ลูกเขยพ่อมารร้ายตอนที่ 68
บทที่ 68: ออร่าดาบและนกขมิ้น - รอยซ์
เคียวอันแหลมคมกำลังส่งเสียงหวีดหวิวไปยังเฉินรุยดั่งงูพิษและความเร็วนั้นเหนือจินตนาการ เฉินรุยตกใจและรีบหลบไปด้านข้างทันที อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะหลบโซ่ได้ แต่เสื้อคลุมของเขาก็ยังคงฉีกขาดอยู่และมีบาดแผลที่มีเลือดไหลผ่านปรากฏขึ้นที่แขนพร้อมกับความรู้สึกแสบร้อน
ก่อนที่เฉินรุยจะตอบสนองทัน โซ่ก็บินมาอีกครั้ง ความคมที่น่ากลัวนี้ได้ทำให้เฉินรุยไม่กล้าเผชิญหน้าโดยตรง เขาจึงพลิกตัวเพื่อหลบอีกครั้ง แน่นอนว่ามันเหมือนกับครั้งก่อน บาดแผลได้ปรากฏอีกรอย
มิคาสหมุนโซ่และหัวเราะเยาะ“ข้าลืมบอกไปว่าหน้าที่ที่แท้จริงของพรสวรรค์ด้านเปลวไฟของข้าคือเสริมพลัง แม้ว่ามันจะสัมผัสน้อยนิด แต่มันจะแผ่ขยายไป ครานี้เจ้าได้รับพิษจากโซ่เพลิงของข้าแล้ว ความแข็งแกร่งของเจ้าจะลดลงอย่างช้าๆและในท้ายที่สุด เจ้าก็จะตายเพราะพิษ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้นเจ้าจะต้องถูกหั่นเป็นหลายร้อยชิ้น!”
ก็ดี เพราะพิษสำหรับเฉินรุยนั้นเรียกได้ว่าไม่มีผลเลย โซ่นี้ได้ถูกเสริมพลังให้คมมาก ดังนั้นมันจึงมีพลังพิเศษบางอย่างอยู่ นอกจากพิษแล้ว ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นค่อนข้างน่าทึ่งมาก นอกจากนี้ความสามารถของมารระดับสูงสุดที่เชี่ยวชาญอาวุธยังทำให้ความเสียหายของโซ่มีพลังมากยิ่งขึ้น การโจมตีระยะไกลนี้ทำให้เฉินรุยไม่อาจเข้าไปใกล้ได้เลย
ตอนนี้ 'ยิงดวงดาว' ไม่สามารถใช้ได้อีกแล้ว ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกเลย ดังนั้นตัวเขาจึงได้แต่ต้องหลบใบมีดเท่านั้น
ใบมีดที่ติดกับโซ่นั้นได้รับผลจากเปลวเพลิงด้วย และมันราวกับว่าแผ่ขยายไปอย่างไม่สิ้นสุด บาดแผลบนร่างกายของเฉินรุยค่อยๆเพิ่มขึ้น แต่ต้องขอบคุณความสามารถอันทรงพลังของ 'ร่างดวงดาว' และ 'ซึมซับความเสียหาย' รวมถึงพลังการต่อสู้ของเขา จึงทำให้เขาไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
มิคาสโจมตีอย่างต่อเนื่อง แต่มันก็ยังไม่สามารถสังหารเอกิลลงไปได้ มันแอบขมวดคิ้ว: ตอนแรกมันต้องการยื้อเวลาและปล่อยให้พิษร้ายแรงของห่วงโซ่เผาไหม้ศัตรูของมัน แต่หลังจากผ่านไปนานแล้ว เอกิลก็ยังคงมีพลัง ราวกับไม่ได้รับผลจากพิษโดยสมบูรณ์ ดูเหมือนว่ามันต้องใช้การโจมตีไม้ตายเสียแล้ว
มิคาสมีประสบการณ์การต่อสู้ที่หลากหลาย มันจึงสามารถคาดการณ์จังหวะได้ มันคิดครู่หนึ่ง จากนั้นก็ได้ปรากฏอยู่ด้านหน้าของเฉินรุย เพลิงมารของมันก็ได้ประทุขึ้นมาในทันที พลังของมันได้เพิ่มขึ้นถึงขีดสุด ทันใดนั้นมันก็ได้ตะโกนออกมาว่า "ผลาญอสรพิษ"
ข้อได้เปรียบของโซ่คือระยะโจมตีที่ยาว แต่ตอนนี้มิคาสไม่สนเรื่องนี้แล้ว มันเลือกเข้าไปใกล้และใช้ท่าไม้ตายของมันทันที กว่าเฉินรุยจะตระหนักได้ถึงเรื่องนี้ อันตรายก็เข้ามาประจันหน้าเขาแล้ว ก่อนที่จะได้ทำอะไร โซ่ที่คล้ายอสรพิษยักษ์ก็กำลังอ้าปากจะขย้ำเขา นั่นมันภาพลวงตาเหรอ? หรือเวทมนตร์?
