บทที่ 476 โหด(ตอนฟรี)
บทที่ 476 โหด
เสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองดังเป็นพิเศษในยามเช้าตรู่ที่เงียบสงบแบบนี้ คนอื่นต่างได้ยินเสียงกรีดร้องนี้อย่างชัดเจนจนถอยห่างออกไปหลายร้อยเมตร พวกเขารู้สึกชาไปทั้งหนังศีรษะ หางตากระตุกอย่างรุนแรงและกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
น่องทั้งสองข้างของหัวหน้าเทศกิจคนนั้นโค้งงออย่างผิดรูป เห็นได้ชัดว่ามันหักทั้งหมด!
ร่างกายของเขากระตุกไม่หยุด ขาทั้งสองข้างของเขาสั่นอย่างรุนแรง แต่ยิ่งเขาสั่นมากเท่าไหร่ ความเจ็บปวดก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น วงจรอุบาทว์นี้ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดจนแทบไม่อยากจะมีชีวิตอยู่
จี้เฟิงโยนเขาลงไปที่พื้นและพูดอย่างเฉยเมยว่า “มีคุณชายจ้าวกับรองนายกจ้าวหนุนหลังอยู่ แล้วนายคิดว่าฉันจะไม่กล้าทำอะไรนายงั้นเหรอ?”
บรรยากาศเงียบสงัด ทุกคนมองจี้เฟิงที่มีสีหน้าเฉยเมยด้วยสายตาที่ว่างเปล่า พวกเขาอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงคอ ชายหนุ่มคนนี้โหดร้ายเกินไปแล้ว ภาพตรงหน้าทำให้ทุกคนรู้สึกหนาวเหน็บจนร่างกายสั่นระริก ใบหน้าของพวกเขาซีดเผือด ชายหนุ่มคนนี้โหดร้ายเกินไป! พวกเขาไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่เห็นอยู่ในเวลานี้คือเรื่องจริง!
พวกเขาล้วนเป็นคนของทางการ เป็นเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย ถึงจะพูดมากไปนิด กร่างไปหน่อย แต่ก็ไม่น่าจะถึงกับหักขาทั้งสองข้างอย่างไร้ความปรานีแบบนี้ใช่มั้ย?
เมื่อเจ้าหน้าที่เทศกิจคนอื่นๆ เห็นขาทั้งสองข้างของหัวหน้าทีมตัวเองหัก พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะยกขาขึ้นราวกับตัวเองเป็นคนถูกทุบตีเสียเอง
“อ๊ากกกกก—!”
หัวหน้าเทศกิจนอนกอดขาตัวเองกลิ้งไปมาบนพื้นด้วยความเจ็บปวด ร่างกายของเขาสั่นเทิ้ม ปากของเขาก็กรีดร้องไม่หยุด เขาสบถออกมาด้วยความอาฆาตแค้น “แม่งเอ๊ย! ไอ้เด็กเปรต คุณชายจ้าวไม่มีทางปล่อยแกไว้แน่ ไม่มีทาง!”
“เขาจะปล่อยฉันหรือไม่ ไว้ว่ากันทีหลัง แต่ถ้านายยังด่าฉันอีก ฉันนี่แหละที่จะไม่ปล่อยให้นายได้มีโอกาสแหกปากอีก!”
เสียงของหัวหน้าเทศกิจหยุดลงทันที แม้แต่เสียงกรีดร้องยังเปลี่ยนเป็นเสียงครวญครางอยู่ในลำคอ ถึงแม้จี้เฟิงจะพูดอย่างเฉยเมย แต่หัวหน้าเทศกิจก็ไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อยว่าจี้เฟิงจะลงมือทำอย่างที่พูดจริงๆหรือไม่!
ผู้ชายคนนี้คือปีศาจ เขาคือปีศาจร้ายที่แท้จริง!
ไม่เพียงแต่เจ้าหน้าที่เทศกิจเท่านั้น แม้แต่ตำรวจที่ถูกเตะไปในตอนแรกและยังนั่งอยู่กับพื้นก็ยังอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง ชายหนุ่มคนนี้จิตใจทำด้วยอะไร มันจะไม่โหดร้ายเกินไปหน่อยเหรอ?
