ลูกเขยพ่อมารร้ายตอนที่ 71
บทที่ 71: อุบัติการณ์ครั้งใหญ่
ตกดึกก็ได้มีเสียงดังจากร้านขายของวิเศษในเมืองพระจันทร์ดับ จนปลุกมารที่อยู่ใกล้ๆตื่นขึ้น เกือบทั้งถนนต่างได้ยินเสียงว่า“รอยซ์! เจ้ากล้าทำลายแผนการของท่านอลันงั้นรึ! วันนี้ข้าจะทำลายร้านเวทมนตร์นี้ซะ!”
ในตรงนั้น เสียงของรอยซ์อันแสนโกรธเกรี้ยวก็ได้ดังขึ้น “มิคาส!”
มิคาสได้พยายามทำลายร้านค้าเวทมนตร์ จากนั้นเสียงของมันก็ได้หายไป เมื่อรอยซ์ไปที่ร้านค้าเวทมนตร์ของตนเอง ลิชผู้รอดชีวิต กรูกิส ก็ได้ชี้ไปยังทิศทางที่มิคาสหนีไป
……
หลังจากนั้นสักพัก
ที่ประตูเมืองก็มีร่างของมิคาสวิ่งไปด้วยความเร็วสูง เดงคิเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของอลัน ดังนั้นมันจึงจำมารระดับสูงของตระกูลคารอนได้อย่างง่ายดาย เพียงหลังจากที่เดงคิตะโกนออกไปว่า “ท่านมิคาส” มันก็เห็นมิคาสโยนสร้อยข้อมือมิติใส่หน้าทหารคนหนึ่ง และจากนั้นมันก็ได้คว้ามา
“ข้าถูกรอยซ์ขัดขวางระหว่างทาง ส่งเรื่องไปให้ท่านอลันเดี๋ยวนี้! ภายในนั้นมีไอเท็มที่ข้าขโมยมาจากร้านค้าเวทมนตร์…”
ก่อนที่มิคาสจะพูดจบ เสียงของรอยซ์ก็ดังขึ้นจากด้านหลัง “มิคาสเจ้าโง่ ข้าจะฆ่าแกซะ!”
มิคาสไม่เสียเวลาพูดมาก ร่างของมันเคลื่อนไหวไปมาและวิ่งไปข้างหน้าดั่งลมหายไปตามประตูเมือง เดงคิที่เพิ่งเก็บสร้อยข้อมือมาก็เห็นร่างของรอยซ์ปรากฏตัวต่อหน้ามัน มันก็ตกใจมาก โชคดีที่รอยซ์พยายามตามจับมิคาสอยู่ มันจึงไม่ได้ "ใส่ใจ" กับตัวละครรองเช่นนี้ รอยซ์ขยับร่างกายไปเพียงเล็กน้อย จากนั้นร่างของมันก็ได้หายไปทันที
……
เวลาผ่านไปอีกสักพัก
รอยซ์ปรากฏตัวขึ้นอีกทีที่ประตูเมืองด้วยท่าทางที่ไม่พอใจ และยังมีบาดแผลเล็กน้อยบนร่างกายของมัน จากนั้นมันก็ได้หายตัวไปทันที
เดงคิรีบไปที่คฤหาสน์ของอลันและมอบสร้อยข้อมือมิติให้กับอลัน อลันเปิดขึ้นมาและเห็นอุปกรณ์เวทมนตร์มากมาย หลังจากฟังเรื่องราวของเดงคิแล้ว มันก็ได้สงสัยว่า: ไม่ใช่ว่ามิคาสไล่ตามเอกิลอยู่หรือไง? มันไปมีเรื่องกับรอยซ์ได้ยังไง? แล้วยังของที่ปล้นมาจากร้านเวทมนตร์อีก กระนั้นมิคาสก็ทำได้ดีมาก มีอุปกรณ์เวทย์มนตร์ราคาแพงคุณภาพดีกว่าสองชิ้นที่ไม่ได้มีวางขาย ตัวมันก็เฝ้ามองมาช้านานแล้ว คราวนี้มิคาสทำได้ดีจริงๆ ดูเหมือนว่ามันผู้นี้จะฉลาดพอควร จะว่าไปโจเซฟเองก็ไม่ได้อยู่ที่เมืองพระจันทร์ดับ มันจะแก้ปัญหาเรื่องนี้ยังไงดีนะ?
