ตอนที่แล้วบทที่ 2 : แตงกวาที่ช่วยยกระดับพลังจิตและการฝึกฝน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 4: สูเว่าอิหยัง

บทที่ 3: เอ้อเหลิงจื่อ?


ผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านจินยินถานมีแซ่หวาง  นามจง  เรียกว่าหวางจง  เป็นคนร่างท้วมลงพุงแต่ตัวสูง ส่วนเส้นผมเรียกได้ว่าร่ำรวย... เป็นล้าน!!

หวางจงเป็นผู้มีความสามารถสูงคนหนึ่ง  ก่อนจะมาเป็นผู้ใหญ่บ้าน  เขาทำงานรับเหมาก่อสร้าง  ทำมาหมดแล้ว  ทั้งในเมืองและนอกเมืองทั่วทั้งจังหวัด  อีกทั้งยังมีชาวบ้านมากมายหลายคนที่ติดตามทำงานด้วยกันกับเขา

จากนั้นหลังจากที่ได้เป็นผู้ใหญ่บ้านในปีที่แล้ว  หวางจงได้มอบงานก่อสร้างทั้งหมดให้ลูกชายของเขารับช่วงทำต่อไป

ในช่วงนี้เขามีงานยุ่งมาก ๆ จนไม่มีเวลาพัก  แล้ววันนี้ก็มีโอกาสสักที  หลังจากกินข้าวเสร็จแล้วเขากะว่าจะ war กับเมียซักรอบสองรอบ  สภาพกางเกงก็เลย...  แต่เครื่องยังไม่ทันติด  ไอ้เจ้าเอ้อเหลิงจื่อก็ดันแหกปากดังลั่นออกมาให้ได้ยินเสียก่อน

หวางจงจึงรีบสวมกางเกงแล้ววิ่งออกไปดู

เมื่อเปิด 'ไฟถนน' ที่ติดตั้งไว้ใต้ชายคา  ภาพที่เขาเห็นก็คือ  หมาล่าเนื้อตัวใหญ่กำลังกลิ้งไปมา  แหกปากกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งขณะที่น้ำลายฟูมปาก… ซึ่งยังคงเป็นฟองฟอดปุดปุดไหลออกมาจากปาก

“ผู้ใหญ่หวาง  เป็นอะไรรึเปล่าครับ”

เสียงตะโกนของเจียงเหอพร้อมกับเสียงเคาะประตูปึงปังดังเข้ามา

“มีอะไรหรือตาเฒ่าหวาง?”

เมียของเฒ่าหวางก็ออกมาจากบ้านเช่นกันหลังจากจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้ว  และเธอก็ตกตะลึงกับภาพตรงหน้า “เป็นลมบ้าหมูหรือเปล่า” เธอรีบถาม “ไปโทรเรียกสัตวแพทย์มาเร็ว ๆ สิ”

“ไร้สาระ!”

หวางจงทำหน้าบึ้งขณะที่ตำหนิเมีย “หมามันจะเป็นลมบ้าหมูได้ไงเล่า? ไปเปิดประตูทีสิ—ใครมันมากลางดึกกลางดื่นแบบนี้!?”

ถึงแม้เขาสบถสาปแช่งอยู่  เขาก็ยังจ้องแต่หมาที่กำลังกลิ้งไปกลิ้งมาโดยไม่ได้เข้าไปดูใกล้ ๆ

เอ้อเหลิงจื่ออยู่ในสภาพแบบนี้  ถ้าเกิดมันบ้ากัดเขาขึ้นมาล่ะก็โคตรซวยเลยไม่ใช่รึ?

ดังนั้นเขาจึงกลับเข้าไปข้างในเพื่อหาโทรศัพท์และกำลังที่จะโทรหาสัตวแพทย์  แต่กลับได้ยินเมียของเขาที่ไปเปิดประตูหน้าพูดว่า “อ้าว  เสี่ยวเจียง!  ถ้าจะมาเยี่ยมก็น่าจะบอกกันก่อนนะ…  นั่นเอาของฝากมาให้ด้วยเหรอ”

เธอพูดพลางเอื้อมมือไปหยิบถุงพลาสติกที่เจียงเหอถืออยู่

ก็ไอ้ถุงพลาสติกใส่เนื้อที่เจียงเหอพึ่งซื้อมานั่นแหล่ะ

เจียงเหอ : “???”

