ลูกเขยพ่อมารร้ายตอนที่ 97
บทที่ 97: วิกฤตที่กำลังจะเกิดขึ้น
เฉินรุยพูดอย่างจริงจังไปว่า “พรุ่งนี้เช้า เจ้าขี่ไวเวิร์นและไปที่ป่าใบไม้สีเขียวเพื่อพักก่อนเถอะ”
ป่าใบเขียวเป็นป่าที่ติดกับเทือกเขาซีหลาง แม้ว่าไวเวิร์นจะ "แล่น" ตรงไป แต่ก็ยังต้องใช้เวลาสองสามชั่วโมงกว่าจะไปถึง ถือว่าเป็นพื้นที่ที่ค่อนข้างปลอดภัย
อาเธน่าขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ความแข็งแกร่งของเลนนอนนั้นน่ากลัวเกินไป แม้ว่าเฉินรุยและอาเธน่าจะร่วมมือกัน พวกเขาก็ไม่มีโอกาสชนะ ดังนั้น เขาต้องการย้ายอาเธน่าไปยังที่ปลอดภัย เขาจะได้สามารถจัดการกับเลนนอนและคูเลียได้โดยไม่ต้องกังวลใดๆ
ก่อนออกเดินทาง ปากรีโลได้มอบขวดพิษขนาดเล็กให้กับเขา ซึ่งเป็นยาพิษร้ายแรงที่ฆ่าแซนโดร ซึ่งมันยังไม่สะดวกที่จะใช้ในสถานการณ์ปัจจุบัน หากไม่มีทางอื่น เขาคงต้องใช้วิธีการที่สิ้นหวังนี้
อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาเปิดเผยเหตุผลที่แท้จริง อาเธน่าก็คงไม่เต็มใจที่จะจากไป เฉินรุยคิดเกี่ยวกับมันสักครู่หนึ่ง “เจ้ารู้ใช่ไหมว่าข้าน่ะมีมรดกของท่านปรมาจารย์ รูปแบบการนอนที่ผิดปกติของข้าเกิดขึ้นเพราะมัน ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป มรดกของปรมาจารย์จะเข้าสู่ช่วงวิกฤต และห้ามให้ใครมารบกวน ดังนั้น ข้าหวังว่าเจ้าจะยอมรับคำขอของข้าและไปที่ป่าใบไม้สีเขียว เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตข้า จึงจำเป็นต้องเก็บเป็นความลับ เราจะบอกคนอื่นๆว่าข้าต้องออกไปสักพัก สำนักงานเหมืองแร่ควรตอนนี้ไม่น่ามีปัญหาอะไร”
แน่นอนว่าเมื่ออาเธน่าได้ยินว่าเกี่ยวข้องกับชีวิตและความตายของเขา นางพยักหน้าโดยไม่คิดเลย “ตกลง! ข้าจะไปกับเจ้าเอง”
เฉินรุยรีบพูดกลับไปในทันที “ไม่! เจ้าควรไปที่นั่นก่อนและเตรียมตัวให้ข้าล่วงหน้า ส่วนข้าคงต้องไปหลายที่ตามคำบอกของปรมาจารย์ จากนั้น ข้าจะรีบไปพบเจ้าให้เร็วที่สุด ถ้าข้าไม่มา เจ้าต้องไม่ออกจากป่าใบเขียวเด็ดขาด”
แม้ว่าอาเธน่าจะรู้สึกว่าเหตุผลของ “การเตรียมตัวแต่เนิ่นๆ” นั้นมากเกินไปเล็กน้อย แต่ก็เกี่ยวข้องกับชีวิตของเฉินรุย ดังนั้นนางจึงตกลงทันทีโดยไม่ลังเล
“แต่ถ้าเราไป อาหารของคนงานเหมืองล่ะ?” ทันใดนั้นอาเธน่าก็นึกถึงปัญหา
