ลูกเขยพ่อมารร้ายตอนที่ 99
บทที่ 99: โรแมน
เฉินรุยรีบนำสิ่งของที่เป็นปัญหานี้คืนให้เลนนอนและส่ายหัว “ข้ารับทราบถึงความกรุณาของเจ้าจริงๆ แต่ข้าคงใช้สิ่งนี้ไม่ได้” ล้อเล่นตูหรือไงฟร๊ะ? การใช้สิ่งนั้นไม่ได้แสดงให้เห็นว่าตูมันเป็นคนไร้สมรรถภาพหรือไง?
ในฐานะผู้มีพรหมจารีรักษาบริสุทธิ์ทั้งสองชีวิต จะให้มาถูกดูถูกแบบนี้ได้เยี่ยงไร?
เลนนอนไม่ได้เอื้อมมือไปหยิบ แต่มันก็ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ของที่ข้ามีให้ก็เหมือนผู้หญิงที่ข้าเคยคบด้วย ข้าจะไม่เอามันกลับมา และถ้าไม่อยากเสียน้ำใจก็โยนทิ้งไปเถิด”
มือของเฉินรุยชะงักไปครู่หนึ่ง ไม่ชัดเจนเลยว่าเจ้านี้เป็นมิตรหรือศัตรู น่าเสียดายที่ความแข็งแกร่งของเลนนอนนั้นแข็งแกร่งมาก ดังนั้นเฉินรุยจึงไม่สามารถทำให้มันขุ่นเคืองได้ในตอนนี้ เขาได้แต่ต้องสวมแหวนกลับบนนิ้วของเขา จนรู้สึกอึดอัดอย่างยิ่ง
เลนนอนยิ้มและตบไหล่ของเฉินรุยราวกับว่าพวกเขาสนิทกัน “ใช่แล้ว เราทุกคนเป็นผู้ชาย เฉพาะผู้ไม่มีราคะเท่านั้นถึงผิดปกติ มันน่าเบื่อใช่ไหมล่ะที่จะต้องทำตัวเจียมเนื้อเจียมตัว เจ้าไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้ามากหรอก อย่าลืมพูดคำดีๆถึงข้าต่อหน้าอาเธน่าด้วยล่ะ”
ใครอยากขอบคุณแกกันฟร๊ะ? เฉินรุยมองไปที่ใบหน้าของเลนนอนที่กำลังแสดงออกมาว่า “ทุกคนจะเข้าใจ” ซึ่งทำให้เฉินรุยพูดไม่ออกเลย
ในเวลานั้น การต่อสู้ระหว่างอาเธน่าและคูเลียได้มาถึงจุดสูงสุด ประสบการณ์การต่อสู้ของอาเธน่านั้นสมบูรณ์มาก ภายใต้ “การฝึกฝนช่วยเหลือ” กับใครบางคนในระดับเดียวกัน ความแข็งแกร่งของมารระดับสูงของนางในขั้นกลางก็เริ่มมีความชำนาญมากขึ้น ผลของยาทมิฬนิรันดร์ยังปรากฏให้เห็นอีก นางรู้สึกเหมือนนางนั้นมีความแข็งแกร่งไม่รู้จบ
ในทางตรงกันข้าม คูเลียนั้นเฉยเมยมากกว่า ก่อนหน้านี้ ความแข็งแกร่งโดยรวมของมันดีกว่าอาเธน่าเล็กน้อย และสถานการณ์ก็ยังอยู่ภายใต้การควบคุม แต่ความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิดเมื่อการต่อสู้ดำเนินไปเรื่อยๆ นอกจากนี้ มันยังอดกลั้นฝีมือเพราะอัตลักษณ์ของอาเธน่าและคำสั่งของผู้บังคับบัญชา มันรู้สึกยับยั้งชั่งใจ จนถูกกดดันอย่างช้าๆ
ในเวลานั้น อาเธน่าได้ตะโกนออกมาและเสียงกระทบกันของโลหะที่ชัดเจนก็ดังขึ้น ร่างของคูเลียเดินโซเซไปข้างหลัง เคียวในมือของมันถูกแยกออกเป็นสองส่วนจริงๆ
ดาบใหญ่ของอาเธน่าไม่ใช่อาวุธเวทย์มนตร์ในตำนานที่น่าอัศจรรย์ แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าเคียวของคูเลีย ต้นเหตุของผลกระทบนี้คือความเข้าใจในวิชาดาบของนางได้พัฒนาไปสู่ทักษะของ 'ผ่าเหล็ก' !
