ลูกเขยพ่อมารร้ายตอนที่ 78
บทที่ 78: ข้อเสนอการประชุม! แผนการฆาตกรรมของโจเซฟ
โจเซฟเดินช้าๆบนถนนพร้อมกับยิ้มแย้มออกมา แต่ดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยความมืดมน เขาเป็นแบบนั้นตั้งแต่ออกมาจากร้านของเจ้าหญิงแล้ว
ขณะที่เขากำลังเดินผ่านตรอกที่ห่างไกลออกไป เสียงฝีเท้าของโจเซฟได้หยุดลง และเขาก็พูดอย่างหนักแน่นออกมาว่า “เจ้ามนุษย์นั้นต้องตาย”
เมื่อรอยซ์ได้ยินเช่นนั้น เขาก็ถามด้วยความประหลาดใจว่า “ท่านครับ มนุษย์คนนั้นมันเป็นเพียงคนไร้ประโยชน์ ทำไมถึง...”
โจเซฟพอได้ยินเช่นนั้นก็ตอบกลับไปว่า “เมื่อครู่ข้าได้เห็นของหลายอย่างจากร้านเจ้าหญิงน้อย ไม่ใช่แค่สินค้าเท่านั้น แต่ยังมีกระทั่งสิ่งมหัศจรรย์ที่ซ่อนอยู่อีกด้วย สิ่งเหล่านี้เป็นของที่น่าทึ่งมากมาย แม้จะเสาะหาทั่วอาณาจักรมารก็คงยาก กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ มีแนวโน้มว่าบางทีของพวกนั้นอาจมาจากเหนืออาณาจักรมารของเรา มันอาจมาจากเจ้ามนุษย์นั่น…”
“นอกจากนี้ การที่ข้าเสนอราคาแข่งกับอลัน หาใช่การสั่งสอน ข้าเพียงแค่จะชื้อมันมาเพื่อชื้อใจของทั้งเจ้าหญิงน้อยและอลันไปพร้อมๆกัน ข้าน่ะรู้นิสัยของอลันดี ตราบใดที่เจ้าแสดงความเคารพต่อมัน การเป็นมิตรกับมันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร” จากนั้นใบหน้าของโจเซฟหมองลงเล็กน้อย “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเจ้ามนุษย์จะสังเกตเห็นความตั้งใจของข้าจริงๆ และถึงกับได้บอกใบ้เจ้าหญิงน้อยไว้ ไม่อย่างนั้นเจ้าหญิงน้อยคงไม่ทำแบบนั้น และเพราะแบบนั้น ความสัมพันธ์ของเรากับตระกูลคารอนยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ หากไม่ได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุด คานิตาอาจจะใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ได้”
“มนุษย์ผู้นั้นทำได้ถึงขนาดนั้นจริงหรือขอรับ? เขามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของเจ้าหญิงน้อยจริงๆเหรอขอรับ?” รอยซ์ถามออกมาแสร้งทำเป็นว่าเพิ่งตระหนักได้ ในความคิดของเขาตอนนี้ เขาเริ่มเข้าใจ "เจ้านาย" คนใหม่ของเขาเพิ่มขึ้นแล้ว การที่ถึงขั้นได้รับการยอมรับจากโจเซฟ ย่อมต้องพิเศษจริงๆ
“ถ้าข้าเดาถูก คนที่อยู่เบื้องหลังร้านของเจ้าหญิงก็คือเฉินรุย การที่ร้านค้าปลีกของเจ้าหญิงมาถึงจุดนี้ได้ ทั้งหมดก็เพราะเจ้ามนุษย์นั่น นั่นคงจะเป็นเหตุผลที่อลิซฟังมัน เพียงแค่มองเพียงครั้งเดียว นางก็ถึงกับเข้าใจการบอกใบ้ของมัน”
เมื่อพูดอย่างนั้น ดวงตาของโจเซฟเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าอย่างอธิบายไม่ถูก “เพราะมนุษย์บ้านั้นปรากฏตัวในเมืองพระจันทร์ดับ การเปลี่ยนแปลงหลายอย่างจึงเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการท้าทายปรมาจารย์ ศึกเวหาหรือกระทั่งร้านเจ้าหญิงน้อย ถึงมันอาจจะไม่ใช่พรสวรรค์ของมัน แล้วแค่โชคดีก็เถอะ แต่มันก็ได้นำพาโชคนั้นมาให้เจ้าหญิง เพราะอย่างนั้นข้าคงต้องรีบกำจัดมัน!”