เฉินรุยแอบส่ายหัว: ตามคำพูดของโจร จำเป็นต้องให้คนงานเหมืองมีชีวิตอยู่ เพื่อยับยั้งและทำให้เมืองพระจันทร์ดับเป็นอัมพาต ดังนั้น พวกเขาในตอนนี้น่าจะไม่มีอันตรายอะไร แต่เขา ในฐานะเจ้าหน้าที่เหมืองแร่ จะดึงดูดความสนใจของโจรและอาจทำให้คนงานเหมืองตกอยู่ในอันตราย
ตอนนี้ เนื่องจาก "มังกรวิญญาณ" ความสนใจของโจรจึงยังไม่ย้ายมาที่สำนักงานเหมืองแร่ เมื่อเหตุการณ์ที่หลุมหลักได้รับการแก้ไขหรือจางหายไป มารแดงคงจะทำบางสิ่งกับเขาในฐานะเจ้าหน้าที่เหมืองแร่อย่างแน่นอน ถ้าเขาจงใจหายตัวไปหรือแกล้งตาย คนงานเหมืองไม่เพียงแต่จะสามารถกู้คืน “ความปลอดภัย” ชั่วคราวของพวกเขาได้เท่านั้น แต่ทางฝั่งเขาก็จะสามารถหาทางจัดการพวกมันได้
อาเธน่าเห็นเฉินรุยนิ่งเงียบ และนางก็คิดว่าเขาค่อนข้างไม่พอใจ นางจึบรีบพูดไปว่า “ทำไมถึงไม่กันล่ะ? งั้นพรุ่งนี้เช้าข้าจะล่าเหยื่อให้พวกเขา จากนั้น ข้าจะไปที่ป่าใบเขียวเพื่อเตรียมของให้เจ้า ตกลงไหม?”
ดวงตาที่สดใสของอาเธน่าเป็นประกายในความมืด เฉินรุยทนไม่ได้ที่จะปฏิเสธและพยักหน้า
"อาเธน่า..."
“หือ....”
ในที่สุดเฉินรุยก็รู้แล้วว่าอาเธน่านั้นรู้สึกไม่สบายใจ พูดตามตรง ในฐานะผู้ชาย การเข้าไปในเต็นท์ของผู้หญิงตอนกลางดึก แม้ว่าสถานการณ์จะเร่งด่วนยังไง แต่ก็น่าสงสัยจริงๆ เมื่อเขาพูดในสิ่งที่เขาต้องการจะพูดแล้ว เขาจะยังอยู่ที่นี่อย่างไร้ยางอายได้อย่างไร…หรือจะพูดในสิ่งที่เขาไม่ควรพูดดี?
ที่จริงแล้ว แม้ว่าเขาอยากจะทำตัวไร้ยางอาย… มันก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เวลาตอนนี้ไม่มีเหลือแล้ว สัญญาทำสงครามกับอรัคใกล้เข้ามาแล้ว แล้วก็ ราชวงศ์ "สล็อต" นั้นน่าสะพรึงมากกว่า ความผิดพลาดเล็กน้อยแทบจะจบชีวิตของเขา ส่วนเรื่องอื่น เขาคงจะต้องรอหลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน
ถ้ามันเป็นของเขา มันก็จะเป็นของเขาเสมอ มันจะไม่หนีไปไหน
เฉินรุยแลกเปลี่ยนชุดยานิรันดร์ทมิฬ 4 ชุดและมอบให้อาเธน่า
“อย่าลืมดื่มยา 4 ตัวนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าห้ามบอกใครเด็ดขาด”
นั่นเป็นยาที่ดี แต่คำพูดของเขาดูแปลกๆ : ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ? ทำไมถึงบอกใครไม่ได้ล่ะ?
