียก่อน ในทางกลับกัน ข้าวโพดที่เจียงเหอปลูกไว้นั้นมีกลิ่นหอมหวานก่อนที่มันจะถูกปรุงให้สุก—แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเอามันไปปรุงสุกแล้ว?
เจียงเหอจ้องไปที่ข้าวโพดประมาณวิหนึ่ง
[ข้าวโพด]
[คุณสมบัติ: ข้าวโพดแท่งยาวและใหญ่มาก]
เจียงเหอ: “???”
'ไอ้ระบบลามก!'
“อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าข้าวโพดที่ปลูกจากเมล็ดปกติจะไม่มีเอฟเฟกต์พิเศษ… ถึงกระนั้นข้าวโพดยังช่วยเพิ่มการเผาผลาญสารอาหาร ลดคอเลสเตอรอลและลดระดับน้ำตาลในเลือด บางทีข้าวโพดที่ปลูกที่นี่อาจจะได้ผลเช่นกันแต่ดีกว่า”
เจียงเหอจึงเด็ดฝักข้าวโพดออกทีละอัน
“เก็บไว้เองสักสองอัน”
“เอ๊ะ? ทำไมต้นข้าวโพดถึงไม่เป็นเถ้าถ่าน?”
“เป็นเพราะพวกมันเกิดจากเมล็ดธรรมดาหรือ?”
ต่อมาเจียงเหอตัดสินใจว่าจะหั่นข้าวโพดสองฝักของตัวเองออกเป็นสี่ส่วน
เขาไม่มีทางเลือกเพราะมันยาวและใหญ่เกินไป และถ้าไม่หั่นให้เล็กลงมันจะใส่ลงหม้อไม่ได้
หลังจากที่เขาต้มข้าวโพดเสร็จแล้ว เขาจึงมองหาเคียวและตัดต้นข้าวโพด รวบและมัดรวมกันก่อนที่จะวางกองลงบนพื้นที่สีเขียวนอกสวน
เนื่องจากมีชาวบ้านที่เลี้ยงแกะอยู่ ผู้คนจึงมักจะนำอาหารส่วนเกินออกไปนอกบ้านเพื่อให้เจ้าของแกะสามารถรวบรวมและใช้เป็นอาหารสัตว์ได้
ทว่า ขณะที่เขาวางกองข้าวโพดลงร่างที่งดงามก็เข้ามาใกล้แถมตะโกนเรียกเขามาจากระยะไกล “เจียงเหอ…”
เจียงเหอทำหน้าบึ้งทันทีปล่อยให้ความคิดของเขาพรั่งพรูบ้าคลั่ง โดยจินตนาการถึงฉากที่ไม่เหมาะสมกับเด็ก ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ควรควบคุมดูแลและให้คำแนะนำ
“…”
หวางซืออวี่หน้าแดงทันที เธอรีบถอนตัวจากความคิดของเขาและถ่มน้ำลาย “ถุ้ย! ไอ้คนไร้ยางอาย!”
“ฉันไร้ยางอายสินะ”
เจียงเหอพูดสวนอย่างจริงจังว่า “หวางซืออวี่เธอมาที่นี่เพื่อจะมาด่าฉันต่อเพราะเมื่อวานเธอด่าฉันอย่างไร้เหตุผลแล้วยังไม่หนำใจงั้นเหรอ? ที่ฉันปฏิเสธเธอไปเมื่อหลายปีก่อนเพราะเธอกำลังจะสอบเข้าม.ปลาย ฉันไม่ต้องการให้มันไปกระทบต่อการเรียนของเธอ เพราะงั้นเธอไม่จำเป็นต้องเอามาเป็นเดือดเป็นแค้นยาวนานขนาดนี้ก็ได้ โอเค้?”
"นาย!"
หวางซืออวี่กัดฟันกรอด
แต่ทันใดนั้นเอง หัวใจสาวน้อยของเธอก็แต้นแรง
เจียงเหอน่ะรูปหล่อมาก
ผิวของเขาค่อนข้างดำคล้ำเพราะเขาทำงานที่ฟาร์มตั้งแต่ยังเด็ก แต่มันก็ทำให้ดูดีและมีบรรยากาศของผู้ชายที่เป็นโล้เป็นพายพึ่งพาได้—ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุนี้หวางซืออวี่คงจะไม่สารภาพความรู้สึกของเธอกับเขาเป็นแน่
เมื่อเธอได้ยินสิ่งที่เขาพูดแล้ว จิตใจของเธอก็เกิดอาการหวั่นไหวในทันที
“นี่... เขาพึ่งอธิบายว่าทำไมเขาถึงทิ้งฉันงั้นเหรอ?”