ในขณะนั้นเอง ก็ได้มีเสียงโลหะแปลกๆดังขึ้นจากทางเข้า “เจ้าคนจากตระกูลคารอน! ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้!”
จากนั้นก็ได้มีซัคคิวบัสเข้ามารายงานอย่างเร่งรีบ “แย่แล้วค่ะ! นายท่านอลัน อรัคและรอยซ์ได้ต่อสู้กันมาตลอดทางพร้อมกับศพของมิคาสค่ะ”
มิคาสตายแล้ว! ข่าวนี้ทำให้อลันตกใจมาก มันเริ่มคิดว่าเรื่องราวพลันแปลกไป แต่มันก็คิดไม่ออกเลย มันได้แต่ตีโต๊ะด้วยความโมโห“ให้ตายเถอะ ใครก็ได้ช่วยบอกข้าทีว่าเกิดอะไรขึ้นกัน?”
คืนนี้จากเป็นคืนอันสงบ ก็ได้กลับกลายเป็นคืนที่ไม่มีใครได้นอนหลับ
เช้าวันรุ่งขึ้น เมืองพระจันทร์ดับทั้งเมืองก็กำลังคุยกันอย่างกระตือรือร้นเกี่ยวกับเหตุการณ์ใหญ่ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
เมื่อเย็นวานนี้ เหตุการณ์ที่น่าตกใจได้เกิดขึ้นที่สนามประลอง หมายเลข 64 เอกิล ผู้ที่เอาชนะเรก้า และเปิดเผยต่อสาธารณชนถึงการกระทำอันน่าเกลียดของการโกงระหว่างเจ้าหน้าที่อลันกับเบอร์ล็อค เรก้า ผลก็คือเรก้าได้ถูกสังหารโดยอรัค ซึ่งเป็นเจ้าของสนามประลอง จากนั้นอรัคก็ได้ประกาศข่าวที่น่าประหลาดใจว่า เอกิลจะต้องประลองกับอรัค ในเดือนหน้า
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความตกใจ เมื่อเอกิลออกจากสนามประลองไป มันก็ถูกอลันตอบโต้โดยการสั่งให้มิคาสไล่ตามไป ในเวลานั้น เจ้าหน้าที่ทางการเงิน ผู้ใต้บังคับบัญชาของโจเซฟ ก็เผอิญเผลอชนพวกเขาเข้าให้ ในฐานะเพื่อนที่ดีของเขา อรัคก็ได้ประกาศคำท้าทายต่อหน้าสาธารณชนไปแล้ว ซึ่งรอยซ์ก็เตือนให้มิคาสไม่ให้สังหารเอกิล
ไม่มีใครคิดเลยว่ารอยซ์จะใช้เพลิงของมันอันมีพิษใส่รอยซ์ ในตอนนั้นเอกิลก็ได้ฉวยโอกาสหลบหนี มิคาสจับเอกิลไม่ได้ก็บันดาลความโกรธใส่ร้านของรอยซ์ มันเข้าทำลายร้านขายเวทมนตร์และขโมยทุกอย่าง รอยซ์ผู้โกรธแค้นก็ไม่สนเรื่องพิษแล้ว มันไล่ตามมิคาสไปตลอดทางจนฆ่ามิคาสลงได้ นอกจากนี้ ตอนที่มิคาสได้ไปที่ประตูเมือง มันก็ได้ส่งสร้อยข้อมือมิติอันมีสมบัติทั้งหมดที่ปล้นมาจากร้านค้าเวทมนตร์ไปยังอลัน ผ่านมือของเดงคิ สิ่งนี้สามารถพิสูจน์ได้โดยสายตาของทหารรักษาการณ์ทั้งหมด
รอยซ์เองก็ได้ไปวางยาอรัค พวกมันแบกศพของมิคาสมาด้วย และพุ่งไปยังคฤหาสน์ของอลัน โดยทำร้ายมารตามทางไปอย่างมากมาย แม้แต่มารระดับสูงสุดที่ทรงพลังอย่าง ซาราโด แห่งตระกูลคารอนยังต้องตื่นตระหนก ซาราโดและอรัคได้ต่อสู้กันดุเดือดมาก จนทั้งคู่มีบาดแผลอย่างหนัก รอยซ์และอรัคได้กลับไปที่สังเวียนเพื่อพักฟื้น ในขณะที่ซาราโดได้ดึงร่างของมิคัสมาได้ ตอนนี้ความสัมพันธ์ของพวกมันเรียกว่าขาดผึงแล้วจะดีกว่า