อย่างไรก็ตาม คูเลียไม่แปลกใจเลยที่อาวุธของมันถูกหั่นเป็นชิ้นๆ มันโยนความสงสัยทิ้งไปและโยนอาวุธที่หักทิ้งไป จากนั้นมันก็พูดอย่างเย็นชาออกมา “ข้ายอมรับว่าข้าประเมินกำลังของเจ้าต่ำไป ตอนนี้ข้าจะให้เจ้าเห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของข้า”
ขณะที่มันกรีดร้องออกมา กล้ามเนื้อของคูเลียเริ่มขยายใหญ่ขึ้น ร่างทั้งหมดของมันดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นตามขนาดผ้า แม้แต่เสื้อผ้าและชุดเกราะของมันก็ระเบิด ไฟปีศาจในร่างกายไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่ลดลง พวกมันค่อยๆหดกลับเข้าไปในร่างกาย ผิวของมันเผยให้เห็นชั้นของแสงสีแดงที่ส่องแสงระยิบระยับราวกับว่าเปลวไฟกำลังลุกไหม้อยู่ภายในร่างกาย
อาเธน่าไม่ได้กลัวเลย ร่างกายของนางวาบวาบ นางเคลื่อนย้ายไปที่ด้านหลังของคูเลียและโจมตีด้วยดาบใหญ่ของนาง คูเลียไม่ได้หลบเลี่ยง แต่มันกลับหันไปด้านหลังทันที ดาบใหญ่นั้นเหมือนกับการปะทะกับโลหะในขณะที่มันเกิดประกายไฟเมื่อมันกระทบกับหลังของคูเลีย
ร่างกายของคูเลียสั่นเล็กน้อย มีจุดสีขาวชัดเจนในส่วนที่ถูกโจมตี อย่างไรก็ตาม มันค่อยๆหายไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เฉินรุยตกตะลึง เพราะเขารู้ดีถึงความเฉียบแหลมและความแข็งแกร่งของอาเธน่า เขาไม่เคยคิดว่าคูเลียจะเป็นอมตะอย่างนี้ หรือว่านี้เป็นพลังของพลังแห่งมารที่เอาชนะพระเจ้า? หรือว่าจะเป็น รังไหมระฆังทอง ที่อยู่ในหนัง?
อาเธน่าในตอนนี้ได้ใช้ 'ผ่าเหล็ก' ขั้นสูงสุด แต่ก็ยังไม่สามารถทำลายการป้องกันผิวหนังอันแข็งแกร่งของคูเลียได้ แม้ว่า 'ผ่าเหล็ก' มีประสิทธิภาพสูงสุดต่ออาวุธโลหะ ความเสียหายมันก็ยังคงมีอยู่มาก ตอนนี้ มันไม่สามารถเจาะเกราะป้องกันร่างกายที่แข็งแกร่งของคูเลียได้เลย
ขณะที่นางยังคงตกใจ คูเลียก็ได้โต้กลับแล้ว ความเร็วของมันนั้นเร็วกว่าเมื่อก่อนมาก นางทำได้เพียงปิดกั้นด้วยดาบของนางเท่านั้น
“ตู๊มมม!” อาเธน่านั้นรู้สึกถึงพลังอันแข็งแกร่งจากดาบ และมันกระทบร่างกายโดยตรงผ่านดาบใหญ่ นางอดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปสองสามเมตร เท้าของนางลากเส้นลึกสองสามเส้นบนพื้น
หลังจากที่คูเลีย “แปลงร่าง” ไม่เพียงแต่การป้องกันของมันจะบ้ามาก แต่ความแข็งแกร่งและความเร็วของมันก็พัฒนาขึ้นมากเช่นกัน
“ร่างกายปีศาจที่แข็งแกร่งของข้าสมบูรณ์แบบ เจ้าไม่มีโอกาสชนะ” เสียงของคูเลียดังขึ้น “อาเธน่า ข้าปล่อยเจ้าไปได้ แต่ข้าต้องพามนุษย์คนนี้ไปด้วย! ถ้าเจ้ากล้าหยุดข้า แม้ว่าเจ้าจะเป็นลูกสาวของแม่ทัพคนแรก เจ้าก็จะต้องกลายเป็นศพ!”
"ถ้าเช่นนั้น......" ดวงตาของอาเธน่าแน่วแน่มาก ไฟปีศาจบนร่างกายของนางลุกโชนมากขึ้น “ก็ข้ามศพข้าไปก่อน!”
