บทที่ 4: สูเว่าอิหยัง
เอ้อเหลิงจื่อนั่งอยู่ตรงหน้าเจียงเหอ มันอ้าปากเล็กน้อยเผยให้เห็นลิ้นสีแดงยาวห้อยลงมา
ด้วยความที่เป็นหมาล่าเนื้อ มันจึงดูเหมือนหมาป่าที่มีขนสีดำเป็นส่วนใหญ่ ขนบริเวณท้องและเท้ามีสีน้ำตาลและมีสีขาวอยู่ใต้คอ มันดูหล่อเหลาและสง่างามมาก
เราไม่ค่อยเห็นหมาล่าเนื้อในเมืองต่าง ๆ เนื่องจากรูปลักษณ์ที่ดุร้ายและความใหญ่โตของพวกมันไม่เหมาะที่จะให้เป็นสัตว์เลี้ยงภายในบ้าน ส่วนใหญ่แล้วจะพบได้ทั่วไปในแถบชนบท เนื่องจากมันเหมาะที่จะเลี้ยงเป็นหมาเฝ้าบ้านมากกว่า
“เอ่อ…”
เจียงเหอผง่ะและฉายแสงมือถือของเขาไปทางเจ้าหมา “เอ็งมาทำอะไรดึก ๆ ดื่น ๆ แถวนี้วะ เอ้อเหลิงจื่อ”
แสงนั้นค่อนข้างสลัว
เอ้อเหลิงจื่อเอียงศีรษะมองไปที่เจียงเหอขณะกระดิกหางไปด้วย
ในภาษาสุนัข นั่นหมายถึงการแสดงอาการประจบสอพลอ ซึ่งทำให้เจียงเหออดหัวเราะไม่ได้ “ไอ้หมาเจ้าเล่ห์ ที่เอ็งมานี่เพราะอยากกินแตงกวาล่ะสิ”
โฮ่ง หงิง ๆ…
เอ้อเหลิงจื่อครวญเสียงแล้วพยักหน้าจริง ๆ ซะงั้น
"เอ่อ…"
เจียงเหอเกือบจะล้มลงทั้งยืน
ถ้าเอ้อเหลิงจื่อแสดงความฉลาดโดยกระดิกหางประจบสอพลอเขาก็พอจะเข้าใจเพราะเป็นเรื่องธรรมดา แต่นี่มันดันพยักหน้าให้ด้วยนี่สิ ไม่ใช่แค่ฉลาดธรรมดาแล้วมันออกจะน่ากลัวไปหน่อยไหมวะ?
'ไอ้หมานี่เอาจริงดิ?'
นั่นคือความคิดแรกของเจียงเหอแต่ในไม่ช้าเขาก็นึกได้ว่าเรื่องมันเป็นยังไง
“การฟื้นคืนของพลังวิญญาณช่วยให้สัตว์สามารถบรรลุศักยภาพที่เหนือชั้นกว่าเดิมงั้นรึ? เอ้อเหลิงจื่อก็คงจะเป็นไปในทำนองเดียวกัน”
“เดี๋ยวสิ ถ้าเอ้อเหลิงจื่อมันฉลาดขึ้นเพราะพลังวิญญาณจริง ๆ มันคงไม่กินเนื้อที่ตูวางยาเบื่อหนูไม่ใช่เหรอ หรือว่าจะฉลาดขึ้นหลังจากที่มันกินแตงกวาของตูวะ”
เจียงเหอ หรี่ตามองจนเอ้อเหลิงจื่อที่ถูกมองรู้สึกหนาวสะท้าน
มันปั้นหน้าบ้องแบ๊วราวกับกำลังพูดว่า 'มองกระผมทำไมฮัฟ?'
“จะขอถามอะไรเอ็งซักสองสามข้อนะ ถ้าใช่ให้พยักหน้าถ้าไม่ใช่ให้ส่ายหัว โอเค้?”
โฮ่ง!
เอ้อเหลิงจื่อพยักหน้า
“เอ็งฉลาดขึ้นเพราะกินแตงกวานั่นรึเปล่า?”
เอ้อเหลิงจื่อพยักหน้าแล้วส่ายหัว
“…”
เจียงเหอทำหน้าบึ้ง แต่ในขณะที่เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เอ้อเหลิงจื่อก็ทรุดตัวลงกับพื้น ขาทั้งสี่ของมันกระตุกในขณะที่มีน้ำลายฟูมปาก และครางอยู่หลายครั้ง
เจียงเหอเข้าใจทันที
“เอ็งจะบอกว่ายาเบื่อหนูก็เกี่ยวด้วยเหรอ”
เอ้อเหลิงจื่อลุกกลับมานั่งอีกครั้งและพยักหน้าให้เจียงเหอ
เจียงเหอคิดใคร่ครวญ
“มันจะเหมือนกับหมารองหลี่ไหมที่มีอาการป่วยเป็นตัวกระตุ้น?”
“เดี๋ยวก่อน อย่างนี้นี่เอง!”