ทว่าอาเธน่ายังคงพยักหน้าด้วยความร่วมมือ
ถ้าเป็นโลลิตัวน้อย นางคงสงสัยว่ามันเป็นยาที่ "แปลก" บางทีนี่อาจเป็นเพราะ… อลิซก็คืออลิซ และอาเธน่าก็คืออาเธน่า
เฉินรุยไม่กล้าที่จะอยู่ต่ออีกต่อไป และรีบกลับไปที่เต็นท์บนยอดเขา
เมื่อเห็นเฉินรุยรีบวิ่งหนีไป ในที่สุดอาเธน่าก็ตั้งใจที่จะ "ตบ" เขาด้วยดาบของนาง ตอนนี้ความประหม่าและวิตกกังวลได้กลายเป็นความไม่พอใจเล็กน้อยอย่างน่าประหลาด ฮึ่ม เจ้าคนขี้กลัวเอ้ย!
ผู้หญิงนั้นเป็นสิ่งที่น่าพิศวงที่สุด จู่ๆอารมณ์ก็เปลี่ยนแปรชั่วพริบตา
นางในตอนนี้กำลังสับสนพอควร จากนั้นพอนึกขึ้นได้ นางก็แตะแก้มอันแดงเป็นผลเชอรรี่และหยิบขวดยาขึ้นมาบนพื้น นางหยิบจุกไม้ก๊อกออกแล้วดื่ม เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น อาเธน่ารีบไปที่เต็นท์บนยอดเขาและปลุกเฉินรุยที่อยู่ในถุงนอนของเขาให้ตื่นขึ้น
“เมื่อคืนเจ้าให้ยาอะไรข้ามา?”
เมื่อมองไปที่ท่าทางที่ประหลาดใจและตื่นเต้นของอาเธน่า เฉินรุยก็ยิ้มเล็กน้อย เมื่อคนสองคนมีความสุข ความสุขที่พวกเขามีอยู่ในใจก็จะทวีคูณขึ้นจริงๆ น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถให้คนอื่นรู้ความลับนี้ได้อีกต่อไป
เฉินรุยชี้ไปที่หัวของเขา “ปรมาจารย์ของข้าคือปรมาจารย์ที่เด่นทั้งในด้านกลไกและยา เจ้าคิดว่าสมบัติที่เขาให้ข้ามาคืออะไรล่ะ?”
แม้จะเตรียมใจมาแล้ว แต่เมื่ออาเธน่าได้รับการยืนยันจากเฉินรุย นางยังยากที่จะระงับความตกใจในหัวใจของนางไม่ได้ “มันเป็นยานิรันดร์จริงๆงั้นเหรอ…”
“ตอนนี้เจ้าได้ดูดซับผลของยาเพียงบางส่วนเท่านั้น ในอนาคต เมื่อความแข็งแกร่งของเจ้าเพิ่มขึ้น ผลของยาจะค่อยๆปรากฏขึ้น หลังจากดูดซับอย่างสมบูรณ์ มันจะสร้างผลลัพธ์ที่เพิ่มความแข็งแกร่งของให้เจ้าต่อไป” เฉินรุยพูดอย่างชัดเจนจากประสบการณ์ของเขา กระนั้น เขาก็เตือนอย่างจริงจังไปว่า “เรื่องนี้สำคัญมาก ไม่เพียงแค่เกี่ยวข้องกับชีวิตและความตายของข้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับการอยู่รอดของเมืองพระจันทร์ดับด้วย เจ้าต้องไม่เปิดเผยเรื่องนี้ให้ใครทราบ รวมทั้งเจ้าหญิงอลิซและเจ้าหญิงเชียด้วย”
อาเธน่ารู้ดีว่าการปรากฏตัวของยาทมิฬจะทำให้เกิดความโกลาหลมากแค่ไหนในอาณาจักรมาร นางรู้ดีว่ายาทมิฬมีค่าเพียงใด ในแง่หนึ่ง พวกมันมีค่ามากกว่าผลมารเสียอีก กระนั้น มนุษย์ผู้นี้ก็ไม่รีรอที่จะหยิบทุกอย่างออกมาและให้นางดื่ม และมันก็มีถึง 4 ขวดด้วยซ้ำ!