ถ้าเฉินรุยได้ยินตอนนี้ เขาจะคิดอย่างไรกันนะ? อันที่จริง เฉินรุยไม่ได้สังเกตเจตนาของโจเซฟเลยสักนิด เขาแค่เผลอทำไปโดยบังเอิญ อย่างไรก็ตาม ด้วยสติปัญญาของโจเซฟ เขาไม่ใช่คนที่อลันจะสู้ได้อย่างแน่นอน เขาถึงกับได้ข้อสรุปแล้วว่าเฉินรุยเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังร้านขายปลีกเจ้าหญิง เขายังเชื่อมโยงกับการท้าดวลปรมาจารย์และศึกเวหา ถึงกระทั่งคิดว่ามันอาจจะเป็น "โชคดี" เลยด้วยซ้ำ
“ท่านชาย ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง” รอยซ์พอคิดได้ก็พูดออกมาทันที
แม้ว่าโจเซฟจะมีสติปัญญาอันสูงส่ง แต่เขาคงไม่คิดหรอกว่าผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีอำนาจของเขาจะกลายเป็นข้ารับใช้มนุษย์คนนั้นแล้ว คำขอให้ฆ่าเฉินรุยนั้น แน่นอนว่าเขาจะทำตามสั่ง แต่ก็จะปล่อยให้ "เป้าหมาย" หลบหนีไปได้
“รอยซ์ ข้ารู้ว่าเหตุการณ์ที่ร้านเวทมนตร์ยังคงรบกวนเจ้าอยู่ และเจ้าต้องการจะชดใช้ ข้าได้บอกไปแล้วว่าเจ้าไม่มีส่วนรับผิดชอบในเรื่องนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะอลัน ไอ้คนโง่เขลาคนนั้น” โจเซฟเหลือบมองวาซาช่าที่ไม่แสดงสีหน้าใดๆต่อรอยซ์ และก็ได้ยิ้มเล็กน้อย “เรื่องเฉินรุย ข้าน่ะมีแผนอยู่แล้ว อันที่จริง การจะลอบสังหารมนุษย์นี้เป็นอะไรที่ง่ายดายนัก ข้าแค่ต้องการให้ความตายของมันคุ้มค่ากับเป้าหมายข้า เจ้าหญิงเองก็กำลังดูการแสดงระหว่างข้ากับอลันอยู่ หากเป็นอย่างนี้ งั้นข้าจะทำให้นางได้ชมเชยอย่างสมใจ”
"เข้าใจแล้วขอรับ" รอยซ์โค้งคำนับเล็กน้อย นัยน์ตาล่างของเขามีแสงระยิบระยับราวกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่
เช้าวันรุ่งขึ้น การประชุมก็ได้เริ่มต้นขึ้น
มีผู้เข้าร่วมประชุมตามปกติเป็นจำนวนมาก ซึ่งเฉินรุยรู้จักแต่โจเซฟและอลันเท่านั้น ส่วนมารที่เหลือก็จะมี ผู้เฒ่าจากตระกูลไซฟู ฟอร์ด ผู้เฒ่าตระกูลเมลล่อน คาร์ลและตัวแทนตระกูลขนาดเล็กและขนาดกลางมากมายที่จะเห็นได้จากในเอกสารเท่านั้น
เฉินรุยเปิดใช้งาน 'ดวงตาวิเคราะห์' อย่างเงียบ ๆ และมองดูความแข็งแกร่งของทุกคน
เจ้านายสาว เชีย เผ่าพันธุ์: ตระกูลราชวงศ์ผู้หยิ่งทระนง ค่าความแข็งแกร่ง: ไม่สามารถตัดสินได้
พ่อบ้านชรา เกาส์ – เผ่าพันธุ์: ลิช ค่าความแข็งแกร่ง: D
หล่อร้าย โจเซฟ - เผ่าพันธุ์: มารผู้ยิ่งใหญ่ ค่าความแข็งแกร่ง: C
ราชาแห่งการไม่เอาอ่าว อลัน – เผ่าพันธุ์: มารผู้ยิ่งใหญ่ ค่าความแข็งแกร่ง: E
ผู้เฒ่าตระกูลไซฟู ฟอร์ด – เผ่าพันธุ์: มารผู้ยิ่งใหญ่ ค่าความแข็งแกร่ง: D
ผู้เฒ่าตระกูลเมลลอน คาร์ล – เผ่าพันธุ์:มารผู้ยิ่งใหญ่ ค่าความแข็งแกร่ง: D
……