“ผลของแตงกวาคือการดีท็อกซ์ คลายความร้อน เสริมสร้างสมองและทำให้เส้นประสาทสงบลง พูดง่าย ๆ ก็คือ การดีท็อกซ์และกำจัดความร้อนหมายถึงการรักษาพิษทั้งหมด ในขณะที่การเสริมสร้างสมองและทำให้เส้นประสาทสงบลงหมายถึงการส่งเสริมจิตใจ สุนัขเป็นสัตว์ที่ฉลาดตั้งแต่แรก หลังการฝึกแล้วพวกมันสามารถเล่นสเก็ตบอร์ด เข็นรถเข็นหรือไปซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ตเพียงลำพัง ดังนั้นหลังจากที่เอ้อเหลิงจื่อถูกพิษกระตุ้นและกินแตงกวา ความฉลาดของมันก็ถูกปลดปล่อยออกมา ที่ตอนนี้มันฉลาดขึ้นนี่มันก็สมเหตุสมผลอยู่”
แสงแห่งปัญญาสาดส่องในจิตใจของเจียงเหอหลังจากดูเอ้อเหลิงจื่ออยู่นาน
ในอนาคตเขาจะปลูกพืชผลมากขึ้นอย่างแน่นอนซึ่งจำเป็นต้องมีการวิจัยในบ้านนี้ ซึ่งตัวทดลองที่ดีที่สุดและไม่มีอะไรมาแทนได้ในตอนนี้ก็คือเจ้าหมายักษ์เอ้อเหลิงจื่อตัวนี้นี่แหล่ะ
ยิ่งกว่านั้นเรื่องที่ว่าแตงกวาจากระบบรักษาพิษได้จริงหรือไม่นั้นยังต้องทดสอบต่ออีกด้วย
เจียงเหอยิ้มกว้างพลางเอื้อมมือไปลูบหัวเอ้อเหลิงจื่อ “อืม ในเมื่อเอ็งชอบแตงกวาของตูมากขนาดนั้น ต่อจากนี้ไปเอ็งจะอยู่ที่นี่ก็ได้นะเอ้อเหลิงจื่อ”
โฮ่ง!
เอ้อเหลิงจื่อเห่าออกมาแล้วหันหันหลังหนีไป หูของมันก็ตกลงและมันคอยหันกลับมามองเจียงเหอ มันวิ่งไปด้วยแล้วหันกลับมามองเจียงเหออย่างระแวดระวังไปด้วย
“ไอ้หมานี่มันรู้เหรอว่าตูจะจับมันทำเป็นหนูลองยา?”
เจียงเหอหัวเราะแห้ง ๆ และหยิบไม้ที่อยู่ใกล้ตัวขึ้นมาชี้ด้วยรอยยิ้มที่มืดมน “กินแตงกวาของตูแล้วคิดจะชักดาบเหรอ? ถ้าเอ็งยังหนีอยู่อีกตูจะตีเอ็งให้ขาหักเลย!”
เอ้อเหลิงจื่อหันกลับมาและวิ่งกลับมาหาเขา
ในทางกลับกันเจียงเหอได้ควักแตงกวาออกมา หักหนึ่งในสามส่วนแล้วโยนให้เอ้อเหลิงจื่อและพูดว่า “เฝ้าที่นี่ให้ดี นี่อาจเป็นโชคดีของเอ็งก็ได้ มีตำนานกล่าวถึงจักรพรรดิดำว่าเป็นราชาแห่งสุนัขทั้งมวลที่เคยปกครองท้องฟ้ามหาสมุทร เอ็งอาจได้เป็นตัวต่อไปก็เป็นได้นา”
ดวงตาของเอ้อเหลิงจื่อเป็นประกายขณะที่มันกลืนแตงกวาลงท้อง
(⊙o⊙)…
น่าหมั่นใส้จริง ๆ ว่ะ!
'ถ้ามันได้เป็นราชาสุนัข ควรตั้งชื่ออะไรให้มันดีล่ะ?'
'เอ่อ...'
เจียงเหอเฝ้าดูเจ้าหมาที่ยิ้มอย่างโง่เขลาและพึมพำเงียบ ๆ ว่ามันได้รับภูมิปัญญาของมนุษย์จริง ๆ ด้วย ก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่า
“ถ้าเกิดผู้ใหญ่บ้านแกรู้ว่าตูลักพาตัวหมาของแกมา แล้วแกจะโกรธตูไหมหว่า?”
