849-850
1/10
Ep.849
พอถึงวันที่สี่ [รถศึกอัจฉริยะ] ก็เข้าสู่เทือกเขาของเกาะชิงหยุน
เกาะชิงหยุนแม้ถูกเรียกว่าเกาะ แต่มันมีพื้นที่ขนาดใหญ่มาก ไม่ต่างจากทวีปเล็กๆเลย
“เสี่ยวจือ นี่คือเทือกเขาหยุนหลัวใช่รึเปล่า?” ซูเฉินถาม
ต้นไม้แห่งชีวิตปรากฏขึ้นในเขตแดนลับของเทือกเขาหยุนหลัว ดังนั้นก่อนอื่นต้องทราบที่ตั้งของเทือกเขาหยุนหลัว
“เจ้านาย ที่นี่คือเทือกเขาเทียนชาง” [รถศึกอัจฉริยะ] ตอบทันที
เทือกเขาเทียนชาง?
ซูเฉินทวนคำ ก่อนถามว่า “ค้นหาเทือกเขาหยุนหลัว แล้วตรวจสอบตำแหน่งที่แน่นอนของมัน”
ไม่กี่วินาทีต่อมา ตำแหน่งของเทือกเขาหยุนหลัวก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอควบคุมส่วนกลาง
ซูเฉินกวาดสายตามอง แต่แล้วคิ้วของเขาต้องขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
เพราะตำแหน่งปัจจุบันที่เขาอยู่ในตอนนี้ มันห่างไกลจากเทือกเขาหยุนหลัวมาก เรียกได้เลยว่าเกือบอีกฟากนึงขอเกาะ
ต่อให้ [รถศึกอัจฉริยะ] เร่งความเร็วเต็มพิกัด เกรงว่าอาจต้องใช้เวลา10-15 วันจึงจะไปถึง
ซูเฉินถอนหายใจ “เสี่ยวจือ มุ่งหน้าไปเทือกเขาหยุนหลัว”
เพื่อต้นไม้แห่งชีวิต ต่อให้อยู่ไกลแค่ไหนก็ต้องไป
“รับทราบ”
[รถศึกอัจฉริยะ] เปิดฟังก์ชั่นการบิน ลอยลำไปยังทิศทางเทือกเขาหยุนหลัว
เนื่องจากศิลาวิญญาณเหินที่เขาติดตั้งไว้ก่อนหน้านี้ใกล้จะหมดลงแล้ว ความเร็วของมันจึงไม่เท่ากับตอนวิ่งบนพื้นดิน ทว่าเนื่องจากสภาพแวดล้อมของที่นี่มีความซับซ้อน เลยต้องจำใจเดินทางทางอากาศเท่านั้น
พอเห็น [รถศึกอัจฉริยะ] บินได้ ฉีมู่เฟิงต้องตกตะลึงอีกครั้ง
“ซูเฉิน นี่เจ้าซื้อรถฐานทัพคันนี้มาจากที่ไหน?” ฉีมู่อวี้ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
รถฐานทัพที่มีมนต์ขลังเช่นนี้ ดึงดูดความสนใจของเธอเป็นอย่างมาก สาวเจ้าคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าตัวเองจะสามารถเป็นเจ้าของรถแบบนี้เหมือนเขาบ้าง
“สวรรค์ประทานให้”
ซูเฉินยิ้มอย่างที่เลศนัย
[รถศึกอัจฉริยะ] ปลดล็อคมาจากชิ้นส่วน ดังนั้นหากตอบว่า ‘สวรรค์ประทานให้’ ก็คงไม่ใช่เรื่องเกินจริง
เมื่อเห็นว่าซูเฉินไม่อยากพูดถึงมัน ฉีมู่อวี้ก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างเงียบๆ
…
[รถศึกอัจฉริยะ] บินได้ครึ่งชั่วโมง ทันใดนั้นนกสำรวจก็ร้องเตือนขึ้นด้วยความตื่นเต้น “เจ้านาย ข้ารู้สึกได้ถึงการมีอยู่ของศิลารวมวิญญาณ”
นกสำรวจไม่เพียงสามารถคาดการณ์ถึงอันตรายได้เท่านั้น แต่มันยังมีความสามารถในการตรวจจับสมบัติอีกด้วย
สิ่งที่มันเอ่ยปาก สมควรเป็นสมบัติล้ำค่า
“ศิลารวมวิญญาณคืออะไร?” ซูเฉินเร่งถาม
นกสำรวจไม่ทันได้ตอบ ฉีมู่เฟิงที่อยู่ด้านข้างก็เอ่ยขึ้นว่า “ศิลารวมวิญญาณมีสรรพคุณเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นคือช่วยเสริมพลังธาตุไฟแก่มหาเพลิงเอกลักษ์”
ดวงตาของซูเฉินเปล่งประกายขึ้นมาทันที
เพราะไม่ว่าจะเป็นอัคคีผลาญแปดทิศหรือโลกันต์เยือกแข็ง แม้มีฐานฝึกตนอยู่แค่ขั้น 8 แต่พลังไม่อาจมองข้าม หากพวกมันสามารถยกระดับสู่ขั้นต่อไป อำนาจทำลายล้างยามปลดปล่อยย่อมเพิ่มสูงขึ้นอย่างแน่นอน
ซูเฉินสูดหายใจเข้าลึกๆ เอ่ยถามว่า “เสี่ยวซุ่น ศิลารวมวิญญาณที่ว่าอยู่ตรงไหน”
“อยู่ข้างล่างพวกเรา” นกสำรวจตอบกลับทันที
“เสี่ยวจือ ร่อนลงจอด” ซูเฉินออกคำสั่ง
[รถศึกอัจฉริยะ] ค่อยๆลดระดับลง แต่แล้วมันก็เอ่ยเตือนว่า “เจ้านาย มีผู้ฝึกตนหลายคนอยู่ข้างล่าง และมีถึงสองคนอยู่ในขั้น 10”
เป็นไปได้ไหมว่าคนพวกนี้มาเพื่อศิลารวมวิญญาณ?