ตอนนี้ความแข็งแกร่งเฉินรุยก็ถึง D ในขณะที่ใช้ 'ดวงตาวิเคราะห์' ระดับความแรงของโจเซฟไม่ใช่ "ไม่สามารถตัดสินได้" อีกต่อไป แต่แสดงเป็น C แทน ในขณะที่ความแข็งแกร่งของเชียยังคงเป็น “ไม่สามารถตัดสินได้” เฉินรุยค่อนข้างชำนาญในการใช้ 'ดวงตาวิเคราะห์' แล้ว เขารู้ว่าทักษะนี้สามารถวิเคราะห์ระดับที่สูงกว่าตัวเขาเองได้ ดังนั้นสิ่งใดก็ตามที่อยู่เหนือจะแสดงเป็น “ไม่สามารถตัดสินได้”
บุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดในตอนนี้คือเชีย รองลงมาคือโจเซฟ ผู้ซึ่งต้องไปถึงระดับของราชามาร ส่วนคนที่มีความแข็งแกร่งน้อยก็เป็น อลันและหัวหน้าตระกูลเล็กๆ อย่างที่เชียบอก ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะกำจัดอลัน ถ้าไม่อย่างนั้น เราจะหาหัวหน้าทหารที่แสนอ่อนแอทั้งกายภาพและสติปัญญาแบบนี้จากที่ไหนกัน?
ส่วนการวิเคราะห์เชียว่าเป็น "ตระกูลราชวงศ์ผู้หยิ่งทระนง" ทำให้เฉินรุยสงสัยเล็กน้อย เขาจำได้ว่าอาเธน่าเคยกล่าวไว้ว่า อาณาจักรมาร ปัจจุบันมีสามอาณาจักร ได้แก่ อาณาจักรนางฟ้าร่วงหล่น เป็นตัวแทนของ "ความหยิ่งทระนง", อาณาจักรโลหิต เป็นตัวแทนของ "ความโลภ" และอาณาจักรมืดทะมึนเป็นตัวแทนของ "ราคะ" อาณาจักรมารมีอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่เจ็ดแห่งในช่วงรุ่งเรือง ในช่วงล้านปีที่ผ่านมาของการคัดเลือกโดยธรรมชาติ จึงมีเพียงสามราชวงศ์ที่เหลืออยู่ อีกสี่ราชวงศ์ได้หายไป หรือบางทีก็อาจจะมีอยู่ ความหยิ่งทะนง ความโลภ ราคะ…เป็นคำที่ดูคุ้นเคยจังแฮะ
อย่างไรก็ตาม เชียมีอายุเพียง 23 ปี ความแข็งแกร่งของนางอย่างน้อยก็คือราชามารผู้ยิ่งใหญ่ที่ “ไม่สามารถตัดสินได้” นางฝึกฝนอย่างไรกัน? นางมีระบบสุดยอดด้วยหรือเปล่า?
นอกจากนี้ตาเฒ่าเกาส์ยังเป็นลิชอีกด้วย ขีดจำกัดปกติของลิชควรเป็น มารขั้นกลาง ซึ่งก็คือ E แต่ตอนนี้มันแสดงเป็น D ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นอีกคนหนึ่งที่มีสายเลือดกลายพันธุ์
เฉินรุยกำลังสังเกตอยู่ แต่ก็ได้มีเสียงหนึ่งดังขึ้น “ท่านเลขานุการ ข้าได้ยินมาว่าร่างกายท่านไม่สบายมาระยะหนึ่งแล้ว ตอนนี้ดีขึ้นแล้วหรือยัง?”
เสียงนี้ไม่ได้ทำให้เฉินรุยรู้สึกสบายใจเลยสักนิด เพราะว่ามันมาจากโจเซฟผู้แสนน่ารังเกียจ เขาเพิ่งถามคำถามนี้เมื่อวานนี้ และเขาก็จงใจถามคำถามเดิมอีกครั้งในวันนี้ เขาคงมีเจตนาไม่ดีแน่
“ท่านโจเซฟ ขอบคุณสำหรับความห่วงใย” เฉินรุยลุกขึ้นและโค้งคำนับ “อันที่จริง เพราะร่างกายของข้าอ่อนแอเอง ข้าป่วยมาระยะหนึ่งแล้ว ตอนนี้ข้าหายดีหมดแล้วล่ะ”
อลันที่อยู่ข้างๆไม่ได้ปิดบังความเกลียดชังของเขาเลย คงกำลังคิดอยู่ว่า มนุษย์อ่อนแอ เขาอยู่ในอาณาจักรมารมาสักพักแล้ว แต่แปปๆก็ล้มป่วยเนี่ยนะ งั้นก็จงป่วยตายไปเลยไป!
