บทที่ 3: เอ้อเหลิงจื่อ?
ผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านจินยินถานมีแซ่หวาง นามจง เรียกว่าหวางจง เป็นคนร่างท้วมลงพุงแต่ตัวสูง ส่วนเส้นผมเรียกได้ว่าร่ำรวย... เป็นล้าน!!
หวางจงเป็นผู้มีความสามารถสูงคนหนึ่ง ก่อนจะมาเป็นผู้ใหญ่บ้าน เขาทำงานรับเหมาก่อสร้าง ทำมาหมดแล้ว ทั้งในเมืองและนอกเมืองทั่วทั้งจังหวัด อีกทั้งยังมีชาวบ้านมากมายหลายคนที่ติดตามทำงานด้วยกันกับเขา
จากนั้นหลังจากที่ได้เป็นผู้ใหญ่บ้านในปีที่แล้ว หวางจงได้มอบงานก่อสร้างทั้งหมดให้ลูกชายของเขารับช่วงทำต่อไป
ในช่วงนี้เขามีงานยุ่งมาก ๆ จนไม่มีเวลาพัก แล้ววันนี้ก็มีโอกาสสักที หลังจากกินข้าวเสร็จแล้วเขากะว่าจะ war กับเมียซักรอบสองรอบ สภาพกางเกงก็เลย... แต่เครื่องยังไม่ทันติด ไอ้เจ้าเอ้อเหลิงจื่อก็ดันแหกปากดังลั่นออกมาให้ได้ยินเสียก่อน
หวางจงจึงรีบสวมกางเกงแล้ววิ่งออกไปดู
เมื่อเปิด 'ไฟถนน' ที่ติดตั้งไว้ใต้ชายคา ภาพที่เขาเห็นก็คือ หมาล่าเนื้อตัวใหญ่กำลังกลิ้งไปมา แหกปากกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งขณะที่น้ำลายฟูมปาก… ซึ่งยังคงเป็นฟองฟอดปุดปุดไหลออกมาจากปาก
“ผู้ใหญ่หวาง เป็นอะไรรึเปล่าครับ”
เสียงตะโกนของเจียงเหอพร้อมกับเสียงเคาะประตูปึงปังดังเข้ามา
“มีอะไรหรือตาเฒ่าหวาง?”
เมียของเฒ่าหวางก็ออกมาจากบ้านเช่นกันหลังจากจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้ว และเธอก็ตกตะลึงกับภาพตรงหน้า “เป็นลมบ้าหมูหรือเปล่า” เธอรีบถาม “ไปโทรเรียกสัตวแพทย์มาเร็ว ๆ สิ”
“ไร้สาระ!”
หวางจงทำหน้าบึ้งขณะที่ตำหนิเมีย “หมามันจะเป็นลมบ้าหมูได้ไงเล่า? ไปเปิดประตูทีสิ—ใครมันมากลางดึกกลางดื่นแบบนี้!?”
ถึงแม้เขาสบถสาปแช่งอยู่ เขาก็ยังจ้องแต่หมาที่กำลังกลิ้งไปกลิ้งมาโดยไม่ได้เข้าไปดูใกล้ ๆ
เอ้อเหลิงจื่ออยู่ในสภาพแบบนี้ ถ้าเกิดมันบ้ากัดเขาขึ้นมาล่ะก็โคตรซวยเลยไม่ใช่รึ?
ดังนั้นเขาจึงกลับเข้าไปข้างในเพื่อหาโทรศัพท์และกำลังที่จะโทรหาสัตวแพทย์ แต่กลับได้ยินเมียของเขาที่ไปเปิดประตูหน้าพูดว่า “อ้าว เสี่ยวเจียง! ถ้าจะมาเยี่ยมก็น่าจะบอกกันก่อนนะ… นั่นเอาของฝากมาให้ด้วยเหรอ”
เธอพูดพลางเอื้อมมือไปหยิบถุงพลาสติกที่เจียงเหอถืออยู่
ก็ไอ้ถุงพลาสติกใส่เนื้อที่เจียงเหอพึ่งซื้อมานั่นแหล่ะ
เจียงเหอ : “???”