“ที่เขาทำไปก็เพื่อตัวฉันเอง… ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่ชอบฉัน!”
“ละ... แล้วถ้าฉันสารภาพอีกครั้งล่ะ… ถุย ถุย ถุย! กับไอ้คนจิตใจสกปรกแบบนี้เนี่ยนะ!”
“ตะ… แต่บางทีเขาอาจมีความรู้สึกแบบนั้นกับฉัน… นี่อาจเป็นสาเหตุที่เขาจินตนาการถึงแต่เรื่องแบบนั้นกับฉันก็ได้”
เมื่อหวางซืออวี่เงยหน้าขึ้นมอง เจียงเหอก็ได้กลับเข้าบ้านไปแล้ว
เธอเดินตามเขาเข้าไปข้างใน และพบเอ้อเหลิงจื่อที่นอนอยู่กลางสนามในทันที แถมแลดูจะกำลังหลับสบายเลยเชียว
“เอ้อเหลิงจื่อ!”
ใบหน้าของหวางซืออวี่เปลี่ยนเป็นเข้มงวดขณะที่เธอตะโกนว่า “ไอ้หมาป่าตาขาว! เอ็งมาทำอะไรที่นี่ทำไมไม่อยู่บ้าน!”
'ใครคือเอ้อเหลิงจื่อ'
เจียงเหอหันกลับมาโดยไม่พูดอะไรนอกจากคิด 'มันเป็นหมาของฉัน เราดูแลซึ่งกันและกันหลังจากคุณปู่เสียชีวิต แต่มันก็คล้ายกับเอ้อเหลิงจื่อของเธอนิดหน่อยจริง ๆ นั้นแหล่ะ'
"จริงเหรอ?"
คราวนี้ถึงตาหวางซืออวี่ต้องตกตะลึงบ้างแล้ว—เธอกำลังอ่านใจของเจียงเหออีกครั้ง และเธอก็ตระหนักได้ว่าเขาไม่ได้โกหก
"ไม่สิ!"
“จิตใต้สำนึกของเขาเปิดเผยออกมาเมื่อวานนี้ว่าเอ้อเหลิงจื่ออยู่ที่บ้านของเขา!”
อย่างไรก็แล้วแต่ เธอเดินไปหาเจ้าหมาและพิจารณาเจ้าตัวที่กำลังหลับสนิทนี้อย่างถี่ถ้วน
‘ขนสีดำของเจ้าหมาตัวนี้เรียบและเป็นมันเงา ในทางกลับกันเอ้อเหลิงจื่อของเธอมีอายุมากกว่าแปดปีแล้ว ขนของมันก็แห้ง และตัวมันเองก็มีสัญญาณของแก่ความชรา ยิ่งกว่านั้นหมาล่าเนื้อที่อยู่ตรงหน้านี้ตัวใหญ่กว่าเอ้อเหลิงจื่อเล็กน้อย’
“ไม่ใช่เอ้อเหลิงจื่อจริงๆเหรอ?”
"เกิดอะไรขึ้นกันแน่?"
หวางซืออวี่ใช้การอ่านใจกับเอ้อเหลิงจื่อโดยไม่รู้ตัว
“ตูไม่ใช่เอ้อเหลิงจื่อ ตูไม่ใช่เอ้อเหลิงจื่อนาเว้ย ตูไม่ใช่เอ้อเหลิงจื่อจริง ๆ นา… ตูตายไปแล้ว ตูตายไปแล้วเด้อ หล่อนจงจำตูม่ายด้าย…”
หวางซืออวี่เหมือนถูกฟ้าผ่าเมื่อคลื่นความคิดของมันเข้ามาให้เธอรับรู้ เธอผงะถอยหลังไปสามก้าว แล้วกางแขนขึ้นมาบังเจียงเหอไว้ข้างหลังขณะที่เธอพึมพำอย่างเงียบ ๆ “แย่แล้ว เจียงเหอ… เราต้องรีบหนี หมาตัวนี้กำลังวิวัฒนาการ!”
เจียงเหอตกตะลึง
ปฏิกิริยาของหวางซืออวี่กระตุ้นให้เขาเกิดความประทับใจอยู่เล็กน้อย และหัวใจเจ้ากรรมของเขาก็ดันเต้นแรงเสียอย่างนั้น
“จริง ๆ ด้วย! ผู้หญิงคนนี้รู้อะไรบางอย่าง!”
“หล่อนสามารถอ่านใจได้และรู้เรื่องวิวัฒนาการ… เดี๋ยวก่อน แล้วหล่อนรู้ได้ไงว่าเอ้อเหลิงจื่อมีวิวัฒนาการ?”
เขาจ้องมองเอ้อเหลิงจื่อซึ่งยังคงแสร้งทำเป็นนอนหลับอยู่บนพื้นแล้วดุว่า “เอาล่ะ เอ็งเลิกแล้งตายได้แล้ว จะไปไหนก็ไปเลยไป๊!”
โฮ่ง!
เอ้อเหลิงจื่อกระโดดขึ้นยืน ทำหน้าเหยียดหยามเหมือนคนแล้วเหล่มองไปที่เจียงเหอ
'เห็นมะ? การแสดงของตูช่างยอดเยี่ยมเกินไป หวางซืออวี่จำตูไม่ได้จริง ๆ ด้วยนาเว้ย’
มันเชิดหน้าหยิ่งผยองพองขนแล้วกระโจนเข้าไปเล่นในสวน
หวางซืออวี่ฟื้นตัวได้สติและเธอก็หันไปหาเจียงเหอด้วยใบหน้าที่ดูจริงจัง
“ลางสังหรณ์ของฉันถูกต้อง เจียงเหอนายเป็นผู้ปลุกพลัง… ความสามารถของนายคือการฝึกสัตว์อสูรใช่ไหม? ไม่มีทางที่เอ้อเหลิงจื่อจะเชื่อฟังนายหลังจากมันวิวัฒนาการไปแล้ว”
“เพราะว่าเมื่อเอ้อเหลิงจื่อมีวิวัฒนาการมันจะต้องดุร้ายมาก ๆ และไม่ควรได้รับอนุญาตให้อยู่ในหมู่บ้านอีกต่อไป”
“เหล่าสัตว์ที่วิวัฒนาการแล้วนั้นล้วนอันตราย และความดุร้ายของพวกมันก็เพิ่มขึ้นตามการวิวัฒนาการ ฉันต้องแจ้งทีมของฉันให้นำตัวมันไปเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อหมู่บ้าน และก่อให้เกิดความตื่นตระหนกโดยไม่จำเป็น”
เจียงเหอ: “…”
"อะไร?
"ความสามารถ?”
“ฝึกสัตว์อสูร?”
เจียงเหอหันไปหาเอ้อเหลิงจื่อที่กำลังขุดหลุมอยู่ในสวนพลางครุ่นคิด
ไอ้หมาตัวนี่มันก็แค่ตะกละ ก็เลยทิ้งนายเก่าแล้วมาเลือกนายใหม่แถมยังติดหนึบเป็นเจ้ากรรมนายเวรเท่านั้นเองไม่ใช่เหรอ?
ส่วนเรื่องความสามารถพิเศษน่ะหรือ?
อีแบบนี้ ถ้าฉวยโอกาสนี้อุปโลกความสามารถพิเศษมาหลอกลวงหวางซืออวี่ ก็อาจจะสามารถหาข้อมูลอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ด้วย
ทันใดนั้นเจียงเหอก็ตระหนักได้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับหมารองหลี่
"ไม่ใช่สิหวางซืออวี่ต้องเป็นคนจากองค์กรลับของประเทศ หล่อนจะลักพาตัวตูและใช้ตูเป็นหนูทดลองไหมวะ? หรือตูควรจะฆ่าปิดปากดี? ไม่เว้ยทำไม่ได้จริง ๆ หรือบางที...”
“ลองเกลี้ยกล่อมดูหน่อยดีไหม”