“อย่าลืมดูแลร่างกายของท่านด้วยนะ” โจเซฟพยักหน้าอย่างมีความหมาย “ไม่อย่างนั้น เจ้าหญิงจะทรงมั่นใจได้อย่างไรว่าจะสามารถมอบงานสำคัญในอนาคตให้ท่านทำได้ อันที่จริงข้าคิดมากเรื่องท่านมากเลยนะ”
คิดมากตูดแกสิ! เฉินรุยแอบบ่นในใจ: ใครจะไม่รู้จักแกกันฟร๊ํะ? ถึงจะทำดีต่อหน้า ด้านหลังแกมีมีดไว้แทงอยู่ใช่ไหม?
ในขณะนั้นเชียก็ได้พูดขึ้นว่า “เอาล่ะ เลิกคุยเล่นกันได้แล้ว มาเริ่มการประชุมกันเถอะ”
การประชุมจะคุยเรื่องไตรมาสเป็นส่วนใหญ่ เพื่อสรุปสถานการณ์ของไตรมาสปัจจุบันและเตรียมการคร่าวๆ สำหรับไตรมาสถัดไป
การพูดคุยในช่วงต้นไม่มีอะไรมากไปกว่าการรายงานเหตุการณ์สำคัญ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากสมุดบันทึกที่เฉินรุยรับผิดชอบ หลังจากเชียสรุป โจเซฟที่เป็นผู้นำก็ได้ยืนขึ้นเมื่อเชียขอให้ทุกคนพูดเรื่องในไตรมาสถัดไป “ข้าได้นำเถาวัลย์ 100 ก้อนให้เจ้าหญิงน้อยจากการประลองเวหาครั้งก่อน เนื่องจากข้าต้องการเวลาเก็บศิลาเถาวัลย์และมีเรื่องส่วนตัวบางอย่างที่เขตดินแดนวิญญาณสีชาด ข้าจึงได้ลาหยุดยาวเมื่อเดือนที่แล้ว หลังจากเข้าร่วมการประชุมตามปกตินี้แล้ว ข้ายังต้องการขอลาเจ้าหญิงอย่างน้อยสองเดือนด้วย หลังจากที่ข้าจัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว ข้าจะกลับมารับใช้เมืองพระจันทร์ดับ หวังว่าฝ่าบาทจะเข้าใจ”
เชียเมื่อเห็นเช่นนั้นก็พยักหน้าเบาๆตอบกลับไป อันที่จริง ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าเขามาลาเป็นเพียงพิธีการ เจ้าหญิงทรงอยากให้เจ้าหน้าที่การเงินออกไปมาก ยิ่งนานยิ่งดี มันคงจะดีเลยถ้าเขาไม่กลับมา
“ขอบพระคุณฝ่าบาท! ได้โปรดมั่นใจได้เลยว่าข้าจะจัดการงานทั้งหมดที่อยู่ในมือก่อนที่จะลาจากไป” โจเซฟยิ้มและกล่าวว่ากำลังเตรียมงานบางอย่าง จากนั้นเขามองไปที่เฉินรุยที่กำลังบันทึกและพูดว่า “เมื่อกลับมาที่เมืองพระจันทร์ดับครั้งนี้ ข้าก็พบว่าร้านเจ้าหญิงน้อยมีท่านเลขานุการอยู่ด้วย กระทั่งในตอนท้าดวลปรมาจารย์และศึกเวหาก็ด้วย อันที่จริง ข้าคิดมาตลอดว่าท่านเฉินรุยมีความสามารถมาก เจ้าหญิงช่างยอดเยี่ยมเหลือเกินที่สามารถค้นหาผู้ที่มีพรสวรรค์เช่นนี้ได้”
พอโจเซฟพูดจบ ทุกคนต่างจับจ้องไปที่เลขาตัวน้อยคนนี้ เฉินรุยรู้ดีว่าโจเซฟนี้ไม่มีเจตนาดีแน่นอน ดังนั้นเขาจึงระมัดระวังตัวมาก แม้แต่อลัน ที่เอ๋อพอสมควร ก็ยังเข้าใจเลยว่าโจเซฟมีแผนบางอย่างถึงได้ยกย่องเฉินรุยแบบนั้น
โจเซฟส่ายหัวแล้วพูดอีกว่า “ฝ่าบาท ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วยที่ทำตัวหยาบคายเช่นนี้ ที่จริงแล้ว ข้าน่ะคิดว่าท่านเลขานั้นมีความสามารถจริงๆ เป็นทั้งศิษย์ของท่านปรมาจารย์อัลดาซและยังมีฝีมือการปรุงยามากมาย นอกจากนี้เขายังกล้าหาญและนอบน้อม ข้าเชื่อว่าคนที่เคยดูการประลองปรมาจารย์และศึกชิงเวหาย่อมต้องเข้าใจ เพราะอย่างนั้นข้าเพียงแค่ตั้งใจจะแนะนำภารกิจสำคัญให้ท่านเฉินรุย ท่านคิดเช่นไรล่ะ เจ้าหญิง?”