ดวงตาสีแดงของอาเธน่ามองที่เฉินรุยอย่างอารมณ์ดี นางดึงดาบใหญ่ออกมาแล้วพูดว่า “ข้า อาเธน่า เวลส์ ขอสาบานในนามของตระกูลของข้าว่าข้าจะไม่บอกใครเกี่ยวกับยาเหล่านี้!”
อันที่จริง ยังมีส่วนหนึ่งหลังจากคำสาบานนั้น แต่นางก็เก็บไว้ในใจของนาง
แม้ว่าผู้หญิงจะเก็บความลับได้ยากมาก แต่อาเธน่านั้นน่าเชื่อถือกว่าใครอื่น สังเกตได้จากเหตุการณ์ยาม "พิษ"
“ข้าจะไปล่าสัตว์ก่อนนะ” แม้ว่าจะมีคำถามมากมายที่อาเธน่าต้องการถาม แต่นางก็จำคำมั่นสัญญา 1 เดือนไว้ได้ นางไม่พูดอะไรมาก ขี่ไวเวิร์นแล้วบินหนีไป
เฉินรุยก็คุยกับเก็ดและบอกเขาว่าการฝึก "ทักษะพิษ" ของเขามีปัญหาบางอย่าง ดังนั้น เขาอาจต้องการให้อาเธน่าพาเขากลับไปที่เมืองพระจันทร์ดับหรือหาที่พักผ่อน แล้วก็ขอฝากสำนักงานเหมืองแร่ไว้ด้วย
เก็ดนั้นไม่พอใจเฉินรุยตั้งแต่ต้น เจ้าหน้าที่เหมืองแร่คนใหม่พอมาวันแรกก็พูดอะไรเยอแยะมากมาย และก็แค่มาทำซุปให้กิน หลังจากนั้นมันก็เอาแต่ซ่อนตัวอยู่ในเต็นท์เพื่อฝึก “ทักษะพิษ” มีแต่ท่านหญิงอาเธน่าที่คอยช่วยเหลือพวกเขา แม้ว่านางจะบอกว่านางได้รับคำสั่งจากเจ้าหน้าที่เหมืองแร่ แต่ผู้ที่มีสมองย่อมสามารถบอกได้ว่าท่านหญิงอาเธน่ากำลังปกป้องเจ้าหน้าที่เหมืองแร่ที่ขาดความรับผิดชอบ
ตอนนี้ที่เฉินรุยบอกว่าจะออกไปกับอาเธน่าสักพัก ซึ่งนั่นก็คือสิ่งที่เก็ดต้องการ ดังนั้นเขาจึงเห็นด้วยกับการกระทำของเฉินรุยอย่างเห็นได้ชัด
เฉินรุยรอคอยอาเธน่าให้กลับมาในเต็นท์ พร้อมแปลงแร่เหลือทิ้งที่เขาได้รับเมื่อคืนนี้ ปริมาณออร่าที่ได้รับจะแปรผันตามคุณภาพของผลึกแร่ของเสียเหล่านี้ ชั้นบนให้ออร่ามากที่สุด ส่วนที่ได้รับมาเมื่อวานให้ค่าออร่าด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับปีที่เก็บเกี่ยวด้วย ยิ่ง "สดใหม่" ยิ่งมีออร่ามากขึ้น บางทีในขณะที่มันลดต่ำลง ออร่าที่ผลิตก็จะลดลงเช่นกัน
แล้วคริสตัลเหล่านี้มาจากไหน? 400 ปีที่แล้วไม่ใช่หรือไง เพราะการมีอยู่ของแร่เหลือทิ้งนั้นปรากฏขึ้นพร้อมกับสัตว์อสูรใต้ดิน หรือว่ามันเกี่ยวข้องกับสัตว์อสูรพิเศษบางตัวไหมนะ?