เขากำถุงเนื้อไว้แน่นพร้อมตอบว่า“ป้าหวาง  ผมพึ่งไปซื้อเนื้อแล้วกำลังจะกลับบ้าน  พอดีผ่านมาแล้วก็… ได้ยินเสียงเจ้าเอ้อเหลิงจื่อมันร้องน่ะ  อ้อ  แล้วผู้ใหญ่หวางล่ะครับ  สบายดีไหม”

“เอ๊ะ?”

เมียของหวางจงชะงักมือค้างไว้กลางอากาศ  โดยไม่รู้ว่าจะพูดคุยอะไรกันต่อ

นี่มัน…

แล้วไหงเธอมาถามถึงผัวฉันล่ะเนี่ย?

ตอนนั้นเจียงเหอก็ได้พุ่งไปอยู่ข้าง ๆ หวางจงแล้ว

จากนั้น  หลังจากเหลือบมองเจ้าหมาล่าเนื้อที่กลิ้งไปมาเพียงแวบเดียว  เสียงร้องของมันแผ่วลงและหายใจออกมากกว่าเข้า  เขาอุทานว่า “แย่แล้วผู้ใหญ่!  เจ้าเอ้อเหลิงจื่อของผู้ใหญ่โดนวางยาพิษ!”

“ยาพิษเหรอ?”

หวางจงถามด้วยความตกใจ “หมายความว่ายังไง  โดนวางยาพิษ?”

“ผมเดาว่าน่าจะเป็นยาเบื่อหนูนะครับ!”

เจียงเหอ  สงบสติอารมณ์ในขณะที่สะบัดมือแล้วควักแตงกวาออกมาหักครึ่งแล้วทุบมัน  ก่อนที่จะยัดลงคอเจ้าหมาเอ้อเหลิงจื่อโดยไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมใด ๆ

เมื่อได้สติหวางจงก็ดึงเขาออกมาและตะโกนว่า “เสี่ยวเจียง!  ทำอะไรของเอ็งวะเนี่ย!?  เอ็งเอาอะไรให้เอ้อเหลิงจื่อมันกินวะ!?”

"แตงกวา"

เจียงเหอถือแตงกวาอีกครึ่งที่เหลือ  เขากัดคำหนึ่งแล้วเคี้ยวเสียงดังลั่น  กลิ่นหอมหวานโชยออกมา  หวางจงเองก็ได้กลิ่นแต่ก็เถียงออกมา “เอ็งเห็นข้าโง่หรือไงวะ? แตงกวาที่ไหนจะสีเหลืองแถมใหญ่เบอร์นี้?!”

“แตงกวาของแท้แน่นอนผู้ใหญ่”  แตงกวาครึ่งลูกในมือเจียงเหอมีขนาดใหญ่กว่าแตงกวาทั้งลูกในร้านขายผักอื่น ๆ มันทั้งใหญ่  ทั้งมีสีเหลือง  แถมยังมีกลิ่นที่หอมหวานอีกด้วย

“แตงกวาหนอแตงกวา  ถ้าแตงกวาเจ้าไม่เป็นสีเหลืองแล้วจะให้เป็นสีอะไรเล่า  สีดำเหรอ?”

ตอนนั้นเองเจ้าเอ้อเหลิงจื่อก็กระโดดขึ้นจากพื้นพร้อมกับสะอื้นงี้ดงี้ด  มันสะบัดขนฟึบฟับอย่างแรงก่อนจะพุ่งกลับเข้าไปหลบในบ้านหมา

“???”

หวางจงรู้สึกสับสน  แต่ในขณะที่เขากำลังจะถามเจียงเหอ  ชายหนุ่มก็โบกมือให้เขาและพูดว่า “ผู้ใหญ่หวาง  ป้าหวาง  ผมมีธุระต้องไปทำต่อขอกลับบ้านก่อนนะครับ”

ถึงแม้ว่าเขาจะดูเฉย ๆ แต่จริง ๆ แล้วเขารู้สึกตื่นเต้นมาก!

“ได้ผลว่ะ  แก้พิษได้จริงด้วยเว้ย!  ถึงแม้ว่ายาเบื่อหนูจะมีพิษร้ายแรงแต่ก็นับว่าเป็นพิษธรรมดาเท่านั้น…  แล้วแตงกวาจะต้านพิษอย่างกระเรียนมงกุฎสีชาดหรือผงตัดลำไส้เจ็ดขั้นได้ไหมหนอ?”

