ลูกเขยพ่อมารร้ายตอนที่ 96
บทที่ 96: สยอง! ยิงออร่าถูกหั่นเป็นชิ้นแตงโม
“มังกรวิญญาณคือฝีมือของเจ้าสินะ!” ชายคนนั้นกำลังดื่มอย่างสบายๆ ในขณะที่พูดอะไรบางอย่างที่น่าตกใจออกมา “มารระดับสูง 2 ตัวนั้นก็ตายด้วยมือของเจ้าใช่ไหม? โอ้ใช่แล้ว สุนัขด้วยสิ”
เฉินรุยเงียบไปครู่หนึ่ง คนๆนี้ไม่เพียงแค่ว่องไวอย่างน่าตกใจ แต่ความคิดของมันยังว่องไวอีกด้วย มังกรวิญญาณเกิดขึ้นในวันแรกที่อาเธน่าและเขามาถึง หากฝ่ายตรงข้ามรู้ ในไม่ช้าพวกมันก็จะสงสัยพวกเขา
ปัญหาคือความแข็งแกร่งของคนๆนี้ในราชวงศ์ "สลอธ" ที่มีมากมายเหลือเกิน ดังนั้น การสามารถหลบหนีจากเขาคงเป็นทางเลือกเดียว เฉินรุยไม่มีทางต่อต้านได้เลย
“ในเมื่อเจ้าไม่ตอบ ก็แสดงว่าเป็นเรื่องจริง ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่ใช่เนโครแมนเซอร์กลายพันธุ์ แต่ความสามารถในการควบคุมมังกรที่ตายได้แสดงถึงความแข็งแกร่งของเจ้า” ชายผู้นั้นชมเชย แต่น้ำเสียงของมันก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน “อย่างไรก็ตาม มังกรล้วนมีความชอบธรรมในตนเอง แม้แต่ผู้ที่ตกสู่แดนมารก็ยังพูดถึงศักดิ์ศรีของมังกรอยู่เสมอ ตราบใดที่มีการบอกว่าว่าชายผู้หนึ่งใช้เวทมนตร์เพื่อควบคุมกระดูกมังกรเพื่อสร้างปัญหา ข้าก็เกรงว่ามังกรจำนวนมากจะ”มาเยี่ยม" เจ้าที่ภูเขาซีหลางเป็นการส่วนตัว
เฉินรุยตอนนี้เหงื่อแทบไหลเป็นสายน้ำแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะประเมินความเจ้าเล่ห์ของชายผู้นี้ต่ำไป ดูท่าความเจ้าเล่ห์ของมันจะทัดเทียมกับความแข็งแกร่งของมันเลย
“ตอนแรก…ข้าไม่สนหรอกว่าเจ้าจะฆ่าโจรทั้งหมดเลยไหม แต่ข้าน่ะไม่ชอบคนที่ทำตัวลึกลับ นอกจากนี้ เจ้ายังรบกวนการพักผ่อนของข้า ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจให้บทเรียนที่ลืมไม่ลงแก่เจ้าเลยล่ะกัน”
บทเรียนบ้านป้าแกสิ! เฉินรุยแอบสาปแช่งในใจ เจ้าหมอนี้ควรจะพักผ่อนที่เชิงเขาสิ ดูยังไงก็กะมาหาเรื่องเขาชัดๆ!
"เดี๋ยวก่อน!" สมองของเฉินรุยกำลังลอยเคว้งอยู่ในอากาศ แต่ตอนนี้เขานึกถึงวิธีแก้ปัญหาชั่วคราวได้แล้ว “เจ้าไม่ชอบเล่นการพนันเหรอ? กล้าที่จะเดิมพันหรือเปล่า?”
“อยากให้ข้าไว้ชีวิตเจ้า? ไม่เอาน่า อุบายของเจ้าไม่ได้ผลหรอก” แม้ว่าชายคนนั้นจะพูดอย่างนั้น ดวงตาของมันก็เป็นประกายเล็กน้อย “บอกมาก่อนสิว่าจะเล่นพนันอะไร?”
“เราจะเดิมพันว่าข้าจะสามารถหนีจากเจ้าไปได้หรือเปล่า” ขณะที่เฉินรุยพูด เขาบอกให้โดโด้วิ่งหนีด้วยกระแสจิตและไปพบเขาที่สำนักงานเหมืองแร่
ตอนแรกชายคนนั้นคิดว่าฝ่ายตรงข้ามจะพนันด้วยสิ่งที่ไม่เป็นที่นิยม เพื่อหลบหนีและเอาตัวรอด แต่ว่าเดิมพันว่าตนจะหลบหนีได้งั้นเหรอ? พอเป็นงั้นมันก็เลยสนใจมากๆ “เดิมพันยังไงล่ะ?”
"ก็ง่ายๆ" เฉินรุยพูดพร้อมกับหัวเราะด้วยเสียงแหบๆ “เก็บเหตุการณ์คืนนี้ไว้เป็นความลับ”
ชายคนนั้นตะลึงและหัวเราะ “ได้อยู่แล้ว พวกโจรนั้นไม่เกี่ยวอะไรกับข้าเลย อย่างไรก็ตาม หากเจ้าแพ้ ชีวิตของเจ้าจะเป็นของข้า”
"ไม่มีปัญหา แต่ข้าสามารถไว้วางใจความซื่อสัตย์ในการพนันของเจ้าได้หรือเปล่าล่ะ?” เฉินรุยกล่าวอย่างจงใจ
“ข้า ท่านเลนนอน แม้นขาดเงินและสตรีงาม แต่ข้าจักไม่โกงการพนัน!” ชายคนนั้นพูดอย่างเย็นชาต่ออีกว่า “นอกจากนั้น เจ้าก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเชื่อมันด้วย!”
“อันที่จริง เจ้าก็เดาถูกแล้ว ข้าไม่ใช่เนโครแมนเซอร์ ข้าน่ะยังมีความสามารถสองอย่าง หากเจ้ามั่นใจนัก ข้าก็ขอลองดูเลยล่ะกัน…” เมื่อเฉินรุยพูดจบ เขาก็อยู่ในอากาศแล้ว มือของเขาส่องแสงจางๆสับไปที่หัวของเลนนอน
ภายใต้ 'ดาบออร่า' ร่างของเลนนอนก็ได้แยกเป็นสองส่วน เฉินรุยรู้ดีว่าไม่ได้ง่ายดายนัก เขารีบถอยหลังหนีทันที ซึ่งเป็นไปตามที่คาด 'ดวงตาวิเคราะห์' ได้บอกว่ามันกำลังอยู่ด้านหลังของเขา ตามติดถึงขั้นแทบจะเป็น 'ภาพติดตา' อยู่ชิดหลังเขาเลย
เมื่อเทียบระหว่างเจสซี่และเลนนอน ของเจสซี่เสมือนของเด็กเล่นก็มิปาน
“เจ้าถึงกับแบ่ง 'ภาพติดตา' เป็นสองส่วนได้เลยสินะ…” น้ำเสียงของเลนนอนมีความประหลาดใจเล็กน้อย “ทักษะการโจมตีก็ยอดเยี่ยม แต่พลังนั้นอ่อนแอเล็กน้อย ถ้าความแข็งแกร่งของเจ้าเพิ่มขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ข้าก็คงสนใจที่จะต่อสู้กับเจ้าจริงๆ”
“ข้ารับประกันได้เลยว่าเจ้าจะมีโอกาสนั้นแน่… แต่ก่อนหน้านั้น ลิ้มรสด้วยร่างกายของเจ้าก่อนเถอะ!” ขณะที่เฉินรุยพูด มือของเขาก็ไม่หยุดเลย 'ดาบออร่า' อีกอันได้ปล่อยออกไปแล้ว ในขณะนั้น โดโด้ได้แปลงร่างเป็นบางสิ่งและจากไปอย่างลับๆ
เลนนอนดูเหมือนจะสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของโดโด้ แต่มันไม่สนใจ สายตาของมันกำลังเพ่งไปที่ 'ดาบออร่า' ของเฉินรุย ขวดไวน์ในมือของมันหายไปในทันใด มือของมันพุ่งจับกันด้วยความเร็วสูง และมันก็จับ 'ดาบออร่า' ด้วยมือเปล่า เหมือนกับการถือดาบด้วยมือเปล่าในนิยายศิลปะการต่อสู้ในอดีตของเขา!
อย่างไรก็ตาม ความลึกลับของ 'ดาบออร่า' ไม่ได้ธรรมดาปานนั้น หลังจากที่เฉินรุยผ่านการฝึกฝนในทะเลอันดุเดือด การควบคุมพลังดวงดาวของเขาก็มีความเชี่ยวชาญมากขึ้น และพลังของ 'ดาบออร่า' เองก็มีความเข้มข้นและมีพลังมากขึ้น เลนนอนปกป้องเพียงใบมีดที่จับต้องได้ แต่ปราณดาบที่มองไม่เห็นได้ทะลุทะลวงผ่านเข้าไป
ในขณะนั้นเอง "ดาบชี่" ที่มองไม่เห็นก็ได้ปรากฏขึ้นมา
เสมือนกับดาบจริง
ภายใต้แสงจันทร์ ดาบนั้นดูเหมือนสีฟ้าจางๆ
เขาไม่รู้เลยว่าดาบสีน้ำเงินปรากฏอย่างไร ในชั่วพริบตา 'ดาบออร่า' ได้ฟาดฟันไปที่ดาบสีน้ำเงินแล้ว
ดาบสีน้ำเงินดูบางลงมาก เมื่อปราณดาบกระทบกัน ดาบชี่ก็เหมือนกับก้อนหิน
มือของเลนนอนที่ถือ 'ดาบออร่า' ได้ถือดาบสีน้ำเงินไว้แล้ว ดวงตาของมันเป็นประกายด้วยความเจ้าเล่ห์แปลกๆ มันมองที่ฝ่ามือของเฉินรุยที่ส่องแสงจางๆ จากนั้นก็ชมเชยว่า “ดาบงามนัก!”
ในขณะนั้น ฝ่ายตรงข้ามก็กระโดดและถอยห่างจากตัวมันในทันใด มือของเขาเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันและนิ้วทั้งห้าของเขาก็เปิดออกโดยหันฝ่ามือไปทางที่เลนนอนอยู่
“รับไปซะ!”
ในเวลาเดียวกัน พอเขาพูดขึ้น แสงสีขาวทรงกลมขนาดใหญ่พราวพร่างพราวพุ่งออกมาด้วยความเร็วสูง
แสงสีขาวเข้าใกล้เลนนอนในทันที แต่เขาไม่ได้ตั้งใจจะหลบเลี่ยงมัน แสงสีขาวระยิบระยับไม่สามารถบดบังเปลวไฟในดวงตาของเขาได้
เฉินรุยเห็นลูกบอลแสงขนาดใหญ่หยุดชั่วคราวและสั่นเล็กน้อย ทันใดนั้น รอยแตกสีน้ำเงินเข้มที่เรียบร้อยนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้น ราวกับว่าเป็นแตงโมที่ถูกตัดเป็นพันๆชิ้นด้วยของมีคม ชั่วขณะหนึ่ง “ก้อน” ของแสงที่แตกเป็นเสี่ยงๆนับไม่ถ้วนยังคงรักษารูปร่างทรงกลมที่ถูกตัดและหายไปอย่างกะทันหัน แม้จากทางไกล เฉินรุยก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงปราณดาบ มันอยู่เหนือเขา 'ดาบออร่า' ไม่สามารถทำอะไรได้เลย
เฉินรุยเคยเห็นปากรีโลทำลาย 'ยิงออร่า' โดยการบีบมันด้วยมือเดียว และเขาได้เห็นอรัคฉีกมันเป็นสองชิ้น แต่เขาไม่เคยเห็นใครแก้การ 'ยิงออร่า' ด้วยวิธีนี้มาก่อนเลย
“พลังทำลายล้างที่ไม่เหมือนใคร ยอดเยี่ยม” เลนนอนหลับตาลงราวกับว่าเขากำลังชิมไวน์ชั้นดีอยู่ ดาบสีน้ำเงินในมือของเขาก็แยกออกเป็นสองส่วน เขาลืมตาและยิ้ม “แต่ข้าชอบการโจมตีครั้งก่อนมากกว่า!”
เมื่อเลนนอนพูดจบ เขาเห็นแสงจางๆที่นิ้วของมือซ้าย ซึ่งเดิมคงรูปมีดไว้ ทันใดนั้น ภาพของทั้งคนก็พร่ามัวและบิดเบี้ยว และเสียงแหบห้าวก็ดังขึ้นพร้อมๆกัน “เจ้าแพ้แล้ว”
เลนนอนพุ่งไปที่ด้านหน้าของเฉินรุยแล้ว แต่เขาก็ยังช้าไปหนึ่งก้าว เขาพลาดการโจมตีของเขา
“ไอ้เวรเอ้ย! ข้ายังไม่ได้โชว์เท่ห์เลยนะ!” เลนนอนบ่น “นี่ข้าแพ้แล้วจริงๆสินะ!”