โซ่ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถวิเคราะห์อะไรได้
“อสรพิษ” จำนวนนับไม่ถ้วนกำลังกลืนเฉินรุ่ยลงไปทันที ร่างที่สวมเสื้อคลุมถูกเผาโดยอำนาจของเปลวเพลิงและได้แปรเปลี่ยนเป็นขี้เถ้า
พลังงานที่มิคาสได้ใช้โจมตีนั้นมากมายมหาศาล อย่างไรก็ตาม แม้มารผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้จะสามารถกำจัดศัตรูได้ แต่มันก็ไม่พอใจนักและได้แต่ขมวดคิ้ว เพราะศัตรูของมันยังคงอยู่ อีกฝ่ายในตอนนี้กำลังอยู่บนท้องฟ้าและเปลือยอยู่ด้วย นั่นคือเฉินรุ่ยที่รอดพ้นจากเพลิงอสรพิษ สิ่งเดียวที่ถูกไฟไหม้ในตอนนี้มีเพียงเสื้อคลุมเท่านั้น
มีบาดแผลบางจุดอยู่ตามร่างกายของเฉินรุย โชคดีที่เขาสามารถรอดผ่านช่องว่างหนีไปได้ แม้ว่าเขาจะพ้นขีดอันตราย แต่เขาก็ตกใจมากจนเหงื่อแตกพลักๆ การโจมตีของมิคาสไม่ใช่ภาพลวงตาอย่างแน่นอน เพราะจู่ๆโซ่ก็ได้ทวีคูณเป็นร้อย 'ร่างดวงดาว' และ 'ซึมซับความเสียหาย' อาจจะทรงพลัง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นอมตะ ถ้าเขาโดนโดยตรงจริง เขาตายแน่ๆ ไม่น่าแปลกใจที่มิคาสเคยพูดว่า“จะหั่นเจ้าเป็นหลายร้อยชิ้น” ดูเหมือนว่ามันจะมีท่าไม้ตายจริงๆ
มิคาสนั้นตอบสนองเร็วมาก ไฟมารของมันลุกโชน มันรีบรวบรวมพลังที่เหลืออยู่อย่างรวดเร็ว จากนั้นมันก็ได้ตะคอกพร้อมกับใช้ 'เพลิงอสรพิษ' อย่างเต็มกำลังใส่ร่างที่กำลังร่วงหล่นจากท้องฟ้า
เฉินรุยไม่มีทักษะในการเทเลพอร์ตหรือบินเลย และไม่มีที่ใดรองรับเขาไว้ด้วย เขาจึงไม่สามารถหลบได้แน่นอน เมื่อเผชิญหน้ากับอสรพิษหลายร้อยตัวที่ปลายเท้า สมองของเขาก็พลันสงบลงทันที จู่ๆมือของเขาก็ได้มีพลังแปลกๆเกิดขึ้น มันแปรเปลี่ยนเรืองแสงแผ่วเบาราวโลหะ
ในไม่ช้า ร่างที่กำลังร่วงหล่นของเฉินรุยก็ได้ปะทะกับอสรพิษที่ลุกไหม้หลายร้อยตัว "ตู๊ม!" แรงมหาศาลพุ่งออกมาจากใจกลางอสรพิษที่กำลังลุกไหม้และกระจายออกไปไกลกว่า 10 เมตร ลมได้พัดผ่านพื้นที่โดยรอบอย่างรุนแรง
ภายในควันนั้น สามารถมองเห็นอสรพิษหลายร้อยตัวที่ถูกหั่นได้อย่างชัดเจน เมื่อฝุ่นหายไป อสรพิษเพลิงก็ไม่ต่างกัน ภายใต้แสงจันทร์สีม่วงได้มีเงาสองเงาพาดเข้าหากัน คนหนึ่งคุกเข่าโดยขาข้างหนึ่งอยู่บนพื้นและอีกคนก็คุกเข่าคู่
คนที่คุกเข่าด้วยขาข้างเดียวคือเฉินรุย หลังของเขาถูกเคียวแหลมแทงทะลุไปที่หน้าอกขวาของเขา ปลายใบมีดมีเลือดหยดอยู่ตลอดเวลาและร่างกายที่เปลือยเปล่าของเขาถูกปกคลุมไปด้วยบาดแผลที่น่าสยดสยองหลายขนาด ราวกับว่าเขาถูกตัดด้วยมีดนับพัน อีกด้านหนึ่งของเคียวถูกจับไว้ในมือของมิคาสที่กำลังยืนอยู่