***
เมื่อกลับไปที่ห้อง เจียงเหอหยิบมือถือขึ้นมาและเรียกดูวิดีโอและโพสต์ที่เกี่ยวข้องบนเว็บ
แต่ก็เหมือนเมื่อเดิม วิดีโอและโพสต์จำนวนมากเป็นหน้า 404 ทันทีที่เปิด
ยังคงมีโพสต์หนึ่งที่ทำให้เขาสนใจ
[พบฝูงหมาป่าใกล้ภูต้าตงแพะของชาวนากว่า 300 ตัว ตายเรียบ…]
เจียงเหอรู้ว่าภูต้าตงนั้นอยู่ห่างจากหลิงโจวสามร้อยลี้ อยู่ในตำบลยู่หวัง อำเภอถงซิน มลรัฐหลิงโจวและเชื่อมต่องกับภูเขาหวงถู่ เกษตรกรที่อาศัยอยู่ที่ภูต้าตงได้ “อพยพเพื่อรักษาระบบนิเวศ” ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยย้ายหมู่บ้านทั้งหมดออกไปที่เมืองในอำเภอใกล้เคียง สิ่งที่เหลืออยู่ส่วนใหญ่คือฟาร์มแพะ
ปรากฏภาพกลางคืนอันมืดมิดบนภูเขา หมาป่าตัวมหึมาที่ใหญ่กว่าวัวกำลังหอนไปที่ดวงจันทร์
ไม่น่าแปลกใจเลยที่วิดีโอดังกล่าวต้องถูกระงับ คอมเม้นท์ในฟอร์รัมก็ถูกลบไป
เจียงเหอรู้สึกถึงวิกฤติแปลก ๆ บอกไม่ถูก นอกจากนั้นความแข็งแกร่งที่หมารองหลี่แสดงนั้นไม่ใช่สิ่งที่กึ่ง ๆ ผู้ฝึกยุทธอย่างเขาสามารถเทียบได้
“คนที่ตื่นขึ้นนี่… น่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอวะ?”
“วิธีฝึกฝนของตูคือ… กินแตงกวาเพื่อเสริมแกร่ง นี่มันใช่วิธีที่คนปกติเขาทำกันไหมวะเนี่ย?”
เจียงเหอเอาแต่คิดวุ่นวายจนนอนไม่หลับ กว่าจะหลับเวลาก็ล่วงเลยไปถึงตีหนึ่งแล้ว
***
ในเวลาเดียวกัน บนถนนลาดยางที่ตรงขึ้นไปบนภูเขาทางตะวันออกของหมู่บ้านจินยินถาน
ถึงจะเรียกว่า 'ภูเขา' แต่ก็เป็นเพียงที่ราบสูงที่สูงกว่าหมู่บ้านเล็กน้อย หมู่บ้านจินยินถานนั้นอยู่ใกล้กับตัวเมืองของเสฉวน ตั้งอยู่บนพื้นที่ราบซึ่งค่อนข้างจะแตกต่างไปจากหุบเขาของภูเขาหวงถู่
บนภูเขามีสถานที่เพาะปลูกมากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นทุ่งข้าวโพด ในทุ่งข้าวโพดนั้นมีแสงไฟสว่างและมีรถบรรทุกวิ่งสวนกันเข้าออกตลอดเวลา
ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม ข้าวโพดในนาส่วนใหญ่สุกแล้ว เป็นภาพที่น่ายินดีที่ได้เห็นซังข้าวโพดม้วนกองอยู่บนพื้น ในช่วงนี้สหกรณ์พ่อพันธุ์แม่พันธุ์กลายเป็น “เขตสงวนสีเขียว” ที่เรียกแบบนี้เพราะว่าจะใช้เครื่องจักรเก็บเกี่ยวผลผลิต และบดซังข้าวโพดเพื่อหมักเป็นอาหารสัตว์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงที่ทุ่งเลย ทำให้ต้นทุนต่ำและเก็บรักษาได้ตลอดปี
“แม่มันสิ! ทำไมสุดยอดไลฟ์สดของตูถึงบินไปแล้วล่ะวะ?”
รถ BMW คันหนึ่งจอดอยู่ใกล้ทุ่งนาแห่งหนึ่ง และหมารองหลี่ก็ก่นด่าออกมาขณะที่ลงจากรถ เขาได้ลงนามในข้อตกลงกับทุ่งนาพันหมู่ที่อยู่ใกล้เคียง โดยทุก ๆ ข้าวโพดในนาจะถูกส่งไปยังฟาร์มของเขาทุกปี
หมารองหลี่ยุ่งกับการทำงานในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา และต้องทำงานล่วงเวลาหลายคืน
แต่ว่าทันทีที่เขาลงจากรถ เขาก็เห็นว่ามีรถ MPV สีดำขวางทางอยู่
มีผู้ชายสามคนและผู้หญิงหนึ่งคนลงจากรถมา
ผู้ชายทุกคนสวมชุดสีดำ ส่วนผู้หญิงสวมชุดหนังรัดรูป และมุ่งหน้าตรงมาที่หมารองหลี่ เธอหยิบหนังสือเล่มเล็ก ๆ สีแดงออกมาโชว์แล้วกล่าวว่า “เราคือทีมปฏิบัติการพิเศษของสำนังงานจัดการคดีพิเศษและความมั่นคงแห่งรัฐในมณฑลซีเซี่ย คุณคือหลี่เอ้อโก่ว(หมารองหลี่)ใช่ไหม?”
“…”
หมารองหลี่ที่ตกตะลึงอยู่ก็ตอบไปด้วยสำเนียงซีเป่ยหนา ๆ ของเขาว่า “สูเว่าอิหยังนะ? เว่าอีกทีซิ ข่อยบ่อเข่าใจ”