นี่เป็นครั้งที่สองที่เฉินรุยได้ยินประโยคนั้น และหัวใจของเขาก็สั่นสะท้าน มีแสงประหลาดปรากฏขึ้นในดวงตาของเลนนอน เขามองไปที่มนุษย์ข้างๆอย่างลึกซึ้ง จากนั้นมีแสงแปลกๆปรากฏขึ้นที่ตาซ้ายของเขาอีกครั้งในขณะที่เขามองไปที่คูเลียในสนามรบ
เฉินรุยอดไม่ได้ที่จะรีบวิ่งออกไป ทันใดนั้น เสียงของเลนนอนก็ดังขึ้น “อาเธน่า หยุดเล่นกับเขาเดี๋ยวนี้ ร่างกายปีศาจที่สมบูรณ์แบบที่มันเอ่ยขึ้นมา มันก็เป็นเพียงแค่เคล็ดลับการป้องกันที่ใช้พลังพิเศษเพื่อซ่อนพลังของไฟปีศาจภายในกล้ามเนื้อ ไม่ว่าเจ้าจะเปลี่ยนอาวุธของเจ้าให้เป็นอาวุธเวทย์มนตร์ในตำนาน มีเพียงแต่ต้องค้นหาจุดอ่อนที่สุดของร่างปีศาจของมัน ซึ่งก็มักจะอยู่ใต้รักแร้หรือเป้า แค่เน้นการโจมตีของเจ้าไปที่ส่วนเหล่านั้นก็เพียงพอ”
ดวงตาของอาเธน่าเป็นประกาย และพลังของดาบของนางก็เปลี่ยนไป นางเริ่มเน้นการโจมตีทั้งสองส่วนนี้ อาเธน่าที่เข้าสู่รูปแบบการต่อสู้ไม่ลังเลหรือรู้สึกเขินอาย ไม่ว่าส่วนสำคัญคืออะไร นางก็จะโจมตีตราบเท่าที่นางสามารถเอาชนะศัตรูได้!
คูเลียไม่คิดว่าเลนนอนจะสามารถเปิดเผยจุดอ่อนของเขาได้ด้วยประโยคไม่กี่ประโยค มันในตอนนี้กลับกลายเป็นฝ่ายถูกไล่ต้อน มันเกลียดเลนนอนมาก และก็ได้แต่ตะโกนอย่างโกรธจัดกลับมา
“ข้าท้าเจ้าเดิมพัน ไม่สิ! ข้าจะไม่เดิมพันกับเจ้า! ที่ข้าจะบอกก็คือ ข้ามั่นใจว่าอีกสักพักเจ้านั้นก็จะตรงมาหาเรา ให้ข้าไปปราบมันให้ไหม?” เลนนอนถามเฉินรุยจริงๆ
“อันที่จริงข้าก็เป็นคนขี้กลัว และข้ากลัวที่จะเห็นเลือดด้วย” เฉินรุยคิดอย่างรวดเร็วและส่ายหัว “พวกเรามนุษย์มีคำกล่าวกันคำหนึ่งที่บอกไว้ว่า ถ้าการแก้แค้นทำให้เกิดการแก้แค้น แล้วตอนไหนมันจะถึงจุดจบกันล่ะ? เช่นนั้นขอเพียงให้โอกาสเขากลับใจก็พอ” “อันที่จริง ข้าก็เป็นคนบริสุทธิ์เช่นกันนะ ตัวข้าแค่ใช้ร่างกายของข้าเพื่อรักษาความงามที่ผิดหวังเพราะความเมตตาก็เท่านั้นเอง” เลนนอนมองไปที่เขาอย่างแปลกใจ “ประโยคสุดท้ายที่เจ้าจะบอกข้าก็คือให้ไว้ชีวิตเจ้านั้นจะดีกว่าสินะ?”