มารผู้ยิ่งใหญ่เหลือบมองไปที่โซ่ในมือของมันพร้อมกับมองอย่างไม่อยากจะเชื่อนัก ดูเหมือนว่ามันพยายามอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ปากที่อ้าออกของมันไม่สามารถส่งเสียงได้อีกต่อไป ไม่นานนัก โซ่แห่งความมืดก็แตกออกเป็นสองเส้นจากใจกลาง มันเรียบไปราวกับถูกหั่นด้วยใบมีดคม ในขณะเดียวกัน คิ้วของมิคาสก็ได้ถูกตัดออกเป็นรอยแผลยาวจนถึงศีรษะ และรอยแผลนั้นก็มีเลือดไหลออกเป็นจำนวนมาก ร่างของมันถูกแบ่งออกเป็นสองซีกและล้มลงไปกับพื้น
เฉินรุยเอื้อมมือซ้ายของเขาและจับเคียวที่ด้านหลังของเขาออก ในขณะที่เขาคว้ามันไว้แน่น ร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านอย่างเจ็บปวดและเขาก็ได้แต่กัดฟันแน่นอย่างอดทน มือซ้ายของเขาพยายามดึงส่วนคมที่เจาะเข้าไปในร่างกายของเขาออกมาอย่างแรง เลือดของเขากระเซ็นไปทั่ว ตัวเฉินรุยในตอนนี้ไม่อาจแม้แต่จะหายใจได้
การต่อสู้กับมิคาสครั้งนี้เป็นการต่อสู้ที่อันตรายที่สุดในชีวิตของเขา เมื่อเขาพุ่งเข้าสู่ระยะการโจมตีของ 'อสรพิษเพลิง' ในตอนนั้น แม้ว่าเขาจะอาศัยไหวพริบในการหลบหลีก แต่เขาก็ยังได้รับบาดแผลอีกนับไม่ถ้วน ถ้าไม่ใช่เพราะปฏิกิริยาโดยสัญชาตญาณของเขาที่เขาหลีกเลี่ยงการโจมตีที่รุนแรงของมิคาสได้ เขาก็คงจะเป็นคนที่ล้มลงกับพื้นในตอนนี้
'ดาบออร่า' ได้ฟาดฟันเข้าใส่มิคาสจนถึงแก่กรรม ความเสียหายของ 'ดาบออร่า' นั้นทรงพลังมากจนสามารถหั่นมิคาสออกเป็นสองท่อนได้ แม้ว่า 'ดาบออร่า' จะราคาเพียง 20 จุดในการใช้งาน แต่นั้นก็เป็นค่าที่ใช้เพิ่มเติม ซึ่งมันก็ใช้แค่พลังงานดวงดาวจริงๆ เขารับรู้ได้เลยว่า 'ยิงดวงดาว' นั้นใช้พลังงานน้อยกว่ามาก เพราะมันไม่ได้ถูกดึงออกมาใช้ในทันที
อาการบาดเจ็บของเฉินรุยครานี้ร้ายแรงมาก โดยเฉพาะหน้าอกด้านขวาของเขา ปอดของเขาถูกเจาะจนเลือดสาดกระเซ็นออกมาอย่างไม่หยุดพัก โชคดีที่เขามีความสามารถแฝงหลักสองอย่างทั้ง 'ร่างดวงดาว' และ 'ซึมซับความเสียหาย' ไม่อย่างนั้นเขาคงจะถูกหั่นออกเป็นสองชิ้นจาก 'อสรพิษเพลิง' ตอนนี้เขารีบแลกเปลี่ยนยารักษาและดื่มมันทันทีเพื่อให้เลือดแข็งตัว จากนั้นก็หยิบเสื้อคลุมตัวใหม่ออกมาสวม
นอกจากนี้ยังมีสร้อยข้อมือมิติบนข้อมือของศพของมิคาสอยู่ด้วย ข้างในควรจะมีอะไรดีๆอยู่แน่ ในขณะที่เฉินรุ่ยพยายามเก็บของจากศพ ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นและก็ได้หยิบหน้ากากออกมา เขารีบสวมใส่และพูดอย่างใจเย็น "ออกมาเถอะ มารระดับสูงสุดมักที่จะซ่อนตัวกันนักหรือไง?"