ดูเหมือนว่าเสียงที่พวกเขาปะทะกันจะดังมาก พวกโจรที่ตื่นตัวก็ได้เริ่มเข้าใกล้ยอดเขาอย่างระมัดระวัง
“ช่างเป็นคนที่น่าสนใจนัก แม้ว่าการโจมตีทั้งสองครั้งจะไม่เพียงพอ แต่พวกมันก็ค่อนข้างดี” เลนนอนไม่สนใจพวกโจรที่เข้าใกล้เลย ขวดไวน์ได้ปรากฏขึ้นในมือของมันอีกครั้ง มันจิบไวน์ขวดใหญ่และพูดกับตัวเองว่า “ดูเหมือนว่าเจ้านั่นจะไม่ได้รับผลกระทบจากแรงกดดันของพลังราชวงศ์เลยสินะ โอ้จริงสิ ไอเท็มเวทย์มนตร์ที่สามารถเทเลพอร์ตได้… มันเป็นไอเท็มของตระกูลลูซิเฟอร์ใช่ไหมนะ?”
เมื่อโจรหน่วยสอดแนมรวบรวมความกล้าและมาถึงยอดเขา ร่างของเลนนอนก็หายไปแล้ว
นี่เป็นครั้งแรกของเฉินรุยที่ใช้ "ความปราถนาแห่งความมืด" เขารู้สึกเหมือนกับร่างกายของเขาถูกห่อหุ้มด้วยพลังลึกลับและสลายตัวเป็น “อนุภาค” นับไม่ถ้วน “อนุภาค” เหล่านี้ดูเหมือนจะถูกขับไล่โดยพื้นที่ปัจจุบัน และมันถูกย้ายไปยังตำแหน่งอื่น ต่อจากนั้น “อนุภาค” ก็ได้ถูกสร้างใหม่ให้อยู่ในร่างมนุษย์
อันที่จริงทุกอย่างนั้นเกิดขึ้นในทันที หลังจากอาการวิงเวียนศีรษะเล็กน้อย เขาก็มาอยู่ที่อื่นแล้ว
จากแผนที่เวทย์มนตร์ ดูเหมือนว่าเขาจะยังคงอยู่รอบๆพื้นที่ของภูเขาซีหลาง อย่างไรก็ตาม แผนที่แสดงให้เห็นว่าเขาอยู่ห่างจากหลุมหลักประมาณ 10 กม. การเทเลพอร์ตแบบนี้มีระยะทางจำกัด ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะกลับไปยังเมืองพระจันทร์ดับโดยตรง นอกจากนี้ มันยังสุ่มมากอีก แน่นอนว่าเขาคงจะไม่ถูกส่งไปยังรังศัตรูโดยตรงหรอก ไม่เช่นนั้น เขาอาจได้รับรางวัลราชาแห่งโศกนาฏกรรมแห่งปีจริงๆ
ความแข็งแกร่งของเลนนอนเองก็ค่อนข้างน่ากลัว สองกระบวนท่าสุดท้ายของเขา 'ดาบออร่า' และ 'ยิงออร่า' ถูกแก้ไขได้อย่างง่ายดายจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความเร็วที่น่าสะพรึงกลัวของมันน่าหวาดหวั่นยิ่งนัก ไม่เพียงแต่การเคลื่อนไหวของร่างกายของมันจะรวดเร็วเท่านั้น แต่ความเร็วของดาบของมันยังเร็วอีกด้วย แน่นอนว่าเลนนอนไม่ได้ใช้กำลังเต็มที่เลย ดูเหมือนว่าช่องว่างระหว่างระดับจะมีมากจริงๆ
เขาไม่สามารถแข่งขันกับมารระดับราชาได้เลย อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาแซงอรัคแล้ว เลนนอนจะเป็นเป้าหมายต่อไปของเขา!