ยาทมิฬ 4 ขวดเมื่อคืนนี้ใช้ 400,000 ออร่า อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายกับอาเธน่านั้นไม่สิ้นเปลืองเลย แล้วตอนนี้เขาก็แปลงออร่าจากแร่เสียพวกนั้นแล้วด้วย ทำให้เขาในยามนี้ยังมีออร่าเหลือถึง 320,000 จุด
ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงดังมาจากตีนเขา เฉินรุยถอนตัวออกจากระบบสุดยอดทันที ตราบใดที่เขาไม่ได้เข้าไปในสนามฝึก เขาก็ยังสามารถรักษาความรู้สึกบางอย่างของโลกภายนอกได้
คนขุดแร่รายงานด้วยความตื่นตระหนก “ข่าวร้ายครับท่าน พวกมารแดงมาที่นี่แล้ว!”
เฉินรุยตกใจมาก เลนนอนไม่รักษาสัญญาและช่วยให้มารแดงสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่สำนักงานเหมืองแร่ได้งั้นเหรอ? ทว่านี่มันเร็วเกินไปไม่ใช่หรือไง!?
ตอนนี้อาเธน่ายังไม่กลับมา มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะหนีตามลำพัง เขาต้องรู้ให้แน่ชัดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
เฉินรุยไม่ลังเลและเปิดใช้งาน 'ดวงตาวิเคราะห์' เขาสั่งให้แม็กดาเตรียมพร้อมสำหรับสัญญาณขอความช่วยเหลือ นอกจากนี้ เขายังให้โดโด้ซึ่งกลับมาแต่เช้าตรู่ ซ่อนตัวอยู่ในเต็นท์ก่อนจะลงจากภูเขา
ก่อนถึงสำนักงานเหมืองแร่ โจรจำนวนมากต่างกำลังขวางทางเข้าอยู่ พวกโจรสวมชุดเกราะหนังและอาวุธมากมาย ตามรูปแบบที่เห็น พวกมันไม่ใช่โจรธรรมดา คนงานเหมืองตัวสั่นด้วยความกลัวและกำลังรวมตัวกันเป็นกลุ่ม สิ่งเดียวที่พวกเขาจับได้คือหน้าไม้ในมือของพวกเขา ส่วนยามของเจ้าหน้าที่เหมืองแร่ก็ดูกังวลเช่นกัน
มารระดับสูงสุดผู้แข็งแกร่งได้โผล่ออกมาต่อหน้าพวกเขา และกำลังมองดูคนงานเหมืองด้วยความรังเกียจ “ข้าคือคูเลียจากกลุ่มมารแดง เจ้าหน้าที่เหมืองแร่คนใหม่คือใคร? แสดงตัวออกมาซะ!”
คนงานเหมืองไม่กล้าพูดทันที คูเลียก็ได้แต่เยาะเย้ย “ข้าจะให้เวลาเพียงชั่วครู่ ถ้ามันไม่ออกมา ข้าจะฆ่า 10 คนก่อน จากนั้นข้าจะฆ่าอีก 20 คน จนกว่าขยะพวกนี้จะถูกฆ่าจนหมด! เจ้าก็ควรรู้ดีว่าข้าฆ่าไปกี่คนแล้ว ดังนั้นอย่าท้าทายความอดทนของข้า”
ภัยคุกคามนี้ทำให้คนงานเหมืองต่างตื่นตระหนก ทุกคนมองไปที่เฉินรุย ซึ่งอยู่ข้างๆเก็ด
เฉินรุยกระซิบกับเก็ดว่า “บอกนางให้รอข้าอยู่ที่สถานที่ที่สัญญาไว้…” เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินออกไปช้าๆ
"ข้าเอง"
“เจ้าเป็นมนุษย์ใช่ไหม?” คูเลียตรวจสอบเฉินรุยที่ดูกังวลและมันก็หัวเราะออกมาดัง ๆ “ดูเหมือนว่าเมืองพระจันทร์ดับจะไม่มีผู้มีพรสวรรค์จริงๆสินะ ถึงขั้นส่งขยะที่ไร้ความสามารถมาเป็นเจ้าหน้าที่เหมืองแร่จริงๆด้วย!”