พวกเขารู้สึกโชคดีมาก... โชคดีที่ชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้ลงมือหนักขนาดนี้ตั้งแต่แรก ไม่อย่างนั้นสภาพของพวกเขาก็คงไม่ต่างจากหัวหน้าเทศกิจคนนั้นแน่!
คนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่คนที่เคยผ่านการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มานั้นรู้ดีว่า ระยะการยืนของจี้เฟิงกับหัวหน้าเทศกิจนั้นใกล้กันมาก การที่จี้เฟิงสามารถเตะขาของหัวหน้าเทศกิจจนหักได้ในครั้งเดียวจากระยะแค่นั้นเรียกได้ว่าเป็นยอดฝีมือแล้ว แล้วแบบนี้พวกเขาจะเอาความสามารถที่ไหนไปต้านทานได้กัน?!
ซึ่งความรู้สึกของอีกด้านหนึ่งนั้นแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง จี้ช่าวเหลยและคนอื่นๆต่างมองสถานการณ์ตรงหน้าแล้วรู้สึกโล่งใจมาก คำพูดที่หัวหน้าเทศกิจพูดเมื่อกี้ช่างน่าขยะแขยงยิ่งนัก ถ้ามีความสามารถพอ หลี่หยานตงและคนอื่นๆก็อยากจะเตะคนพวกนั้นแรงๆเหมือนกัน แต่ตอนนี้จี้เฟิงได้ทำสิ่งนั้นแทนพวกเขาแล้ว ถึงแม้จี้เฟิงจะทำรุนแรงมากกว่าที่คิดไปสักนิด จนรู้สึกหวาดเสียวไปบ้าง แต่ก็รู้สึกโล่งใจมากกว่า
“หยานตง คนพวกนี้...” เถ้าแก่เนี้ยร้านขายของที่ระลึกตกใจเล็กน้อย เพราะจี้เฟิงลงมือรุนแรงเกินไป ทำให้เธอไม่รู้จะทำตัวอย่างไร
“แม่คะ หนูบอกแม่ไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าคนพวกนี้เป็นนักท่องเที่ยวที่ยืนมือมาช่วยเหลือน่ะค่ะ!” หลี่หยานตงกล่าว
จี้เฟิงพยักหน้าและยิ้ม “สวัสดีครับคุณป้า”
สีหน้าของเถ้าแก่เนี้ยเปลี่ยนไปทันที เธอมองไปที่จี้เฟิงอย่างด้วยแววตาที่ซับซ้อน เธออ้าปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“แม่.. แม่เป็นอะไรไป? เขาทักทายแม่ ทำไมแม่เงียบล่ะ?” หลี่หยานตงมองแม่ของเธอด้วยความแปลกใจ และกระซิบเตือนเบาๆ
เถ้าแก่เนี้ยยืนนิ่งไม่ไหวติงเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่ลูกสาวพูด เธอเพียงแค่จ้องมองจี้เฟิงอยู่อย่างนั้น
ในขณะเดียวกันหัวใจของจี้เฟิงก็เต้นเร็วขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ เพราะเห็นได้ชัดจากท่าทางของอีกฝ่ายว่าเธอจำเขาได้อย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่เสียมารยาทแบบนี้แน่
‘หรือว่า...’ จี้ช่าวเหลยพึมพำกับตัวเอง ‘หรือว่าเธอจะจำน้องสามได้?!’
เซียวหยูซวนและถงเล่ยที่ยืนอยู่ข้างๆต่างพากันตกใจเล็กน้อยแต่ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมามาก พวกเธอเพียงแค่ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกัน
“เอ่อ.. สวัสดีค่ะคุณป้า... จะให้หนูเรียกคุณป้าว่ายังไงดีคะ?” เซียวหยูซวนถามด้วยรอยยิ้มที่สุภาพ
“แม่ฉันชื่อหลี่ฉิน” หลี่หยานตงรีบพูด
“สวัสดีค่ะคุณป้าหลี่!” เซียวหยูซวนและถงเล่ยทักทายพร้อมกัน แต่ในใจของพวกเธอกลับเข้าใจทันทีว่าผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็น ‘ป้าหลี่เยี่ยฉิน’ คนที่จี้เฟิงตามหาแน่ ถ้าจะต่างก็ต่างกันเพียงแค่คำเดียวเท่านั้น เพราะหลักฐานที่ชัดเจนที่สุดก็คงจะเป็นหน้าตาของหยานตงที่เหมือนกับจี้เฟิงมาก ในโลกนี้คงไม่ได้มีเรื่องบังเอิญอะไรขนาดนั้น ไม่แน่นอน!