เฉินรุยตั้งใจแน่วแน่มาก แต่เขาทำได้แค่ทีละขั้นตอนเท่านั้น ความจำเป็นในตอนนี้คือการเตรียมพร้อมล่วงหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงวิกฤติ แม้ว่าเขาจะชนะการเดิมพันกับเลนนอน แต่ก็เป็นเพียงวิธีการหลบหนีและการทดสอบเท่านั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะพึ่งพา "เดิมพัน" กับเลนนอนอีกครั้ง
ด้วยความช่วยเหลือของแผนที่เวทย์มนตร์และเข็มทิศเวทมนตร์ ในที่สุดเฉินรุุยก็พบแม็กดาที่ยอดเขา จากนั้นพวกเขาก็บินกลับไปที่สำนักงานเหมืองแร่ที่ภูเขาซีหลาง ในเวลานั้น โดโด้ยังไม่กลับมา อย่างไรก็ตาม ด้วยความเป็นอมตะและความสามารถ 'กลายร่าง' ควบคู่ไปกับสัญชาตญาณการหลบหนีที่แข็งแกร่ง ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมาก
เฉินรุยไม่ได้พักผ่อนที่เต็นท์ของเขา แต่เขาเดินตรงไปบนยอดเขาและมาที่เต็นท์ของอาเธน่า
แม้จะอยู่ดึกดื่น แต่ความตื่นตัวของอาเธน่าก็ยังสูงมาก นางลืมตาตื่นขึ้นทันที แน่นอน เฉินรุยไม่ได้ตั้งใจปกปิดรอยเท้าของเขา
“อาเธน่า”
เมื่อได้ยินว่าเป็นเสียงของเฉินรุย มือที่ถือดาบก็คลายออกทันที
"เกิดอะไรขึ้น?" หัวใจของอาเธน่าเต้นแรง ตอนนี้มันดึกมากแล้ว เขามาทำอะไรที่นี่อย่างกะทันหันกัน?
จู่ๆ นางก็นึกถึงเรื่องที่อลิซเคยเล่าโดยไม่มีเหตุผล มันมาจากบทประพันธ์ของนวนิยายอันแสนโด่งดัง นางจำเรื่องทั้งหมดไม่ได้ แต่นางจำได้เลือนลางว่ามันเป็นเรื่องของชายผู้โดดเดี่ยวบุกรุกไปหาหญิงสาวผู้โดดเดี่ยวในตอนกลางคืน จากนั้น… หลังจากนั้น… ต่อมา… ในที่สุด ทั้งสองก็อยู่ด้วยกัน
"ข้าขอเข้าไปได้ไหม?"
เมื่อคิดอย่างนั้น ใบหน้าของอาเธน่าก็แดงแล้ว และหัวใจของนางก็เต้นแรงขึ้น ผู้ชายคนนี้ เขาจะมาขออะไรแบบนี้ไม่คิดก่อนหรือไง! แม้ว่าจะเป็น...เจ้า ก็ไม่ได้นะ! เขาคิดว่าข้าเป็นผู้หญิงแบบไหนกัน ข้าคือ อาเธน่า เวลส์ นะ!
“ให้เข้าเข้าไปคุยได้ไหม?”
งี่เง่า! เจ้ามีเจตนาอย่างนั้นจริงหรือ? ถ้าอย่างนั้น… ข้าควรเตะเขาลงจากภูเขาไหม? หรือข้าควรจะแทงเขาด้วยดาบของข้าดี?
อาเธน่ากำดาบของนางแน่นอีกครั้ง
"อาเธน่า!"
เสียงของเฉินรุยดังขึ้นอีกครั้ง อาเธน่านั้นรู้สึกประหม่ามาก นางยกดาบใหญ่ขึ้นด้วยฝัก แต่นางก็ยกม่านเต็นท์ขึ้นแทน “เข้ามา”
อาเธน่าเสียใจพอสมควรที่ยกม่านขึ้น นางได้แต่ด่าทอตัวเองที่ไม่ยืนหยัดในค่านิยมของนาง เมื่อเห็นเขาเอาผ้าม่านลงและนั่งลง นางรู้สึกแปลกๆเล็กน้อย นางกำดาบของนางแน่นอีกครั้งอย่างอธิบายไม่ถูก นางแอบคิดในใจว่า ถ้าผู้ชายคนนี้กล้าที่จะประพฤติผิดจริงๆ นางจะตบเขาด้วยดาบของนางทันที!
เดี๋ยวนะ ทำไมมันแค่ "ตบ" แต่ไม่ "แทง" ล่ะ?
ตอนนี้มันมืดมาก ดังนั้นเฉินรุยจึงไม่สังเกตเห็นอาการประหม่าของนางเลย “ขอโทษที่ข้ามารบกวนเจ้าตอนดึก แต่ว่าตอนนี้มีเรื่องด่วนมาก”
อาเธน่าแอบตกใจเมื่อได้ยินถึงความจริงจังในน้ำเสียงของเขา นางจึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
.