ลูกเขยพ่อมารร้ายตอนที่ 73
บทที่ 73:สวนดวงดาวและร้านยาทมิฬ
สวนดวงดาว
เงื่อนไขการเปิดใช้งาน: ค่าออร่า 2000
ความสามารถ: สามารถปลูกพืชหลายชนิดได้ สามารถเปิดใช้งานโหมดดูแลอัตโนมัติได้ ผู้ใช้จำเป็นต้อชื้อเมล็ดสำคัญ
เฉินรุยเลือกที่จะสร้างสวนดวงดาวโดยไม่ต้องคิด ทันใดนั้นก็ได้เกิดพื้นที่โล่งเหมือนสวนอยู่ด้านหลัง วิหารดวงดาว หน้าจอวงกลมของประตูสวนแสดงให้เห็นแผนผังวงกลม ซึ่งแบ่งออกเป็นหลายช่อง อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเดินเข้าไปในสวนดวงดาว เขาก็พบว่าพื้นที่ภายในนั้นใหญ่กว่ารูปลักษณ์ภายนอกมาก มีดินวงกลมอยู่ตรงกลาง ซึ่งน่าจะเป็นจุดปลูกพืชที่ใหญ่ที่สุด
เฉินรุยตอนนี้มีค่าออร่าเหลือหนึ่งพันห้าร้อย การสร้างสวนแห่งดวงดาวใช้สองพัน หลังจากชื้อเมล็ดแล้ว ที่ดินก็เกิดแสงเปล่งกระจายจางๆ ภายในหัวของเขามีบอกว่า สามวันมันจะเติบโตเต็มที่ โดยใช้ฝุ่นพลังงานชั้นหนึ่ง 20 หน่วย
เดี๋ยวนะ ใช้ฝุ่นพลังงานเป็นพลังงานเหรอ? เฉินรุยนึกถึง "ผงวิเศษ" ที่ได้จากการทุบคริสตัลทันที ทันใดนั้น เขาก็นึกขึ้นได้ถึงเศษฝุ่นที่เขาส่งไปให้เชียที่พระราชวัง แต่ว่าที่จริงเขายังมีเหลืออยู่มากในคลังของเขา มันสามารถแปลงเป็นผงได้หมด
เฉินรุยเข้าไปในช่องเก็บของและเริ่มกระบวนการแปลงออร่าอันแสนยาวนาน หลังจากแปลงวัสดุทั้งหมดที่สามารถแปลงได้แล้ว ตอนนี้เขาก็มีออร่าถึง 320,000 ซึ่งเป็นผลมาจากการแปลงวัสดุเวทมนตร์ทั้งหมดที่มี หากเปลี่ยนวัสดุเวทมนตร์ทั้งหมดที่เขามีเป็นออร่า ตอนนี้เขาคงมีออร่าใช้เยอะแทบไม่หมดสิ้น
ฝุ่น 20 หน่วยมีค่าเท่ากับผงสองพันเรกิ เมื่อเฉินรุยโรยผงลงบนดินของเมล็ดต้นอ่อน เมล็ดก็ได้เปล่งประกายจางๆในดิน มันส่องแสงหลากสีและค่อยๆแตกสลายไปตามพื้น เฉินรุ่ยรู้ดีว่าต้องใช้เวลาสามวันในการให้มันเจริญเติบโต ดังนั้นเขาจึงออกจากระบบไปโดยไม่กังวลอะไรมากนัก
คราวนี้ วัตถุดิบวิเศษที่ได้รับจากร้านโจเซฟสามารถให้ออร่าได้มากกว่า 300,000 ออร่า ดูเหมือนว่าระบบสุดยอดจะยกระดับไปมาก จนแทบจะเหนือขั้นไปไกลเลย แน่นอนว่าราคาเองก็สูงเช่นกัน ส่วนร้านขายยาและสวนดวงดาวอาจจะมีบทบาทสำคัญช่วยเขาเยอะเลยในการต่อสู้กับอรัคในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า
รอยซ์เองก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของอรัค หากใช้รอยซ์ บางทีเขาอาจจะเกลี้ยกล่อมอรัคโดยใช้วิธีลับในการฉีกสัญญาได้ แต่เพื่อการนั้น อรัคจะต้องถือสิทธิการถือครองสนามประลองไว้ในมือ เขาจะต้องชนะศึกนี้ ส่วนเรื่องของโจเซฟนั้น เขามีอีกแผน แผนที่แยบยลจนตกนรกยังดีซะกว่า