เชียกะไว้แล้วว่าโจเซฟต้องพยายามหาเรื่องเฉินรุย นางคิดว่ามันอาจจะเป็นการเลือกปฏิบัติหรือทำรุนแรง แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นอะไรแบบนี้ นางขมวดคิ้วและพูดว่า “เจ้าต้องการแนะนำให้เฉินรุยทำอะไรงั้นเหรอ?”
โจเซฟยิ้มและกล่าวว่า “ปัญหาการขุดเหมืองเป็นปัญหาเรื้อรังที่รบกวนดินแดนพระจันทร์ดับมาหลายปีแล้ว ในฐานะเจ้าหน้าที่การเงินที่รับผิดชอบเรื่องนี้ ข้าอยากจะแนะนำให้เขาเป็นเจ้าหน้าที่เหมืองเพื่อไปที่ภูเขาซีหลาง เขาจะได้แสดงความสามารถและจัดการอุตสาหกรรมเหมืองแร่ให้เราเห็น ท่านคิดเช่นไรล่ะเจ้าหญิง?”
ภูเขาซีหลาง! เจ้าหน้าที่เหมือง! ดวงตาของเชียเป็นประกายด้วยแสงเย็นชา ตอนนี้นางเข้าใจแผนการชั่วร้ายของโจเซฟในทันที
ไม่ใช่แค่เชีย แต่ทุกคนในที่นี้เข้าใจวัตถุประสงค์ของคำแนะนำ "อันแสนใจดี" ของโจเซฟ
เหมืองภูเขาวีหลาง เคยเป็นแหล่งทรัพยากรและความมั่งคั่งที่ใหญ่ที่สุดสำหรับเมืองพระจันทร์ดับ อย่างไรก็ตาม ในช่วงสองสามทศวรรษที่ผ่านมา สัตว์อสูรใต้ดินได้อาละวาด คร่าชีวิตคนงานเหมืองไปมากมาย ดูเหมือนว่าเจ้าหน้าที่เหมืองคนสุดท้ายจะหายตัวไปในเหมือง และยังไม่พบร่างของเขาเลย ทุกวันนี้มี มีแม้กระทั่งโจรที่มารบกวนเป็นครั้งคราว ดังนั้นจึงเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
นับประสาอะไรกับมนุษย์ที่ไร้อำนาจเช่น เฉินรุย แม้แต่มารระดับสูงก็คงไม่กลับมาอย่างปลอดภัย เห็นได้ชัดว่าโจเซฟต้องการจะฆ่ามนุษย์
แน่นอนว่าเลขามนุษย์มีท่าทางแปลกๆ และเขาก็เงียบไปในทันที
ทันทีที่อลันได้ยินข้อเสนอนั้น เขาก็ไม่สนใจเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับโจเซฟที่แย่ๆในช่วงนี้แล้ว ตัวเขาเป็นคนแรกที่เห็นด้วยเลยด้วยซ้ำ ตระกูลเมลล่อนเองก็แสดงการสนับสนุนความคิดเห็นของโจเซฟทันที ตระกูลที่แปรพักตร์ต่อโยเซฟก็สนับสนุนกันด้วย หลายคนมองเฉินรุยด้วยใบหน้าเศร้าหมอง ราวกับว่าเขาเป็นศพไปแล้ว
ไม่มีใครรู้สาเหตุที่แท้จริงที่เฉินรุยทำท่าทางแปลกๆ อันที่จริง ภูเขาซีหลางเป็นที่ๆยังไงเขาก็ต้องไปต่างหาก เป็นไปได้ไหมว่าโจเซฟก็มีทักษะสุดยอดอย่าง 'อ่านจิตใจ' แบบของอลิซ!?