เมื่อมิคาสได้ทำลายร้านค้าเวทมนตร์เมื่อคืนนี้ หากไม่ใช่เพราะรอยซ์มาได้ทันเวลา ลิชอย่างกรูจิสคงจะตายไปแล้ว ผู้อยู่อาศัยหลายคนในบริเวณใกล้เคียงนั้นก็ยังได้ยินเสียงแห่งการทำลายล้างและเสียงคำรามอย่างรุนแรงของรอยซ์ดังมาก หลายคนสามารถบรรยายสถานการณ์ในเวลานั้นได้อย่างชัดเจน บางคนอธิบายได้ราวกับว่าพวกเขาได้เห็นการต่อสู้ระหว่างมิคาสกับรอยซ์ ในการต่อสู้ของซาราโดและอรัคยิ่งมีพยานรู้เห็นมากมาย อีกทั้งร่องรอยการต่อสู้ยังมีอยู่รอบคฤหาสน์ของเจ้าหน้าที่อลัน
กองกำลังที่ใหญ่ที่สุดในเมืองทั้งสองฝ่ายอาจได้ปะทะกัน ดูเหมือนสงครามมีโอกาสเกิดขึ้นทุกเมื่อ ในฐานะเจ้าแห่งเมืองพระจันทร์ดับ เจ้าหญิงเชียไม่อาจนั่งเฉยๆรอให้เรื่องผ่านไปได้ นางได้ให้เกาส์เป็นคนไกล่เกลี่ยเรื่องราวนี้ เพื่อที่จะไม่ให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่โต
อันที่จริง คนที่มีความสุขมากที่สุดคือฝ่ายที่ไปไกล่เกลี่ย เมื่อผู้เฒ่าเกาส์ผู้น่ารังเกียจพยายาม“ไกล่เกลี่ย” มันก็ได้ใช้คำบางคำอย่างเหมาะสมในการพูดคุย ซึ่งจริงๆแล้วมันกำลังยั่วยุอยู่
เฉินรุยที่ยุ่งมาตลอดทั้งคืนก็ไม่ได้กลับไปยังห้องทดลอง แต่เขาได้มาที่ห้องโถงของพระราชวังแทน
“เฉินรุย?” เชียไม่ได้เจอเขามาเป็นเดือนแล้ว ในดวงตาของนางมีความสุขปรากฏในแววตา นางพยักหน้าและก็ได้พูดไปว่า “เจ้ามาสักที เมื่อคืนเจ้าได้ยินเรื่องราวเหตุการณ์ใหญ่หรือเปล่า? ราวกับโอกาสที่พระเจ้าทรงประทานให้!”
“ทำไมเจ้าหญิงถึงเชื่อในโอกาสที่มาจากสวรรค์ด้วยงั้นเหรอ? ข้าเพียงแค่คิดว่าเรื่องนี้มีโอกาสเป็นไปได้ว่ามีใครบางคนทำอะไรสักอย่าง แม้แต่เทพีแห่งโชคชะตายังต้องยิ้มให้กับผู้พยายามเลย” เฉินรุยยิ้มเล็กน้อย “วันนี้ที่ข้ามาที่นี่เพื่อรายงานเรื่องสำคัญสองเรื่องต่อเจ้าหญิง”
เชียเป็นคนฉลาดจริงๆ นางเข้าใจความหมายเบื้องหลังคำพูดของเฉินรุยเล็กน้อย ความขัดแย้งอย่างกะทันหันระหว่างอลันและโจเซฟต่างต้องมีเรื่องราวภายใน ดวงตาของนางมีประกายแปลกๆ เพราะนางได้นึกถึงแผนของเฉินรุยที่“ปล่อยให้พวกมันต่อสู้กันเอง” พอเป็นแบบนั้นนางก็ได้คิดขึ้นมาได้ “พูดมาได้”
เฉินรุยดูจริงจังมาก “เจ้าหญิงเชีย ได้โปรดยกโทษให้ข้าที่ถามคำถามหยาบคายด้วย ท่านเต็มใจจะเชื่อเรื่องราวที่ข้าจะกล่าวต่อจากนี้หรือเปล่า?”
