บทที่ 13: ฟาร์มเลเวลอัพ เจียงเหอเริ่มเคลื่อนไหว
เจียงเหอไม่ได้ออกจากบ้านมาสี่วันแล้ว
ความสุขที่สุดของเขาในช่วงนี้คือ แต่ละวันตื่นนอนตอนเช้าเพื่อไปเด็ดแบงค์ร้อยหยวน เนื่องจากเขามีรายได้ไม่ต่ำกว่าหมื่นหยวนต่อวัน การทำกำไรที่ง่ายดายนี้เป็นสิ่งที่น่าพอใจอย่างยิ่ง
[ติ๊ง!]
[ฟาร์มพอยท์ +1]
[ติ๊ง…]
การแจ้งเตือนของระบบยังคงดังอยู่ข้างหู ในขณะที่ดวงตาของเขาจะจับจ้องไปที่หน้าต่างระบบ
แถบความคืบหน้า EXP ของระดับฟาร์มค่อย ๆ เพิ่มขึ้น โดยเพิ่ม 0.05 EXP ทุกครั้งที่เด็ดแบค์ร้อยหยวน ทำให้เขาได้รับ 5 EXP ทุก ๆ 100 ใบ
และในที่สุด เขาก็เก็บแบงค์ร้อยหยวนของวันนี้จนเสร็จ
[ติ๊ง!]
การแจ้งเตือนของระบบดังขึ้นในหูอีกครัง
[ขอแสดงความยินดีโฮสต์! ฟาร์มของคุณตอนนี้มีเลเวล 2]
[รางวัลโบนัส : เมล็ดถั่ว x3, กระเป๋าเก็บของ +3 ช่อง]
เจียงเหอ ได้ตรวจสอบหน้าจอระบบอีกครั้งแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
[ชื่อ : เจียงเหอ]
[การฝึกฝน : ระดับ 3 ขั้นสูง]
[ความสามารถ : ไม่มี]
[วิชาฝึกฝน : กายาวัชระคงกระพัน (เริ่มต้น+)]
[ที่ดินที่เป็นเจ้าของ: 888 m²]
[ระดับฟาร์ม : เลวล 2 (EXP 1/500)]
[กระเป๋า : 6 ช่อง]
[ร้านค้าระบบ : ปลดล็อค]
[ฟาร์มพอยท์ : 263]
“เอ๊ะ? การฝึกฝนถึงระดับสามขั้นสูงแล้ว?”
“ช่วงนี้วัน ๆ ตูเอาแต่กินกับนอน จนไม่ได้ดูว่าระดับการฝึกฝนของตัวเองเพิ่มขึ้น…”
“ยังมีแตงกวาเหลืออยู่ประมาณห้าสิบห้าลูก คิดว่าอีกซักสิบห้าอันก็น่าจะไปถึงระดับสี่… เมื่อไปถึงระดับนั้น ตูจะได้เริ่มฝึกฝนพลังลมปราณสักที”
ระดับ 1-3 ฝึกฝนร่างกาย
ในขณะที่ผู้ฝึกยุทธคนอื่น ๆ ต้องขัดเกลา เคี่ยวกรำ และฝึกฝนร่างกายอย่างหนักกว่าจะถึงระดับสาม แต่เจียงเหอแค่กินแตงกวา
แต่ว่าระดับสี่นั้นแตกต่างกัน สำหรับผู้ฝึกยุทธระดับสี่จะต้องฝึกพลังลมปราณ
ดังนั้นเจียงเหอจึงต้องการคัมภีร์วิชาเพิ่ม
“ฟาร์มเลเวล 2 แล้ว ปลูกคัมภีร์เพิ่มได้อีก 2 วิชา… และนอกจากคัมภีร์เก้าเอี้ยงแล้วยังต้องหาวิชาตัวเบาด้วย ท่าเท้าท่องคลื่นน่าจะดี แต่ว่าในเน็ตมันจะมีรายละเอียดการฝึกไหมหว่า แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร ยังไง ๆ มันก็เป็นนิยายอยู่แล้ว ตูลองเขียนขึ้นมาเองดูก่อนก็ได้”
“อีกอย่าง ยังไม่ได้ลองเอาอาวุธมาปลูกดูเลย ไอ้นี่ก็ต้องลองดูด้วยเหมือนกัน”
เจียงเหอมองดูนาฬิกา ก็พบว่าเที่ยงตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เขาจึงถอนหายใจออกมา
“เจ็ดวันก่อน ระบบก็ตื่นขึ้นมาเวลานี้… เจ็ดวันผ่านไปนี่พริบตาเดียวจริง ๆ ว่ะ”
“เอาเถอะ มาลองเทสต์เมล็ดถั่วที่ระบบให้มาดีกว่า!”
เมื่อกำลังจะเอาเมล็ดถั่วออกมาเพาะ เสียงของระบบก็ดังออกมาอีกครั้ง
[ติ๊ง!]
[มอบแพ็คของขวัญเจ็ดวัน โฮสต์โปรดตรวจสอบ]
"เอ๊ะ?"
เจียงเหอตกตะลึงและในไม่ช้าก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
แพ็กของขวัญเจ็ดวัน… ทำไมมันถึงไม่ต่างจากเกมทำฟาร์มที่เขาเคยเล่นในชีวิตก่อนหน้านี้เลย? ล็อกอินเข้าสู่ระบบครบเจ็ดวันติดต่อกัน ก็ได้แพ็คของขวัญเจ็ดวัน จากนั้นก็มีแพ็คของขวัญหนึ่งเดือนด้วย
ดังนั้น เจียงเหอจึงตรวจสอบกระเป๋าเก็บของ
ช่องแรกมีแตงกวา 55 ลูก
ช่องสองมีข้าวโพด 82 ฝัก—เจียงเหอกินแต่แตงกวาเพื่อยกระดับการฝึกฝนในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ดังนั้นข้าวโพดจึงไม่ถูกแตะต้องเลย
ช่องที่สามมีเมล็ดถั่วทองคำสามเมล็ด และช่องที่สี่คือแพ็คของขวัญ
เขาตัดสินใจเปิดแพ็คของขวัญ
[ขอแสดงความยินดี โฮสต์ได้รับดินลึกลับ]
ถุงเล็ก ๆ ที่ใส่ปุ๋ยเหมือนกับที่ขายในร้านดอกไม้ก็ปรากฏในกระเป๋าของเจียงเหอในทันที และข้างในนั้นคือ—
“เชรี่ย!”
“ไอ้ของดำ ๆ นี่มันอะไรวะ?”
เจียงเหอถลึงตามองแล้วขอมูลของมันก็ปรกฏขึ้น
[ดินลึกลับ]
[มีเอฟเฟกต์อันลึกลับที่ส่งเสริมการปลูกพืช ปรับปรุงสภาพดินในช่วงระยะเวลาอันสั้น ทำให้ดินภายนอกมีผลเช่นเดียวกับในฟาร์ม]
เจียงเหอพูดอะไรไม่ออก
ไอ้นี่มันมีอะไรดี?
'ตูใช้แค่ที่ฟาร์มนี่ปลูกผักไม่ได้เหรอ? ทำไมต้องไปปลูกที่อื่น?'
“อีกอย่าง เกษตรกรต่างโลกที่ตูอ่านเขาก็พกฟาร์มตัวเองไปไหนมาไหนได้ อยากปลูกตอนไหนก็ปลูก อยากเกี่ยวตอนไหนก็เกี่ยว แล้วทำไมเทคโนโลยีของเอ็งมันต่ำกว่าคนอื่นเขาวะ?
"ระบบ?
"ระบบโว้ย?"
เจียงเหอก่นด่าหลังจากตะโกนอยู่นานแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบจากระบบ และแล้วในขณะที่เขากำลังจะปลูกเมล็ดถั่วเพื่อทดสอบความสามารถของมัน เขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น
มีคนมาเคาะประตูหน้าบ้านแล้วตะโกนเข้ามาว่า “เหล่าเจียงอยู่บ้านรึเปล่า?”
เจียงเหอเหลือบมองลงไปที่เอ้อเหลิงจื่อที่นอนอยู่ที่เท้าของเขาและดุว่า “บัดซบ เอ็งจะเห่าซักหน่อยเวลามีคนมาบ้านไม่ได้เหรอวะ?”
ทีหมาบ้านอื่นนี่อเลิร์ทขนาดล่ามโซ่ไว้ยังเอาไม่อยู่
แต่ไอ้เอ้อเหลิงจื่อตัวนี้ล่ะ?
หลังจากโดนดุ มันยังตีหน้ามึน และหันหัวไปเห่า บ๊อก บ๊อก อย่างอ่อนแรง
“…”
เจียงเหอเตะตูดเอ้อเหลิงจื่อแล้วเดินไปเปิดประตูบ้าน
ประตูในหมู่บ้านเกษตรกรรมทำมาจากเหล็กและส่วนใหญ่เป็นสีเขียว แดง หรือเงิน
ประตูบ้านของเจียงเหอเป็นสีแดงในตอนแรก แต่มันก็ค่อนข้างจะเก่าแล้ว ก็เลยเริ่มจะเป็นสนิมขึ้นมาบ้างเล็กน้อย
และเมื่อเขาเปิดประตูก็พบรอยฝ่ามืออยู่เต็มไปหมด
แต่ละรอยเป็นรอยบุบที่บานประตูเหล็ก และชัดเจนมาก
ข้างนอกมีชายร่างผอมสวมสูท รองเท้าหนัง และแว่นกันแดด ค่อย ๆ ยิ้มออกมา “ขอโทษด้วยเหล่าเจียง… แต่ไม่ต้องห่วงฉันจะหาประตูใหม่มาเปลี่ยนให้”
เจ้าผู้ชายหน้าเหมือนหมานี่… มันคือหมารองหลี่ ชื่อจริงหลี่เฟย!
เจียงเหอพูดไม่ออกและทำหน้าบึ้ง
“เอ็งจะรอซักหน่อยไม่ได้เหรอวะ เวลาเคาะประตูบ้านคนอื่นน่ะ”
“ฉันพึ่งปลุกพลังน่ะ ก็เลยยังควบคุมแรงไม่ค่อยได้”
"จริงสิ เอ็งไม่ได้โดนสำนักจัดการคดีพิเศษแห่งชาติจับตัวไปเหรอ? พวกนั้นเขาปล่อยตัวออกมาแล้วเหรอ?”
“หมายความว่าไงฟะไอ้ที่ว่าจับตัวน่ะ”
ลี่เฟยถอดแว่นกันแดดออกและยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ฉันได้รับเชิญให้เข้าร่วมต่างหากล่ะเฟ้ย”
เขาพูดเบา ๆ ไปพลางขยับเสื้อสูทเล็กน้อยเพื่อเผยให้เห็นบัตรประจำตัวที่เสียบไว้ในกระเป๋าเสื้อว่า “องค์กรรู้ว่าฉันได้ปลุกพลังพิเศษแล้ว” เขากล่าวเสริมอย่างใจเย็น “เพราะงั้นพวกนั้นเลยมาเชิญฉันไปคุย และชักชวนให้เข้าร่วมต่างหาก โอเค้?”
“เอ่อ…”
“อันที่จริง ฉันเคยชินกับอิสระและอึดอัดกับการถูกควบคุมมากเกินไป แต่คำเชิญชวนขององค์กรนั้นจริงใจ และฉันเองก็อยากช่วยประเทศด้วย ฉันจึงเข้าร่วมกับพวกเขาทั้ง ๆ ที่ยังกังวลใจอยู่”
ฮะฮ่า
เจียงเหอจหัวเราะออกมาแล้วกล่าวว่า “แต่ก็เจ๋งสุด ๆ ใช่ป่าว? ต่อแต่นี้ไปเอ็งได้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐแล้วไม่ใช่เหรอ?”
สหายผู้นี้มันได้ข้อมูลมาว่าเจียงเหอเป็น 'ผู้ฝึกสัตว์อสูร' ก็เลยมาอวดเบ่งซักหน่อย
แน่นอนว่าไม่มีทางที่หมารองหลี่จะรู้ว่าเจียงเหอรู้อยู่แล้วว่ามันเป็นผู้เหนือมนุษย์คลาส D ที่ตื่นขึ้นด้วยการปลุกพลังพิเศษ… เป็นตัวรับกระสุนที่อยู่แทบจะล่างสุดในหมู่ผู้เหนือมนุษย์ด้วยกันทั้งหมด และยังเป็นประเภทที่ธรรมดาที่สุดอีกต่างหาก แล้วยังมีประโยชน์น้อยกว่าหวางซืออวี่อีกด้วย
แต่ในขณะที่ชายสองคนกำลังพูดคุยเหลวไหลไร้สาระกันอยู่นั้นเอง หวางซืออวี่ก็เข้ามาหาพวกเขาจากระยะไกล
“หลี่เฟยก็อยู่ด้วยเหรอ? ดีมาก ฉันจะได้แจ้งพร้อมกันเลย”
จากนั้นเธอก็หันไปหาเจียงเหอผู้ซึ่งเริ่มคิดฉาก 'ความรัก' ต่าง ๆ ระหว่างตัวเขากับหวางซืออวี่ด้วยนิสัยสันดาน กลับกันเธอไม่ได้หน้าแดงแต่กลับดูตกใจมากแทน
ความจริงก็คือเธอใช้การอ่านใจ แต่เธอไม่สามารถสัมผัสถึงความคิดที่แท้จริงของเจียงเหอเหมือนที่เคยเป็น
“การอ่านใจของเธอไร้ประโยชน์หลังจากที่ระดับการฝึกของฉันเพิ่มขึ้นสินะ” จู่ ๆ ความคิดนี้ก็เกิดขึ้นกับเจียงเหอ
แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยทั้ง ๆ ที่มันควรจะเรื่องดีล่ะ?
“อืม…” หวางซืออวี่รำพึงอยู่ครู่หนึ่งจึงกัดฟันพูดออกมา “เจียงเหอ นายช่วยฉันหน่อยได้ไหม?”
“หมู่บ้านไป๋ถูก่างถูกสัตว์อสูรโจมตีเมื่อคืนนี้ สามคนถูกฆ่า แปดคนได้รับบาดเจ็บ ปศุสัตว์จำนวนมากถูกฆ่า ผู้เชี่ยวชาญขององค์กรส่วนใหญ่มุ่งหน้าไปที่ภูต้าตง ตอนนี้จึงขาดบุคลากร นายเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูร ฉันหวังว่านายจะมาช่วย...”
เจียงเหอไม่ได้ตกลงในทันที
เมื่อไตร่ตรองเรื่องนี้อยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ถามขึ้นว่า “สัตว์อสูรระดับไหน?”
“ฉันช่วยก็ได้นะ แต่มีข้อแม้ ฉันต้องการข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับการฟื้นคืนพลังวิญญาณ องค์กรสามารถให้ข้อมูลบางอย่างกับฉันได้ไหม?”