ซูเฉินคาดเดา ก่อนเบนสายตาไปยังหน้าจอควบคุมส่วนกลาง
หน้าจอเริ่มสลับสับเปลี่ยนโดยไม่ต้องให้เขาสั่ง ปรากฏภาพมนุษย์ผู้หนึ่งกำลังถูกปิดล้อมโดยมนุษย์อีกนับสิบคน
สถานการณ์ในสนามรบตึงเครียดมาก คล้ายพร้อมจะฆ่าฟันกันได้ทุกเมื่อ
เห็นแบบนี้ ซูเฉินก็ถาม [รถศึกอัจฉริยะ] ว่า “เสี่ยวจือ นายตรวจจับศิลารวมวิญญาณจากตัวพวกเขาได้แล้วรึยัง”
[รถศึกอัจฉริยะ] มีความสามารถในการตรวจจับแร่ล้ำค่า ทว่าความสามารถนี้ของมันยังห่างไกลจากนกสำรวจอยู่หลายขุม แต่ด้วยระยะทางที่ใกล้เข้ามา ซูเฉินเชื่อว่ารถศึกน่าจะตรวจจับมันได้แล้ว
2/10
Ep.850
“ตอนแรกไม่ แต่ตอนนี้ตรวจจับได้แล้ว ศิลารวมวิญญาณก้อนนั้นอยู่บนตัวผู้ฝึกตนขั้น 10 ที่อยู่ตรงกลาง” [รถศึกอัจฉริยะ] ตอบกลับ
“อ้อ”
ซูเฉินพยักหน้า เดิมทีเขาคิดว่าศิลารวมวิญญาณไม่มีเจ้าของ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า น่าจะเป็นกลุ่มคนนับสิบที่ต้องการแย่งชิงศิลารวมวิญญาณกับผู้ฝึกตนขั้น 10 ผู้นี้
แต่สถานการณ์จะเป็นยังไงก็ช่าง ตั้งแต่ที่พบเขาศิลารวมวิญญาณต้องตกเป็นของเขาเท่านั้น
[รถศึกอัจฉริยะ] ลดระดับลงจากฟากฟ้า มันได้ดึงดูดความสนใจของทุกคนทันที
ดวงตาของทั้งหมดเบิกกว้าง จับจ้อง [รถศึกอัจฉริยะ] อย่างระแวดระวัง
“ทุกคนรออยู่ในรถ ฉันจะออกไปดูซักหน่อย”
เมื่อ [รถศึกอัจฉริยะ] ลงจอด ซูเฉินก้าวลงจากรถเพียงลำพัง
“ไอ้หนู แกมาทำอะไรที่นี่? ถ้าไม่อยากตายก็ไสหัวไปซะ!” ชายชราคนหนึ่งที่มีใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยับย่น เมื่อเห็นว่าซูเฉินเป็นเพียงเด็กหนุ่ม ท่าทีที่เดิมตึงเครียดก็ผ่อนคลายลง กล้าตะโกนใส่ซูเฉิน
“แกนับเป็นตัวอะไร? กล้าดียังไงมาไล่ฉัน” ซูเฉินกระชากเสียงเย็นชา หันไปพูดกับผู้ฝึกตนขั้น 10 ว่า “ส่วนคุณ คุณมีศิลารวมวิญญาณอยู่ก้อนหนึ่งใช่ไหม? ถ้ายอมมอบมันให้ฉัน ฉันจะยอมช่วยคุณแก้ปัญหานี้”
ผู้ฝึกตนขั้น 10 ที่ถูกปิดล้อมเป็นชายวัยกลางคนที่มีผิวดำคล้ำ พอได้ยินคำพูดของซูเฉิน สีหน้าก็พลันชะงักงันไป
ต้องรู้นะว่า คนรอบข้างเขาล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งขั้น 9 ขึ้นไปทั้งสิ้น ขณะที่ซูเฉินดูยังไงก็อายุไม่ถึง 20 ปี
คนอายุไม่ถึง 20 ปี จะแข็งแกร่งซักแค่ไหนกันเชียว?
ผู้ใดกันที่มอบความกล้าหาญให้เขาพูดเช่นนี้
ช่างเป็นคำพูดใหญ่โตโอหังซะจริง
“ฮะ … ฮะ ฮะ …”
รอบข้างพลันระเบิดเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ผู้คนนับสิบมองซูเฉินราวกับเป็นคนโง่งม
“ไอ้หนู แกกระโดดออกมาจากรูไหน? รู้รึเปล่าว่าพวกเราเป็นใคร? คิดฆ่าพวกเรางั้น? สมองแกคงมีแต่น้ำใช่ไหม?”
ชายหัวล้านที่มีฐานฝึกตนขั้น 9 กล่าวเยาะเย้ยซูเฉิน
“ก็แค่ตัวประกอบคนนึง จะพูดเยอะเกินไปหน่อยแล้ว”
ซูเฉินเบ้ปาก ระเบิดพลังจิตออกมาในทันที ปัง! บังเกิดเสียงปะทะรุนแรง ชายหัวล้านยังไม่ทันตอบสนอง ศีรษะกลายเป็นละอองเลือด ตายคาที่
ซู๊ดดดด!
ได้เห็นฉากนี้ เสียงสูดหายใจเย็นเยียบดังขึ้นรอบด้าน
“เจ้าเป็นปรมาจารย์พลังจิตขั้น 10!”
ชายชราขั้น 10 ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยับย่น เหม่อมองซูเฉินด้วยความตื่นตกใจ
ชายหัวล้านคือผู้วิวัฒนาการขั้น 9 แต่เขากลับถูกสังหารในพริบตาโดยไม่ทันได้ต่อต้านใดๆ นี่แสดงให้เห็นว่า ซูเฉินย่อมเป็นปรมาจารย์พลังจิตขั้น 10 อย่างแน่นอน
การจู่โจมของปรมาจารย์พลังจิต เป็นที่ทราบกันดีว่าสามารถสังหารคนโดยไร้สรรพเสียง
เมื่อพวกเขารู้ว่าซูเฉินเป็นปรมาจารย์พลังจิตขั้น 10 ก็เริ่มเกิดแรงกดดันในหัวใจ
ซูเฉินไม่สนใจชายชราขั้น 10 หันไปพูดกับชายวัยกลางคนผิวดำแล้วกล่าวว่า “ข้อเสนอของฉัน คุณตกลงรึเปล่า?”
ชายวันกลางคนผิวคล้ำลังเลเล็กน้อย สุดท้ายกัดฟันกล่าวว่า “ฉันตกลง”
ซูเฉินคือปรมาจารย์พลังจิตขั้น 10 เรื่องนี้เหนือความคาดหมายของเขา
นอกจากนี้ ท่าทีที่ซูเฉินแสดงออกมา ราวกับว่าเขาไม่เห็นทุกคนอยู่ในสายตา
นี่คือการแสดงออกที่บ่งบอกถึงความมั่นใจในตัวเองเป็นอย่างสุดโต่ง!
–มั่นใจว่าสามารถสังหารทุกคนที่ขวางหน้า! ชายวัยกลางคนถึงกับเกิดความคิดขึ้นมา ว่าหากเขาไม่มอบศิลารวมวิญญาณให้ ตนก็คงถูกฆ่าเช่นกัน
“เป็นตัวเลือกที่ฉลาดมาก!!”
ซูเฉินเอ่ยปากชม หันไปมองชายชราขั้น 10
“ช้าก่อน ข้ามีบางอย่างจะพูด”
สบตากับซูเฉิน ชายชราขั้น 10 สัมผัสได้ถึงจิตสังหารอันรุนแรงกดทับเข้ามา ในหัวใจต้องสั่นสะท้าน
แม้จะอยู่ขั้น 10 เหมือนกัน แต่แรงกดดันที่ซูเฉินมีต่อเขานั้นรุนแรงชนิดไม่เคยพบเจอมาก่อนในชีวิต
ภายใต้แรงกดดันนี้ เขาไม่ต้องการที่จะวิวาทกับซูเฉิน