“เจ้านั้นได้รับความไว้วางใจจากข้าเต็มเปี่ยมอยู่แล้ว” เชียขมวดคิ้วเล็กน้อย“มีอะไรอยากจะพูดงั้นสินะ”
“ใช่แล้ว” เฉินรุยพยักหน้า “ข้าอยากจะแนะนำใครสักคนให้ท่านรู้จัก เขาอาจไม่ได้มาพบกันท่าน แต่โปรดเชื่อใจเขาเท่าที่ท่านเชื่อใจข้า”
"ใครเหรอ?"
“ก็ตัวเอกตัวจริงของเหตุการณ์เมื่อคืนไงขอรับ เอกิล!”
ตัวเอกตัวจริงเสียงจริง! เชียตกใจสุดขีด สาเหตุของเหตุการณ์เมื่อวานนี้เป็นเพราะหมายเลข 64 เอกิล ผู้เปิดเผยแผนสกปรกของอลันที่สนามประลอง แต่ต่อมาก็ได้พัฒนาระดับในการต่อสู้ จนได้ทำให้เกิดการปะทะกันของสองกองกำลังใหญ่ หากไม่มีเหตุการณ์เหล่านี้ เอกิลที่จะต้องประลองกับอรัคได้หนึ่งเดือนหน้าก็ดูจะกลายเป็นจุดสนใจของประชากรในเมืองพระจันทร์ดับไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เอกิลเป็นเพียงตัวตนเล็กๆในเหตุการณ์ใหญ่ในตอนนี้
จากน้ำเสียงของเฉินรุย เอกิลคือบุคคลสำคัญตัวจริงใน "เหตุการณ์" เมื่อคืน! แทบทุกคนต่างมองข้ามสิ่งนั้นไป!
“ตราบใดที่เจ้าหญิงรอยัลเข้าใจเรื่องนี้ก็ไม่เป็นไร ส่วนเรื่องที่สองคือตัวตนของเอกิล ท่านหญิงอาจรู้อยู่แล้วว่าแก๊งค์เสื้อคลุมได้เข้ามาแทนที่ซิลวา อีกทั้งมันยังได้ค้นพบบางอย่างที่เกี่ยวกับดินแดนลาวาสีคราม ข้าหวังว่าท่านหญิงเชียจะไม่เป็นอะไร หากได้ฟังเรื่องราวที่ข้ากำลังจะเล่า”
ดินแดนลาวาสีครามงั้นรึ? เชียอยากรู้อยากเห็นพอควร เมื่อนางได้ยินเฉินรุยบอกว่าซิลวาได้ลักลอบส่งมารไปยังดินแดนลาวาสีคราม และพอนางได้เห็นตราผ่านทางของพวกโจร นางก็ลุกขึ้นยืนทันที ความโกรธเกรี้ยวที่ไม่สามารถควบคุมได้ปรากฏขึ้นผ่านแววตาของนาง “จ้าวลาวาสีคราม ทีตอน เคยโกรธจ้าวพระอาทิตย์เที่ยงคืนและพวกมันก็เกือบจะถูกตัดขาดจากตระกูลไปแล้ว โชคดีที่พ่อของข้า กริมม์ ขอร้อง ไม่อย่างนั้นพวกมันคงไม่ได้ถูกละเว้นโทษ หลังจากพ่อของข้าเสียชีวิตไป มันก็แสดงท่าทีว่าสนับสนุนข้ามากกว่าครั้งหนึ่ง ข้าไม่คิดเลยว่ามันจะหักหลังข้าด้วยการทำธุรกิจแสนเลวร้ายเบื้องหลัง!”
“เจ้าหญิงเชียโปรดระงับอารมณ์ก่อน!” เฉินรุยยืนขึ้นและกล่าวด้วยความเคารพไปว่า “ตอนนี้เมืองพระจันทร์ดับอยู่ในสถานการณ์เลวร้าย ท่านไม่สามารถเคลื่อนไหวโดยประมาท เราต้องอดทน! ตอนนี้เนิ่นๆเราต้องรักษา” ความสัมพันธ์“กับลาวาสีครามและแก้ไขปัญหาอาหารที่สำคัญที่สุดโดยเร็ว ส่วนโจรที่อยู่ทางใต้ เราสามารถทำลายล้างมันได้ในเวลาอันสมควร…”
เฉินรุยเหลือบมองเชียที่ค่อยๆสงบลงและก็ได้โยนตราไว้ในมือ“สิ่งนี้น่าจะมีประโยชน์เมื่อถึงเวลา”
เชียพยักหน้าเล็กน้อยและถามกลับไปว่า “การทดสอบของปรมาจารย์เป็นอย่างไรบ้าง?”