เฉินรุยยักไหล่และตอบว่า “คำถามคำตอบเดียวกันก็มักจะมีข้อสรุปที่แตกต่างกันไป แล้วแต่ตามมุมมองหรือมุมที่แตกต่างกันของแต่ละคน ดังนั้น มนุษย์เราจึงมีคำกล่าวอีกอย่างหนึ่งว่า ผู้มีพระคุณเห็นความเมตตา และคนมีปัญญานั้นจักเห็นปัญญา”
“ช่างเป็นคำพูดที่ดีนัก” เลนนอนหัวเราะ “ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็กลัวที่จะเห็นเลือด และข้าก็บริสุทธิ์มากด้วย งั้นข้าจะช่วยเจ้าล่ะกัน อย่าลืมช่วยข้าทีหลังด้วยล่ะ”
อย่างที่เลนนอนพูดไว้ คูเลียค่อยๆขยับมาหาพวกเขา หลังจากเว้นระยะทางห่างใช้ประโยชน์จากระยะเวลารอ 'เทเลพอร์ต' ของอาเธน่า ทันใดนั้นมันก็วาร์ปออกจากอาเธน่าและปรากฏตัวต่อหน้า ฉินรุยและเลนนอนพร้อมด้วยมือใหญ่ของมันที่คว้าตัวเฉินรุย
วัตถุประสงค์หลักของคูเลียในวันนี้คือเจ้าหน้าที่เหมืองแร่
เลนนอนแค่หาว แสงสว่างพร่างพรายในดวงตาที่อ่อนล้าของมันปรากฏขึ้นเป็นประกาย ในชั่วพริบตา ร่างขนาดใหญ่ของคูเลียก็บินออกไปโดยไม่มีเหตุผลและตกลงไปในกลุ่มโจร พวกโจรเป็นเหมือนโดมิโนและล้มลงทีละคน
ร่างกายที่ขยายใหญ่ขึ้นของคูเลียกลับสู่สภาพเดิมทันที การเปลี่ยนแปลงที่ "สมบูรณ์แบบ" หายไปอย่างไร้ร่องรอย ร่างกายของมันดูเหมือนจะแหลกสลาย จนเสมือนไม่มีกระทั่งแรงยืน ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความตกใจ
คูเลียคิดเสมอว่าความแข็งแกร่งของเลนนอนต่ำกว่ามัน ในที่สุดมันก็ได้เห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของคู่ต่อสู้ของมันแล้ว ในที่สุดมันก็เข้าใจว่าทำไมหัวหน้าจึงคอยเอาใจชายผู้ที่ดูอ่อนแอนี้เสมอ ด้วยความแข็งแกร่งระดับนี้ นับประสาอะไรกับเขา แม้แต่บาร์นาเคิลก็ยังต้องเคารพเขา… – แล้วหัวหน้าของเราล่ะ? หัวหน้าของเราสามารถเอาชนะเจ้าคนนี้ได้หรือไม่?
ในสายตาของคนอื่น ร่างของเลนนอนก็พร่ามัวไปชั่วขณะ ณ ที่เดิมของมัน และกลับมาชัดเจนอีกครั้ง ราวกับว่ามันไม่เคยเคลื่อนไหวอะไรเลย อาเธน่าที่อยู่ไกล แต่ก็เห็นแค่ร่างของเลนนอนขยับตัวและมันก็เตะคูเลียออกไป
มีเพียงเฉินรุยเท่านั้นที่มองเห็นได้ชัดเจนที่สุด หัวใจของเขาเต้นแรงด้วยความตกใจ ในตอนนั้น คูเลียได้ถูกเตะอย่างน้อย 7 ครั้ง ดูเหมือนเลนนอนจะรั้งมือไว้ เพราะด้วยความแข็งแกร่งของราชามาร เขาก็สามารถจบชีวิตของคูเลียได้ด้วยการเตะเพียงครั้งเดียว
สงครามบนโลกใบนี้แตกต่างจากที่เฉินรุยเคยรู้จักมาก่อน ไม่ใช่ว่ายิ่งมีคนมากเท่าไหร่ก็ยิ่งแข็งแกร่งเท่านั้น ความแข็งแกร่งส่วนตัวของคนบางครั้งก็เพียงพอที่จะควบคุมกระแสของการต่อสู้ทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการต่อสู้ขนาดเล็กแบบนี้ ตอนนี้คูเลียพ่ายแพ้ไปแล้ว แม้ว่าจะมีโจรหลายร้อยคน พวกมันก็คงไม่สามารถต้านทานเลนนอนหรืออาเธน่าได้ ในขณะนั้น พวกมันก็ไม่กล้าที่จะอยู่ ดังนั้นพวกมันจึงได้แต่อุ้มคูเลียและหนีไป
คนงานเหมืองส่งเสียงเชียร์ เพราะพวกมารแดงก่อปัญหาให้พวกเขามากเหลือคณานับ ในสายตาของคนงานเหมือง อาเธน่าเป็นฮีโร่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เอาชนะคูเลียได้อย่างไม่ต้องสงสัย เลนนอนเองก็ยังอยู่เป็นตัวประกอบ ส่วนเจ้าหน้าที่เหมืองแร่น่ะเหรอ? แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำอะไรมาก แต่ความกล้าที่จะยืนหยัดเพื่อคนงานเหมืองนั้นต้องขอชื่นชม
ในไม่ช้าเก็ดก็จัดคนงานเหมืองให้กลับมาทำงานตามปกติ แม้ว่าอาเธน่ารู้ว่าเลนนอนเป็นคนขับไล่คูเลีย แต่นางก็ยังมองไปที่มันด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร
เลนนอนพูดด้วยรอยยิ้มขมขื่น “อาเธน่า เราไม่ได้เจอกันมา 3 ปีแล้วนะ เราอุตสาห์กลับมาพบกันอีกครั้งในฐานะเพื่อนเก่า ไม่เห็นต้องทำหน้าแบบนั้นใส่ข้าเลยใช่ไหม?”