“อ่า.. จ้ะ! สวัสดีจ้ะ!” หลี่ฉินรีบตอบด้วยท่าทีแปลกๆ รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็แข็งกระด้างเหมือนฝืนยิ้ม
จี้เฟิงถอนหายใจเบาๆ เขาเข้าใจดีว่าหลี่ฉินก็คือหลี่เยี่ยฉิน แต่ในความเป็นจริงแล้วหลี่เยี่ยฉินแค่ขาดคำไปเพียงคำเดียวเท่านั้น การเปลี่ยนทะเบียนบ้านอาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การเปลี่ยนชื่อในยุคนั้นง่ายมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อระบบการจัดการข้อมูลทะเบียนบ้านวุ่นวายแบบนี้
ตอนนี้ป้าหลี่เยี่ยฉินน่าจะจำเขาได้แล้ว เพราะขนาดเขาเองที่เห็นหลี่หยานตงครั้งแรกเขายังรู้ได้ทันทีว่าเธอนั้นคล้ายกับเขามากแค่ไหน ไม่ต้องพูดถึงคนเป็นแม่อย่างหลี่เยี่ยฉิน ในสายตาคนนอกอย่างเธอ เห็นได้ชัดว่ามันง่ายกว่ามากที่จะมองออกว่าจี้เฟิงกับหลี่หยานตงมีความคล้ายคลึงกันอย่างไร
“เรื่องในวันนี้สร้างปัญหาให้พวกคุณจริงๆ พวกคุณรีบกลับไปเถอะ” แม้หลี่ฉินจะพูดด้วยความสุภาพ แต่เป็นการไล่อย่างชัดเจน “นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร บางทีอาจจะเป็นแค่การเข้าใจผิด เดี๋ยวฉันไปอธิบายให้พวกเขาฟังก็น่าจะจบแล้ว พวกคุณกลับกันไปเถอะ!”
“คุณป้าหลี่คะ พวกเราจะกลับไปได้ยังไง? เมื่อครู่นี้พวกเขาโทรเรียกคนมาแล้ว คนพวกนั้นน่าจะมาเพื่อแก้แค้น ยังไงพวกเราก็ต้องอยู่ต่อ!” เซียวหยูซวนกล่าวอย่างหนักแน่น
ใบหน้าของหลี่ฉินดูกังวลเล็กน้อย เธอเองก็กล่าวอย่างหนักแน่นว่า “ฉันเข้าใจเจตนาดีของพวกคุณแล้วล่ะ แต่ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากพวกคุณจริงๆ กรุณากลับไปเถอะค่ะ!”
“ป้าหลี่...” เซียวหยูซวนต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่หลี่ฉินไม่สนใจเธออีกต่อไป เธอคว้ามือของหลี่หยานตงและพาเธอเดินเข้าไปในร้าน “มากับแม่!”
“เดี๋ยวค่ะแม่ แม่คะ! แม่จะทำอะไรน่ะ? พวกเขามีน้ำใจช่วยเหลือพวกเรา ทำไมไม่พูดขอบคุณพวกเขาสักคำเลยล่ะคะ?” หลี่หยานตงไม่พอใจกับการกระทำของแม่ตัวเองมาก
เธอดึงแขนตัวเองให้หลุดจากมือของแม่และพูดว่า “แม่ค่ะ เราไปดื้อๆแบบนี้มันไม่ถูกต้องนะคะ ปัญหาพวกนี้เป็นปัญหาของเรา เราต้องอยู่ต่อสิคะ!”
“นี่ลูก...”
หลี่ฉินโกรธมาก แต่เมื่อเธอเห็นสีหน้าที่ลำบากใจของลูกสาว หัวใจของเธอก็พลันอ่อนยวบ เธอถอนหายใจเบาๆ “ถ้าอย่างนั้นหนูก็อยู่ต่อเถอะ แม่ขอเข้าไปก่อนแล้วกัน!”