“เสร็จไปแล้วครึ่งหนึ่งขอรับ แม้ว่าข้างหน้าจะยังมีอันตราย แต่ความคืบหน้าโดยทั่วไปยังราบรื่น การทดสอบจริงจะอยู่ในตอนท้าย ในตอนนี้ข้ายังสามารถพักผ่อนได้อีก 2 วัน” อาการบาดเจ็บที่หน้าอกขวาของเฉินรุยค่อนข้างร้ายแรง แม้ว่าเขาจะได้รับหยกไข่มุกและยารักษา แต่เมื่อคืนนี้เขานอนหลับเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ดังนั้นมันจึงยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่ด้วยความสามารถแฝง 'ร่างดวงดาว' อาการบาดเจ็บของเขาควรจะหายขาดในสองวัน
“อย่างไรก็ตาม ผงเวทมนตร์นี้มหัศจรรย์มาก ความสามารถของคนแคระหนุ่มก็ไม่เลวเช่นกัน หลังจากปรับปรุงดินที่มีคุณภาพไม่ดีด้วยผงวิเศษ มันก็สามารถปลูกพืชได้สำเร็จ ไม่เพียงแต่จะทำให้ระยะเวลาครบกำหนดสั้นลงหลายเท่า แต่การผลิตยังเพิ่มขึ้นอย่างมากอีกด้วย ข้าได้ให้เกาส์เลือกพื้นที่รกร้างห่างไกลที่ขอบ และเริ่มปลูกพืชในปริมาณมาก เมื่อประสบความสำเร็จ เมืองพระจันทร์ดับคงสามารถแก้ปัญหาใหญ่ที่สุดที่กินเวลานานนับพันปีได้ เราอาจเปลี่ยนจากที่ดินที่แห้งแล้งไปเป็นอู่ข้าวอู่น้ำที่ใหญ่ที่สุดของจักรวรรดิ เพียงแต่เรามีผงวิเศษไม่เพียงพอ เจ้าสามารถสร้างมันเพิ่มได้หรือเปล่า?”
"อย่างงั้นหรือ? ข้าน่ะได้เตรียมผงวิเศษจำนวนมากไว้แล้ว ประเดี๋๊ยวตัวข้าจะส่งมันไปยังพระราชวังในภายหลัง" เห็นได้ชัดว่าเฉินรุยภูมิใจในความสำเร็จของเขามาก
เมื่อเห็นเฉินรุยกำลังทดสอบมรดกปรมาจารย์อันแสนอันตราย แต่เขาก็ยังไม่ลืมที่จะ "ผลิต" ผงวิเศษอยู่ ดวงตาของเชียก็มองไปที่เขาด้วยความชื่นชม จากนั้นนางก็พูดว่า “อีกเรื่องคือแผนของเจ้าช่างยอดเยี่ยมมาก ธุรกิจของร้านค้าขายปลีกของอลิชนั้นน่าทึ่งมาก”ปริศนาแท่งไม้ได้ถูกขายไปที่ 50,000 เหรียญคริสตัลสีดําเลย!" หากเจ้าต้องการ เจ้าบอกข้าได้เลย เพราะครึ่งหนึ่งนั้นถือว่าเป็นเงินของเจ้าด้วยซ้ำ”
เฉินรุยส่ายหัวพร้อมกับกล่าวไปว่า “ไม่เป็นไร ข้ายังมีอยู่เพียงพอ เมืองพระจันทร์ดับตอนนี้ยังต้องการเงินใช้ในการพัฒนาอยู่ เจ้าหญิงเชียเชิญใช้เงินนั้นตามประสงค์เถิด”
นั่นเป็นความจริงมาก เพราะเงินที่ได้มาจากซิลวาเขายังไม่ได้ใช้เลย
เชียมองไปที่เฉินรุยโดยไม่พูดอะไรมากและพยักหน้าเบาๆ
“ครั้งนี้เอกิลได้ทำให้อลันขุ่นเคือง ข้ากำลังคิดว่าเจ้าหญิงเชียควรให้พื้นที่พักพิงที่เหมาะสมให้กับแก๊งค์เสื้อคลุมคงจะดี เพราะในอนาคต แก๊งค์เสื้อคลุมคงเป็นตัวหมากสำคัญ”
เชียครุ่นคิดสักพักและส่ายหัวอย่างแน่วแน่ “น่าเสียดายที่ข้าไม่อาจไว้ใจคนพวกนั้นได้”