ในขณะนั้นเอง ผู้เฒ่าฟอร์ดจากตระกูลไซฟูก็พูดขึ้นว่า "อุตสาหกรรมเหมืองแร่ของภูเขาซีหลางเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญสำหรับเมืองพระจันทร์ดับของเรามาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม มันได้เกิดหายนะขึ้นบ่อยครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีโจรจากภายนอกและสัตว์อสูรจากภายใน แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไปขุดเหมืองได้ มนุษย์ผู้นี้ไร้ซึ่งพลัง ข้าคิดว่าเป็นท่านโจเซฟต่างหากที่ดูจะเข้าท่าที่สุด ถ้าท่านสามารถไปที่นั่นด้วยตัวเอง คงจะแก้ปัญหาได้อย่างแน่นอน และเมืองพระจันทร์ดับของเราก็คงจะกลับมารุ่งเรือง”
“การเงินและเศรษฐกิจเป็นพื้นฐานของอสังหาริมทรัพย์ ข้าเป็นผู้รับผิดชอบงานนี้ ถ้าข้าไปที่เหมืองเป็นการส่วนตัว และถ้าเกิดอะไรขึ้นเกี่ยวกับการเงิน ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ล่ะ?”
คำพูดของโจเซฟดูมั่นคงมาก เขาเยาะเย้ยอีกว่า "ท่านผู้เฒ่าฟอร์ด ทิม บุตรชายของท่านก็เป็นเจ้าหน้าที่เหมืองคนสุดท้ายสินะ ข้ารู้สึกเสียใจกับการหายตัวไปของเขาด้วย อย่างไรก็ตาม ท่านเลขนานุการของเจ้าหญิงน่ะแตกต่างออกไป หรือว่าท่านกำลังสงสัยตัวเลือกของเจ้าหญิงเช่นนั้นหรือ? หรือนี่คือการแก้แค้นของท่านที่ยามนั้นข้าไม่ควรปล่อยให้ทิมกลับเข้าเหมือง? ท่านเองก็รู้ดีว่าความตั้งใจของข้าน่ะคือการพัฒนาเมืองพระจันทร์ดับ!"
ผู้เฒ่าฟอร์ดได้แต่ตัวสั่นเพราะความโกรธของเขา ตระกูลไซฟูเป็นหนึ่งในตระกูลที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองพระจันทร์ดับและมักจะเป็นคู่แข่งกับโจเซฟที่เป็นคนนอก เมื่อสองปีที่แล้ว ทิม ลูกชายคนโตของผู้เฒ่าฟอร์ดได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าที่เหมืองโดยโจเซฟ และหายตัวไปในเหมืองด้วยเหตุนี้ ยังไม่มีข่าวคราวอะไรเกี่ยวกับเขาและก็ได้รับการระบุว่าเสียชีวิต ดังนั้น ฟอร์ดจึงเกลียดโจเซฟถึงแก่นขั้วกระดูกดำ ครอบครัวเล็กๆหลายตระกูลก็ได้สนับสนุนเชีย รวมถึงคัดค้านเรื่องนี้ด้วย
สายตาที่เย็นชาของเชียมองตรงราวกับต้องการจะแทรกซึมเข้าไปในหัวใจของโจเซฟ น่าเสียดายที่สายตาของนางไม่สามารถฆ่าคนได้ ไม่เช่นนั้น ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของโจเซฟคงกลายเป็นตะแกรงไปนานแล้ว
โจเซฟเพิกเฉยต่อความโกรธของเชียและมองเฉินรุยด้วยรอยยิ้มตามนิสัย – เมื่อมนุษย์คนนี้ตาย ร้านขายปลีกเจ้าหญิงน้อยก็คงจะตามไปไม่ช้าก็เร็ว จากนั้นเชียจะสูญเสียการสนับสนุนที่สำคัญในเชิงพาณิชย์เช่นกัน ขวัญกำลังใจของนางก็จะมีอิทธิพลอย่างมากอย่างแน่นอน
“ข้าเต็มใจจะไปเหมือง”
ทันใดนั้นทุกเสียงพลันเงียบกริบลง และทุกคนก็มองไปยังมนุษย์ที่ยืนขึ้นมมา