ซาราโดแห่งตระกูลคารอนเป็นปีศาจระดับสูงที่มีประสบการณ์และอยู่ในจุดสูงสุดของระดับสูงเป็นเวลาหลายปี อรัคสามารถเอาชนะซาราโดได้ในครั้งก่อน และพลังการต่อสู้ของเขามาถึงระดับสูงของสูงที่สุด ซึ่งนี้เป็นการยืนยันเองจากรอยซ์
แม้ว่าเฉินรุยจะกลายเป็นผู้นำดวงดาวและได้รับสถานะมิชาร์มาแล้ว แต่การใช้พลังและทักษะเขายังไม่ได้ปรับเข้ากับมันสักเท่าไหร่ หากจะให้พูดตามตรงก็คือ การสังหารมิคาสเป็นเพียงโชคช่วยเท่านั้น หากมิคาสเอาจริงแต่แรก คนที่กองลงไปเป็นศพคงจะเป็นเขา คำนวณตามความแข็งแกร่งและประสิทธิภาพในการต่อสู้ที่แท้จริงแล้วเฉินรุยยังคงด้อยกว่ามิคาสเล็กน้อย
หลังจากพิจารณาอย่างจริงจัง เฉินรุยได้ใช้ออร่า 100,000 คะแนนและแลกเปลี่ยนยาทมิฬแห่งนิรันดร์มาหนึ่งขวด การเพิ่มพลังนิรันดร์สามารถเพิ่มพลังโจมตีได้อย่างถาวร ร่างกายนิรันดร์เพิ่มพลังป้องกันและความอดทน ความเร็วนิรันดร์เพิ่มความเร็วและความสามารถในการตอบสนอง สตินิรันดร์เพิ่มพลังทางจิตและความสามารถในการตระหนัก
ในความเป็นจริง เฉินรุยอยากจะแลกอีกสามขวดที่เหลื แต่ตอนนี้เขายังจำเป็นต้องใช้ออร่าในการฝึกฝนด้วย
แม้ว่าในสวนดวงดาวในระยะยาวจะกลายเป็นแหล่งกำเนิดหลักของออร่า เช่นเดียวกับทักษะของเขาอย่าง "แปลงออร่า" แต่อนาคตก็คืออนาคต ในตอนนี้เขายังมีออร่าที่สามารถดูดซึมพอควร
จะว่าไปแล้ว โจเซฟในตอนนี้ได้มาหาพวกเขาพร้อมกับข้ออ้างในการขนส่งหวายคุณภาพสูงสุด 100 ชิ้นที่อลิซเดิมพันไว้ เกรกได้สัญญากับเขาหกสิบชิ้นและหกชิ้นที่โลลิตัวน้อยตกลงกันไว้ก็นับได้ว่าเป็นออร่านับหมื่น
เฉินรุยหยิบขวดยามาไว้ในมือและหายใจเข้าลึกๆ เขาดึงจุกออกและดื่มมันในหนึ่งลมหายใจ เขาไม่ใช่คนแรกที่ดื่มยาทมิฬ หากอาจารย์อัลดาซรู้ว่า "เด็กฝึกงาน" คนนี้ดื่มยาทมิฬไปแล้วห้าขวด ก็เป็นไปได้มากว่าเขาคงจะตัดขาดความสัมพันธ์กับเขา จากนั้นก็ผูกติดเขากับโต๊ะพร้อมกับ "ทำการวิเคราะห์ร่างกาย"
หากการดื่มยา "แท้จริง" ให้ความรู้สึกเหมือนสารกระตุ้นที่ปะทุขึ้นมาในทันที ยาทมิฬ "นิรันดร์" ก็คือรสไวน์ที่หอมละมุ่น หลังจากที่เฉินรุยได้ดื่มยานิรันดร์ เขาก็รู้สึกได้ว่ามีกระแสความร้อนอยู่ในร่างกายเป็นคลื่นแล้วคลื่นเล่า คลื่นนี้ค่อยๆซ้อนทับกันทำให้เกิดจังหวะแปลกๆที่ดูเหมือนว่าจะมีชีวิตจนเป็นวังวน เฉินรุยรู้สึกได้อย่างชัดเจนนี่คือ "พลัง"!