เมื่อเจียงเหอไปเดินถึงประตูหน้า  เขาหันกลับมามองเอ้อเหลิงจื่อที่อยู่ในบ้านหมา  แล้วก็เกิดความคิดใหม่อันสุดจะบรรเจิดขึ้น “จำได้ว่ามียาฆ่าแมลงที่เรียกว่าพาราควอตซึ่งมีพิษร้ายแรงกว่าด้วยนิ  หากมนุษย์คนใดก็ตามดื่มเข้าไปจะไม่รอดแน่นอนต่อให้จะไปถึงโรงบาลทันเวลาและทำการล้างท้องแล้วก็เถอะ  ว่าแล้วไปหามาลองสักขวดหนึ่งดีกว่า”

เจ้าเอ้อเหลิงจื่อครางหงิงหงิงเบา ๆ อยู่ในบ้านหมา

ในขณะเดียวกันหวางจงได้เดินไปดูเจ้าเอ้อเหลิงจื่อที่บ้านหมาอยู่นานกว่าสิบนาที  และยิ่งมึนงงหนักขึ้นเมื่อเห็นว่าเจ้าเอ้อเหลิงจื่อมันไม่เป็นอะไรเลย

… เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นวะ?

อยู่ดี ๆ เอ้อเหลิงจื่อก็ป่วย

จากนั้นเจียงเหอก็วิ่งเข้าไปป้อนไอ้…ครึ่งลูกนั่น  เออเรียกมันว่าแตงกวาไปก่อนก็ได้

และหลังจากนั้นเอ้อเหลิงจื่อก็ฟื้น

"ยาเบื่อหนู?"

“เด็กนั่นมันรู้ได้ไงว่าเอ้อเหลิงจื่อโดนวางยาเบื่อ?  เดี๋ยวสิ… ในบ้านเราคงไม่โดนวางยาด้วยหรอกนะ  ใช่ไหม? หรือคราวที่แล้วเจ้าเด็กเหลือขอมันยังจำความแค้นที่เอ้อเหลองจื่อไปกัดมันเข้า  เลยเอายาเบื่อมาวาง?”

“ไม่สิ  ไม่ถูกต้อง…”

“ถ้าเอ้อเหลิงจื่อมันกินยาเบื่อเข้าไปจริง ๆ แล้วมันจะรอดเพราะแตงกวาครึ่งลูกได้ยังไงฟะ?”

หวางจงพึมพำในขณะที่กลับเข้าบ้าน  เขาไม่มีอารมณ์จะเปิด war อีกต่อไป  และถามกับเมียว่า “แม่เฒ่า  เธอไปเอาแตงกวามาให้ฉันกินหน่อยได้ไหม?”

***

อีกด้านหนึ่งเจียงเหอจัดการกินแตงกวาอีกครึ่งลูกไปแล้วเรียบร้อย

“หลังจากอัพเกรดตัวเองเป็นกึ่ง ๆ ผู้ฝึกยุทธแล้ว  ระบบย่อยอาหารน่าจะดีขึ้นมากจนสามารถดูซับสรรพคุณส่วนใหญ่ของแตงกวาได้หมดในเวลาสั้น ๆ  จึงทำให้ความอิ่มลดลงไปด้วย”

เขารู้สึกว่าเขายังกินแตงกวาเข้าไปอีกได้

แน่นอนว่าหลังจากที่กินแตงกวาไปสองอันครึ่งนั้นทำให้เขาไม่สามารถกินแตงกวาแบบดิบได้อีกต่อไป

หลังจากหุงข้าวและทำเหลียงป้านหวงกวา (แตงกวาเย็น) เจียงเหอกินข้าวไปด้วยพร้อมกับเปิดดูคลิปวิดีโอในมือถือ

ทันใดนั้น  เขาก็ต้องหรี่ตาลงพร้อมกับอุทานด้วยความประหลาดใจ “นั่นมันไอ้หมารองหลี่ไม่ใช่เหรอ?”

“มันไลฟ์สดอยู่เหรอเนี่ย?”

