บทที่ 5: คุณคือเสี่ยวหวางใช่ไหมครับ?
ในเช้าวันรุ่งขึ้น เจียงเหอตื่นขึ้นเพราะได้ยินเสียงหมาเห่า
“ไอ้บ้านี่! เห่าอะไรของเอ็งวะ? เดี๋ยวปั๊ดจับหักขาซะหรอก!”
เมื่อลูกขึ้นเขาก็เห็นเจ้ามาหมามันมาร้องงี้ดงี้ดอยู่ข้างเตียง แต่พอมันโดนดุมันก็ทำหน้าขุ่นเคืองออกมาอย่ากับเป็นคน
"มีอะไร?" เจียงเหอรู้สึกขบขัน
เอ้อเหลิงจื่อยังคงคร่ำครวญอะไรของมันต่อไป แต่เมื่อรู้ว่าข้อความเสียงของมันสื่อไปไม่ถึง มันก็ลุกขึ้นนั่งและชี้อุ้งเท้าออกไปนอกบ้าน
เจียงเหอหันมองตาม
เขาเห็นสวนผลไม้ของเขาผ่านทางหน้าต่าง ซึ่งตอนนี้กลายเป็นทุ่งข้าวโพดสีเขียวหยก
“โอ้โฮ…”
เจียงเหออ้าปากค้าง รีบกระโดดลงจากเตียงทันที ใส่กางเกงและรองเท้าแตะก่อนจะออกไปข้างนอก
“ได้ผลจริง ๆ เว้ย! ข้าวโพดที่พึ่งหว่านไปเมื่อคืนสูงขนาดนี้เลยเหรอ!”
เขาเดินไปที่ข้าวโพดและพบว่าต้นข้าวโพดแต่ละต้นสูงพอ ๆ กัน ลำต้นแต่ละต้นมีความหนา ใบของพวกมันมีสีเขียวสดและแสดงสัญญาณของการออกผล เจียงเหอทำการนับและพบว่ามีต้นข้าวโพดอยู่เพียง 28 ต้น
“เดี๋ยวดิ นี่ไม่ถูกต้อง! เมื่อคืนตูหยิบข้าวโพดมาเป็นกำ ก็ไม่รู้ว่ามีเท่าไหร่หรอกแต่มากกว่า 28 เม็ดแน่นอน”
ทันใดนั้นเจียงเหอก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เขาทรุดตัวลงนั่งยองและขุดลงไปในดิน
ในไม่ช้าเขาก็ขุดเมล็ดข้าวโพดขึ้นมาหนึ่งเมล็ดจากพื้นดิน
จากนั้นเจียงเหอจึงเดินไปรอบ ๆ ต้นข้าวโพด 28 ต้น พึมพำโดยตระหนักว่า “ข้าวโพดทั้ง 28 ต้นนี้ถูกปลูกไว้ตรงจุดที่มีขี้เถ้าของต้นแตงกวาโรยไว้ เพราะงั้นพวกมันถึงได้เติบโตอย่างรวดเร็ว”
จากนั้นเขาก็เอาเมล็ดข้าวโพดในมือมาดูใกล้ ๆ มันแตกหน่อแล้ว และและมันจะโผล่พ้นดินถ้าไม่ขุดมันขั้นมาเสียก่อน
“ระยะเก็บเกี่ยวของข้าวโพดนั้นยาวมาก ดังนั้นถ้าปลูกในเดือนเมษายนหรือมีนาคมเมื่อฤดูใบไม้ผลิเริ่มต้น ก็จะได้ผลผลิตประมาณเดือนตุลาคมเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นเมล็ดข้าวโพดมักจะใช้เวลางอกประมาณหนึ่งสัปดาห์ แต่เมล็ดนี้งอกในหนึ่งวัน!”
“หรือก็คือ… ระบบส่งผลกับพืชผลปกติเช่นกัน และทำให้วงจรชีวิตของพืชสั้นลงอย่างมากถึงเจ็ดหรือแปดเท่า… แต่ยังบอกไม่ได้ว่ายังมีสเปเชียลเอฟเฟกต์อื่น ๆ อีกไหม”
เจียงเหอจึงหันไปดูระบบ
[ชื่อ : เจียงเหอ]
[การฝึกฝน : กึ่ง ๆ ผู้ฝึกยุทธ]
[ความสามารถ : ไม่มี]
[ที่ดินที่เป็นเจ้าของ : 888 ตารางเมตร]
[ระดับฟาร์ม : เลเวล 1 (EXP 1/50)]
[กระเป๋าเก็บของ : 3 ช่อง]
[ร้านระบบ : ปลดล็อค]
[ฟาร์มพอยท์ : 499]
“เอ๊ะ? ทำไมถึงมี EXP อยู่หลังระดับฟาร์ม?”
เมื่อคิดออกดวงตาของเจียงเหอก็เป็นประกาย “นี่แปลว่าสามารถอัพเลเวลฟาร์มได้ด้วยสินะ?”
“ถ้าเลเวล 1 ทำให้วงจรการเติบโตของพืชผลของสั้นลงได้ถึงแปดเท่า แล้วเมื่อไปถึงเลเวล 2 ล่ะ?”
“นี่ยังไม่พอ แค่ทำให้ระยะเก็บเกี่ยวสั้นลงมันยังไม่พอ ยังต้องพิสูจน์สรรพคุณของพืชผลธรรมดาเหล่านี้ด้วยว่ามีสรรพคุณวิเศษเพิ่มเข้ามาไหม!”
เจียงเหอจึงศึกษาระบบ
'ที่ดินที่เป็นเจ้าของ' โดยทั่วไปหมายถึงพื้นที่สวนผลไม้ของเขา และพื้นที่ 888 ตารางเมตรนั้นคือพื้นที่ 1 หมู่
“เอาล่ะ เราจะต้องสังเกตต้นข้าวโพดทั้ง 28 ต้นนี้ จะได้รู้ว่าพืชผลปกติทั่วไปจะมีเอฟเฟกต์อะไรหรือไม่”
เจียงเหอตัดสินใจก่อนที่จะเรียกเอ้อเหลิงจื่อและตะโกนว่า “ดูแลข้าวโพดให้ดี ถ้าหายไปแม้แต่ต้นเดียวเอ็งคือผู้รับผิดชอบ!”
จากนั้นเขาก็กลับไปที่ห้องเพื่อล้างตัว ก่อนจะทุบแตงกวาแล้วขบเคี้ยวเป็นอาหารเช้าก่อนจะออกจากบ้านอย่างสบาย ๆ
ข้างหลังเขา เอ้อเหลิงจื่อยังคงคร่ำครวญ ปากของมันก็อ้าออกและลิ้นของมันก็ยื่นออกมา น้ำลายไหลไปทั่วพื้น
ฟ้าว!
แตงกวาชิ้นหนึ่งบินไปที่สนาม
เจียงเหอกินแตงกวาแค่ครึ่งลูก และโยนที่เหลือให้เอ้อเหลิงจื่อ
***
เจียงเหอมุ่งหน้าไปทางตะวันออก พอออกจากหมู่บ้านและไปเจอที่เงียบ ๆ ไม่มคนแล้ว ทันใดนั้นเขาก็ออกตัววิ่งไป และในไม่ช้าก็ไปถึงสหกรณ์ผู้เพาะพันธุ์ของหมารองหลี่
"โคตรเจ๋ง! จากหมู่บ้านถึงสหกรณ์ระยะทางสี่กิโลเมตร ตูใช้เวลาเพียงสี่นาที… ความเร็วประมาณสิบห้าเมตรต่อวินาที”
หัวใจของเจียงเหอเต้นแรงหลังจากได้คำนวณตัวเลขออกมา!
สิบห้าเมตรต่อวินาที!
เอาว่ะ!
บันทึกการวิ่ง 100 เมตรของ เฟยเหรินโป๋ คือ 9.58 วินาที ประมาณเกือบ ๆ 10.5 เมตรต่อวินาที กล่าวอีกนัยหนึ่ง เจียงเหอจะทำลายสถิติโลกได้อย่างง่ายดายถ้าเขาเข้าร่วมการแข่งขันกรีฑาตอนนี้!
“ประเดี๋ยวก่อน นี้ยังไม่ได้อัดเต็มสูบเลยนา!”
“ถ้าตูอัดเต็มสูบล่ะก็รับรองว่าเร็วกว่านี้อีกหลายขุม!”