เป็นเวลานานมากกว่ามันจะกระจายเข้าสู่ร่างกายของเขา ความแข็งแกร่งของร่างกายของเฉินรุยเรียกว่าพัฒนาขึ้นมาก มันคล้ายกับการ "ดึง" พลังจากยาครั้งก่อน แต่คราวนี้เป็นร่างกายที่ซึมซับมันเข้าไป ร่างกายของเขาพัฒนาขึ้นมาก มันเป็นผลของยานิรันดร์!
เฉินรุยมีความรู้สึกว่า ถ้าเขาสู้กับมิคาสอีกครั้ง เปอร์เซ็นต์การชนะจะอยู่ที่ 60% เป็นอย่างน้อย
นี่คือความมหัศจรรย์ของยาทมิฬนิรันดร์! น่าเสียดายที่สามารถใช้ได้ผลเพียงครั้งแรกเท่านั้น จู่ๆเฉินรุยก็มีความรู้สึกบางอย่าง ด้วยระบบของการดื่มยานิรันดร์นี้ มันก็เหมือนกับร้านขายยาที่มี "กฎ" ที่มีการขายเพียงแค่ครั้งเดียว ว่าแต่มันมีอะไรแอบแฝงไหมนะ? หรือว่าบางทีเราอาจจะต้องเข้าใจ "กฏ"ของมันก่อน?
อันที่จริงในตอนที่เขาดื่มยา "แท้จริง" เข้าไปยามคืนก่อน ดูเหมือนเขาจะเกิดอาการหน้ามืด การที่จะทดสอบทดลองอะไรตอนนี้ก็คงจะสายไปแล้ว เพราะว่าความรู้สึกที่เขารับรู้ตอนนี้ไม่ใช่เหตุบังเอิญ มันจะต้องมีกฏในตัวยาหรือระดับยา เป็น "กฏ" ที่ยาทมิฬที่เขาดื่มไปมีมันอยู่
เหตุใดปรมาจารย์นักปรุงยาถึงไม่สามารถข้ามขอบเขตไปได้อยา่งง่ายดายกันล่ะ? สูตรงั้นเหรอ? หรือเทคนิค? หรือสรุปแล้วควรจะบอกว่า "กฏ" ในตัวยาต่างหาก?
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ความแตกต่างพื้นฐานระหว่างปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่และปรมาจารย์ที่แท้จริงอยู่ที่ "กฎ" งั้นเหรอ? หรือนี่เป็นเงื่อนไขพื้นฐานที่ต้องเข้าใจเองโดยตัวปรมาจารย์นักปรุงยา? หากเป็นเช่นนั้น ปรมาจารย์ที่กำลังดิ้นรนเพื่อค้นหาความก้าวหน้าในการกำหนดรูปแบบของตัวยาโดยตัวเอง ไร้ซึ่งกฏ ไม่ใช่ว่าพวกเขากำลังเดินผิดทางหรือไง?
หากเขาเปิดร้านขายยาทมิฬ เขาย่อมได้รับกำไรอย่างแน่นอน แต่นั่นคือสิ่งที่มีเพียงปรมาจารย์สุดยอดของสุดยอดเท่านั้นที่จะทำได้ ในระดับปรมาจารย์ ผู้ที่ศึกษาสารพิษมากเกินกว่าระดับที่ประเมินค่าได้ เนื่องจากในโลกปีศาจนั้น มูลค่าของพิษเรียกว่าสูงมาก สูงยิ่งกว่าสูงเท่าที่จะคิดไปได้ นอกจากนี้ ยังมีคนจำนวนมากที่ได้เรียนในชั้นเรียนพิเศษหรือเริ่มเจาะลึกถึงสูตรจนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านการปรุงยา แต่ไม่มีใครประสบความสำเร็จในการเลื่อนชั้นกลายเป็นปรมาจารย์เลย
การค้นพบ "กฎ" เป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะสำหรับอัลดาซผู้ที่กำลังจะเลื่อนขั้นกลายเป็นปรมาจารย์ อัลดาซเป็นผู้ที่มุ่งมั่นในวิชาชีพของตน เขาหลงใหลในร้านการปรุงยา แต่ว่านั้นคงไม่เพียงพอ
ดาร์คเอลฟ์ไม่ใช่เผ่าพันธุ์ที่ตรงไปตรงมา อดทน อัลดาซเป็นเพียงนักปรุงยาผู้เชี่ยวชาญและเป็นดาร์คเอลฟ์ทั่วไป อย่างไรก็ตาม ดาร์คเอลฟ์เป็นเผ่าที่เห็นอกเห็นใจผู้อื่นมาก เพราะอย่างนั้นเขาถึงยอมรับการท้าทายอันเป็นอันตรายจากแซนโดร เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้เดิมพัน ในการท้าทายนักปรุงยา เฉินรุยพยายามช่วยด้วยระบบสุดยอด จนเอาชนะและวางยาพิษแซนโดรได้ ดังนั้นอัลดาซจึงได้รับการยกเว้นจากการลงโทษและทำให้มีชื่อเสียงดีขึ้นมาก แต่ดาร์คเอลฟ์ก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่เก็บมันไว้ในใจ
ในแง่ของความรู้ด้านเภสัชศาสตร์ ดาร์กเอลฟ์ผู้นี้ไม่ได้เก็บงำอะไรเลย เขามอบทุกอย่างที่เขารู้ให้กับเฉินรุย และตราบใดที่เฉินรุยพูดออกมา ไม่ว่าจะเป็นยาอะไร หากไม่เหลือบ่ากว่าแรงเขา เขาก็จะนำมาให้
เพื่อนแท้ไม่จำเป็นต้องคาดเดา ต้องถาม ต้องอะไรทั้งนั้น มันเป็นเพียงสิ่งที่เขาสื่อออกมาจากกระทำ
นี่แหละคืออัลดาส
หลังจากที่เฉินรุยดื่มยานิรันดร์ เขาก็ไม่สามารถต้านทานการล่อลวงได้ ด้วยจิตวิญญาณของ "เพื่ออัลดาส" เขาแลกเปลี่ยนขวดแห่งความเร็วอันเป็นนิรันดร์และดื่มมัน หลังจากใจเย็นลง ตอนนี้เขาก็มีออร่าเหลือเพียง 120,000 จุด แม้ว่าเขาอยากจะรู้สึกถึงรสชาติที่ยอดเยี่ยมของสหายอัลดาซต่อไป แต่ในที่สุดเขาก็ต่อต้านการล่อลวงและหยุด "การทดลองทางวิทยาศาสตร์" ลงไปก่อน
ตอนนี้เขาเหลือยาทมิฬอีกสองขวดที่แลกได้ 120,000 นี้จะต้องถูกใช้ในการฝึกฝน และห้ามไปใช้อย่างอื่นโดยเด็ดขาด
เฉินรุยจำสิ่งที่รอยซ์พูดให้เขาฟังได้ดี อัลดาซในตอนนี้คงกำลังอยู่ห้องทดลอง เฉินรุยจึงเดินออกไปหา ขณะนี้ทางอัลดาซเองก็กำลังนั่งบนเก้าอี้และกำลังถือขวดทดลองอยู่ แซลลี่เองก็กำลังเฝ้าคอยดูอย่างระมัดระวังเช่นกัน
จู่ๆเฉินรุยก็รู้สึกอายเล็กน้อย ถ้าแซลลี่เห็น "เจ้าสิ่งนี้" มันอาจจะเป็นเรื่องใหญ่ได้เลยใช่ไหมล่ะ?
“แซลลี่ ข้ามีอะไรบางอย่างที่จะต้องคุยกับอาจารย์ ตอนนี้ข้าขอให้เจ้าไปเฝ้าที่ประตูก่อน หากมีใครมาให้รีบมาหาข้าทันที”
"ขอรับนายท่าน" แซลลี่มองมาที่เขาราวกับพระเจ้า เขาฟังคำสั่งของเฉินรุยและไม่พูดอะไรพร้อมกับรีบออกไปทันที ในความคิดของเจ้าปีศาจน้อย มนุษย์ผู้นี้เหนือกว่าเหล่าปีศาจทั้งโลกใบนี้แล้ว พวกมันไม่มีอะไรเทียบกับนายท่านของมันได้ ไม่มีเลย ทั้งองค์ความรู้ ความสามารถ
อัลดาซหยุดการทดลองในมือของเขาและมองไปที่เฉินรุยด้วยท่าทางแปลก ๆ : “ทำไมล่ะ เจ้ามีคำถามเรื่องมรดกของเจ้างั้นเหรอ?”
เฉินรุยไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาตรงเข้าประเด็นและพูดถึงเรื่องโจเซฟที่จะกลับมาเมืองพระจันทร์ดับ บางทีเขาอาจจะใช้น้องสาวของอัลดาซเพื่อทำการร้ายบางอย่างก็ได้ อัลดาซพอได้ยินเช่นนั้นก็ลุกขึ้นทันที: "โจเซฟพบน้องสาวของข้าจริงๆงั้นเหรอ?"
“ถ้าโจเซฟใช้น้องสาวของท่านเพื่อทำให้ท่านทำงานให้เขา ท่านจะทำยังไงล่ะ?”
คำถามนี้ทำให้อัลดาซลังเลและไม่พูดอะไรไปสักพัก เห็นได้ชัดว่าความคิดของเขากำลังขัดแย้งกัน เป็นเวลานานมาก จนกระทั่งเขาได้ตัดสินใจได้: “ตัวข้าจะไม่มีวันทรยศเจ้าหญิง แต่ข้าก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยน้องสาวของข้า แม้ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม”
อัลดาซไม่ได้เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญด้านการปรุงยาเท่านั้น แต่ยังมีความสามารถด้านเวทย์มนตร์สูง โดยเฉพาะเวทมนตร์แห่งลม ใช้ได้แม้จะไม่ต้องร่าย หากว่าเขาไม่คลั่งการปรุงยามากไป คงจะกลายเป็นพ่อมดที่ไหนสักแห่ง อย่างไรก็ตาม อาจารย์ดาร์คเอลฟ์ผู้นี้หาใช่มืออาชีพด้านการต่อสู้ไม่ แต่สุดท้ายเขาก็จะต้องต่อสู้จริงๆแล้ว ฝีมืออย่างเขาคงจะพอกับปีศาจระดับกลาง
เฉินรุยพอเห็นแบบนั้นก็ได้แสดงสีหน้าจริงจังออกมา: “อาจารย์ ถ้าท่านไว้ใจข้า เมื่อโจเซฟมาหาท่าน ท่านจะต้องใช้ความลังเลประวิงเวลา แล้วข้าจะไปช่วยน้องสาวของท่านให้เอง”
"เจ้างั้นเหรอ?" อัลดาซเผยสีหน้าสงสัยออกมา เพราะแปลกใจที่เฉินรุยบอกให้ว่าแค่เชื่อเขาก็พอ
เฉินรุยเข้าใจอารมณ์ของอาจารย์ดาร์คเอลฟ์ดี และก็ได้พยักหน้าอย่างแน่วแน่: “อาจารย์ ท่านไม่ต้องสนใจหรอกว่าข้าจะใช้วิธีไหน เพียงแต่แค่ท่านเชื่อข้าก็พอ แต่เท่าที่ข้ารู้มา แม้ว่าโจเซฟจะหาน้องสาวท่านไม่พบ แต่ข้าก็มีเบาะแสอยู่ เช่นนั้นแล้วท่านอย่าไปก่อเรื่องใส่เจ้าหมอนั้นเลย ถ้าหากท่านทนรอไม่ได้ ข้าจะแสดงให้ท่านเห็นถึงคำขอจากน้องสาวของท่านเอง”