“แม่—!” หลี่หยานตงอดไม่ได้ที่จะตะโกน แต่หลี่ฉินเหมือนไม่ได้ยิน เธอหันหลังและเดินเข้าไปในร้านคนเดียว
หลี่หยานตงทำได้แค่มองไปที่จี้เฟิงกับคนอื่นๆอย่างอดไม่ได้ “ต้องขอโทษทุกๆคนด้วยนะคะ วันนี้อารมณ์ของแม่แปลกๆไป อย่าถือสาเลย ยังไงฉันต้องขอขอบคุณพวกคุณที่ช่วยไว้ ไม่อย่างนั้นพวกเราก็ไม่รู้ว่าจะรับมือยังไงดี!”
แน่นอนว่าจี้เฟิงและคนอื่นๆ นั้นไม่แปลกใจและไม่ถือสาเลย เพราะพวกเขารู้ว่าถ้าไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวของจี้เฟิง อารมณ์ของหลี่เยี่ยฉินก็คงไม่แปลกแบบนี้
“ขอบคุณมากจริงๆ ฉันไม่รู้จะตอบแทนน้ำใจยังไงดี...” หลี่หยานตงพูดอย่างอายๆ
เซียวหยูซวนหัวเราะเบาะๆ เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “ในเมื่อพวกเรารู้จักกันแล้ว พวกเราก็คือเพื่อนกัน ดังนั้นน้องสาวไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นก็ได้”
“เอี๊ยดดดด—!!”
ในตอนนั้นเอง เสียงเบรกรถอย่างกะทันหันก็ดังขึ้น จี้เฟิงและคนอื่นๆ รีบหันกลับไปมอง และเห็นรถตำรวจเจ็ดแปดคันจอดอยู่บนถนนด้านหน้า จากนั้นก็มีกลุ่มของเจ้าหน้าที่ตำรวจกระโดดลงจากรถและวิ่งตรงมาทางพวกเขาอย่างรวดเร็ว
“นั่น! พวกเขาอยู่ตรงนั้น!”
“รีบเข้าไปเดี๋ยวนี้ เพื่อนร่วมงานพวกนั้นถูกคนร้ายทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บ...”
“เอาอาวุธออกมา เตรียมระวัง!”
....................
เมื่อเห็นตำรวจวิ่งเข้ามา จี้เฟิงก็ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรมากนัก เขาเพียงแค่กวาดตามองไปรอบๆ และสายตาของเขาก็ไปหยุดตรงรถเก๋งสีดำที่ดูแตกต่างจากรถคันอื่น
มันเป็นรถที่มีแผ่นป้ายทะเบียนสีดำและจอดอยู่ด้านหลังรถตำรวจคันอื่นๆ ภายในรถมีผู้ชายสองคนนั่งอยู่ที่ด้านหลัง คนหนึ่งเป็นชายวัยกลางคนอายุประมาณ 50 ปีและชายหนุ่มอายุประมาณ 24-25 ปี และมีคนผู้ชายอีกคนเป็นคนขับรถนั่งอยู่ด้านหน้า
ผู้ชายสองคนที่อยู่ด้านหลังเดินลงมาและตรงไปที่ร้านขายของที่ระลึกหยานตง
“พ่อครับ รองนายกจ้าวบอกแค่ว่าจะสั่งปิดร้าน เขาได้บอกหรือเปล่าครับว่าจะจัดการกับสองแม่ลูกคู่นั้นยังไง” ชายหนุ่มถามขึ้นระหว่างเดิน
“ฮึ่ม! เจ้าเด็กเหลือขอ แกยังคิดจะเอานังเด็กนั่นให้ได้อยู่อีกเหรอ?!” ชายวัยกลางคนพ่นลมออกจมูก “ฉันจะบอกอะไรให้นะ รองนายกเทศมนตรีจ้าวได้สั่งการไว้แล้ว ปิดร้านและจับคนให้เรียบร้อยก่อน ที่เหลือค่อยว่ากันทีหลัง และที่สำคัญ ผู้หญิงคนนั้นยังเป็นคนที่คุณชายจ้าว ลูกชายของรองนายกจ้าวถูกใจ แม้ว่าพ่อของเจ้าจะเป็นผู้อำนวยการคณะกรรมการบริหารก็ตาม แต่ต่อหน้ารองนายกเทศมนตรีจ้าวก็ใช่ว่าจะทำอะไรตามใจได้ ดังนั้นอย่าได้ทำอะไรบุ่มบ่าม!”
“แล้วนางหลี่ล่ะ?” ชายหนุ่มยิ้มอย่างชั่วร้าย “ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์อย่างพ่อคงไม่ปล่อยเนื้อให้หลุดออกจากปากหรอกใช่มั้ย?”
เขารู้อยู่แล้วว่าพ่อของเขาชื่นชอบรูปลักษณ์และต้องการร่างกายของหลี่ฉินมาตั้งนานแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่เชื่อว่าพ่อของเขาจะปล่อยหลี่ฉินให้หลุดมือไปง่ายๆในโอกาสแบบนี้
ชายวัยกลางคนถึงกับสะอึกและหายใจติดขัด เขาพ่นลมออกจมูกทันที “ไอ้เด็กเวร เรื่องของผู้ใหญ่ เด็กอย่างแกไม่ต้องมายุ่ง!”
ชายหนุ่มหัวเราะและกล่าวว่า “พ่อครับ ถ้าผมไม่ได้หลี่หยานตง ผมก็ไม่ยอมให้พ่อได้หลี่ฉินเหมือนกัน ดังนั้นพ่อจะจัดการยังไงก็คิดดีๆก็แล้วกันนะคร้าบ~! ฮ่าๆๆ”
“ไอ้... แกมันไอ้เด็กเวร!” ชายวัยกลางคนดูโกรธจัดมาก “ทำไมจางจื้อหย่วนถึงได้มีลูกชายแบบนี้!”
ชายหนุ่มหัวเราะคิกคักทันที “นี่เรียกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นต่างหากล่ะครับ!”
“ฮึ่ม!” ชายวัยกลางคนแค่นเสียงอย่างเย็นชา แต่ก็ต้องยอมลดราวาศอกลง “ถ้าอย่างนั้นก็เหลือวิธีเดียว รีบจัดการให้ได้ก่อนที่รองนายกจ้าวและลูกชายเขาจะมาที่นี่ มีลูกอกตัญญูอย่างแก ฉันก็จนใจจริงๆ!”
ชายหนุ่มหัวเราะด้วยความพึงพอใจ
จี้เฟิงที่ยืนอยู่หน้าร้านขายของที่ระลึกก็หัวเราะเช่นกัน เขากำลังสงสัยอยู่พอดีว่าพ่อลูกคู่นี้เป็นใคร แต่ตอนนี้เขาเข้าใจทั้งหมดแล้วจากบทสนทนาของพวกเขา
ผู้ชายสองคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากจางจื้อหย่วน ผู้อำนวยการคณะกรรมการเขตท่องเที่ยวหยุนซานและลูกชายของเขา จางหงหมิง
จี้เฟิงหัวเราะอย่างเย็นชาในใจ “ในที่สุดคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องเลวๆส่วนหนึ่งก็โผล่หัวมาแล้ว... เหลือแค่ตัวหลักอีกไม่กี่คนสินะ.. เมื่อทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มาถึง ฉันจะทำให้พวกมันได้รู้ว่าหน้าตาของนรกมันเป็นยังไง!”
“อย่าขยับ! ยกมือขึ้นเดี๋ยวนี้!
“ฉันบอกให้ยกมือขึ้น ไม่อย่างนั้นฉันจะยิง!”
“ย่อตัวลงกับพื้นแล้วยกมือขึ้น! เดี๋ยวนี้—!”
เสียงตะโกนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มหนึ่งดังขึ้น พวกเขาถือปืนและชี้ไปที่จี้เฟิงด้วยสีหน้าดุดัน
เมื่อจี้ช่าวเหลยและคนอื่นๆ เห็นแบบนั้นพวกเขาก็เกิดความประหม่าขึ้นมาทันที
สองพ่อลูกจางจื้อหย่วนที่กำลังเดินตามหลังมาอยู่ไม่ไกลนัก เห็นภาพตรงหน้าก็พากันหัวเราะออกมา
สถานการณ์โดยรวมอยู่ในกำมือแล้ว!
...จบบทที่ 476~❤️