“เมื่อเป็นกึ่ง ๆ ผู้ฝึกยุทธแล้วสมรรถภาพทางกายก็พุ่งปรี๊ด ไม่ใช่แค่ความเร็วที่เพิ่มขึ้น แม้แต่กำลังกายก็เพิ่มขึ้นมากด้วย!”
และแล้วเขาก็เคาะประตูสำนักงานใหญ่ของสหกรณ์ผู้เพาะพันธุ์
ผู้หญิงแต่งตัวเพรียวบางและเป็นประกายเปิดประตูออกทา เธอขยี้ตาที่แดงและบวมไปด้วย
“มาหาใครเหรอคะ?” เธอถาม
“คุณคือเมียของหมา… ภรรยาของหลี่เฟยเหรอครับ?” เจียงเหอยิ้ม “ผมเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเขาและมีธุระอยากคุยน่ะครับ ไม่ทราบว่าเขาอยู่หรือเปล่าครับ?”
ทันใดนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็เริ่มร้องไห้เมื่อเอ่ยถึงชื่อหลี่เฟย
“มีไอ้พวกสารเลวกลุ่มหนึ่งโผล่มาจากที่ไหนก็ไม่รู้มาลักพาตัวเขาไป…”
???
“หลี่เฟยถูกลักพาตัว?” เจียงเหออุทานด้วยความตกใจ "ไม่มีทาง!"
สังคมทุกวันนี้สงบสุขจะตาย
มันก็จริงอยู่ที่หลี่เฟยเป็นคนร่ำรวย แต่ก็มีคนที่ร่ำรวยกว่าอยู่อีกตั้งมากมาย ใครมีเวลาไปยุ่งกับการลักพาตัวเขากัน?
ที่สำคัญกว่านั้น เขาได้เปิดเผยพลังอันเหลือเชื่อในการไลฟ์สดเมื่อคืนนี้
ดังนั้นใครจะกล้าลักพาตัวคนที่สามารถชกชายร่างกำยำกระเด็นได้ด้วยหมัดเดียว?
“เกิดเรื่องขึ้นจริง ๆ เหรอครับ? แล้วคุณโทรหาตำรวจหรือยัง?”
"โทรแล้ว…"
เมื่อมองดูภรรยาของหมารองหลี่ยังคงร้องไห้อยู่ เจียงเหอจึงพยายามปลอบเธอ แต่เขาก็ไม่รู้จะพูดอะไรจริง ๆ จึงได้เผลอพูดอย่างรวดเร็วว่า “ไม่ต้องเศร้าไปหรอก หมารองหลี่เป็นพวกโชคดี เขาจะไม่ตายแน่…”
"ฮะ?"
ภรรยาของหมารองหลี่สะดุ้งก่อนที่จะร้องให้หนักขึ้น
เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองปากหมา เจียงเหอก็รีบเปลี่ยนคำพูดอย่างเร็ว “เอ่อ ผมไม่ได้หมาความแบบนั้น แม้จะไม่มีหมารองหลี่ ก็ยังมีหมารองจาง หมารองหม่า...”
“อะแฮ่ม! ขอตัวก่อนครับ”
เจียงเหอหันหลังเดินกลับออกไป
“ตอนนี้เรื่องของหมารองหลี่เป็นเครื่องเตือนใจที่ดี”
“ประเทศกำลังปกปิดเรื่องการฟื้นคืนของพลังวิญญาณไว้เป็นความลับ เราเองก็ต้องระวังตัวด้วย ไม่เช่นนั้นคงจะถูกจับและกลายเป็นหนูทดลองของพวกมันแน่”
เจียงเหอใช้เวลาขณะเดินทางกลับบ้านไตร่ตรองอย่างเงียบ ๆ ว่าเขาควรจะพัฒนาฟาร์มอย่างไร
แต่เมื่อเขาถึงประตูบ้านและเงยหน้าขึ้นก็พบกับหญิงสาวสวยคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าประตู เธอถามเขาด้วยใบหน้าแดงก่ำ “จะ-เจียงเหอ คุณเห็นเอ้อเหลิงจื่อของฉันไหม?”
'นั่นมัน... ลูกสาวของเฒ่าหวาง?'
เจียงเหอรู้สึกว่าเธอดูคุ้นเคยแต่ก็นึกชื่อไม่ออก จึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “คุณคือเสี่ยวหวางใช่ไหมครับ?”