อาเธน่าก็พูดอย่างเย็นชากลับไปว่า “ข้ามีเพื่อนไม่กี่คน แต่ไม่มีเพื่อนคนไหนของข้าที่ชื่อเลนนอน”
เลนนอนเกาหัวด้วยความเขินอาย “ทำไมข้าถึงใช้ชื่อจริงของข้าต่อหน้าคนพวกนี้กันนะ ข้าชื่อโรแมน”
"โรแมน? ไม่ใช่ว่าเจ้าเปลี่ยนชื่อของเจ้าเมื่อเจ้าเปลี่ยนสถานที่หรอกเหรอ?“อาเธน่าในตอนนี้ก็ยังไม่เป็นมิตร”แม้ว่าเจ้าจะเป็นโรแมน แต่ข้าก็จำไม่ได้ว่ามีเพื่อนแบบนี้”
เลนนอนซึ่งตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็นโรแมนอย่างเป็นทางการ ก็มองไปที่เฉินรุยเพื่อขอความช่วยเหลือ น่าเสียดายที่เฉินรุยดูเหมือนจะไม่ได้สังเกตเห็นเลย เขาหยิบผ้าเช็ดตัวจากสร้อยข้อมือมิติแล้วยื่นให้อาเธน่าเช็ดเหงื่อของนาง เห็นได้ชัดว่าโรแมนเป็นคนรู้จักของอาเธน่า และเขาอาจมีจุดอ่อนอยู่ในมือของอาเธน่า ดังนั้นเฉินรุยจึงตัดสินใจสนุกกับละครเรื่องนี้ก่อน
โรแมนไม่มีทางเลือกนอกจากยิ้มอย่างเชื่องช้า “อาเธน่า ขอโทษ”
“เจ้าไม่ได้ขอโทษข้า!” อาเธน่าตอนนี้ดูโกรธมาก “ใครกันที่ทิ้งป้อมปราการเวทไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ? เมื่อเดเลียถูกบังคับให้กลับไปที่อาณาจักรเงา ไอ้งี่เง่าอย่างเจ้าไสหัวไปอยู่ที่ไหน? เจ้ารู้ไหมว่าเดเลียร้องไห้กี่วัน?”
"อึก อึก" โรแมนไม่ตอบ มันแค่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในชั่วพริบตา แอลกอฮอล์เต็มขวดก็ถึงจุดต่ำสุด มันโยนขวดทิ้งและทันใดนั้นก็ยิ้มพร้อมกับพูดว่า “อาเธน่า เจ้าไม่เข้าใจเรื่องระหว่างชายและหญิง โดยเฉพาะเรื่องระหว่างข้ากับเดเลีย”
“อะไร ข้าไม่เข้าใจตรงไหน?”
อาเธน่ากำลังจะโกรธมาก แต่เฉินรุยก็กล่าวขัดว่า “อาเธน่า พวกสัตว์ที่เจ้าล่ายังอยู่ที่นี่หรือเปล่า?”
“มันอยู่ในสร้อยข้อมือ” อาเธน่าพยักหน้า "เจ้าต้องการให้ข้าแจกจ่ายมันตอนนี้เลยไหม?"
“พาพวกมันไปให้เก็ดเถอะ อย่าลืมสิว่าเรายังมีสิ่งสำคัญที่ต้องทำ” เฉินรุยเห็นโรแมนใช้สายตาชี้นำเฉินรุยซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยังไงซะ เจ้านี้ก็ช่วยเขาแล้ว เพราะงั้นช่วยตอบแทนกลับไปสักหน่อยก็คงไม่เป็นไร
โรแมนดูเหมือนจะเป็นคนที่มีเรื่องราวมาก นอกจากนี้ มีเพียงสองคนที่เกี่ยวข้องเท่านั้น เป็นเรื่องราวอันสลับซับซ้อนมากมาย และเขาที่เป็นคนนอกนั้นไม่ได้เข้าใจอะไรเลย
.
.