"โห้? เจ้ารู้ตัวตนข้าด้วยหรือ?" เสียงปรบมือสองสามครั้งได้ดังขึ้นจากด้านหลังของต้นไม้ใหญ่ “ต้องขอชมเชยว่าการต่อสู้ที่แสดงให้ข้าประจักษ์น่าตื่นเต้นมาก อีกทั้งเจ้ายังสามารถทลายการโจมตีของมิคาสอย่าง 'อสรพิษเพลิง' ได้อีก การที่เจ้าสังหารมิคาสได้ ชื่อเสียงของเจ้าในเมืองพระจันทร์ดับต้องมากมายแน่นอน …”
หลังจากที่เฉินรุยเข้าสู่สถานะมิชาร์ เขาก็ยังคงรู้สึกอ่อนล้าอยู่พอสมควร สาเหตุที่เขารู้ตัวว่ามีคนซุ่มอยู่ เพราะเขาใช้ 'ดวงตาวิเคราะห์' ในขณะที่อีกฝ่ายมาอยู่ใกล้ๆ
และด้วยสถานะมิชาร์ 'ดวงตาวิเคราะห์' จึงมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมสองเท่า แสดงได้แม้กระทั่งเผ่าพันธุ์ มารระดับสูงสุดผู้นี้แสดงให้เห็นเพียงแค่ความแข็งแกร่งระดับ D ส่วนข้อมูลอื่นยังไม่ทราบ
ชายคนนั้นค่อยๆโผล่ออกมาอย่างช้าๆ แท้จริงแล้วมันเป็นมารสูงสุดผู้ชาย เมื่อเฉินรุยเห็นท่าทางของอีกฝ่ายชัดเจน เขาก็ได้แต่ตกตะลึง แท้จริงแล้วมันคือ รอยซ์ หนึ่งในสามมารภายใต้อาณัติโจเซฟ!
ในขณะตั๊กแตนตำข้าวผู้นี้สะกดรอยตามจักจั่นอยู่ มันก็ไม่คิดเลยว่ามีนกขมิ้นตัวหนึ่งซ่อนตัวอยู่!
“ท่านรอยซ์ช่างสงบเงียบเสียจริง นี้ท่านเฝ้าดูอยู่ข้างๆเป็นเวลานานแล้วสินะ?” เฉินรุยคิดอย่างรวดเร็ว หากรอยซ์มาโผล่ที่นี้ แสดงว่ามันได้ตามเขามาตั้งแต่ออกจากสนามประลอง ตัวเฉินรุยได้ยอมเสี่ยงชีวิตทุ่มทุกอย่างในการจัดการมิคาส รอยซ์เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเขาหรือเปล่า?
ตามข้อมูลแล้ว รอยซ์เป็นมารที่มีทั้งความกล้าหาญและสติปัญญา มันค่อนข้างฉลาดมาก อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของมันในระดับมารของมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน บางทีมันอาจจะแข็งแกร่งที่สุดด้วยซ้ำ ตอนนี้เฉินรุยร่างกายอ่อนเพลียและบาดเจ็บสาหัสมาก ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถต่อสู้ได้อีกแล้ว
ประโยคต่อมาของรอยซ์เกือบทำให้เขาขนลุก “หึ้ม เจ้าช่างสงบสติได้มากกว่าที่ข้าคิดแฮะ ข้าชื่นชมเจ้ามากจริงๆ ข้าควรเรียกเจ้าว่าเด็กฝึกงานตัวน้อยดีไหม? หรือท่านเลขาล่ะ?”
ในที่สุดสิ่งที่เขากลัวก็เกิดขึ้นแล้ว รอยซ์คนนี้ค้นพบความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเฉินรุย!