ชื่อจริงของหมารองหลี่คือ  หลี่เฟย  และมาจากหมู่บ้านเดียวกับเจียงเหอ

ในความทรงจำของเจียงเหอ  พวกเขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันตอนประถม  แต่หมารองหลี่ก็ลาออกทันทีหลังจากจบชั้นประถมศึกษา—ตาเฒ่าที่บ้านของเขาซื้อแพะมามากกว่าสามร้อยตัว  และให้หมารองหลี่ทำหน้าที่เลี้ยง

ย้อนกลับไปในตอนนั้น  เพื่อนร่วมชั้นของพวกเขาล้อเลียนหมารองหลี่  และต้องเซอร์ไพรส์เมื่อตอนที่พวกมันเรียนจบมัธยมปลายและมหาวิทยาลัยหลังจากนั้น  แต่หมารองหลี่ได้กลายเป็นผู้เพาะพันธุ์พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ที่มีชื่อเสียงในท้องถิ่นขึ้นมาแล้ว

และตอนนี้  เขาได้ก่อตั้งสหกรณ์ผู้เพาะพันธุ์สัตว์เพื่อการเกษตร  เลี้ยงวัวหลายร้อยตัวและแพะหลายพันตัวจนมีรายได้ต่อปีมูลค่าถึงเจ็ดหลัก  ขับรถหรู BMW แถมได้สาวสวยอย่างกับนางฟ้ามาแต่งเป็นเมีย

เมื่อเจียงเหอกดเข้าไปดูการไลฟ์สด  เขาพบว่าหมารองหลี่กำลังไลฟ์อยู่ในฟาร์มของตัวเอง

เขายืนอยู่หน้ารถแทรกเตอร์เล็กและยิ้มให้กล้อง “พี่น้องทั้งหลาย  เมื่อสองสามวันก่อนฉันเป็นไข้ใช่มะ?  กลายเป็นว่าหลังจากหายป่วยฉันก็ดันมีพลังอันมหาศาล—ขณะนี้  ขอนำเสนอรถไถเดินตามมือเดียว!”

เขายื่นมือออกไปจับล้อขนาดมหึมาของรถแทรกเตอร์อย่างรุนแรง...

รถแทรกเตอร์ทั้งคันเอนไปด้านข้าง

จากนั้นในเสี้ยววินาทีถัดมา…

ฟุ่บ!

หน้าจอมืดลง

[ขออภัย  ไลฟ์สตรีมที่คุณกำลังดูอยู่ถูกสงสัยว่าละเมิดกฎและถูกระงับชั่วคราว]

เจียงเหอ: “…”

ไลฟ์สดบินไปแล้วสิ

หลังจากผ่านไปสักพัก  เจียงเหอก็ถอนหายใจยาวและพึมพำ "ดูเหมือนว่าการฟื้นคืนของพลังวิญญาณจะถึงจุดพีคแล้ว  และจากที่หมารองหลี่บอก  เขามีพลังมหาศาลในทันทีหลังจากที่หายจากอาการป่วยที่เป็นมาสองสามวัน  ไอ้นี่มัน…"

ในตอนนั้นเอง  ก็ได้มีคำบางคำเข้ามาในหัวของเจียงเหอ—ตื่นขึ้น!

“พรุ่งนี้เช้าค่อยแวะไปถามหมารองหลี่ที่สหกรณ์พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ดีกว่า”

กินข้าวเย็นเสร็จแล้วก็ล้างจาน—ช่างเป็นชีวิตของหนุ่มโสดอันแสนน่าเบื่อ

ก่อนเข้านอน  เจียงเหอก็นึกขึ้นได้ว่าที่บ้านยังมีเมล็ดข้าวโพดอยู่ครึ่งถุง

เขาหยิบมากำมือหนึ่งออกไปที่สวนและปลูกเมล็ดหนึ่งลงในดิน

“เมล็ดพืชของตูจะเปลี่ยนไปหลังจากที่ปลูกป่าวหว่า… เอ๊ะ  เฮ้ย  อะไรวะนั่น?”

หลังจากปลูกข้าวโพด  เจียงเหอสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติอยู่ข้างหลัง  เขาเห็นว่ามีดวงตาสีเขียวมันวับคู่หนึ่งจ้องมองมาที่เขาในความมืด

“โฮ่ง!”

“เอ้อเหลิงจื่อ?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด