ตอนที่แล้วลูกเขยพ่อมารร้ายตอนที่ 75
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 77: ข้อพิพาทและความคิดที่ต้องระมัดระวัง

บทที่ 76 แวะเยือนร้านค้าของเจ้าหญิงน้อย


บทที่ 76: แวะเยือนร้านค้าของเจ้าหญิงน้อย

เมื่อเขาตื่นขึ้น มา มันก็เป็นเวลาเที่ยงวันของวันรุ่งขึ้น เฉินรุยรู้สึกว่าวิญญาณของเขาฟื้นขึ้นมาประมาณ 30% จากนั้นเขาก็ดื่มยาฟื้นฟูวิญญาณที่แลกเปลี่ยนอีกขวดหนึ่ง ถึงแม้ว่าเขาจะค้นพบความอัศจรรย์ของ 'วิเคราห์ขั้นสูง' แต่เขาก็ได้จ่ายค่าตอบแทนของมันไปแล้ว วิญญาณไม่เพียงแต่เป็นเชื้อเพลิงของการร่ายเวทย์เท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งของเจตจำนงและประสาทสัมผัสอีกด้วย เมื่อขาดจิตวิญญาณ ทุกสิ่งย่อมไม่สามารถทำได้ การฝึกก็ด้วย ดังนั้น เฉินรุยจึงวางแผนที่จะรอจนกว่าเขาจะฟื้นตัวเต็มที่ก่อนที่เขาจะเริ่มฝึกอีกครั้ง

มีครั้งหนึ่งเขาเคยทดลองในสนามฝึกธรรมดาที่มีกฎเวลา อย่างไรก็ตาม กฎเวลาไม่ช่วยฟื้นฟูจิตวิญญาณในตอนนี้เลย เขาได้แต่ออกไปอย่างช่วยไม่ได้ และเสียออร่าไป 2,000 ฟรีๆ ดูเหมือนว่าเขาคงจะได้แต่พึ่งยาและนอนหลับเพื่อฟื้นฟูเท่านั้น 'วิเคราะห์ขั้นสูง' มีประสิทธิภาพมาก แต่ในอนาคต ทักษะนี้ควรใช้อย่างระมัดระวังหลังจากประเมินสถานการณ์แล้ว

บางทีอาจต้องใช้เวลาอีกประมาณ 2 วันในการฟื้นฟูจิตวิญญาณของเขาอย่างเต็มที่ ในแง่ของเวลา อาจแก้ด้วยกฎของสนามฝึกซ้อมทดแทนได้ อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่ามันต้องการออร่าจำนวนมาก การดื่มยาทมิฬในตอนนั้นช่างหุนหันพลันแล่นจริงๆ ทว่าเมื่อเผชิญกับการยั่วยวนให้เพิ่มความแข็งแกร่งอย่างถาวรด้วยการดื่มยา การที่เขาเหลือออร่า 120,000 ก็ถือว่าประเสริฐมากแล้ว

หลังจากพิจารณายาจิตวิญาณแท้จริง และออร่า 20,000 ที่ใช้ไปเมื่อคืนนี้ พร้อมกับ 'วิเคราะห์ขั้นสูง' เขาในตอนนี้ก็มีออร่าเหลือเพียง 90,000 ออร่า ออร่าเปรียบเสมือนเงินที่สูญเสียไปอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ภายในกำไรและขาดทุนของออร่าที่ใช้ไปนี้ ความแข็งแกร่งส่วนตัวของเขาก็เพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงไม่มีอะไรต้องเสียใจ

ในบรรดายาทมิฬนั้น ยาร่างกายนิรันดร์และจิตวิญญาณนิรันดร์นั้นยังไม่ได้แลกเปลี่ยน และราคาของพวกมันคือ 200,000 ออร่า แรงโน้มถ่วง 8 เท่า กฎเวลา 10 เท่า หรือแม้แต่กฎเวลา 100 เท่าก็ต้องใช้ออร่าที่มากโข เหรียญคริสตัลทมิฬ 160,000 เหรียญที่เขาได้รับจากซิลวาก่อนหน้านี้ ก็เหลือประมาณ 80,000 เหรียญในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม วัตถุดิบออร่าเหลือไม่มากนัก เนื่องจากตลาดช่วงนี้ถูกตาแก่คนแคระทุบเข้า

แต่ว่าเฉินรุยมีทางแก้อยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นเขาคงจะไม่แลกยาทมิฬโดยประมาทขนาดนี้

นั่นก็คือภูเขาซีหลาง “แร่เสีย” ของภูเขาซีหลางเป็นของเสียที่ไร้ประโยชน์สำหรับคนธรรมดา แต่สำหรับเฉินรุย มันเป็นแหล่งกำเนิดออร่าที่จำเป็นมากและมีจำนวนมาก! จากข้อมูล แร่ที่สูญเปล่าเหล่านี้ปรากฏขึ้นเมื่อสี่ร้อยปีก่อน มันอาจจะเกิดจาก "มลพิษ" พิเศษของสัตว์อสูรใต้ดิน กล่าวอีกนัยหนึ่งภูเขาซีหลางได้สะสม "แร่ที่สูญเปล่า" เหล่านี้มาสองสามร้อยปี แม้ว่าชิ้นเดียวจะให้ออร่าที่มีมูลค่าเพียงสองหลัก ซึ่งแย่กว่าวัสดุเวทย์มนตร์ในแง่ของ "คุณภาพ" แต่ก็มีจำนวนที่ค่อนข้างน่ากลัวในแง่ของ "ปริมาณ"

อันตรายและโอกาสมักมาคู่กันเสมอ เฉินรุยตัดสินใจไปที่ภูเขาซีหลาง ก่อนการต่อสู้กับอรัค ทว่าก่อนหน้านั้น เขาต้องได้รับแผนที่ มิฉะนั้นการบินอย่างไร้จุดหมายจะเสียเวลาเปล่า แม้ว่าเขาจะมีไวเวิร์นก็ตาม

เมื่อเฉินรุยกำลังคิดอยู่ อิมพ์ก็เคาะประตู “นายท่าน ท่านอยู่ไหม?”

ภายใต้สถานการณ์ปกติ แซลลี่จะไม่กวนเขา ดังนั้นเฉินรุยจึงลุกขึ้นและเปิดประตู “เกิดอะไรขึ้นแซลลี่?”

“เจ้าหญิงบอกว่าให้ท่านไปเข้าร่วมสภาด้วย”

เฉินรุยรู้ว่าเชียจะไม่ขัดจังหวะ “การทดสอบมรดก” ของเขาโดยไม่มีเหตุผล ดังนั้นจึงต้องมีบางสิ่งที่สำคัญแน่ นอกจากนี้จิตวิญญาณของเขายังไม่ฟื้น และไม่เหมาะสมที่จะฝึกฝนด้วย ดังนั้นเขาจึงรีบไปที่ห้องประชุมของสภาทันที

ในห้องประชุม นอกเหนือจากเรื่องอื่นใด รูปร่างของเชียอันแสนงดงามของนางนั้นยังสวยงามดั่งเดิม เมื่อพิจารณาถึงเวลาที่ใช้ในสนามฝึกซ้อม มันก็เป็นเวลาหลายเดือนแล้ว พูดตรงๆเขาคิดถึงนางมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายนี้ นางนั้นเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาฝ่าฟันมันมาได้

“เฉินรุย!” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ เสียงนั้นมาจากร่างที่มีผมสั้นสีม่วงและตาสีแดงที่คุ้นเคย อย่างไรก็ตาม หน้าแดงที่ฉายผ่านใบหน้าของนางดูแปลกไปเล็กน้อย

"อาเธน่า!" เฉินรุยนั้นมีความสุขมากเช่นกัน “เจ้าปรับตัวเข้ากับความแข็งแกร่งของมารระดับสูงสุดได้แล้วใช่ไหม?”

"อืม! แต่ว่าข้าก็ยังไม่สามารถก้าวไปที่ระดับต้นของมารระดับสูงสุดได้อยู่ดี การจะเพิ่มฝีมือต่อจากนี้ก็น่าจะยากขึ้นเท่าตัวแหละนะ“อาเธน่าพยักหน้าอย่างหนักแน่น ขณะที่นางมองมาที่เขา ใบหน้าของนางก็พลันกลายเป็นกังวล”เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าน่ะ? เจ้าไม่สบายหรือเปล่า? ได้ทำการรักษาหรือยัง?”

เนื่องจากผลสืบเนื่องของ 'วิเคราะห์ขั้นสูง' สถานะจิตวิญญาณของเฉินรุยตอนนี้แย่มาก อาเธน่านั้นสังเกตเห็นได้ในพริบตา

"อืม มีบางอย่างเกิดขึ้น แต่มันไม่สำคัญนักหรอก ข้าแค่ต้องหยุดพักไม่กี่วันเท่านั้นเอง”

พอรู้ถึงความกังวลของอาเธน่า หัวใจของเฉินรุยก็อบอุ่นมาก จากนั้นเขาก็ได้ยินเชียพูดออกมาว่า  “ในเรื่องของภารกิจนั้น เจ้าไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเองเลย แก๊งเสื้อคลุมที่เจ้าพูดถึงครั้งก่อนได้กลายเป็นหนึ่งในกองกำลังสำรองของราชองครักษ์แล้ว”

"เข้าใจแล้วครับ องค์หญิง"

เฉินรุยตระหนักดีว่าประโยคครึ่งแรกของเชียนั้นเป็นเรื่องที่นางกังวล ภารกิจที่นางพูดถึงนั้นก็คือ "ภารกิจการสืบทอดมรดก" แม้ว่านางจะดูเย็นชาเมื่ออยู่ต่อหน้าอาเธน่า แต่หัวใจของนางมิว่าดูยังไงก็มีแต่ความอบอุ่นที่มอบให้เขา ประโยคครึ่งหลังของเชียนั้นบ่งบอกถึงทัศนคติของนางที่มีต่อ “เอกิล” เพราะว่านางเชื่อใจเฉินรุย นางจึงมั่นใจในการตัดสินใจที่ให้เชื่อใจในเอกิลด้วย

อย่างไรก็ตาม หากเป็นเรื่องเกี่ยวกับอาเธน่าและแก๊งค์เสื้อคลุม เชียคงจะไม่เรียกเขาไปที่ห้องประชุมโดยเฉพาะกิจแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงได้แต่ต้องตามไปดู

“การประชุมรวมจะจัดขึ้นในเช้าวันพรุ่งนี้ เจ้าต้องอยู่ด้วย”

ประชุม? รอยซ์ดูเหมือนจะพูดถึงมันก่อนหน้านี้ การพักผ่อนสำหรับเขาสองวันมันยากนักหรือไง สุดท้ายเขาก็คงไม่มีทางเลือกนอกจากทำงานล่วงเวลา ที่จริงจะบ่นไปก็ไม่ได้อะไรหรอก เฉินรุยไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากรมแรงงานโลกนี้มันไปอยู่ไหน...

"พูดตามตรง ข้าไม่ต้องการให้เจ้าเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ แต่โจเซฟและตัวแทนของหลายตระกูลต้องการเห็นเจ้าที่เป็นเลขานุการคนใหม่ ดังนั้นจึงยากที่จะปฏิเสธ โดยปกติแล้ว คําขอดังกล่าวมันค่อนข้างสมเหตุสมผล แต่โจเซฟนั้นพูดออกมาอย่างออกนอกหน้า ในที่ประชุม เจ้าจงระวังเขาไว้ด้วยนะ ถ้าหากเจ้ารับมันไม่ไหวจริงๆ เจ้าก็สามารถลาออกจากตำแหน่งเลขานุการได้"