“ข้าไม่เข้าใจว่าท่านกำลังพูดอะไรอยู่?” หัวใจของเฉินรุยกำลังสูบฉีดอย่างหนัก ตัวเขาเพิ่งนึกถึงทักษะหนึ่งที่เพิ่งจะได้รับมา ทันใดนั้นเขาก็มีความคิดบางอย่าง
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าใช้วิธีไหนในการเปลี่ยนกลิ่น ไม่เพียงแต่ความแข็งแกร่งของเจ้าจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่กลิ่นของมนุษย์ดั้งเดิมของเจ้าก็ได้หายไปด้วย” รอยซ์มองไปที่เฉินรุยด้วยความสนใจ “ถ้าฆ่าไม่เห็นเจ้าสังหารมิคาสด้วยตา ข้าแทบจะไม่เชื่อเลยว่ามนุษย์ที่ดูไร้พลังและขี้อายผู้นั้นจะซ่อนความแข็งแกร่งไว้ได้ขนาดนี้”
ในขณะที่มันพูด ตัวมันก็ได้ครุ่นคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “แสดงว่าในคราประลองเวหาครั้งก่อน การพ่ายแพ้ของอลันก็ไม่น่าใช่เรื่องแปลก เพราะเจ้าเองก็มีความสามารถในการฝึกสัตว์ร้ายด้วย…”
เฉินรุยแอบตกใจมาก ความฉลาดของรอยซ์ผู้นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ คนขี้อวดอย่างอรัคนั้นหาเปรียบไม่ได้อย่างแน่นอน เฉินรุยพูดตอบกลับไปทันทีว่า “ข้าไม่จำเป็นต้องอธิบาย หากอยากเห็นหน้าข้าก็ไม่เป็นไร อย่างไรก็ตาม เจ้าต้องยอมรับคำท้าทายของข้าดั่งที่อรัคท้าข้ามา”
"เอางั้นเหรอ? งั้นก็ช่วยตอบสนองความสงสัยของข้าด้วยล่ะกัน“รอยซ์จ้องไปที่ดวงตาหลังหน้ากากและพูดด้วยรอยยิ้ม” นอกจากนี้แล้ว ดูเหมือนเจ้าเองก็จะไม่มีทางเลือกอื่นด้วยสินะ”
เฉินรุยได้ใช้ทักษะที่ได้รับมาใหม่อย่าง 'อำพราง' ทันที จากนั้นเขาก็ได้ถอดหน้ากากและยกเสื้อคลุมศีรษะขึ้น รอยซ์มองและก็ได้แต่ขมวดคิ้ว มันผู้นี้เป็นใครไม่รู้ ใบหน้าเองก็ธรรมดามาก แค่ดวงตาก็ไมใช่แล้ว
รอยซ์พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มกลับไปว่า “เจ้า…เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลราชวงศ์งั้นหรือ? ท่าไม้ตายที่ฆ่ามิคาสในตอนนั้นคือความสามารถพิเศษใช่ไหม?”
เฉินรุยต้องการให้รอยซ์คิดไปทางอื่น ดังนั้นเขาจึงพยักหน้า ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงรอยซ์หัวเราะ “เจ้าคิดว่าข้าจะถูกหลอกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ? เจ้าสวมหน้ากากทุกครั้งที่ปรากฏตัวมา ดังนั้นเจ้าคงต้องต้องการปกปิดตัวตนที่แท้จริงของเจ้า สำหรับเจ้าแล้ว ใบหน้านี้ก็คงไม่ใช่ใบหน้าที่แท้จริงของเจ้าด้วยซ้ำ อีกทั้งตัวข้าเองก็ได้เห็นใบหน้าของเจ้าระหว่างต่อสู้แล้วด้วย! ข้าน่ะแตกต่างจากอรัค ตัวข้าไม่สนใจสิ่งที่เรียกว่าคำท้าทายเลยสักนิด”
หัวใจของเฉินรุยแทบตกลงไปยังตาตุ่ม ดูเหมือนว่ารอยซ์ไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่ายจริงๆ
แน่นอนว่าเสียงหัวเราะของมารระดับสูงสุดนั้นน่าขนลุกมาก “นอกจากนี้เจ้ายังดื่มยาดำในตอนแรกเสียดาย ข้าไม่ได้งี่เง่าเหมือนมิคาสที่ไม่ใช้สมอง นั่นหมายความว่าปรมาจารย์อัลดาสได้ก้าวไปสู่ระดับปรมาจารย์อย่างแท้จริงแล้วใช่ไหม? ความลับที่เจ้าซ่อนอยู่นั้นมีไม่น้อยเลย อันที่จริงแล้ว มันง่ายมากที่จะไขปริศนาเหล่านี้…ข้าเพียงแค่จับตัวเจ้าแล้วค่อยๆซักถามก็พอแล้ว”
เมื่อเสียงหัวเราะของมันหยุดลง ตัวมันก็ได้ปรากฏอยู่ด้านหน้าเฉินรุย นั่นไม่ใช่การเทเลพอร์ต แต่เป็นความเร็วของมันล้วนๆ ความเร็วนั้นเร็วกว่ามิคาสที่ใช้เพลิงมารอย่างน้อย 3 เท่า!