สิ่งนี้ทำให้คนงานเหมืองหลายคนได้แต่ก้มหน้าด้วยความรู้สึกผิด มีมารสองสามตัวที่โกรธ แต่พวกมันก็ไม่กล้าพูดอะไร เจ้าหน้าที่เหมืองแร่คนนี้ไม่มีอำนาจเลย แต่เขาก็ไม่เคยได้รับคำสั่งให้ทำภารกิจใดๆด้วย ถึงอย่างนั้น เขาก็เป็นคนที่ทำให้ทุกคนอิ่มท้อง ถือได้ว่าเป็นเจ้านายที่ค่อนข้างดี
ดวงตาของเฉินรุยตอนนี้คมกริบ เขาเห็นว่ากลุ่มโจรแถวหน้ากำลังดึงคันธนูออกมาและเล็งมาที่เขา ดูเหมือนว่าพวกเขาจะกลัว "ทักษะพิษ" ของเขาอยู่ ตราบใดที่คูเลียสั่ง พวกมันก็จะปล่อยลูกศรเพื่อฆ่าเขาทันที
เฉินรุยไม่กลัวธนูเหล่านี้เลย 'ดวงตาวิเคราะห์' แสดงให้เห็นว่าความแข็งแกร่งของคูเลียคือระดับ C ดังนั้นความแข็งแกร่งของเขาอย่างน้อยก็ควรอยู่ในระดับกลางของมารสูงสุด อย่างไรก็ตาม คนที่เฉินรุยกลัวที่สุดไม่ใช่คูเลีย แต่เป็นเลนนอนผู้ลึกลับ ที่แย่ที่สุดคือหลังจากที่ “ความปราถนาแห่งความมืด” ใช้ 'เทเลพอร์ต' หนึ่งครั้ง มันจะต้องใช้เวลา 24 ชั่วโมงเพื่อใช้อีก!
“พวกเรามารแดงต้องการเชิญเจ้าหน้าที่เหมืองมาเป็นแขกของเราที่พักของเรา ข้าไม่รู้เหมือนกันนะว่าท่านเจ้าหน้าที่เหมืองต้องการไหม?” แม้ว่าเขาจะเรียกเฉินรุยว่าท่าน แต่น้ำเสียงของมันก็ยังดูถูกเหยียดหยามอย่างไม่ปิดบัง เขาแค่รอให้เฉินรุยพูดว่า “ไม่” จากนั้นเขาก็จะสั่งลูกน้องของเขาให้ปล่อยลูกศรเพื่อฆ่าทันที
เขาเห็นเจ้าหน้าที่เหมืองแร่ลังเลอยู่พักหนึ่ง แต่ดูเหมือนว่าจู่ๆเฉิยรุยพยักหน้าจริงๆ “ข้าจะไปกับเจ้า แต่เจ้าจะทำร้ายผู้ใต้บังคับบัญชาของข้าไม่ได้”
เมื่อประโยคนั้นจบลง เหล่าคนงานเหมืองได้แต่ละอายใจ แม้แต่เก็ดก็ดูตกใจ
"โอ้!" คูเลียเองก็รู้สึกประหลาดใจ มันในตอนนี้กำลังคิดว่าการจับเฉินรุยทั้งเป็นดูท่าจะดีกว่า เพราะยังไง ตราบใดที่ชายคนนี้อยู่ในมือ ก็ไม่ใช่ว่ามันสามารถควบคุมชีวิตของเจ้ามนุษย์นี้ได้งั้นหรือ?
ขณะที่คูเลียกำลังจะสั่งลูกน้องของเขาให้พาเฉินรุยออกไป เขาก็ได้ยินเสียงอันแสนขี้เกียจเสียงหนึ่งดังขึ้นมาว่า “เดี๋ยวก่อน!”