เฉินรุยจึงตระหนักดีว่าโจเซฟพยายามเล่นไม่ซื่อ ดูยังไงมันก็ไม่มีเจตนาดีกับเขาเลย ดูเหมือนว่าเขาต้องระมัดระวังมากในระหว่างการประชุมวันพรุ่งนี้ แต่อย่างที่เชียบอก ถ้าเขารับไม่ไหวจริงๆ เขาก็สามารถลาออกจากตําแหน่งเลขาได้ ถ้าเขาไม่มีความปรารถนาในอํานาจและทรัพย์สมบัติ โจเซฟก็ไม่สามารถสร้างเรื่องได้ นอกจากนี้เชียยังไว้วางใจเขา เขาสามารถทำอะไรก็ตามที่ต้องการได้หมด

เชียเมื่อเห็นเขาพยักหน้าแล้ว ก็รับรู้ได้เลยว่าเฉินรุยจะทำอะไร นางไม่ได้พูดอะไรอีกและวางสร้อยข้อมือมิติไว้บนโต๊ะ "นี่คือศิลาเถาวัลย์ที่เหนือกว่าที่โจเซฟนํากลับมาจากเขตวิญญาณสีชาด อลิซบอกข้าว่านางสัญญาว่าจะให้ 6 ชิ้นกับเจ้า ดังนั้นแล้วศิลา 100 ชิ้นภายในนั้นและสร้อยข้อมือมิติให้ถือว่าเป็นของเจ้าเถิด"

100 ชิ้น! มันควรจะเป็น 66 ชิ้นไม่ใช่เหรอ?

เฉินรุยดูประหลาดใจมาก เขาเกือบจะเลียนแบบคนแคระชราด้วยการพูดไปว่า "ความเอื้ออาทรของเจ้าหญิงเชียเปรียบได้กับดวงจันทร์สองดวงของอาณาจักรมารแห่งนี้ก็มิปาน" อย่างไรก็ตามเขารู้ว่าเชียไม่ชอบฟังความประจบประแจง ดังนั้นเขาจึงพูดตอบกลับไปว่า "ขอบคุณเจ้าหญิงมากเลยครับ!"

สําหรับเฉินรุยที่ครอบครองทั้งโกดังเก็บของ และคลังเก็บของมิติแล้ว ในตอนนี้สร้อยข้อมือมิตินั้นมีค่าน้อยมากสำหรับเขา เพราะเขาเองก็มีแหวนมิติของซิลวาอยู่ด้วย นอกจากนี้ หลังจากบรรลุสถานะมิชาร์ ความจุของคลังเก็บของก็ได้ขยายตัวเยอะมาก ืทำให้เขามีพื้นที่เหลือเฟือเลยล่ะ อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์มิติในอาณาจักรมารค่อนข้างหายาก นั่นคือความเมตตาจากเจ้านายสุดสวยของเขา การรับมันมาก็เป็นเรื่องที่ยังไงก็ต้องทำให้ได้

เชียเมื่อเห็นเช่นนั้นก็พยักหน้าเบาๆตอบกลับไป นางมองเฉินรุยที่กำลังพาอาเธน่าเดินไปเรื่อยๆ ทันใดนั้น นางก็ลดหัวลงและมองไปที่เอกสารในมือของนาง นางพูดขึ้นมาโดยที่ไม่ยกหัวขึ้น  "อาเธน่า เจ้าเพิ่งจะฝึกฝนเสร็จ แล้วก็ยังไม่ได้พบกับอลิซเลย ข้าว่าพวกเจ้าทั้งคู่ควรไปที่ร้านค้าขายปลีกของเจ้าหญิงนะ ข้าเชื่อว่าอลิซคงจะมีความสุขมากถ้าได้พบกับพวกเจ้าทั้งคู่"

อาเธน่าเองก็ยังอยากพบอลิซด้วย ดังนั้นนางจึงออกจากวังไปพร้อมกับเฉินรุย

"เฉินรุย ไม่ใช่ว่าเจ้าหญิงใหญ่มอบหมายภารกิจให้เจ้าสองเดือนเหรอ? ตอนนี้เป็นยังไงบ้างล่ะ?"

"ยังเหลืออีกครึ่งหนึ่งน่ะ" เฉินรุยคิดเรื่องหนึ่งและก็ตอบกลับไปว่า  "ว่าแต่อาเธน่า เจ้าเคยไปที่ภูเขาซีหลางหรือเปล่า?"

"เคยสิ! ปีแรกที่ข้าเพิ่งมาถึงเมืองพระจันทร์ดับ ข้าน่ะเคยไปที่นั่นเพื่อฝึกฝนล่ะ" อาเธน่าผงกหัวอีกแล้วก็พูดไปว่า  "แต่ว่าตอนนั้นพวกโจรมันยังไม่ปีกกล้าขาแข็งเหมือนกับเหมืองในตอนนี้หรอกนะ"

"ถ้างั้น... ต้องใช้เวลานานแค่ไหนถ้าไปที่นั่นโดยขี่ไวเวิร์นไปเหรอ?" เมื่อเห็นว่ามีคนไม่เยอะนัก เฉินรุยก็กระซิบถามอีกว่า

"เจ้าอยากที่จะลองฝึกบินกับพวกมันดูไหม?" พอได้ยินแบบนั้น ดวงตาของอาเธน่าก็สว่างไสวขึ้นมาทันที

เฉินรุยเองก็ไม่สามารถบอกความจริงได้ จึงได้แต่ถามไปว่า “จริงๆแล้วข้าก็เพียงแค่คิดมันดูคร่าวๆ ก็เลยไม่รู้ว่าระยะทางมันเป็นยังไง ช่วยบอกข้าทีหน่อยได้ไหม?”

อาเธน่ากระพริบตาและตอบว่า “ความสามารถในการบินของไวเวิร์นนั้นแข็งแกร่งก็จริง แต่ก็มีขีดจำกัดอยู่ เจ้าคงต้องหาสถานที่พักผ่อนและให้อาหารมันตามทาง นอกจากนี้ เจ้ายังต้องเลือกสถานที่ปลอดภัยในการพักผ่อนในยามกลางคืน หากเจ้าไปคนเดียวอาจใช้เวลาประมาณ 6 วัน แม้จะมีแผนที่ก็ตาม ดังนั้น หากเจ้าตัดสินใจที่จะฝึกในที่แห่งนั้น และมีผู้นำทางที่มีประสบการณ์พร้อม ก็คงจะประหยัดเวลาได้อย่างน้อยครึ่งหนึ่ง”

อาเธน่านั้นไม่ใช่คนหลอกลวงอะไร การแสดงออกอย่างกระตือรือร้นบนใบหน้าที่สวยงามของนางเหมือนกับจะบอกว่า "ตนคือผู้มีประสบการณ์" อย่างชัดเจน เฉินรุยยิ้มเล็กน้อย แต่จิตใจของเขากำลังคำนวณเวลาอยู่: 6 วัน สินะ เดินทางไปกลับ 12 วัน เขาต้องต่อสู้กับอรัคด้วยเวลาน้อยกว่าหนึ่งเดือน เช่นนั้นแล้วเขาคงต้องรีบ ว่าแต่เขาจำเป็นที่จะต้องพาไกด์ไปด้วยหรือเปล่านะ?

ขณะที่พวกเขาคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงร้านค้าเจ้าหญิงแล้ว พวกเขาเห็นลูกค้าออกจากร้านทีละคนและมองย้อนกลับไปตลอดเวลา ดูเหมือนว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นในร้าน

เฉินรุยและอาเธน่าเดินเข้ามา และเห็นว่ามีเพียงซัคคิวบัสกับอิมพ์ที่รับผิดชอบในการต้อนรับชั้นหนึ่งเท่านั้น คากูลีที่เป็นผู้ดูแล "ความปลอดภัย" ก็หายตัวไป มีกลุ่มมารแน่นขนดกำลังขวางทางไปทั่ว บันไดชั้นสองยิ่งแล้วเข้าไปใหญ่ ทั้งสองจึงรีบเดินเข้ามา แล้วก็พบกับ...

"อาเธน่า!"

คำทักทายจากทางเข้าชั้นสองทำให้อาเธน่าขมวดคิ้ว และอารมณ์ดีของนางก็กลับกลายเป็นแย่ชั่วพริบตา เมื่อทุกคนได้ยินเสียงนั้น ต่างก็เคลื่อนตัวและหลีกทางให้

คนที่อาเธน่าไม่ชอบที่สุดปรากฏตัวขึ้นมา คนผู้นั้นคือหัวหน้ากองทหาร อลัน แห่งตระกูลคารอน

“ดูเหมือนว่าคนที่มาถึงจะเป็นอาเธน่าและก็เลขานุการคนใหม่แห่งเมืองพระจันทร์ดับ ท่านเฉินรุย สินะครับ”

เสียงนี้เปรียบดั่งกับมีกริชที่ซ่อนอยู่ภายในนั้น กระทั่งรอยยิ้มก็ยังทำให้เฉินรุยรู้สึกไม่สบายใจเลย จากนั้น "โจเซฟ" มันก็โค้งคำนับอย่างสุภาพให้

ปรากฎว่าคนที่ทั้งสองเจอก็คืออลันและโจเซฟ โจเซฟยังคงยิ้ม แต่รอยซ์และวาชาซ่าที่อยู่ข้างหลังเขากลับปรากฏแรงอาฆาตพวยพุ่งออกมา

แม้ว่าอลันจะมีลูกน้องมากกว่า แต่ก็ไม่มีใครเป็นมารระดับสูง ภายใต้การข่มขู่ มันก็ดูเหมือนจะกลัว แต่ก็ยังพยายามทำท่าทีอวดเบ่ง ส่วนใหญ่เป็นเพราะมารระดับสูงที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลคารอน ซาราโด้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้กับอรัค มิคาสเองก็ตายไปแล้วด้วย อลันไม่มีขุมพลังใดๆแล้วในตอนนี้ ดังนั้นมันจึงได้ใช้ปริมาณสมุนของตนข่มขู่แทน

“ท่านเลขานุการดูเหมือนไม่สบายเลยนิ?” โจเซฟสังเกตเห็นอาการของเฉินรุย และมันก็ถามด้วยความเป็นห่วง

เฉินรุยรู้ว่าโจเซฟไม่ได้มีเจตนาดี ดังนั้นเขาจึงตอบกลับไปว่า “ข้าขอโทษด้วยที่ต้องทำให้ท่านเห็นอะไรเช่นนี้ ตัวข้ามีร่างกายอ่อนแอตั้งแต่ยังเยาว์วัย ช่วงนี้ข้าป่วยหนักมาก และก็ไม่ได้ออกมาข้างนอกสักพักแล้ว”

โจเซฟมองไปที่อาเธน่าและยิ้มออกมาโดยนัย  “เป็นเช่นนั้นนี้เอง ไม่น่าแปลกใจเลยที่สาวน้อยอัจฉริยะจอมมารระดับสูงสุดของเราไม่ได้โผล่ออกมาเลยในช่วงนี้”

เมื่อเขากล่าวประโยคนั้นจบ เฉินรุยก็รู้สึกได้ถึงดวงตาที่ริบหรี่ที่จ้องมาที่ใบหน้าของเขา มันคือสายตาอลัน เฉินรุยเคยชินกับรูปการถูกมองแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจเท่าไหร่ ยังไงก็ตาม ด้วยประโยคเดียว โจเซฟก็ได้เบี่ยงเบนความโกรธของอลันไปหาเฉินรุยได้แล้ว โจเซฟช่างน่ากลัวจริงๆ

"อาเธน่า! การฝึกของเจ้าจบลงแล้วหรือ?” พอทั้งสองฝ่ายกำลังจะแยกจากกัน เสียงประหลาดใจของอลิซก็ได้ดังขึ้นมา

ตอนนี้ทุกคนได้มารวมตัวกันแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด