ลูกเขยพ่อมารร้ายตอนที่ 72
บทที่ 72: สิ่งมหัศจรรย์ของสถานะมิชาร์
เชียดูจริงจังมาก “เฉินรุย เจ้านั้นอยู่ในแดนมารมานานแค่ไหนแล้ว? ทำไมเจ้าถึงเชื่อมั่นเอกิลขนาดนั้น? เจ้ารู้จักมันมากเพียงใด? ทั้งต้นกำเนิดที่เป็นปริศนา ความแข็งแกร่งก็ค่อนข้างแปลก ที่สนามประลอง มันเข้าร่วมการประลอง 3 ครั้งภายในหนึ่งเดือน แต่ละครั้ง คู่ต่อสู้ของมันจะระดับสูงกว่า 1 ระดับ แต่มันก็ชนะเสมอ ในการต่อสู้ครั้งต่อไป ฝ่ายตรงข้ามของเอกิลคือลูกน้องของโจเซฟ อรัค!”เจ้านั้นเป็นคนฉลาด เจ้าควรรู้ว่าคนๆนี้ไม่มีทางที่เราจะควบคุมได้ ยกเว้นจะมีจุดอ่อนอยู่ ข้านั้นพูดความจริงทั้งหมดแล้ว และเพราะข้าเชื่อใจเจ้าจริงๆ ดังนั้นข้าจึงเชื่อใจมันไม่ได้"
ดูเหมือนว่าข้อมูลของเชียจะแม่นยำมาก ในตอนแรกเฉินรุยแทบอยากจะบอกไปว่า "ข้านั้นรู้จักเอกิลเหมือนกับที่ข้ารู้จักตัวเองเลยด้วยซ้ำ" อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ของเชียนั้นสมเหตุสมผลมาก ถ้าเขาพูดแบบนั้นไป บางทีมันอาจเผยความลับเลยด้วยซ้ำ ทันใดนั้น เขาก็นึกถึงสัญญาชีวิตกับมังกรพิษและก็ได้คิดแผนอะไรบางอย่างได้
“ท่านหญิงโปรดมั่นใจ ครั้งหนึ่งข้าเคยช่วยมันไว้และได้ทำสัญญาชีวิตกับมันแล้ว ความสามารถของมันค่อนข้างแปลก แต่มันกลับทำสัญญากับข้าสองฉบับ” เฉินรุยพูดออกไปอย่างมั่นใจ "และเรื่องนี้ก็จะง่ายขึ้นสำหรับเราแล้ว ตราบใดที่เจ้าหญิงตรึงชีวิตข้าไว้ นั่นก็หมายความว่าชีวิตของมันก็จะเป็นของท่านด้วย"
“เจ้า…” เชียรู้สึกตกตะลึงและสายตาของมองไปทางเฉินรุยอย่างลึกซึ้ง ดวงตาสีม่วงของนางนั้นมีแสงสว่างที่อธิบายไม่ได้เป็นประกาย ริมฝีปากของนางขยับเล็กน้อย ดูเหมือนว่านางต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็เงียบไป
“แล้วเรื่องของข้าล่ะ?” เฉินรุยรู้สึกงงงวยเล็กน้อย
ทันใดนั้น เชียก็ได้พูดอย่างเย็นชาไปว่า “ไว้ข้าจะพิจารณาสิ่งที่เจ้าเสนอมาอย่างจริงจัง ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เจ้าควรไปพักผ่อนเถิด”
เขาคิดว่าตัวเขาก็ไม่ได้พูดอะไรผิดไปนะ ทำไมจู่ๆนางถึงเปลี่ยนสีหน้าด้วย สตรีนี้คาดเดาไม่ได้เสียจริง...
เฉินรุยรู้สึกสับสนจริงๆ แต่เนื่องจากเจ้านายบอกให้เขาออกไป เขาจึงไม่สามารถปฏิเสธได้ แต่ก่อนจะไป เขาก็ได้พูดออกไปว่า “งั้นข้าขอตัวก่อนนะขอรับ”
“จงจำไว้…อย่าฝืนตัวเองมากเกินไป”
เฉินรุยตะลึง เขาได้ยินอะไรผิดหรือเปล่า นั่น...เป็นห่วงเขาเหรอ? ดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคำพูดแบบนี้จากเชีย
แม้ว่ามันจะทั้งทื่อและเย็นชา
แต่หัวใจของเฉินรุยมีความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้เกิดขึ้น เมื่อเขาใช้เวลากับเชียมากขึ้น ความรู้สึกนี้ก็ชัดเจนขึ้น พูดตามตรงเลย มันไม่ใช่ความรู้สึกที่ต้องการอะไรสักอย่าง แต่มันเหมือนกับความใกล้ชิดกันเหมือนเพื่อนสนิท
บางทีเฉินรุยก็ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเขาต้องการอะไร แต่เขามั่นใจในสิ่งหนึ่งคือ ความรู้สึกนี้มันเป็นของจริง
เชียเห็นท่าทางประหลาดใจเล็กน้อยของเฉินรุย และทันใดนั้นนางก็รู้ว่าน้ำเสียงของนางดูแย่มาก ในขณะที่นางกำลังจะเปลี่ยนหัวข้อการพูดและบอกอะไรบางอย่าง นางก็ได้ยินเฉินรุยตอบกลับมาว่า “ขอรับ ท่านก็เช่นกัน”
ทันใดนั้น เชียรู้สึกถึงความอบอุ่นจางๆในใจ ก่อนที่นางจะพูดอะไร เลขนานุการมนุษย์ผู้นั้นก็จากไปแล้ว
อารมณ์ของนางก็ดีขึ้นเช่นกัน
อันที่จริง เหตุการณ์ที่ร้านขายของเวทมนตร์ รวมถึงเหตุการณ์ต่างๆนั้น ไม่ใช่ตัวมิคาสที่ฟื้นขึ้นมา แต่เป็นเฉินรุยที่ใช้ทักษะ 'อำพราง' ในการปลอมตัว แม้ว่าอลันจะได้รับของเวทมนตร์จำนวนมาก แต่วัสดุเวทมนตร์มากมายกนั้นตกเป็นของ 'มิคาส' แล้ว จังหวะที่รอยซ์โผล่มานั้นเรียกได้ว่ายอดเยี่ยมมาก ความแข็งแกร่งของรอยซ์นั้นเหนือกว่ามิคาส แต่เพลิงพิษก็เป็นข้ออ้างที่ดี หลังจาก "ฆ่า" มิคาสแล้ว รอยซ์ก็มาที่สนามประลองพร้อมกับศพ ส่วนอรัคก็ตกใจตามธรรมชาติ
รอยซ์บอกอรัคว่ามิคาสได้ไล่ฆ่าเอกิลเพื่อทำการแก้แค้น แต่พอมันถูกขัดขวาง มันก็เข้าไปปล้นร้านค้าเวทมนตร์ด้วยความโกรธ อรัคโกรธมากและตรงเข้าไปอาละวาดที่คฤหาสน์ของอลันพร้อมกับรอยซ์ ต่อมา วาราโดจากตระกูลคารอนก็ได้ปรากฏตัวขึ้น อรัคนั้นต้องการปะมือกับซาราโดมาตลอด พวกมันทั้งคู่ได้ประลองกัน ผลคือทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บหนัก ความสัมพันธ์ "ฉันท์มิตร" แต่แรกของพวกมันทั้งคู่ก็ได้แปรเปลี่ยนย่ำแย่ถึงขีดสุด
สำหรับผู้ร้ายตัวจริง หลังจากออกจากวัง มันก็ได้ไปพักผ่อนที่ห้องทดลองแล้ว
กว่าเฉินรุยจะมายังสถานะมิชาร์ได้ เขาต้องผ่านทั้งมิคาส และการไล่ตามของรอยซ์อีก สุดท้ายแล้ว ร่างกายของเขาก็ทนไม่ไหว เขาหลับลงบนเตียงในทันที ตอนนี้เขารู้สึกสบายใจขึ้นมาก เพราะพลังของเขานั้นมากพอควร
ภายในมิติ เมฆคล้ายก๊าซได้แปรเปลี่ยนไป อีกทั้งปริมาณของมันยังเพิ่มขึ้นด้วย ส่วนจุดตรงกลางได้กลายเป็นสีแดงที่มีความร้อนสูง โดยสามารถสัมผัสได้ตั้งแต่ไกลๆ ภายในฝุ่นที่กระจัดกระจายและลอยอยู่ในตอนแรก มีได้การเพิ่มชั้นขนาดใหญ่จำนวนมากและพวกมันก็ค่อยๆลอยตัวไปมาอย่างช้าๆ
"หน้าจอ" ที่แสดงภาพนี้แสดงออกมาได้ดีมาก ทุกอย่างรวมถึงอุณหภูมิ พื้นผิวและเวลาค่อนข้างสมจริง แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าก้อนเมฆนี้คืออะไร
เฉินรุยรู้สึกอยากรู้อยากเห็น ก็ได้ลอยไปสัมผัสมัน ความรู้สึกนั้นเสมือนจริงมาก ความร้อนจากเมฆดูเหมือนจะสามารถเผาไหม้ได้ทุกสิ่ง แต่ขณะเขาสัมผัสมันก็มีแต่เพียงความอบอุ่นเท่านั้น ทันใดนั้น เขานั้นพลันรู้สึกแปลกๆ คงจะเพราะว่าเขาเป็นเจ้าของและผู้สร้างพื้นที่นี้ขึ้นมา ดังนั้นไม่ว่าอะไรก็ตามไม่มีทางที่จะทำลายเขาได้
เฉินรุยล่องลอยอยู่ในอวกาศชั่วขณะ จากนั้นเขาก็เปลี่ยนความคิดและกลับสู่บัลลังก์ที่อยู่ในมิติทันที
ในหน้าจอแสง "สถานะ" ลูกบอลแสงสีขาว "อัลไคน์" ยังคงมีอยู่ดั่งเดิม ส่วนที่อยู่เหนืออัลไคน์ ซึ่งอยู่รอบๆปุ่มท้องคือลูกบอลแสงสีเหลืองใหม่ “มิซาร์” ตามข้อมูลใหม่ในสมองของเขา ดินแดนต่อไปจะเป็น “อลิโอธ” แต่ทุกครั้งที่เขาพัฒนาระดับขั้น ความยากการเลื่อนขั้นก็จะทวีคูณเข้าไป สนามฝึกแรงโน้มถ่วงเป็นสถานที่ฝึกที่มีประสิทธิภาพมาก แต่ด้วยสถานะอัลไคน์ สิ่งที่สำคัญที่สุดในการฝ่าระดับไปคือการต่อสู้จริง ดังนั้นแล้ว เพื่อให้บรรลุสถานะ “อัลไคน์” เขาคงไม่สามารถฝึกในสนามแรงโน้มถ่วงได้เพียงอย่างเดียว
ในขณะเดียวกัน “กระดูก” และ “กล้ามเนื้อ” ในหน้าต่าง 3 มิติก็ได้กลายเป็นเหมือนละอองดาว ยามเมื่อเขาข้ามผ่านระดับไป ละอองดาวนั้นได้เข้ามาแทนเส้นใยที่ต่อเติมและไหลเวียนในร่างกาย พลังที่ไหลเวียนนั้นดูแข็งแกร่งกว่าสถานะอัลไคน์ดั้งเดิม และนั่นแหละคือความแข็งแกร่งของสถานะมิซาร์
การฝึกในสถานะอัลไคน์คือการปรับแต่ง “ร่างกาย” ในขณะที่สถานะมิซาร์คือ “พลัง”
ในขณะเดียวกัน ค่าออร่าที่แสดงอยู่ในหน้าต่างก็มีอยู่ที่ 7501 จุด เฉินรุยจำได้ดีว่าเมื่อยามที่เขาถูกมิคาสไล่ล่าเมื่อวันก่อน เขาได้ใช้ยาไปทั้งสิ้น 4 ขวด เบ็ดเสร็จรวมใช้ออร่าไปถึง 40,000 ออร่า แต่หลังจากนั้น เมื่อเขาเลื่อนขั้นสถานะมา เขาก็ได้ใช้ไปอีก 10,000 ออร่า เพราะงั้นเขาจึงเหลือแค่ 3000 กว่าๆ แต่เขาไม่คิดเลยว่ามันจะเพิ่มมา 7500 เพียงคืนเดียว
หลังจากเข้าสู่สถานะมิซาร์แล้ว อัตราของ ‘การดูดกลืนออร่า’ ก็ดูจะสูงกว่าอัลไคน์พอควร แต่มันก็เหนือความคาดหมายมากที่มันเพิ่ม 4,000 ในเพียงคืนเดียว แต่มันคงเป็นผลมาจาก “ดูดซับความเสียหาย” ที่ดูดซับ 30% ของความเสียหายเปลี่ยนเป็นออร่า
ผลทักษะอัตโนมัติช่างยอดเยี่ยมนัก มันสามารถเพิ่มออร่าได้แม้แต่จะไม่อยู่ในการต่อสู้ แต่ในขณะฝึกกับมังกรพิษมันก็แสดงผล ยังไงก็ตาม อาการบาดเจ็บช่วงคืนก่อนน่าตระหนกนัก และมันคงจะไม่สามารถเติบโตได้พุ่งพรวดขนาดนี้อีกแล้ว
ในแง่ของทักษะแล้ว พลังของ ‘ดูดซับความเสียหาย’ และ ‘ดาบออร่า‘ ต่างก็ได้แสดงผลงานแล้ว แม้แต่ทักษะอย่าง ‘อำพราง’ ในคืนก่อนก็แสดงผลลัพธ์ได้ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ เฉินรุยพอลองใช้แล้วผลก็ดีเกินคาด เขาได้กลายเป็นคนแคระตัวเล็ก แม้แต่เสื้อคลุมก็สามารถเข้ากับเขาได้ ยังไงก็ตาม ทักษะนี้ใช่ว่าจะไม่มีข้อจำกัด ภายใต้มวลรวมของร่างกายนั้นมันยังคงที่อยู่ เพียงแค่เกิดการบีบอัดหรือยืดร่างกายเฉพาะส่วนเท่านั้นเอง ถึงกระนั้นมันก็ไม่สามารถเปลี่ยนโครงสร้างของสสารเดิมได้ ดังนั้นเฉินรุยจึงไม่สามารถกลายเป็นดอกไม้หรือสายลมแบบที่จินตนาการไว้ได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับเฉินคุยแล้ว ทักษะนี้เพียงแค่ลบรูปลักษณ์ของมนุษย์ออกไปก็ถือว่าดีเกินคาดแล้ว
เพราะว่ามันคือ ‘อำพราง’ หาใช่ ‘กลายร่าง’
และก็มีอีกทักษะคือ ‘วิเคราะห์ขั้นสูง’ มันต้องใช้ค่าออร่าถึง 10,000 จุด และผลของมันก็มีเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงครึ่ง จนถึงตอนนี้เขาก็ไม่รู้ว่า ‘ขั้นสูง’ ของมันหมายถึงอะไร ‘ดวงตาวิเคราะห์’ ที่เขาใช้ในสถานะมิซาร์ทำให้เขาเห็นเผ่าของฝ่ายตรงข้าม แต่ว่าของแค่นั้นก็คงจะช่วยอะไรไม่ได้มาก ได้แต่ต้องดูกันไปในอนาคต
เมื่อเข้ามาสู่สถานะมิซาร์แล้ว เฉินรุยก็เข้าใจระบบสุดยอดเข้าไปอีก ระบบสุดยอดหรืออีกชื่อคงจะเรียกได้ว่า ‘ระบบสุดยอดวิวัฒนาการ’ ซึ่งตัวระบบใช้ออร่าเสมือน ‘น้ำมัน’ และฝึกฝนร่างกายเพื่อการวิวัฒนาการที่สูงขึ้น ส่วนตัวค่าประสบการณ์ ก็เหมือนตัวประมวลผลกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกาย ค่าประสบการณ์ 100% ก็หมายความว่า ร่างกายและความแข็งแรงของระดับวิวัฒนาการในปัจจุบันมีพลังพอที่จะเลื่อนขั้นไปยังระดับต่อไปแล้ว
อยางไรก็ตาม เห็นได้ชัดเลยจากสถานะอัลไคน์ไปมิซาร์ ว่าค่าประสบการณ์แค่ 100% คงจะไม่เพียงพอ มันจะต้องมีเงื่อนไขในการเลื่อนขั้นอยู่ สถานะต่อไปคืออลิโอท ในตอนนี้เขาเจาะทะลุมาระดับมิซาร์ไวเกินไป เพราะงั้นเขาต้องเข้าใจในพลังของมิซาร์ให้หมดก่อน
เมื่อตอนเข้าสู้กับมิคาส เขาได้ดื่มยาทมิฬไป 4 ขวด ซึ่งก็คือออร่า 40,000 จุด ยังไงก็ตาม ถ้าหากนับพวกวัสดุ ‘ที่เอามา’ จากร้านขายของเวทมนตร์ ก็พอจะกลบจุดออร่าที่เสียไปได้ ตอนนี้มิคาสได้ตายลงไปแล้ว และไม่มีหลักฐานอะไรเหลืออยู่ นอกจากนี้เขายังมอบสร้อยข้อมืออุปกรณ์เก็บของให้กับอลัน โดยมีเดงคิกับทหารอีกหลายคนเป็น ‘พยาน’ ดังนั้นตอนนี้ อลัน จะเป็นแพะรับบาป
ซึ่งเฉินรุยในตอนนี้ยังไม่รีบที่จะเปลี่ยนวัสดุพวกนี้เป็นออร่า เขาเลือกที่จะเข้าไปที่ศูนย์แลกเปลี่ยนสิ่งของแทน ด้วยระดับ 2 ดาว เขาก็มีไอเท็มที่สามารถแลกเปลี่ยนได้ นอกเหนือจากพวกยาเดิม ก็มีหมวดใหม่เพิ่มมา รวมถึงยาทมิฬ 4 ขวดที่เพิ่มเข้ามาใหม่ ดูเหมือนว่าพวกมันจะเป็นขวดยาระดับปรมาจารย์ “นิรันด์”!
มีตั้งแต่เพิ่มพลังนิรันดร์ ความเร็วนิรันดร์ ร่างกายนิรันดร์ และจิตใจนิรันดร์
ยานิรันดร์สามารถแยกของเสียออกไปและเชื่อมกับร่างกาย จนสร้างผลถาวรขึ้นมาให้ มันคล้ายกับ "การทําความสะอาดร่างกาย" ที่วิวัฒนาการตอนแรก แต่มันมุ่งเน้นไปที่ค่าสถานะเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ ยานิรันดร์สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวในชีวิต การใช้งานมันครั้งต่อไปจะไม่ได้ผล กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ หลังจากดื่มขวดพลังนิรันดร์จะไม่มีผล แม้ว่าเขาจะดื่มยาอีก 10 ขวดก็ตาม
ถึงกระนั้นยานิรันดร์ก็ทรงพลังมาก เฉินรุยจำได้ดีเลยว่าเมื่อคืนก่อนเขาแทบจะประชันหน้ากับมิคาสไม่ได้ ยังไงก็ตาม หลังจากที่เขาดื่มยาระดับแท้จริง ตัวเขาก็มีความสามารถระดับปีศาจระดับสูงสุด ซึ่งเพียงพอที่จะต่อกรกับมิคาสได้ ดังนั้นแล้ว ผลของยาก็เป็นที่แน่ชัดแล้ว
ราคาของมันคู่ควรกับสิ่งที่เสียไป การชื้อยานิรันดร์มีราคาสูงถึง 100,000 ออร่าต่อขวด จนทำให้เฉินรุยต้องตกตะลึง นอกเหนือจากยาแล้ว ยังมีการเพิ่มหมวดหมู่พืชในรายการที่แลกเปลี่ยนได้ มีเพียงสองรายการภายใต้หมวดหมู่พืช: เมล็ดสำคัญและต้นไม้ผลออร่า
เมล็ดสำคัญ - แกนกลางของสวนกาแล็กซี่ ควบคุมและควบคุมการเจริญเติบโตของพืชทั้งหมดในสวนโดยอัตโนมัติ สามารถอัพเกรดได้โดยใช้เวทย์มนตร์ อัตราการเจริญเติบโตของพืชเพิ่มขึ้นตามระดับ ราคา 5,000 ออร่าต่อเมล็ด
ต้นไม้ผลออร่า - ออกผลหลังจากสุก เพิ่มออร่าโดยตรงหลังจากกิน ปริมาณออร่าเพิ่มขึ้นตามระดับ ต้นละ 500 ออร่า
ดวงตาของเฉินรุยดูสดใสเป็นอย่างมาก ออร่าเป็นเชื้อเพลิงพื้นฐานของระบบสุดยอด และยังเป็นทรัพยากรที่จำเป็นที่สุด หากเขาสามารถเพิ่มออร่าได้โดยการเก็บเศษเหลือแร่ สักวันมันก็อาจจะหมดไปได้ การกินต้นไม้ผลออร่าเสมือนความหวังใหม่ของเขา ดูเหมือนว่า ปัญหาของการฟื้นฟูพลังงานน่าจะได้รับการแก้ไขแล้ว
จะว่าไป เจ้าสวนกาแล็กซี่คืออะไร? เฉินรุยคิดพลันเปิดหน้าจอระบบขึ้นมา ทันใดนั้น ก็ได้มีอาคารอีกหลังโผล่ออกมา