อัลดาซมองไปที่เฉินรุยอย่างลึกซึ้ง เขาไม่ได้ถามเฉินรุยเลยว่าไปหาข่าวหรืออะไรแบบนี้มาจากไหน เขาเพียงแค่ส่ายหัวเล็กน้อย: “ไม่น่าแปลกใจเลยที่เจ้าได้รับความไว้วางใจจากเจ้าหญิงมากขนาดนั้น คงจะเพราะความสามารถของเจ้า แม้ว่าข้าจะไม่สนใจมันไปบ้าง แต่ข้าก็เชื่อในตัวเจ้า แต่โจเซฟรู้ดีถึงความภักดีของข้าที่มีต่อเจ้าหญิง แม้แต่อุปราชข้ายังปฏิเสธได้ ทำไมเจ้านั้นถึงยังต้องพยายามถึงขนาดนั้นกัน? เป็นเพราะการประลองปรุงยาปรมาจารย์ครั้งก่อนงั้นเหรอ? อันที่จริงหากโจเซฟต้องการนักปรุงยาระดับปรมาจารย์จริงๆ เขาก็น่าจะหาได้ง่ายมากกว่าที่จะมาหาข้า”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เฉินรุยก็รีบร้อนตัวและตอบกลับไปว่า: “นี่ ... อาจจะเป็นสิ่งหนึ่งที่ข้าไม่ทันระวังในครั้งที่แล้ว ... จนทำให้โจเซฟเข้าใจผิด”
อัลดาซพอได้ยินเช่นนั้น จึงถามอย่างสงสัย: "อะไรงั้นเหรอ?"
เมื่อเฉินรุยพูดข้ออ้างในการฉ้อโกงวัตถุดิบในร้านเวทมนตร์ อัลดาซที่นั่งอยู่ก็ได้คว้าคอเสื้อของเฉินรุยพร้อมกับตะโกนออกมาทันที: "เจ้าสารเลวเอ้ย จะใช้เรื่องอะไรก็ได้ แต่ในเรื่องความสามารถมันปลอมกันไม่ได้โว้ย! ครั้งก่อนที่เหตุการณ์วางยาแซนโดรในสนามประลองมันทำให้ข้ามีชื่อเสียงก็จริง แต่ข้าก็รู้ตัวดีว่าไม่ควรอวด ไม่ใช่เพราะว่าราชาตดบ้าบออะไรของเจ้าหรอกนะ แต่เป็นเพราะสิ่งนั้นต่างหาก เพราะว่ามันไม่ใช่ความแข็งแกร่งของข้า! ตอนนี้ เจ้าได้พังบทบาทการเป็นนักปรุงยาของข้าแล้ว ทั้งยังดึงข้าเข้าสู่ความโกลาหลอีก!"
ทันทีที่ได้รับรู้ว่าเฉินรุยปลอมบอกว่าอัลดาซกำลังจะเลื่อนขั้นไปสู่ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ เขาก็กลายเป็นบ้าโดยพลัน ในตอนนี้เขาเสียสติไปแล้ว พ่นแต่คำพูดแปลกๆออกมามากมาย: “ลวงโลก? เจ้ากำลังสวมบทบาทเป็นปีศาจอยู่หรือไง? ปีศาจที่เสแสร้งเป็นนักปราญช์?”
ถ้าอัลดาซด่าเฉินรุยก่อนที่ระบบแลกเปลี่ยนจะเปลี่ยน เขาคงนั่งซึมแล้ว แต่ตอนนี้ ...
อัลดาซยังคงเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและด่าทอไปเรื่อยๆ ทันใดนั้นเอง ร่างกายของเขาก็สั่นเทาพร้อมกับแข็งค้างไปในทันที เพียงแค่มองสิ่งหนึ่ง ของเหลวแปลกประหลาด ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะขวดยาที่อยู่ในมือมนุษย์
มันเป็ฯขวดแก้วธรรมดา สิ่งที่แตกต่างก็คือ ยาในขวดเป็นสีดำ