เขากำถุงเนื้อไว้แน่นพร้อมตอบว่า“ป้าหวาง ผมพึ่งไปซื้อเนื้อแล้วกำลังจะกลับบ้าน พอดีผ่านมาแล้วก็… ได้ยินเสียงเจ้าเอ้อเหลิงจื่อมันร้องน่ะ อ้อ แล้วผู้ใหญ่หวางล่ะครับ สบายดีไหม”
“เอ๊ะ?”
เมียของหวางจงชะงักมือค้างไว้กลางอากาศ โดยไม่รู้ว่าจะพูดคุยอะไรกันต่อ
นี่มัน…
แล้วไหงเธอมาถามถึงผัวฉันล่ะเนี่ย?
ตอนนั้นเจียงเหอก็ได้พุ่งไปอยู่ข้าง ๆ หวางจงแล้ว
จากนั้น หลังจากเหลือบมองเจ้าหมาล่าเนื้อที่กลิ้งไปมาเพียงแวบเดียว เสียงร้องของมันแผ่วลงและหายใจออกมากกว่าเข้า เขาอุทานว่า “แย่แล้วผู้ใหญ่! เจ้าเอ้อเหลิงจื่อของผู้ใหญ่โดนวางยาพิษ!”
“ยาพิษเหรอ?”
หวางจงถามด้วยความตกใจ “หมายความว่ายังไง โดนวางยาพิษ?”
“ผมเดาว่าน่าจะเป็นยาเบื่อหนูนะครับ!”
เจียงเหอ สงบสติอารมณ์ในขณะที่สะบัดมือแล้วควักแตงกวาออกมาหักครึ่งแล้วทุบมัน ก่อนที่จะยัดลงคอเจ้าหมาเอ้อเหลิงจื่อโดยไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมใด ๆ
เมื่อได้สติหวางจงก็ดึงเขาออกมาและตะโกนว่า “เสี่ยวเจียง! ทำอะไรของเอ็งวะเนี่ย!? เอ็งเอาอะไรให้เอ้อเหลิงจื่อมันกินวะ!?”
"แตงกวา"
เจียงเหอถือแตงกวาอีกครึ่งที่เหลือ เขากัดคำหนึ่งแล้วเคี้ยวเสียงดังลั่น กลิ่นหอมหวานโชยออกมา หวางจงเองก็ได้กลิ่นแต่ก็เถียงออกมา “เอ็งเห็นข้าโง่หรือไงวะ? แตงกวาที่ไหนจะสีเหลืองแถมใหญ่เบอร์นี้?!”
“แตงกวาของแท้แน่นอนผู้ใหญ่” แตงกวาครึ่งลูกในมือเจียงเหอมีขนาดใหญ่กว่าแตงกวาทั้งลูกในร้านขายผักอื่น ๆ มันทั้งใหญ่ ทั้งมีสีเหลือง แถมยังมีกลิ่นที่หอมหวานอีกด้วย
“แตงกวาหนอแตงกวา ถ้าแตงกวาเจ้าไม่เป็นสีเหลืองแล้วจะให้เป็นสีอะไรเล่า สีดำเหรอ?”
ตอนนั้นเองเจ้าเอ้อเหลิงจื่อก็กระโดดขึ้นจากพื้นพร้อมกับสะอื้นงี้ดงี้ด มันสะบัดขนฟึบฟับอย่างแรงก่อนจะพุ่งกลับเข้าไปหลบในบ้านหมา
“???”
หวางจงรู้สึกสับสน แต่ในขณะที่เขากำลังจะถามเจียงเหอ ชายหนุ่มก็โบกมือให้เขาและพูดว่า “ผู้ใหญ่หวาง ป้าหวาง ผมมีธุระต้องไปทำต่อขอกลับบ้านก่อนนะครับ”
ถึงแม้ว่าเขาจะดูเฉย ๆ แต่จริง ๆ แล้วเขารู้สึกตื่นเต้นมาก!
“ได้ผลว่ะ แก้พิษได้จริงด้วยเว้ย! ถึงแม้ว่ายาเบื่อหนูจะมีพิษร้ายแรงแต่ก็นับว่าเป็นพิษธรรมดาเท่านั้น… แล้วแตงกวาจะต้านพิษอย่างกระเรียนมงกุฎสีชาดหรือผงตัดลำไส้เจ็ดขั้นได้ไหมหนอ?”
เมื่อเจียงเหอไปเดินถึงประตูหน้า เขาหันกลับมามองเอ้อเหลิงจื่อที่อยู่ในบ้านหมา แล้วก็เกิดความคิดใหม่อันสุดจะบรรเจิดขึ้น “จำได้ว่ามียาฆ่าแมลงที่เรียกว่าพาราควอตซึ่งมีพิษร้ายแรงกว่าด้วยนิ หากมนุษย์คนใดก็ตามดื่มเข้าไปจะไม่รอดแน่นอนต่อให้จะไปถึงโรงบาลทันเวลาและทำการล้างท้องแล้วก็เถอะ ว่าแล้วไปหามาลองสักขวดหนึ่งดีกว่า”
เจ้าเอ้อเหลิงจื่อครางหงิงหงิงเบา ๆ อยู่ในบ้านหมา
ในขณะเดียวกันหวางจงได้เดินไปดูเจ้าเอ้อเหลิงจื่อที่บ้านหมาอยู่นานกว่าสิบนาที และยิ่งมึนงงหนักขึ้นเมื่อเห็นว่าเจ้าเอ้อเหลิงจื่อมันไม่เป็นอะไรเลย
… เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นวะ?
อยู่ดี ๆ เอ้อเหลิงจื่อก็ป่วย
จากนั้นเจียงเหอก็วิ่งเข้าไปป้อนไอ้…ครึ่งลูกนั่น เออเรียกมันว่าแตงกวาไปก่อนก็ได้
และหลังจากนั้นเอ้อเหลิงจื่อก็ฟื้น
"ยาเบื่อหนู?"
“เด็กนั่นมันรู้ได้ไงว่าเอ้อเหลิงจื่อโดนวางยาเบื่อ? เดี๋ยวสิ… ในบ้านเราคงไม่โดนวางยาด้วยหรอกนะ ใช่ไหม? หรือคราวที่แล้วเจ้าเด็กเหลือขอมันยังจำความแค้นที่เอ้อเหลองจื่อไปกัดมันเข้า เลยเอายาเบื่อมาวาง?”
“ไม่สิ ไม่ถูกต้อง…”
“ถ้าเอ้อเหลิงจื่อมันกินยาเบื่อเข้าไปจริง ๆ แล้วมันจะรอดเพราะแตงกวาครึ่งลูกได้ยังไงฟะ?”
หวางจงพึมพำในขณะที่กลับเข้าบ้าน เขาไม่มีอารมณ์จะเปิด war อีกต่อไป และถามกับเมียว่า “แม่เฒ่า เธอไปเอาแตงกวามาให้ฉันกินหน่อยได้ไหม?”
***
อีกด้านหนึ่งเจียงเหอจัดการกินแตงกวาอีกครึ่งลูกไปแล้วเรียบร้อย
“หลังจากอัพเกรดตัวเองเป็นกึ่ง ๆ ผู้ฝึกยุทธแล้ว ระบบย่อยอาหารน่าจะดีขึ้นมากจนสามารถดูซับสรรพคุณส่วนใหญ่ของแตงกวาได้หมดในเวลาสั้น ๆ จึงทำให้ความอิ่มลดลงไปด้วย”
เขารู้สึกว่าเขายังกินแตงกวาเข้าไปอีกได้
แน่นอนว่าหลังจากที่กินแตงกวาไปสองอันครึ่งนั้นทำให้เขาไม่สามารถกินแตงกวาแบบดิบได้อีกต่อไป
หลังจากหุงข้าวและทำเหลียงป้านหวงกวา (แตงกวาเย็น) เจียงเหอกินข้าวไปด้วยพร้อมกับเปิดดูคลิปวิดีโอในมือถือ
ทันใดนั้น เขาก็ต้องหรี่ตาลงพร้อมกับอุทานด้วยความประหลาดใจ “นั่นมันไอ้หมารองหลี่ไม่ใช่เหรอ?”
“มันไลฟ์สดอยู่เหรอเนี่ย?”
ชื่อจริงของหมารองหลี่คือ หลี่เฟย และมาจากหมู่บ้านเดียวกับเจียงเหอ
ในความทรงจำของเจียงเหอ พวกเขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันตอนประถม แต่หมารองหลี่ก็ลาออกทันทีหลังจากจบชั้นประถมศึกษา—ตาเฒ่าที่บ้านของเขาซื้อแพะมามากกว่าสามร้อยตัว และให้หมารองหลี่ทำหน้าที่เลี้ยง
ย้อนกลับไปในตอนนั้น เพื่อนร่วมชั้นของพวกเขาล้อเลียนหมารองหลี่ และต้องเซอร์ไพรส์เมื่อตอนที่พวกมันเรียนจบมัธยมปลายและมหาวิทยาลัยหลังจากนั้น แต่หมารองหลี่ได้กลายเป็นผู้เพาะพันธุ์พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ที่มีชื่อเสียงในท้องถิ่นขึ้นมาแล้ว
และตอนนี้ เขาได้ก่อตั้งสหกรณ์ผู้เพาะพันธุ์สัตว์เพื่อการเกษตร เลี้ยงวัวหลายร้อยตัวและแพะหลายพันตัวจนมีรายได้ต่อปีมูลค่าถึงเจ็ดหลัก ขับรถหรู BMW แถมได้สาวสวยอย่างกับนางฟ้ามาแต่งเป็นเมีย
เมื่อเจียงเหอกดเข้าไปดูการไลฟ์สด เขาพบว่าหมารองหลี่กำลังไลฟ์อยู่ในฟาร์มของตัวเอง
เขายืนอยู่หน้ารถแทรกเตอร์เล็กและยิ้มให้กล้อง “พี่น้องทั้งหลาย เมื่อสองสามวันก่อนฉันเป็นไข้ใช่มะ? กลายเป็นว่าหลังจากหายป่วยฉันก็ดันมีพลังอันมหาศาล—ขณะนี้ ขอนำเสนอรถไถเดินตามมือเดียว!”
เขายื่นมือออกไปจับล้อขนาดมหึมาของรถแทรกเตอร์อย่างรุนแรง...
รถแทรกเตอร์ทั้งคันเอนไปด้านข้าง
จากนั้นในเสี้ยววินาทีถัดมา…
ฟุ่บ!
หน้าจอมืดลง
[ขออภัย ไลฟ์สตรีมที่คุณกำลังดูอยู่ถูกสงสัยว่าละเมิดกฎและถูกระงับชั่วคราว]
เจียงเหอ: “…”
ไลฟ์สดบินไปแล้วสิ
หลังจากผ่านไปสักพัก เจียงเหอก็ถอนหายใจยาวและพึมพำ "ดูเหมือนว่าการฟื้นคืนของพลังวิญญาณจะถึงจุดพีคแล้ว และจากที่หมารองหลี่บอก เขามีพลังมหาศาลในทันทีหลังจากที่หายจากอาการป่วยที่เป็นมาสองสามวัน ไอ้นี่มัน…"
ในตอนนั้นเอง ก็ได้มีคำบางคำเข้ามาในหัวของเจียงเหอ—ตื่นขึ้น!
“พรุ่งนี้เช้าค่อยแวะไปถามหมารองหลี่ที่สหกรณ์พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ดีกว่า”
กินข้าวเย็นเสร็จแล้วก็ล้างจาน—ช่างเป็นชีวิตของหนุ่มโสดอันแสนน่าเบื่อ
ก่อนเข้านอน เจียงเหอก็นึกขึ้นได้ว่าที่บ้านยังมีเมล็ดข้าวโพดอยู่ครึ่งถุง
เขาหยิบมากำมือหนึ่งออกไปที่สวนและปลูกเมล็ดหนึ่งลงในดิน
“เมล็ดพืชของตูจะเปลี่ยนไปหลังจากที่ปลูกป่าวหว่า… เอ๊ะ เฮ้ย อะไรวะนั่น?”
หลังจากปลูกข้าวโพด เจียงเหอสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติอยู่ข้างหลัง เขาเห็นว่ามีดวงตาสีเขียวมันวับคู่หนึ่งจ้องมองมาที่เขาในความมืด
“โฮ่ง!”
“เอ้อเหลิงจื่อ?”